ความคิดเห็นที่ 1 จุดประสงค์หลักของ "เซฟตี้เบรกเกอร์" พวกนั้นคือใช้เพื่อความปลอดภัยครับ  เพราะถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมามันจะได้ตัดไฟเพื่อป้องกันเครื่องพังหรือไฟฟ้าลัดวงจรครับ ป.ล. สงสัยมานานแล้ว!สรุปว่าคุณจขกท.เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงครับ  เพราะหลายปีก่อนเคยเห็นมีคนมาโพสในกระทู้มีทติ้งว่าเป็นผู้ชาย(ผมอาจจะจำผิด)  แต่เคยมีกระทู้ที่เพื่อนสมาชิกเอารูปผู้หญิง(ซึ่งบอกว่าเป็นคุณนู๋นัน)มาตัดต่อเล่น  แต่ถ้าไม่สะดวกจะตอบก็ไม่เป็นไรนะครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 07:40:43

ความคิดเห็นที่ 2 เครื่องแอร์กินไฟมากโดยฉะเพราะเวลาสต๊าดมอเตอร์คอมเพรสเซ่อเริ่มจะหมุน จึงต้องใช้สวิสตัวใหญ่ๆที่สามารถทนกระแสได้สูง ถ้ามอเตอร์เกิดไม่หมุนกระแสจะสูงมากๆจนสายไฟใหม้ได้ เลยต้องใช้สวิสตัวที่สามารถตัดกระแสเกินได้ด้วย คือเซอกิจเบรกเก้อไง จากคุณ : joe (aircraftdesigner) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 08:54:35

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณทุกท่านค่ะ  แหม คุณเจได  บอกไม่ได้นา ไว้เจอกันใน meeting ดีก่านะ แต่เราก็ติดตามการตอบกระทู้ของคุณเจไดมานานเหมือนกันค่ะ  ชอบเพราะมีเอกลักษณ์ดีค่า จากคุณ : นู๋นัน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:06:20

ความคิดเห็นที่ 4 ผู้ชายที่พูด ค่ะ จากคุณ : siam2508 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 09:24:47

ความคิดเห็นที่ 5 ถึงเพื่อนสมาชิกaircraftdesigner     ผมว่าที่คุณจขกท.สงสัยน่าจะหมายถึง "เซฟตี้เบรกเกอร์" คือตัวที่คุมแอร์โดยตรงเพียงอย่างเดียวครับ  แต่เซอร์กิตเบรกเกอร์(ลูกเซอร์กิต)จะติดตั้งอยู่ใน "ตู้โหลด" เพื่อไว้คุมไฟในบริเวณต่างๆ  เช่นลูกเซอร์กิต1ตัวอาจจะคุมไฟในห้องนั่งเล่นซึ่งครอบคลุมถึงแอร์ แสงสว่างและปลั๊กต่างๆที่อยู่ในห้องนั้นทั้งหมดครับ  โดยตามปรกติแล้วในการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นหรือแอร์นั้นช่างไฟจะต้องต่อระบบไฟฟ้ามายัง "เซฟตี้เบรกเกอร์" ก่อนแล้วจึงต่อระบบไฟจากเซฟตี้เบรกเกอร์ไปยังลูกเซอร์กิตที่อยู่ในตู้โหลดอีกต่อนึง  ซึ่งในตู้โหลดนี้จะต้องต่อระบบไฟทั้งหมดเข้ากับ "เมนเบรกเกอร์" และ "เซฟทีคัท" ด้วยเพื่อเป็นการป้องกันอีกต่อหนึ่ง (ไม่นับสายดินซึ่งต้องมีอยู่แล้ว)       ดังนั้นเวลาเราจะให้ช่างมาเดินระบบไฟฟ้าภายในบ้านจึงต้องมีอุปกรณ์ต่างๆพวกนี้อย่างครบครัน  เพราะแม้แต่ "ระบบสายดิน" พวกช่างหัวเสบางคนก็ยังหาโอกาสมั่วกับเจ้าของบ้านได้  ช่างบางคนต่อปลั๊ก3ช่องไว้ก็จริงแต่ดันไม่ยอมเดินสายดิน (หลังๆคนนิยมเดินไฟแบบฝังหรือร้อยท่อกันจึงไม่ค่อยสังเกตุ)  ซึ่งกรณีแบบนี้มีบ่อยจนหลังๆการไฟฟ้าบางท้องที่จึงบังคับให้เจ้าของใช้สาย "VAF" ที่มีกราวด์อยู่ในตัวด้วยเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้เจ้าของบ้านอีก(แพงกว่าสายVAFแบบ2เส้น)  บางคนที่เจ้าของมาตรวจงานบ่อยๆอาจจะเดินสายดินมาที่ตู้โหลดก็จริงแต่มักง่ายไม่ยอมต่อระบบสายดินจากตู้ไปปักกับแท่งทองแดงนอกบ้านก็มี ป.ล. รูปซ้ายคือ "เซฟตี้เบรกเกอร์" ส่วนรูปขวาคือ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 10:15:24

