ความคิดเห็นที่ 1 หลักการทำงานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ หาไม่เจอจริงๆหรือ? จากคุณ : Autster เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:10:36

ความคิดเห็นที่ 2 จัดไปเบาะๆ http://www.rmutphysics.com/charud/specialnews/5/Fluorescence/fluorescence4.htm จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:19:56

ความคิดเห็นที่ 3 นึกว่าเป็นงานวิจัย ที่ใช้ไฟแรงดันสูง ทำให้หลอดหมดอายุ กลับมาใช้ได้ปกติอีกครั้ง จากคุณ : One X (stlive) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:22:27

ความคิดเห็นที่ 4 อยากรู้ว่า มัน แรงสูงยังไงอะ เข้าไปอ่านแล้วมันบอกว่า "ตัวนำไฟฟ้า ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านถึงกันระหว่างไส้หลอดทั้งสอง" แล้วจะรู้ได้ไงว่ามันแรงสูง พอดีพึ่งเริ่มเรียน เลย ไม่ค่อยเข้าใจ ขอบคุณครับ จากคุณ : หาไม่เจอ เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:26:19 A:223.205.237.115 X: TicketID:325176

ความคิดเห็นที่ 5 แกคงหมายถึงการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้าผ่านตัวลกลางซึ่งคือก๊าซอาร์กอนแรงดันต่ำที่บรรจุในหลอดไฟมั้งครับ จากคุณ : เก็นโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:33:28

ความคิดเห็นที่ 6 ผมคิดว่าอาจารย์ไม่ได้สื่อว่าในหลอดฟลูออเรสเซนต์เกิดไฟฟ้าแรงสูงหรอกมั้งครับ ไฟฟ้าแรงสูงคือไฟฟ้าที่มีแรงดัน 1000 volt ขึ้นไป ที่แกอยากจะสื่อน่าจะเป็นลักษณะที่คล้ายกันมากกว่า ปรากฏการณ์ไฟฟ้าแรงสูงเช่นฟ้าผ่า ประมาณว่ากระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางอื่นที่ไม่ใช่ลวดตัวนำมั้งงงงงงง จากคุณ : เก็นโนสุเกะ เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:43:49

ความคิดเห็นที่ 7 อยากรู้เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 55 22:45:58 จากคุณ : โซโซเมก (โซโซเมก) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:45:10

ความคิดเห็นที่ 8 อันนี้บรรยายตรงตามต้องการเป๊ะ http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/sudarat_n/sec04p04.html จากคุณ : nai_per เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 22:45:49

ความคิดเห็นที่ 9 ทำอย่างในรูปก็ได้ หรือจะเอาหลอดตะเกียบหรือหลอดประหยัดไฟ ที่เสียแล้ว เอาเข้าตู้ไมโครเวฟมันจะสว่างได้นะ จากคุณ : joe (aircraftdesigner) เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 23:39:04

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ พี่ๆทั้งหลาย ที่เข้ามาไข ข้อข้องใจ ไว้คราวหน้าจะมา รบกวนใหม่นะครับ (คาดว่าคงอีกหลายครั้ง ) จากคุณ : หาไม่เจอ เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 23:59:09 A:223.205.237.115 X: TicketID:325176

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบรูป คคห 9 จากคุณ : เชียงใหม่ใจดี เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 00:48:53

ความคิดเห็นที่ 12 ระบบจุดหลอดที่ใช้ starter และ ballast สตาร์ตเตอร์ (starter) ทำหน้าที่เป็นสวิตซ์อัตโนมัติในขณะหลอดฟลูออเรสเซนต์ยังไม่ติด และหยุดทำงานเมื่อหลอดติดแล้ว แบลลัสต์ (ballast) มีคุณสมบัติเป็น Inductor ทำหน้าที่เพิ่มความต่างศักย์ เพื่อให้หลอดฟลูออเรสเซนต์ติดในตอนแรก และทำให้กระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดไฟลดลงเมื่อหลอดติดแล้ว พร้อมทั้งควบคุมให้กระแสไฟฟ้าคงตัว จังหวะที่ Starter ตัดวงจร จะยังกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ballast อยู่ ทำให้เกิดไฟฟ้าแรงดันสูงคร่อมหลอด http://www.rmutphysics.com/charud/specialnews/5/Fluorescence/index.htm จากคุณ : Oldman (mrkae04) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 07:31:54

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องส่งไปเรียน วิชา อิลลูมิเนชั่นแล้วล่ะ เรียนทุกหลอดเลย จากคุณ : ฮานาก้า (aeengi) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:01:31

ความคิดเห็นที่ 14 คิดว่าน่าจะเป็นเรื่อง Corona Discharge ครับ ลองไปค้นคว้่าดู หรือ ดูเรื่อง พลาสม่า (Plasma) อีกเรื่องนะครับ จริงๆทั้งสองอย่างมันก็อยู่ในเรื่องเดียวกันครับ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 17:11:52 จากคุณ : Poonoi เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:59:59

ความคิดเห็นที่ 15 สนใจครับพี่ เรียน สาขาวิชาอะไรกันครับ เด็กน้อย จากคุณ : wooddy (woodus) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:37:42