ความคิดเห็นที่ 1 ทุนวิจัยน้อย งานวิจัยน้อย แน่เลยครับ จากคุณ : สะพานเหล็ก เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:21:13

ความคิดเห็นที่ 2 สงสัย เรียนจบแล้ว ไปอยู่เมืองนอกหมด จากคุณ : ป่อย เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:23:01 A:58.11.200.55 X: TicketID:365930

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ รศ. ผศ. ของเราเยอะอยู่นะฮะ ไม่รู้ทำไม ศ. ถึงไม่เยอะมั่ง จากคุณ : Thirdwave เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:24:23

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องถาม อ. jd300 รู้สึกำลังขออยู่มั้ง เห็นอ. แกบ่นว่าต้องมีคนประเมิณด้วย หากคนประเมิณไม่ชอบหน้าก็แห้ว ไป จากคุณ : พฤกษา เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:37:35 A:182.52.133.196 X: TicketID:365065

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนมากจะได้ "ผ"  แค่ ศ ยังครับ จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:45:12

ความคิดเห็นที่ 6 ตำแหน่งศาสตราจารย์ ต้องขอกันที่ สกอ. ผ่านคณรัฐมลตรี และโปรดเกล้าฯ ด้วยรึเปล่าครับ เลยทำให้มีน้อย แต่ตำแหน่ง ผศ. รศ.  มหาวิทยาลัยแต่งตั้งได้เอง จากคุณ : Mr.Ti เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:45:39

ความคิดเห็นที่ 7 #6 ต้องผ่าน สภา และได้รับการโปรดเกล้าทั้งหมดครับ จากคุณ : NIC เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:50:49 A:223.206.128.134 X: TicketID:349466

ความคิดเห็นที่ 8 ลองคิดกลับกัน ตำแหน่ง professor ที่เมืองนอกได้กันง่ายกว่าเมืองไทยหรือเปล่า นักวิจัยไทยที่มีผลงานตีพิมพ์เยอะๆ ก็ยังไม่ได้ ศ. นะ เคยเจอแต่ระดับ อธิการบดี ขึ้นไป จากคุณ : jaycee เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:52:50

ความคิดเห็นที่ 9 ยากมากครับ  มีหลายปัจจัย รวมถึงอำนาจเก่าๆด้วย จากคุณ : ปืนเถื่อน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 17:54:24

ความคิดเห็นที่ 10 เพราะตำแหน่ง ศ. มันผูกติดกับระบบเงินค่าตอบแทนด้วย ถ้ามีปล่อย ศ. ออกมาเยอะๆ งบค่าตอบแทน+ค่าตำแหน่งอีก งบประมาณที่จ่ายไปเท่าไร่ ตอนนี้มีงบให้เท่าไหร่ ต้องเก็บภาษีจากประชาชนเพิ่มเท่าไหร่ เพื่อมาจ่ายให้เพียงพอ คิดตั้งแต่ได้ตำแหน่ง จน เสียชีวิต เพราะเกษียณแล้วต้องจ่ายบำเหน็จบำนาญให้อีก ศ. เทียบเท่า C11 ปลัดกระทรวงเลยนะ อย่างปลัดกระทรวงจำเป็นต้องมี และมีได้คนเดียว เพราะเป็นหัวหน้าใหญ่ในการนำองค์การทั้งกระทรวงไปในทิศทางการบริหารราชการแผ่นดิน ตามนโยบายรัฐบาล เป็นหน้าที่ระดับชาติ แต่บางครั้ง ศ. บางท่าน เมื่อได้ตำแหน่งแล้วยังทำงานเสนอคุณแผ่นดินไม่เต็มที่  หรือยังมีงานวิจัยที่ช่วยแก้ปัญหาชาติไม่ได้เลย ศ. บางท่านมีความรู้ความสามารถได้ตำแหน่งมา ยังไม่กล้ามารับตำแหน่งบริหารเลย ทั้งที่ เมื่อตำแหน่งบริหารระดับต่างๆ เมื่อมี ศ. มาดำรงตำแหน่ง จะสร้างพลังอำนาจให้กับองค์กรมีชื่อเสียง มีหน้าตามีตา มากเพียงใด   การได้ ศ. มา 1 คน ก็จำเป็นต้องคัดกรองกันมากหน่อย เพราะอย่างน้อยก็แน่ใจว่า เมื่อท่านได้ตำแหน่งทางวิชาการ มาแล้ว ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์กับท่านมากมาย เงินทองไหลมาเทมาหลายหลายด้าน ท่านจะมีศักยภาพทำคุณประโยชน์ต่อชาติอย่างไร ให้คุ้มกับเงินงบประมาณที่ต้องนำมาจ่ายให้มาท่าน ประชาชนที่จ่ายภาษีผ่านรัฐให้ท่าน ท่านสามารถทำประโยชน์ให้สังคมได้อย่างไร ให้สังคมได้สงบสุข แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 18:35:54 จากคุณ : Mr.Review เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 18:05:51