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่าน จากคุณ : ย่าอ้วนแพน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 10:17:36

ความคิดเห็นที่ 7 ผมได้ไปมีทติ้งหว้ากอครั้งแรกที่ MK เอกมัยนะ เห็นผู้ชายคนนึงติดป้ายชื่อว่า นู๋นัน ด้วยแหละครับ แต่ไม่ได้เข้าไปคุยด้วยหรอกนะ ^^" จากคุณ : มดทอง เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 12:02:50

ความคิดเห็นที่ 8 ตาม#2 ครับ   หลักๆคือ แอร์มันใช้กระแสสูง ต้องใช้สวิตช์ที่ทนกระแสได้สูง ครับ   แต่เบรคเกอร์ มันสามารถตัดไฟเมื่อกระแสเกินได้  รองรับกระแสสูงๆได้  และเราสามารถโยกเปิด/ปิดได้แบบสวิตช์   เราเลยใช้เบรคเกอร์มาแทนสวิตช์เสียเลย  ประหยัดดีครับ ไม่งั้นต้องหาสวิตช์ตัวใหญ่ๆ + ฟิวส์มาต่อร่วมกัน  เปลืองหนักเข้าไปใหญ่ครับ   สวิตช์ตัวใหญ่ๆ ที่ทนกระแสสูงๆ มันก็ราคาใกล้ๆเบรคเกอร์ครับ  เลยไปใช้เบรคเกอร์ดีกว่า ส่วน เซฟตี้สวิตช์  กับ เซอร์กิตเบรคเกอร์   ต่างกันตรงที่ เซอร์กิตเบรคเกอร์ ทำหน้าที่เป็นสวิตช์ ที่สามารถตัดไฟเมื่อกระแสเกินได้ ส่วน เซฟตี้สวิตช์ หรือ เซฟตี้เบรคเกอร์  มันคือ เซอร์กิตเบรคเกอร์ ที่เพิ่มความสามารถในการตัดไฟเมื่อมีไฟฟ้ารั่วลงดินเข้าไปครับ จากคุณ : Mr. Tracker เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 12:37:05

ความคิดเห็นที่ 9 ใช้สวิชแบบหลอดไฟก็ได้  แล้วก็เอาไปควบคุมแมกเนติก อีกทีหนึ่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเราเปิดแอร์ที่รีโมท ดังนั้นใช้เบรคเกอร์นั่นดีแล้ว จากคุณ : หวังสี่ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:07:42

ความคิดเห็นที่ 10 #5 ผมเจอช่างคนเก่ามั่วกว่านั้นอีก กราวด์เดินทั้งบ้าน ไปที่ตู้Main วัด N-G= 0V ก็ยังว่าช่างเค้าทำระบบกราวด์ดี ที่ไหนได้ตรวจดูจริงๆ แอบเอา N-G ต่อกันไว้ไม่ได้ลงแท่งกราวด์จริงๆ  ระวังกันไว้ด้วยนะครับช่างเห็นแก่ตัวมีเยอะ ถ้าการไฟฟ้ามาตัดไฟเมื่อไหร่ เวลาต่อกลับระวังด้วยนะครับ ข่าวมีออกบ่อย แต่ถ้าลงดินไว้จริงๆก็หายห่วง จากคุณ : sanchai0045 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:28:25

