ความคิดเห็นที่ 1 Hollywood !! จากคุณ : HerulayAMG เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 04:49:02

ความคิดเห็นที่ 2 สนใจรับสักเล่มมั้ยครับ จากคุณ : นายขนมหวาน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 05:02:27

ความคิดเห็นที่ 3 ขึ้นอยู่กับถ่านที่ใส่ครับ... จากคุณ : พิงค์วู เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 05:58:15

ความคิดเห็นที่ 4 เฮียจอร์จ ลูคัส แกบอกว่าให้ดาบเลเซอร์ยาวแค่นั้น ก็คือยาวแค่นั้นครับ คงไม่ยาวขนาดกระบองหงอคงหรอก จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 06:33:02

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อควรระวังในการซื้อหา  ก่อนจะซื้ออาวุธนี้ ควรเลือกแสงแบบ Daylight   เนื่องจากอาวุธชนิดนี้ เมื่อศัตตรูตายไปหมดแล้ว ยังสามารถนำมาเปิดแสงเวลากลางคืนแทนหลอดไฟเพื่อทำการบ้านได้ จากคุณ : Autha เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 06:43:50

ความคิดเห็นที่ 6 คือมันเป็นหนังแฟนตาซี... อ่ะนะ จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 06:46:30

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วแต่ขนาดของแต่ละบุคคล บ้างก็สั้น บ้างก็ยาว บ้างก็พอดีคำ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 07:04:27

ความคิดเห็นที่ 8 ยามที่คอนโดผมเค้าก็มีใช้ แต่ไม่ยาวเท่าไรน่ะ จากคุณ : Tears เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 07:09:56

ความคิดเห็นที่ 9 ด้ามจับไม่สามารถระบุได้ เพราะสภาเจไดเป็นผู้ผลิตผู้เดียว เพื่อป้องกันคนร้ายเอาไปใช้ ใช้พลังพลัก ใช้พลังควบคุมของได้ เรื่องใช้พลังควบคุมความยาวคงไม่ยากมั้งครับ แล้วถ้าควบคุมพลังได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนพลังเป็นเลเซอร์ที่หนาแน่นเหมือนของแข็ง มันหนังครับ... จากคุณ : gagigunggai เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 08:26:52

ความคิดเห็นที่ 10 มันไม่ใช่ดาบเลเซอร์ครับ เขาใช้คำว่าดาบแสง (Light Saber) ถ้าเอาตามทฤษฏี มันอาจะเป็นอนุภาคบางอย่างที่เรืองแสงได้ ซึ่งปล่อยออกมาจากด้ามก็ได้มั้ง ถ้าเอาตามหลักวิทยาศาสตร์จริงๆ เราสามารถเบี่ยงเบน และกักเก็บแสงไว้ในสนามแม่เหล็กแรงสูงได้ครับ จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 08:38:48 A:58.10.228.237 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 11 อีแบบนี้ผมก็มี พกติดตัวไปทุกที่ ใช้แบตสองลูก พอจะใช้มันจะพุ่งยาวออกมา แต่มันส่องแสงไม่ได้นะ~ 5555+ จากคุณ : เทาทองวอร์ริเออร์ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 08:39:34

ความคิดเห็นที่ 12 รอท่านเจไดหนุ่ม มาตอบ อาชีพหลักเลยนะนั่น จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 08:47:14

ความคิดเห็นที่ 13 เขาใช้ไม้แทนตัวดาบครับ แล้วมาทำเทคนิคให้เป็นแสงเรืองๆทีหลัง ความยาวดาบก็จำกัดโดยความยาวไม้ที่ใช้ประกอบการแสดงในตอนถ่ายทำ จากคุณ : สไปเดอร์แมน เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 08:47:36 A:110.168.68.27 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 14 สังเกตดีๆมันจะไม่เท่ากันทั้งลำแบบไม้พลอง คือมันจะเรียวลงเป็นปลายดาบครับ นั่นคือจุดที่ให้แสงไปจบกระมัง จากคุณ : กริธ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:28:45