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเห็นตัวเลขเทียบระหว่าง ทหารระดับนายพล กับ ศ.ในเมืองไทย ก็คงพอจะรู้ว่า เรื่องทางวิชาการของประเทศไทย...เป็นอย่างไร ประเทศไทยให้ความสำคัญเรื่องอะไร จากคุณ : Nolimitniramit เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 18:34:08

ความคิดเห็นที่ 12 แต่เห็นว่าเมืองไทยนายพลเยอะนะ จากคุณ : เทพสิงสู่ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 18:57:26 A:124.120.212.4 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 13 ผมคิดว่า ศ. กับ prof. ของต่างประเทศเทียบเท่ากันไม่ได้นะ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 19:05:21

ความคิดเห็นที่ 14 ศ. เทพกว่าใช่ไหมครับ จากคุณ : แน่ข้างเดียว เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 19:09:30

ความคิดเห็นที่ 15 ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2555) ประเทศไทยมีจำนวนผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ในสังกัด สกอ. รวมทั้งสิ้น 847 คน แบ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำ 639 คน ศาสตราจารย์พิเศษ 123 คน และศาสตราจารย์ญาณวิทย์ (ศาสตราจารย์ ระดับ 11 เดิม) 85 คน โดยจำแนกตามสังกัด ดังนี้[10] จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 206 คน มหาวิทยาลัยมหิดล 204 คน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 71 คน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 60 คน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 49 คน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 22 คน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 21 คน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 19 คน มหาวิทยาลัยศิลปากร 19 คน มหาวิทยาลัยรามคำแหง 16 คน มหาวิทยาลัยขอนแก่น 15 คน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 13 คน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 13 คน มหาวิทยาลัยนเรศวร 11 คน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 11 คน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 8 คน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 7 คน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 6 คน มหาวิทยาลัยบูรพา 6 คน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 6 คน มหาวิทยาลัยสยาม 5 คน วิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ 5 คน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร 4 คน มหาวิทยาลัยรังสิต 4 คน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 3 คน มหาวิทยาลัยคริสเตียน 3 คน มหาวิทยาลัยชินวัตร 3 คน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 3 คน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 3 คน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 3 คน มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น 3 คน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 3 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 3 คน มหาวิทยาลัยเกริก 2 คน มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต 2 คน มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น 2 คน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 2 คน มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2 คน สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ 2 คน มหาวิทยาลัยทักษิณ 1 คน มหาวิทยาลัยนครพนม 1 คน มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 คน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 1 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา 1 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 1 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 1 คน มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎ์ธานี 1 คน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 1 คน มหาวิทยาลัยศรีปทุม 1 คน มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ 1 คน วิทยาลัยนครราชสีมา 1 คน วิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ 1 คน วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย 1 คน สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น 1 คน จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 19:23:27

ความคิดเห็นที่ 16 #10 ผมว่าน่าเสียดายนะครับที่จะให้คนเป็น ศ ไปรับตำแหน่งบริหาร คนมีความรู้วิชาการสูงขนาดนั้น น่าจะให้เอาความรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ มากกว่าให้ไปนั่งตำแหน่งบริหาร แล้วไม่มีเวลาพัฒนาวิชาการของตัวเอง เพราะต้องเอาเวลาไปบริหารคน บริหารองค์กร ตอบสนองนโบบายเบื้องบน ความรู้ที่สู้อุตส่าห์ค้นคว้ามามากมายก็จะไม่ได้ใช้ ปล่อยขึ้นหิ้งฝุ่นจับ ก็จะเป็นได้แค่เครื่องประดับลายครามให้คนเขานับถือเท่านั้นเอง ส่วนงานบริหาร ก็อาจจะทำได้แค่ในระดับกลางๆ ตามประสาคนหัวดีคนหนึ่ง แต่ก็เทียบกับคนที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจริงๆไม่ได้ ภาษีประชาชนที่จ่ายเป็นค่าตำแหน่ง ศ ก็จะสูญเปล่า แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 19:50:10 จากคุณ : รอเธอโสด เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 19:31:13