ความคิดเห็นที่ 11 #9 ผมเห็นมีหลายที่นะครับ อย่างห้องเช่า หรือโรงแรม ถ้ามีตู้คอนซูเมอร์อยู่ในห้องมันจะแยกลูกเซอร์กิตที่คุมอุปกรณ์แต่ละตัวที่ใช้กระแสสูงๆอยู่แล้ว แล้วก็ใช้สวิทช์ในการเปิดปิดอีกตัวในตำแหน่งที่จะใช้งานเพื่อความสะดวกและสวยงามครับ พอเกิดลัดวงจรลูกเซอร์กิตในตู้คอนซูเมอร์ก็จะทิปเอง ... จากคุณ : sanchai0045 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:38:02

ความคิดเห็นที่ 12 นอกเรื่อง แอบเห็นเวลาเล่นเกมออนไลน์ มีคนใช้ชื่อ "นู๋นัน" ด้วยนะ จากคุณ : no_online เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 14:56:52

ความคิดเห็นที่ 13 #12   แต่ไม่ใช่นู๋นัน คนนี้นาา จากคุณ : นู๋นัน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 55 16:03:02

ความคิดเห็นที่ 14 circuit break บางตัวบางรุ่นบางยี่ห้อ มีอายุการใช้งานแค่ 3  หรือ 5 ปี ต้องเปลี่ยนครับ  ผมเคยเจอ ผมใช้เป็นตัวเปิดปิดแอร์ ที่กินกระแสมากหน่อย ผ่านไปปีที่ 5 ออกอาการทิป ครับ เปิดไป 20 นาที  breaker ทิป ครับ ถามช่าง ช่าง สามคน บรรยายสาเหตุไป หกอย่าง สุดท้ายไปถามหัวหน้าช่าง หัวหน้าบอกว่า หกอย่างที่ว่ามาไม่ใช่ ฟังธง ปัญหาแบบนี้อยู่ที่ breaker ถ้าเปลี่ยน แล้วให้ กระแสสูงไปอีกนิดหน่อย จะหายเอง ผมก็ทำตาม ผลคือ หายสนิทครับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 13:17:24

ความคิดเห็นที่ 15 พอจำได้ว่า นู๋นันตัวจริงเป็นผู้หญิง แต่บางครั้งแฟนมาเล่นใช้ไอดีเดียวกันครับ (ความจริงอันนี้อาจจะทำร้ายหัวใจใครบ้าง แต่ความจริงก็คือความจริงครับ) ถ้าจำผิดขออภัยด้วย จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 16:40:29

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆ ที่เห็นนั้นไม่ได้ติดตามเป้าหมายหลักหรือครับเพียงแต่บ้านเราส่วนใหญ่เมื่อก่อนไม่ได้ใช้ชุดเซอร์กิตเบรกเกอร์และไม่ได้ออกแบบไว้แต่ต้นเหมือนบ้านปัจจุบัน   ทำให้ต้องต่อตรงจาก main เบรกเกอร์ มาเหมือน เครื่องทำน้ำอุ่น ที่เดินสายตรงแยกมาทำให้ต้องมี เบรกเกอร์แยกติดไว้ตามขนาดที่จะใช้แต่ดันไปติดใกล้ๆair ทั้งๆที่ เบรกเกอร์ ควรอยู่ที่ตู้เมน เพราะต้องมี กราวด์ช่วยในการทำงานของเบรกเกอร์ให้สมบูรณ์ ( ถ้าเกิดสายที่มีไฟรั่วลงผนังairหรือผ่านตัวเราลงพื้นG เบรกเกอร์ ตัวหน้าair จะไม่ทำงาน) และเมื่อก่อนสวิทย์air อยู่ที่ตัวair ที่ออกแบบมาตั้งพื้นแต่เอาไปติดเพดานทำให้เปิดปิดยาก คนก็แลยทึกทักไปว่าเบรกเกอร์นั้นคือตัวปิดเปิดairไป ปัจจุบันฯ คนก็ใช้สวิทย์ air หรือ remote กันแล้ว จากคุณ : คออ่อน เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 55 13:27:56