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องดาบนี้ผมเคยกล่าวไปแล้วเมื่อสมัยก่อนครับ  จึงขอยกเอาเน้อหาที่ตนเองเคยตอบไว้มาลงอีกทีหนึ่งนะครับ *** ถ้าอิงตามเนื้อหาจากในซีรี่ยส์ "สตาร์วอส์" แล้ว  ดาบไลท์เซเบอร์เป็นอาวุธที่ใครๆก็สามารถเปิดใช้งานได้ครับ  เพียงแต่ถ้าผู้ถือนั้นไม่ได้เข้าถึงหลักของการใช้ "พลัง" แบบเดียวกับเจไดหรือซิธ  ก็มิอาจจะใช้ดาบไลท์เซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  อาทิเช่นไม่สามารถปัดป้องกระสุนลำแสงหรือใช้ดาบได้อย่างคล่องแคล่วแบบพวกเจไดครับ  แต่ในสมัยที่ "ลุค สกายวอคเกอร์" ก่อตั้งสภาเจไดขึ้นมาใหม่  ได้มีผู้คิดค้นไลท์เซเบอร์ซึ่งจะใช้ได้เ้ฉพาะผู้เข้าถึงพลังเท่าันั้นครับแต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:38:46

ความคิดเห็นที่ 16 ***  แลความจริงแล้วถ้าพูดถึงเรื่องดาบลำแสงของเหล่า "อัศวินเจได" นั้น  ด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์เราในปัจจุบันการจะสร้างอาวุธที่มีลำแสงเป็นเลเซอร์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถครับ  เพียงแต่มันจะมีปัญหาใหญ่อยู่ 4 ประการคือ "จุดกำเนิดแสง-จุดรับแสง"  "เทคโนโลยีการฟรีซลำแสง"  "แหล่งกำเนิดพลังงาน" และเรื่องของ "ความร้อน" ครับ (จุดกำเนิดแสง-จุดรับแสง) เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ยังแก้ไม่ไ่ด้ครับและมันจะเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของการ "ฟรีซหรือแช่แข็งลำแสง" ด้วย  กล่าวคือตามปรกติเวลาเรายิงลำแสงเลเซอร์ออกมานั้นลำแสงจะพุ่งออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดใช่มั๊ยครับ  แต่ใน "ลิเกอวกาศสตาร์วอส์" นั้นจะมีการใช้ "เทคโนโลยีฟรีซลำแสง"  กล่าวคือทำให้ลำแสงเมื่อปล่อยออกมาจากต้นกำเนิดแล้วสามารถหยุดอยู่ในระยะความยาวที่ต้องการแลกลายสภาพเป็นใบดาบเลเซอร์ได้   แต่ทว่าในปัจจุบันนี้เรายังไม่สามารถคิดค้นเทคโนโลยีดังกล่าวได้  จึงทำให้ถ้าคิดจะสร้างดาบไลท์เซเบอร์ขึ้นมาก็จำต้องออกแบบโครงสร้างของอุปกรณ์ในส่วนที่เป็นตัวรับลำแสงด้วย  นั่นจึงทำให้ลักษณะของตัวดาบที่ทำออกมาจะมีลักษณะคล้ายๆกับ "โดนัท" ที่สามารถมีทั้งจุดกำเนิดและจุดรับแสงได้ซึ่งดูอุบาทว์มากมายครับ -_-" ป.ล. สำหรับคำถามที่คุณจขกท.สงสัยนั้น  ในซีรี่ยส์สตาร์วอส์ "ไลท์เซเบอร์" จะมีปุ่มตรงด้ามที่ไว้ปรับลดขนาดของใบดาบได้ครับ  ซึ่งการปรับลดขนาดของใบดาบนั้นขึ้นอยู่กับผู้สร้างดาบครับ  เพราะเจไดบางคนก็ไม่นิยมชมชอบที่จะปรับลดขนาดของใบดาบ (แต่ดาร์ธเวเดอร์ใช้ระบบนี้) **โครงสร้างของ "ดาบไลท์เซเบอร์" ในมหากาพย์ลิเกอวกาศครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:47:39

