ความคิดเห็นที่ 1 DAC แบบ Bit-stream ที่ใช้วงจร Zigma - Delta แปลงจาก PCM เป็น Bit-stream ก่อนทีจะประมวลผล ซึ่งจริงๆ แล้ว เราสามารถ ส่ง data แบบ Bit-stream ไปให้ DAC ประมวลผล ได้เลยเช่นกัน (DAC ที่ผมว่า อยู่ในสมัยราวๆ ปี 1995) พอ DAC สามารถ รับ Bit-stream Data ได้ สิ่งที่เกิดขึ้น จาก Bit-stream จริงๆ แล้ว มี หลายอย่างทีเดียว เช่น แนวคิดของแผ่น SACD ที่เก็บ Data เป็น แบบ Bit-stream ไม่ได้ใช้ PCM และการแปลง PCM เป็น Streme เพื่อ ลดรูปของ Data ใน File ตระกูล lossy ที่ดังๆและรู้จักกันดีคือ MPEG1 Layer 3, Dolby AC3, SDDS และ อื่นๆ สาระสำคัญของ File แบบ lossy ที่เป็นหัวใจของมันจริงๆ ก็คือ 1. Logic Gate ที่ใช้ในการ ลดรูปของ Data แบบ stream เช่น 0000000111100110000111111011111011101111111111 จะเห็นได้ว่า จริงๆแล้ว 0 คือ กราฟ ขาลง 1 คือ กราฟ ขาขึ้น ถ้า 0000000000000000000000000000010000000000000000 ไม่แตกต่าง ถ้าจะเก็บ Data เป็น 0000000000000000000000000000000000000000000000 เพราะในตัวเครื่องเสียงเอง นั้นมีความเพี้ยน ของเสียงอยู่แล้ว ดังนั้น Data จะหายไป ซัก 20 - 30% ทาง ทฤษฏี จะไม่มีผล กับการรับรู้ ยกเว้น คนที่สามารถ แยกเสียง เล็กๆ เบาๆ ในเสียงดังๆ ออก (และแน่นอนต้องตั้งใจฟังด้วย) 2. สามารถ รับ Streme ขนาด Data น้อยๆ ก็สามารถ ทำงานได้ เช่น อยากจะส่งแค่ 8000 bit/sec DAC ก็ทำงานได้ (โดย logic gate จะเติม bit ลงไปให้ครบ ก่อนที่ DAC จะทำงาน) เพียงแต่ เสียงที่ออกมา จะแค่พอฟังรู้เรื่อง เท่านั้น http://photo.lannaphotoclub.com/index.php?topic=26981.0;wap2 ข้อมูลนี้เชื่อถือได้หรือไม่ จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 16:44:13

ความคิดเห็นที่ 2 อ้าว!! จากคุณ : chan ty เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 17:01:27

ความคิดเห็นที่ 3 1. เครื่อบันทึกเสียง หรือเครื่องเล่นcd เครื่องที่เล่นไฟล์ดิจิตอล ทำไมต้องมีoversampling ไม่สามารถทำงานแบบnativeได้หรือ ด้วยสาเหตุใด - ไม่สามารถทำงานแบบ native ได้ครับ เพราะในการบันทึกเสียงจะต้องมีการแปลงข้อมูล analog ไปเป็น digital ซึ่งต้องใช้การ sampling อยู่แล้ว ตามภาพนี้ 2. ค่าที่ใช้ปรับ เช่น 24/96 ,24/92 ,24/192 ต่างกันอย่างไร - เลข 24 คือ resolution เป็น BITs น่ะครับ ส่วนเลข 96 92 192 คือค่า sampling rate หน่วยเป็น KHz ยิ่ง sampling rate สูง ตามทฤษฏีเสียงก็ยิ่งดีครับ 3. โครงสร้างไฟล์wav มีส่วนประกอบแบบไฟล์ภาพที่มีrgb หรือไม่ - ขออภัย ตรงนี้ผมไม่ทราบเลยครับ 4. clock มีเพื่อการใด ภาพวีดีโอไม่มี มีเฟรทเรทซึ่งมีความคลาดเคลื่อนอยู่ แต่ไม่มีการสุ่ม - clock ก็มีใว้เพื่อการ synchronize ในการแปลงกลับครับ ในกระบวนการ DAC จะต้องมี clock กำกับอยู่ทุก process ในภาพ Video ก็มีสัญญาณ Sync กำกับอยู่นะครับ มีค่าเท่ากับ clock นั่นเอง จากคุณ : Vladivostok เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 17:23:46