ความคิดเห็นที่ 17 ตำแหน่งศาสตราจารย์นั้นจริงๆเทียบเท่ากับข้าราชการ C10 ครับ หรือจริงๆก็เท่ากับ อธิบดี อธิการ ซึ่งจริงๆแล้ว ศาสตราจารย์ในไทยมีเยอะครับ รายชื่อข้างบนเป็นเพียงผู้ดำรงค์ตำแหน่งปัจจุบันเท่านั้นครับ #11 12 ผมบอกไปหลายครั้งแล้วครับว่าจริงๆการกำหนดอัตราตำแหน่งนายพลเค้าอ้างอิงอัตรานาโต้ครับ อัตรา ตำแหน่งนายพลนั้น ไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่นเลย แต่ที่ทำให้เหมือนไทยมีนายพลมากนั้นเป็นเพราะ ระเบียบที่ จะเลื่อนยศให้ 1 ขั้นก่อนจะเกษียณครับ ทำให้ พ.อ.พิเศษเป็นนายพลในปีสุดท้ายแต่ทั้งนี้ไม่ได้มีอำนาจ หรือหน้าที่เลยครับ และการที่เห็นเหมือนจะนายพลเยอะเพราะท่านเหล่านั้นยังนิยมใช้ยศนำหน้าทั้งๆที่เกษียณไปแล้ว จึงเหมือนกับว่านายพลเยอะครับทั้งๆที่ ณ. ขณะใดขณะหนึ่งจริงๆนั้นไม่เยอะ รวมถึงการนิยมใช้ยศนำหน้าทางทหาร มากกว่าคำนำหน้าทางวิชาการ เราจึงเห็นยศทหารมาก แต่ความจริงบางครั้ง นาย ที่เราเห็นเดินๆชนกันหน่ะ อาจเป็น ศ. ก็ได้ ถ้ายังไม่เชื่อผมจะขอเทียบกับ เหล่าทอ.ที่ผมมีข้อมูลนะครับ ทอ. มีข้าราชการประจำ 45000 มีข้าราชการชั้นยศ จอมพล(มากกว่า C11 3 คน) พลอากาศเอก C11 ประมาณ 7-8 คน  และ พลอากาศโท C10 20-30 คน ลองมองกลับไปข้าราชการบางกระทรวง เช่น มหาดไทย ข้าราชการ 40000 ถึงแม้ว่าจะมี C11 เพียงคนเดียว (เพราะคนอื่นๆเข้าสำนักนายกหมด) แต่มี C10 ถึง 80-90 คน ทีนี้ลองไปเทียบกับอาจารย์ข้างบนดูนะครับ จะพบว่าเมื่อเทียบกับจำนวนข้าราชการที่สังกัด นายพลก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น จะอ้างอิงอะไรลองดูตัวเลขด้วย คุณเห็นว่านายพลเยอะ เพราะการเป็นนายพลมันเด่นยศมันเด็น เกษียณมามันก็ยังเป็นนายพล ต่างจาก ตำแหน่งอื่นๆ ที่เกษียณมาก็เป็นนาย ไปถามข้างบ้านคุณ อาจจะเป็น ผู้ว่า อาจจะเป็นศาสตราจารย์ก็ได้แต่คุณไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 20:03:35 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 19:41:32

ความคิดเห็นที่ 18 พลอากาศเอก ทำไมมีน้อยจัง จากคุณ : กอดลมไว้อย่าให้หงอย เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 20:03:08

ความคิดเห็นที่ 19 อัตราจอมพล ครองยศพลอากาศเอกครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป พลอากาศเอก ที่ยังคงตำแหน่งมีแค่นี้ครับ แต่ที่คุณดูว่าเยอะ เพราะคุณไปมองคนที่เค้าเกษียณไปแล้ว จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 20:04:48