ความคิดเห็นที่ 17 (แหล่งกำเนิดพลังงาน) แน่นอนว่าการจะสร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงมากขนาดนั้นได้ก็จำต้องมีอุปกรณ์ซึ่งสามารถให้กำเนิดพลังงานที่มากพอด้วย  โดยในปัจจุบันอุปกรณ์ที่สามารถสร้างลำแสงเลเซอร์ความร้อนสูงได้  ก็มักจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารแลไม่สามารถย่อส่วนจนนำมาใช้ทำเป็นดาบขนาดพกพาได้ครับ แลแม้แต่ในนิยายของสตาร์วอส์ช่วง "EP" ก็มีการกล่าวกันว่า  ในห้วงแรกที่อัศวินเจไดคิดค้นดาบไลท์เซเบอร์ขึ้นมานั้น  ก็ยังไม่สามารถสร้างอุปกรณ์ให้พลังงานที่มีขนาดเล็กพอครับ  ดังนั้นเจไดในยุคแรกๆจึงจำเป็นต้องพกพาเครื่องสร้างพลังงานที่มีขนาดคล้ายแบตเตอรี่ขนาดเล็กไว้ที่เอว  และต้องจั๊มพ์สายจากเครื่องมายังด้ามดาบทำให้มีความไม่สะดวกเวลาใช้งานเนื่องจากติดขัดเรื่องสายที่ห้อยอยู่และพลังงานที่มีจำกัดครับ **รูปของไลท์เซเบอร์ในยุคแรกๆจาก "มหากาพย์สตาร์วอส์" ที่ยังต้องพึ่งพาเครื่องสร้างพลังงาน(Power Cell)  โดยดาบแบบนี้จะถูกเรียกขานกันว่า "โปรโตไลท์เซเบอร์" ครับ  ส่วนพวก "ซิธ" นั้นในห้วงแรกๆก่อนจะเกิดสงคราม "Great Hyperspace War" จะไม่นิยมใช้ดาบแบบนี้  แต่จะใช้ดาบจริงๆซึ่งถูกตีขึ้นมาจาก "สินแร่แมนดาลอเรี่ยน" ที่สามารถทนทานต่อความร้อนของไลท์เซเบอร์ได้ครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:48:25

ความคิดเห็นที่ 18 (ความร้อน)   ถือเป็นปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งเลยครับเพราะต่อให้สามารถสร้างอุปกรณ์กำเนิดพลังงานขนาดเล็กขึ้นมาได้จริง  แต่ระหว่างที่กลไกทำงานก็ย่อมต้องมีความร้อนแผ่ออกมาจำนวนมาก  ทำให้การจะนำครื่องมือดังกล่าวมาใส่ในด้ามดาบนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย  เพราะมือของคนที่จับด้าบดามอาจจะไหม้เกรียมกลายเป็นเนื้อย่างซะก่อน  ดังนั้นปัญหาก็จะมีเพิ่มเข้ามาคือจะใช้วัสดุอะไรที่มีความทนทานและไม่นำพาความร้อนพอที่จะสามารถนำมาทำเป็นด้าบของดาบ  และสมมุติว่าสามารถหาวัสดุเช่นนั้นได้แล้วจะออกแบบเรื่องของระบบการระบายความร้อนเวลาทำงานอย่างไรไม่ให้เป็นปัญหากับผู้ใช้ดาบ   แลนี่ยังรวมถึงความร้อนที่ออกมาจากใบดาบเลเซอร์อีก  เพราะสมมุติว่าเราสามารถแก้ปัญหาต่างๆข้างต้นไปได้จนหมดแล้วแต่เวลาเปิดใช้ดาบเลเซอร์  ความร้อนจากเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นขนาดนั้นย่อมจะแผ่กระจายออกมาในบริเวณโดยรอบแลมีผลกระทบต่อวัตถุใกล้เคียง  ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ไ่ด้เลยที่เราจะสามารถถือดาบเลเซอร์ความร้อนสูงแบบนั้นกวัดแกว่งไปมาแบบดาบทั่วไปได้  เพราะเพียงแค่เปิดกลไกการทำงานปุ๊ปความร้อนของตัวดาบก็มากพอที่จำทำให้ผิวหนังบริเวณมือหรือร่างกายของผู้ที่ถือดาบไหม้เกรียมได้แล้วครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:48:57

