 |
พยายามจะเรียบเรียงความคิดตัวเอง ว่าทำไมศาสนาถึงสำคัญ
ประมาณปีที่แล้วได้อ่านกระทู้หว้ากอกระทู้นึง
มีความเห็นนึง ตอบประโยคที่น่าสนใจมาก
เค้าบอกว่า
ปลาทองมันว่ายวนไปวนมาอยู่ในตู้ปลา มันไม่รู้ตัวหรอกว่าน้ำที่ตัวเองว่ายวนไปวนมานั้นมันคือในตู้ปลา
จนมีปลาทองตัวนึง มันกระโดดออกไปนอกตู้ปลา แล้วก็เห็นว่าเพื่อนปลาทองของเรา กำลังว่ายวนไปวนมาอยู่ในตู้ปลา
มันเลยตะโกนเข้าไปบอกเพื่อนว่า "เฮ้ยพวกนาย กำลังว่ายวนไปมาอยู่ในตู้ปลานะโว้ย มันไม่ใช่ทะเลหรือแม่น้ำกว้างใหญ่ อย่างที่พวกนายคิด"
ตอนอ่านเจอครั้งแรก ปิ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ต้องเล่าก่อนว่า น้องสาวมันทิ้งปลาทองตัวนึง ไว้ให้น้องอีกคนเลี้ยง เพราะตัวมันต้องไปอยู่เมืองนอก ทุกครั้งที่เห็นปลาทองตัวนั้น มันว่ายวนไปวนมาในตู้ปลาอันแสนแคบของมัน น้ำตามันพาลจะไหลทุกที เพราะสงสารมัน
แต่พออ่านความเห็นนี้เข้า ถึงกับปิ๊ง เฮ้ย เราไปคิดแทนปลาทองนี่หว่า ปลาทองมันคงไม่รู้ตัวหรอกว่ามันว่ายวนไปวนมาอยู่ในตู้ปลาน่ะ
แต่.. ยังไม่จบเท่านั้น
คำพูดที่ว่า ปลาทองตัวนึง ตะโกนเข้าไปบอกปลาทองที่อยู่ในตู้ว่า พวกมันกำลังว่ายอยู่ในตู้ปลา มันคือคำพูดที่แฝงนัยยะว่า
คนเรากำลังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏ (เหมือนกะบรรดาปลาทองในตู้พวกนั้น) แต่มีปลาตัวนึง ที่สามารถกระโดดออกไปนอกตู้ปลาได้ และเห็นว่า เพื่อนปลาทองของเรานั้น ว่ายวนไปวนมานี่หว่า ปลาทองตัวที่กระโดดออกไปนอกตู้ปลาได้ ก็เปรียบเหมือนพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ตรัสรู้ความจริงแท้ แล้วประกาศให้ปลาทองตัวอื่นๆ(ก็คือคนเรานั่นล่ะ) รู้ว่า เรากำลังเวียนว่ายตายเกิดอยู่นะ ยังว่ายวนไปวนมาอยู่
เนี่ยคือคำพูดจุดประกายที่ทำให้ศึกษาธรรมะให้ลึกซึ้งขึ้น ไม่ใช่แค่ศาสนาที่เขียนอยู่ตามหน้าบัตรประชาชนเท่านั้น
เริ่มจากอ่านแนวคิดของเซนก่อน อ่านแล้วชอบ ก็ต่อด้วยพุทธธรรมเลย เพราะอยากรู้จริงๆ ว่าอะไรอยู่ในพระไตรปิฎก และพุทธธรรมฉบับปรับปรุงและขยายความ ก็ขยายความให้คนที่ความรู้เรื่องศาสนาพุทธไม่ได้ลึกซึ้งอะไร เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ศาสนาไม่ได้มีแค่ต้องการแค่ให้คนเป็นคนดี ถ้าคุณต้องการให้สังคมสงบสุขและเรียบร้อย คุณไม่ต้องให้คนนับถือศาสนาหรอก คุณแค่ออกกฎหมายมาควบคุมประชาชนก็พอแล้ว
เพราะถ้าคนจะดีได้โดยไม่ต้องพึ่งศาสนา แค่มีกฎหมายก็พอ อันนี้ถูกต้อง
แต่ สิ่งที่คนเราไม่รู้ตัวว่าเรากำลังว่ายอยู่ในอ่างปลานั่นอ่ะ มันคือหัวใจของศาสนา มันคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าพบคำตอบจริงๆ ท่านจึงประกาศออกมา
ความสุขที่คนเราเสพกันอยู่ทุกวันนี้ มันคือกามสุข ความสุขอย่างหยาบ ลองตรึกตรองดูดีๆ วันนี้ชีวิตคุณมีความสุขดี ร่างกายแข็งแรง มีอาหารกินครบสมบูรณ์ทุกมื้อ มีคนรักที่เข้าใจกันดี คุณมีความสุขใช่มั๊ย
แต่ถ้าวันนึง คุณเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา เจ็บป่วยอย่างยาวนาน ระหว่างรักษาก็เจ็บตัว เหนื่อย เสียเงินทอง คุณเริ่มทุกข์แล้วใช่มั๊ย
เพราะคุณไม่เคยเตรียมตัวที่จะเจอความทุกข์ คุณก็ยิ่งทุกข์มาก ถูกมั๊ย
ซึ่งตรงนี้ สิ่งที่มาเติมเต็มคุณ คือศาสนา เพราะแค่กฎหมาย มันไม่ทำให้คุณพ้นจากความทุกข์แน่นอน
และสิ่งที่พระุพุทธเจ้า ประกาศให้สาวกรู้คืออะไร
ท่านพูดว่า ความจริงแท้ คือ โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แต่มนุษย์ก็ยังยึดความไม่แน่นอนนั้นเป็นสรณะ
มนุษย์ยึดทุกอย่าง
ทรัพย์สิน เงินทอง , คนรัก , อุดมการณ์ , ศักดิ์ศรี และ ฯลฯ อะไรที่นึกออก คุณกำลังยึดทุกอย่าง
ซึ่งทุกอย่างที่คุณกำลังยึดมันไว้ มันไม่จีรังยั่งยืน
พอมันเปลี่ยนแปลงไป มันหายไป มันตายไป คุณก็ทุกข์ คุณทุกข์ เพราะคุณยึด
พระพุทธเจ้าจึงบอกให้เราพยายามละมันซะ ละมันไป อย่าไปยึดติดกับมัน
ส่วนเรื่องการตักบาตร,ทำบุญ,สวดมนต์,นั่งสมาธิ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ เราว่ามันไม่สำคัญ เท่ากับคุณตระหนักว่า คุณกำลังยึดความไม่แน่นอนอยู่
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 20:32:31
จากคุณ |
:
=U_U= PoRpLe
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.ค. 55 20:28:46
|
|
|
|
 |