ความคิดเห็นที่ 20 มองต่างมุมกับ คห 16 ครับ ส่วนตัวแล้วคิดว่าการให้ ศ. มารับตำแหน่งบริหาร เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานวิจัย เพราะคนเป็น ศ. จะต้องทำงานวิจัยมามากมาย มีประสบการณ์ในการบริหารงานวิจัยมาอย่างสูง จึงสามารถมองออกและตัดสินใจได้ว่า จะต้องจัดสรรกำลังคนและทรัพยากรภายในองค์กรอย่างไร จึงจะสามารถรองรับการทำงานวิจัยตามนโยบายและเป้าหมายขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด อย่างสมมติมีเงินงบประมาณสำหรับซื้อเครื่องมือวิจัยก้อนหนึ่ง แล้วมีลูกน้องเสนอเครื่องนั้นเครื่องนี้มาเต็มไปหมด ถ้าคนไม่เคยผ่านงานวิจัย ไม่รู้ว่าอะไรคือเครื่องมือวิจัยที่จำเป็นเร่งด่วนสำหรับรองรับงานวิจัยตามเป้าหมายขององค์กรในเวลานั้น ลงท้ายอาจจะเลือกเอาว่าขอให้ได้เครื่องมือมาเยอะ ๆ ไว้ก่อน แต่ไปตัดเครื่องที่จำเป็นจริง ๆ ออกจากรายการก็ได้ รวมถึงว่าเวลาไปของบประมาณจริง ๆ ถ้าไม่มีความรู้ความชำนาญเรื่องงานวิจัยในสาขานั้น เวลาโดนซักไปซักมาว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่ต้องซื้อ ถ้าตอบได้ไม่เคลียร์ก็อาจโดนคณะกรรมาธิการตัดงบทิ้งเอาดื้อ ๆ ได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องว่าเสียเวลาทำวิจัย ก็อาจจริงอยู่บ้าง แต่อันที่จริงการบริหารองค์กร ตัวผู้บริหารระดับสูงเองไม่ต้องลงรายละเอียดมากหรอกครับ หลัก ๆ จะเป็นการกำหนดกรอบแผนงานมากกว่า แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 23:41:35 จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 20:22:28

ความคิดเห็นที่ 21 คุณความคิดเห็นที่ 17 ครับ จำนวนนายพลที่คุณอ้าง ผมว่าห่างไกลความจริงนัก แค่ปี 2555 ครึ่งปีแรกก็ 127 คนแล้ว ยังมีครึ่งปีหลังอีก ส่วนปีที่แล้ว(2554)แต่งตั้งทั้งปี   584 คน ปี 2553 แต่งตั้ง 550 คน ลองตามข่าวย้อนหลังดูครับ อย่ามาแก้แทนกองทัพเลยครับ ดังนั้น นายพลทั้งประเทศที่ยังประจำการอยู่ไม่น่าจะต่ำกว่า 3,000 คน จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 22:07:38

ความคิดเห็นที่ 22 น่าจะมีเทคโนดลยี ดาวน์โหลด ความรู้   Backuย ข้อมูล Restore ข้อมูล  Transfer ข้อมูลบ้างนะ   จะไม่ง๊อ ศ. เลย ให้ตายสิ จากคุณ : Zaytsev เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 22:27:15