ความคิดเห็นที่ 19 *** นั่นจึงเป็นคำตอบที่ว่าแม้เราจะสามารถสร้าง "ไลท์เซเบอร์" ขึ้นมาใช้ได้จริงๆ  แต่เวลาจะใช้งานก็จำต้องสวมเครื่องแต่งกายซึ่งสามารถป้องกันความร้อนที่แผ่ออกมาจากใบดาบเลเซอร์ได้  โดยเครื่องแต่งกายประเภทนั้นก็มักจะมีขนาดเทอะทะแลไม่สะดวกต่อการใช้ดาบแน่ๆ  ประกอบกับในยุคที่ "ปืน" ก้าวเข้ามามีมีบทบาทแทนดาบโดยสมบูรณ์แล้ว  การเอาเวลาไปพัฒนา "ปืนเลเซอร์" นั้นคงดูจะเข้าท่าและมีประโยชน์กว่าการมาคิดค้น "ไลท์เซเบอร์" แบบนี้เป็นแน่ ป.ล. ดังนั้นเราจึงอาจจะสรุปได้ว่าในที่สุดเทคโนโลยีของ "ดาบไลท์เซเบอร์" หรือ "ดาบลำแสง" ในภาพยนตร์สตาร์วอส์นั้น  สุดท้ายก็เป็นเพียงสิ่งที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นมาได้จริงด้วยเหตุผลตามที่ "เจไดหนุ่ม" ได้กล่าวไปข้างต้นนั่นเองครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:49:26

ความคิดเห็นที่ 20 ***  ขอแถมอีกอย่างหนึ่งที่มีคนสงสัยกันบ่อยคือเรื่อง "สี" ของไลท์เซเบอร์ครับ  โดยสีสันของดาบไลทเซเบอร์นั้นแตกต่างกันไปตามสีของ "คริสตัล" ที่เจไดผู้สร้างดาบนำมาบรรจุในดาบของตนเองครับ  โดยในช่วงยุค "The Old Republic" นั้นยังมีถ้ำคริสตัลกระจายตัวอยู่มากมายทั่วจักรวาล  ดังนั้นเหล่าเจไดจึงสามารถหาคริสตัลสีแปลกๆเช่นเหลือง ม่วง ส้ม ทอง ฯลฯ มาใส่ในไลท์เซเบอร์ของตน (ในยุคนั้นจะมีการใช้สีของใบดาบเพื่อจำแนกตำแหน่งหน้าที่ของเจไดด้วยครับ)    แต่ในช่วงยุค "เอพิโซด1-6" ถ้ำคริสตัลส่วนมากถูกทำลายหรือผุพังไปบรรดาเจไดจึงได้นิยมใช้คริสตัล "สีฟ้า" และ "เขียว" ซึ่งสามารถหาได้ง่ายกว่า  และจะไม่มีการบังคับว่าเจไดระดับไหนต้องใช้ไลท์เซเบอร์สีอะไรทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพอใจของเจไดผู้สร้างดาบ  เพียงแต่ที่เฮียมืด "เมซ วินดู" มีสีสันของดาบแปลกกว่าคนอื่น(สีม่วง)เพราะได้ไปปฏิบัติภารกิจที่ดาวดวงหนึ่งแล้วได้ "คริสตัลสีม่วง" ที่หายากมาครับ  ส่วนพวกซิธนั้นนิยมใช้ "คริสตัลสีแดง" ซึ่งเป็นคริสตัลที่สังเคราะห์ขึ้นมาครับ(ไม่ได้มีตามธรรมชาติ)  โดยสีแดงนี้กล่าวกันว่ามันจะให้พลังแสงมากกว่าสีอื่นแต่ไม่มีความเสถียรดังนั้นพวกเจไดจึงไม่นิยมใช้กัน ป.ล. แต่จริงๆแล้วเรื่องใบดาบสีม่วงของ "เมซ วินดู" คือ อีตา "ซามูแอล แจ็คสัน"(นักแสดง) แกไปขอกับ "จอร์จ ลูคัส" ตอนสร้างภาค "เอพพิโซด-2" ว่าอยากจะได้ดาบไลท์เซเบอร์ที่มันแจ่มกว่าคนอื่นได้มั๊ย  ลูคัสเลยจัด "สีม่วง" ให้กับตัวละคร "เมซ วินดู" ที่พี่มืดแกรับบทไปเลยครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:49:55