ความคิดเห็นที่ 23 คุณคห.21ครับ คห.17 จบมาจากเตรียมทหารและโรงเรียนนายเรืออากาศมา(ไม่แน่ใจว่าได้ทุนไปนอกด้วยหรือเปล่า)  ปัจจุบันก็รับราชการเป็นนายทหารในส่วนกองทัพอากาศ ดังนั้นข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ ผมก็เรียนมา นายพลไม่ได้เยอะอย่างที่คุณคิดหรอก เหตุผลก็อย่างที่คห.17กล่าวไปแล้ว และหลายๆท่านก็กล่าวไปหลายรอบหลายครั้งมากกกกกกกกกกกกกก ไปค้นดูกระทู้เก่ามีเป็นสิบ แต่ไม่รู้ว่าทำไมก็ยังมีการเหน็บแนมมาอยู่เรื่อยๆ ถ้าไม่รู้อะไรจริงก็ไม่ควรพูดให้คนเข้าใจผิด ส่วนที่คุณบอกว่านายพลที่ยังประจำการไม่น่าต่ำกว่า 3000 คุณเคยศึกษาโครงสร้างกองทัพดูหรือยังครับ? ----------------------- ส่วนเรื่องศ.ผมสงสัยและถามไปในกระทู้ที่คล้ายๆกันก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ได้คำตอบเหมือนกัน ขอพื้นที่ฝากถามในกระทู้นี้หน่อยครับ ว่าทำไมเมืองนอกบางประเทศศ.เป็นได้ตั้งแต่อายุน้อยๆครับ บางคนอายุ19ก็เป็นศ.แล้ว 20ต้นๆก็มีเยอะมาก จะว่าผลงานเยอะก็ไม่น่าใช่เพราะอายุแค่นี้ เค้าวัดที่ความสามารถอย่างเดียวเหรอครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 55 22:34:58 จากคุณ : THANODOM (THANODOM) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 22:30:33

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ ศาตรจารย์  ภาคการเมืองของเรา ได้ง่ายหน่อย แค่ออกมาโชว์ภูมิด่าฝั่งตรงข้าม แบบมั่วๆ อารมณ์สี ก็ได้เป็นแล้ว จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 22:51:16

ความคิดเห็นที่ 25 บางทีคำว่า Prof นั้นเราก็เรียกเขาเพื่อให้เกียรติเขาน่ะ  อาจจะไม่ได้หมายถึง ศาสตราจารย์ จริงๆก็ได้  เช่น วันนี้เราเชิญ professor มาจากญี่ปุ่น   คงไม่มีใครบอกว่า  เราเชิญ Assistant Professor มาจากญี่ปุ่น   ทั้งๆที่ prof คนนั้นอาจจะยังไม่ได้ ศ ก็ได้ จากคุณ : นู๋นัน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 22:58:31

ความคิดเห็นที่ 26 ใช่ๆ ของทหารจะมีให้เลื่อนยศขั้นนึงก่อน เกษียณ  บางทีก็ใ้ห้เลือก ว่าจะเอาเงิน หรือจะเอายศ กรณีที่ 17 พูดมานี่คือ พ่อของนู๋นันเลยค่ะ  เป็นพันเอกพิเศษ แล้วพอจะเกษียณ ก็เลยเอายศนายพล  แต่ก็ไม่ได้ประจำการแล้ว ไม่ได้แต่งเครื่องแบบด้วย อ้อ แต่งอยู่บ้างตอนไปรายงานตัวทุกปี  (ใช่ปะคะ) จากคุณ : นู๋นัน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 55 23:02:02

ความคิดเห็นที่ 27 #23 ครับกลับไปอ่าน ผมพูดถึงในส่วนทอ.เหล่าเดียวนะครับ แน่นอนว่าเหล่า ทบ.ที่ใหญ่กว่า 4-5 เท่า ย่อมมีนาย พลเยอะกว่า และที่สำคัญผมยังไม่ได้พูดถึงระดับพลตรีด้วย ไอที่แต่งตั้ง 500 ตำแหน่งหน่ะเป็นคำสั่งของทั้งกห.ครับ ซึ่งในนั้นเองเป็นพลตรีซะส่วนใหญ่ครับ และส่วนใหญ่จะเป็นพลตรีที่กำลังจะเกษียณ ซึ่งเค้าให้ยศเพื่อเป็นเกียรติ กับชีวิต แต่คนที่เป็นนายพลลักษณะนี้ แต่ไม่ได้เงินเดือนอัตรานายพล ตำแหน่งหรืออำนาจใดๆ เลยครับติดก่อนเกษียณเท่านั้น ผมจึงไม่อยากยกชั้นยศพลตรีมาเพราะมันไม่ได้บอกอะไรกับโครงสร้างจริงๆได้เลย ส่วนพลตรีที่มีอำนาจมีตำแหน่งจริงๆ ก็ไม่เยอะหรอกครับ อ่อ แล้วตำแหน่งนายพลหน่ะส่วนใหญ่ได้ติดไม่นานหรอกครับ หมุนเร็วมากต่อให้เป็นสายมีตำแหน่งก็เหอะ อย่างจก.ในกรมผม ส่วนใหญ่ได้ขึ้น คนละปีสองปีเท่านั้นแหละครับ แล้วก็เกษียณกันแล้ว อย่างไอคำสั่งที่คุณว่าแต่งตั้งนายพล 500 คนหน่ะ ประมาณ 70-80% เกษียณปีถัดไป เชื่อผมมั้ยหล่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 00:59:04 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 00:58:30 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 00:51:37 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 00:44:23