ความคิดเห็นที่ 21 หนๆก็ไหนๆแล้วขอแถมเรื่องสปีดเดอร์ที่เคยตอบเอาไว้เมื่อนานมาแล้วเพิ่มอีกเรื่องนะครับ  โดย "จักรยานอากาศ" หรือ "สปีดเดอร์" ในมหากาพย์ลิเกอวกาศ "Starwars" นั้นเราสามารถแบ่งคร่าวๆออกได้สองจำพวกดังนี้ครับ แบบแรกคือ "Land Speeder"    สปีดเดอร์แบบนี้เป็นผลพวงมาจากการคิดค้นแลพัฒนาปรับปรุงเจ้า "ฮาโนสปีดเดอร์" ซึ่งเป็นยานลอยได้ในระดับต่ำแลเอาไว้ใช้ในการแข่งขันประลองความเร็วที่ชื่อว่า "Swoop Racer" (การแข่งขันแบบนี้ "อนาคิน" ตอนเด็กเคยเข้าร่วมแข่งในภาค "เอพพิโซด1 ภัยซ่อนเร้น" ครับ)    โดย "แลนด์สปีดเดอร์" คันแรกๆนั้นถูกประดิษฐ์ขึ้นมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของสาธราณรัฐเก่านั่นก็คือประมาณ 4,000-5,000 ปีก่อนเหตุการณ์ในภาค "A New Hope"(ความหวังใหม่) แล้วครับ  ซึ่งจุดประสงค์ของมันก็เพื่อใช้สำหรับคนทั่วไปที่ต้องการเดินทางไปไหนมาไหนด้วยความรวดเร็ว(แนวเดียวกับรถยนต์)  และด้วยการใช้ "เครื่องกำเนิดพลังงานต้านแรงโน้มถ่วงในระดับต่ำ" (Repulsorlifts engine)  บวกกับการส่งกำลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนตร์ "เทอร์ไบน์เจ็ท"  จึงทำให้ยานแลนด์สปีดเดอร์สามารถลอยตัวอยู่เหนือพื้นผิวได้ประมาณ1-2เมตร  อีกทั้งผู้บังคับยังสามารถเร่งความเร็วไปด้านหน้าได้พร้อมกันด้วย  โดย "แลนด์สปีดเดอร์" ทั่วไปนั้นจะมีความยาวของลำตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ3-8เมตร  สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ1-2คน และมีอัตราเร่งสูงสุดอยู่ที่ 100-250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  ซึ่งบางรุ่นนั้นยังสามารถนำมาแก้ไขดัดแปลงเพื่อให้สามารถติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเข้าไปสำหรับไว้ใช้ในการทหารได้ด้วยครับ   ...รูปแลนด์สปีดเดอร์แบบต่างๆที่เห็นในภาพยนตร์ครับ... (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:50:19

ความคิดเห็นที่ 22 ***    โดยในจักรวาลสตาร์วอร์สนั้นจะมีผู้ผลิตแลบริษัทที่คิดค้น "แลนด์สปีดเดอร์" รุ่นใหม่ๆออกมาขายกันเป็นจำนวนมาก  แต่ที่โด่งดังที่สุดก็คงเป็นบริษัท "Sorosub Corporation" ซึ่งแอบทำการผลิตยุทธปัจจัยให้กองทัพหุ่นยนตร์ในสงครามโคลน      อีกทั้งเมื่อ "ซิธลอร์ดพัลพาทีน" ขึ้นครองอำนาจเป็นผู้นำของจักรวรรกิกาแล็คติก  บริษัทนี้ยังเล่นตนเป็นนกสองหัวด้วยการผลิตอาวุธยุทธภัณฑ์ป้อนให้ทั้งฝ่ายจักรวรรดิและฝ่ายกบฏไปพร้อมๆกันจนอิ่มหมีพลีมันสบายใจเฉิบไปเลย    ด้านล่างคือรูปภาพแสดงการขับขี่ "สปีดเดอร์" ติดอาวุธของทหารโคลนแห่งกองทัพสาธาราณรัฐในห้วงเวลาช่วงท้ายๆของสงครามโคลน  ซึ่งกองทัพสาธาราณรัฐเริ่มประจำการแลนด์สปีดเดอร์ติดอาวุธเป็นจำนวนมาก  เพื่อเอาไว้เป็นพาหนะของเหล่าเจไดแลทหารโคลนหน่วยต่างๆ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:50:46