ความคิดเห็นที่ 28 ม. ผมอธิการ ก็ยังเป็น รองศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ อยู่เลย...... จากคุณ : Paultinus เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 01:53:44

ความคิดเห็นที่ 29 วิธีการยกตำแหน่ง ก็ต่างจากบ้านเราครับ เมืองนอกใครเก่งยกให้หมดเลย เค้ายอมรับกันที่ความสามารถเฉพาะตัวมากกว่าบ้านเรามากครับ จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 04:03:14

ความคิดเห็นที่ 30 มันเกี่ยวกับอายุงานของตำแหน่งด้วยครับ ผศ.-รศ.-ศ. มันมีกำหนดระยะเวลาอยู่ว่าต้องอยู่ในชั้นนั้นกี่ปีๆ กว่าจะได้เป็น ศาสตราจารย์ อายุก็ 50ปี+ ..ที่เห็นว่าน้อยที่จริงมันก็ไม่น้อย เพียงแต่บางคนที่อยู่ในตำแหน่ง ผศ.-รศ. แล้วออกมาทำงานเอกชน ตำแหน่ง ศ. ก็เลยขาดช่วงลง มีตำแหน่ง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ด้วยครับ พระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานโดยตรง แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 06:05:04 จากคุณ : ผมแอบชอบคุณ!! เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 06:04:46

ความคิดเห็นที่ 31 บางที ในแต่ละประเทศ คำว่า professor ก็มีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน เคยไป - จีน เอิ่ม มันเป็นศ.กันทั้งภาค จนสงสัยว่า เฮียจะอวยกันเองมากไปมั้ย... - ญี่ปุ่น บางแห่งมีเงื่อนไขว่า แต่ละภาคมีศ.ที่ยังไม่เกษียณได้คนเดียว หรือสองคน ไม่เกินนั้น จึงต้องเทพมากๆ - อเมริกา อยู่ตรงกลางระหว่างจีนกับญี่ปุ่น - อังกฤษ ไม่รู้ ไม่เคยไปได้นานพอจะสัมผัสเรื่องเหล่านี้ ของเราเป็นเงื่อนไขตามลำดับขั้น เช่น คุณจะขอ ผศ. ต้องมีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารระดับไหน กี่ฉบับ รวมกับงานสอน เท่าไหร่ก็ว่าไป - อันนี้ชิวๆ คุณจะขอ รศ. เงื่อนไขก็เยอะขึ้น - ระดับเหงื่อตกกีบ คุณจะขอ ศ. เงื่อนไขก็เยอะโคตะระ และยากโคตะระ งานวิจัยต้องอยู่ในระดับเมพขิงๆ เป็นแหล่งอ้างอิงในสามโลก หนังสือสอนเนื้อหาโดดเด้ง (และคณะกรรมการประเมินต้องชอบหน้าคุณพอสมควรด้วย...) - ระดับซุบเปอร์ไซย่าครับ จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 07:11:45

ความคิดเห็นที่ 32 #30 อายุไม่ต้องถึง 50 ก็เป็นได้ค่ะ  ถ้าจะเป็น ผศ ต้องเข้าทำงานมา 2 ปี ส่วน รศ ก็ 5 ปี  และ ศ คือ 7 ปี  จึงจะสามารถขอตำแหน่งนั้นๆ ได้ค่ะ อาจารย์บางคนได้ ศ ตั้งแต่อายุ 37  หรือ ต่ำกว่านี้ก็ยังเคยได้เห็นค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 55 08:23:40 จากคุณ : นู๋นัน เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 08:05:23

ความคิดเห็นที่ 33 update ล่าสุดให้  #15 จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 13:07:44

ความคิดเห็นที่ 34 ม.มหิดล  ศ.เยอะดีอ่า น่าส่งลูกไปเรียน จากคุณ : GOTIGER เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 55 14:39:03