ความคิดเห็นที่ 23 คราวนี้มาถึงแบบที่สอง "Air Speeder" ครับ    โดยเจ้า "แอร์สปีดเดอร์" รุ่นนี้จะมีหลักการทำงานเหมือน "แลนfNสปีดเดอร์" แทบทุกอย่าง  เพียงแต่จะมีการเพิ่มอัตรากำลังของ "ตัวต้านแรงโน้มถ่วง" แล "เครื่องยนต์เทอร์ไบน์เจ็ท" เข้าไป  จึงทำให้มันสามารถลอยตัวจากพื้นดินได้ในระดับที่สูงอย่างไม่มีขีดจำกัด  อีกทั้งในรุ่นที่ติด"ระบบปรับความดันสูญญากาศ" แล "ตัวส่งพลังบู๊ทเตอร์" แล้วล่ะก็  ผู้ขับขี่จะสามารถนำยานออกไปวิ่งฉิวที่นอกชั้นบรรยากาศเพื่อเดินทางไปมาระหว่างระบบดาวได้อีกด้วย    ซึ่งโดยปรกติแล้ว "แอร์สปีดเดอร์" หนึ่งลำจะต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานด้วยกันสามอย่างดังนี้ครับนั่นคือ "Speed Governor"(เครื่องควบคุมความเร็ว)  "Altitude Limiter"(อุปกรณ์วัดระยะความสูง)  รวมถึง "Pilot Droid"(หุ่นยนตร์ผู้ช่วย) ซึ่งเอาไว้ช่วยควบคุมแลดูแลซ่อมแซมระบบการทำงานของเครื่องครับ  แลจากการที่ผู้คนล้วนนิยมใช้ "แอร์สปีดเดอร์" กันมากจึงทำให้เกิดปัญหาการจราจรทางอากาศติดขัดในระบบดาวต่างๆทั่วกาแล็คซี่  อาทิเช่น คอรัสซังค์ นาชาดา ทาริส ซึ่งล้วนเป็นระบบดาวที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องอันทันสมัยแลสูงส่งเรียงรายกันเป็นตับๆ  ทางรัฐบาลของแต่ละดวงดาวจึงจำเป็นต้องจัดสรรเส้นทางจราจรทางอากาศขึ้นมาอย่างเข้มงวดหรือที่เรียกกันว่า "Sky Lanes" นั่นเองครับ ..รูป "แอร์สปีดเดอร์" แบบต่างๆที่พบเห็นได้ในจักรวาลสตาร์วอส์ครับ.. (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:51:14

ความคิดเห็นที่ 24 ***  ส่วนรูปนี้คือ "แอร์สปีดเดอร์" รุ่นที่เร็วที่สุดตั้งแต่มีการผลิตกันมาในจักรวาลสตาร์วอส์นั่นก็คือ "V -Wing" นั่นเองครับ  โดยมันเป็นยานรบที่ประจำการในกองกำลังของ "ฝ่ายสาธาราณรัฐใหม่" และถูกผลิตขึ้นมาในช่วง "The New Replubic" ครับ    ซึ่งยุค "The New Replubic" นี้เป็นห้วงเวลาหลังจากที่ "จักรวรรดิกาแล็คติก" ของ "ซิธลอร์ดพัลพาทีน" ล่มสลายลงแล้ว  และ "ลุค สกายวอคเกอร์" ได้เริ่มทำการจัดตั้ง "สภาเจได" ขึ้นมาใหม่  ก่อนจะสถาปนาตนเองเป็น "แกรนด์มาสเตอร์" ของเหล่าเจไดทั้งมวลครับ (ตำแหน่งเดียวกับโยดา) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:51:52

ความคิดเห็นที่ 25 ***  ส่วนอันนี้คือยาน "Jedi-Starfighter" ซึ่งเหล่าอัศวินเจไดในยุคก่อนและระหว่างสงครามโคลนนิยมใช้กัน  โดยมันสามารถเป็นได้ทั้งพาหนะเดินทางและยานรบชั้นดีในลำเดียวกันครับ  แต่ด้วยข้อจำกัดในขนาดที่เล็กกระทัดรัดของมันจึงทำให้เวลาเดินทางไปมาระหว่างกาแล็คซี่นั้น  เจ้ายานตัวนี้จำเป็นต้องใช้วงแหวน "Syluire-31 hyperspace docking ring" ควบคู่กัน  โดยเจ้าวงแหวนตัวนี้จะมีหน้าที่เอาไว้เป็นตัวส่งกำลัง "ไฮเปอร์ไดรฟท์" ซึ่งจำเป็นต่อการเดินทางผ่านไฮเปอร์สเปซด้วย  (มีตัวอย่างการใช้วงแหวนนี้ให้เห็นจากภาค "Attack of the Clone" ซึ่ง "โอบีวัน" ใช้เดินทางไปยังระบบดาวคามิโน่เพื่อตามหานักล่าเงินรางวัล "แจงโก้ เฟซ" ครับ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:52:17

ความคิดเห็นที่ 26 ***    ซึ่งเจ้ายาน "Jedi-Starfighter" รุ่นเดลต้า-7" นี้ก็นับเป็นแอร์สปีดเดอร์รุ่นหนึ่งเหมือนกันครับ  โดยในช่วงท้ายๆของสงครามโคลนทางสภาเจไดได้มีการอัพเกรดไปใช้รุ่น "อีต้า-2" ซึ่งกระทัดรัดแลคล่องตัวกว่าเดิมมาก (ลำที่โอบีวันกับอนาคินขับในตอนเริ่มต้นภาคเอพพิโซด3) **รูปโครงสร้างภายในโดยละเอียดของรุ่นเดลต้า-7ครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:52:46

ความคิดเห็นที่ 27 ส่วนอันนี้เป็นรูปโครงสร้างและสถาปัตยกรรมภายในของรุ่น "อีต้า-2" ครับ **จบแล้วครับ สวัสดี** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 09:53:21

ความคิดเห็นที่ 28 เจได มาตอบเองเลยทีเดียว จากคุณ : BlackTeaCat เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 10:28:22

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อเลยครับคุณเจได  มีเรื่องจักรวาลขยายด้วยยิ่งดี  หาอ่านยากมากก จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 10:36:44

ความคิดเห็นที่ 30 สนุกครับ จากคุณ : hehew เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 10:38:50

ความคิดเห็นที่ 31 ขาดไปเล่มหนึง รูปร่างไม่เหมือนใคร คล้ายด้ามดาบจีน dooku's lightsaber http://dougstaiskoolofficialwebsite.webs.com/apps/photos/photo?photoid=52891492 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 55 10:53:41 จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 10:52:03

ความคิดเห็นที่ 32 นานๆทีจะได้อ่านหลักการของอุปกรณ์ในสตาร์วอรส์ แต่ก็แฟนตาีซีจริงๆด้วย เอาหลักการมาโยนๆแล้วก็ยำๆเฉยๆ วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างอาวุธลักษณะนี้คือใช้พลาสม่า ไม่ใช่แสง แต่ก็ไม่รู้จะทำไปทำไมอีกแหละ... จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 12:35:40

ความคิดเห็นที่ 33 #11 จะให้ส่องแสงได้ ค้องใส่ปลอกเรืองแสง จากคุณ : อัศวินเจโด่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 12:42:57 A:58.9.53.146 X: TicketID:365239

ความคิดเห็นที่ 34 ใช้ Computer Graphic ครับ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำในยุคนั้นเลย จากคุณ : นายชอล เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 13:38:50

ความคิดเห็นที่ 35 จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 13:46:27

ความคิดเห็นที่ 36 ท่านเจไดมาตอบเองเลยทีเดียว เนื้อหาปึ้ก จากคุณ : Eternity13 เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 55 13:52:56

ความคิดเห็นที่ 37 ผมก็เข้าใจว่า คนต้องมีพลังงานจิตสูง ถึงจะควบคุมความร้อนจากดาบได้ จากคุณ : อยากรู้จึงถาม เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 55 12:31:42