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับไฟล์เสียงแบบ PCM sampling rate คือจำนวน sample ที่เก็บใน 1 วินาที จะต้องมีอย่างน้อย ๆ 2 เท่าของความถี่ที่ต้องการจะบันทึก (CD sampling rate 44.1KHz ~ เสียง 22KHz) sampling ที่มากขึ้น ไม่ได้เอาไว้เก้บเสียงความถี่สูง ๆ แต่ทำให้รายละเอียดของเสียงในส่วนที่มนุษย์ได้ยินมีสูงขึ้น bit depth คือช่วงความดังเสียงที่สามารถบันทึกได้ (CD 16 bit ~ 96db, 24bit ~ 144db) ช่วงที่กว้างขึ้น ไม่ใช่ว่าเสียงจะดังขึ้น แต่ทำให้ noise floor ต่ำลงไป ส่วน bit-stream เป็นอีกแนวคิดไปเลย ข้อมูล PCM bit ปรกติจะเป็น 0 เสมอ และเมื่อสัญญาณมีการเปลี่ยนระหว่าง low ไป high หรือ high กลับมา low ตำแหน่งนั้นถึงจะเป็น 1 การมี clock กำกับ เพื่อให้สามารถใส่กรอบ sampling rate ในแต่ละเวลา เพื่อให้ได้ข้อมูลเต็ม block ของ bit depth จากคุณ : SRJ mk II เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 17:35:12

ความคิดเห็นที่ 5 เครื่อบันทึกเสียง หรือเครื่องเล่นcd เครื่องที่เล่นไฟล์ดิจิตอล ทำไมต้องมีoversampling ไม่สามารถทำงานแบบnativeได้หรือ ด้วยสาเหตุใด <<<<<  ทำได้นะ แต่รูปกราฟ output มันไม่สวย สู้ oversampling  ไม่ได้ โครงสร้างไฟล์wav มีส่วนประกอบแบบไฟล์ภาพที่มีrgb หรือไม่ <<<<<  ไม่มีอะครับ file wave เป็น raw data เลย ดึงออกมาเข้า A/D ได้เลย clock มีเพื่อการใด ภาพวีดีโอไม่มี มีเฟรทเรทซึ่งมีความคลาดเคลื่อนอยู่ แต่ไม่มีการสุ่ม <<<<<  ภาพวีดีโอมี refresh rate / frame rate นะครับ <<<<<  ระบบ digital video กับ analog video มัน  ต่างกันอยู่พอควรนะครับ จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:01:25

ความคิดเห็นที่ 6 งง คำถาม ครับ ตกลงอยากรู้เรื่องอะไรแน่ครับ DAC ADC file audio file video analog digital file video digital จากคุณ : noname เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:26:30 A:203.153.166.116 X: TicketID:111907

ความคิดเห็นที่ 7 จากทฤษฎี sampling เขาบอกว่า ต้องใช้ sampling rate อย่างน้อย 2 เท่าของความถี่ที่ต้องการแปลง ก็เพียงพอแล้วในการแปลงสัญญาณต้นฉบับกลับมา แต่ในทางปฏิบัติ สัญญาณดนตรี ไม่ใช่คลื่นรูปซายน์แท้ และยังมี dynamic range กว้าง มีการแปรเปลียนความถี่รวดเร็ว และหลากหลาย สำหรับนักฟังระดับหูทองคำ เขาอ้างว่า แค่ sampling rate 2 เท่า ยังไม่เพียงพอ เพราะหูระดับเทพของเขา สามารถแยกเสียงแตกต่างเล็กๆน้อยๆนี้ออก พวกเขาจึงต้องการสิ่งที่ดีกว่า โดยยอมจ่ายเงินไม่อั้นเพื่อการนี้ จึงเป็นที่มาของ over-sampling rate เด้อค่ะเด้อ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:27:49

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าเอาเฉพาะ เครื่อบันทึกเสียง หรือเครื่องเล่นcd เครื่องที่เล่นไฟล์ดิจิตอล ทำไมต้องมีoversampling ไม่สามารถทำงานแบบnativeได้หรือ ด้วยสาเหตุใด คำตอบคือ ทุกวันนี้ DACs มันเป็น zigma delta DAC ครับ ทำงานที่ 1 Bit Stream ถ้า รับ PCM data มันจะผ่าน zigma delta digital filter ก่อนส่ง DAC อันนี้คือ ความหมายของ playback oversampling ถ้า record มันจะทำงานกลับกัน โดยทำงาน สับคลื่นออกมาเป็น 1 Bit Stream ที่ 3 THz (192Khz 24 Bit) แล้วแปลง ผ่าน delta zigma digital filter ได้ออกมาเป็น PCM video analog video digital ก็คล้ายกัน แต่ประมวลผล สัญญาณภาพ แทน จากคุณ : noname เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:36:43 A:203.153.166.116 X: TicketID:111907

ความคิดเห็นที่ 9 เอาง่ายๆ อ่าน http://en.wikipedia.org/wiki/Delta-sigma_modulation ก่อนเลย work! จากคุณ : noname เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:38:44 A:203.153.166.116 X: TicketID:111907

ความคิดเห็นที่ 10 24/96เสียงมักแห้งแบน ยิ่งplayback เครื่องบ้านฟังไม่ดี ต้องdown convertลง เสียงจะหนาขึ้นและความถี่สูงจะถูกตอนจนฟังสบายขึ้น จึงอยากทราบโครงสร้างกระบวนการทำงานของระบบ เพราะถ้าการอ่านไฟล์เป็นทางเดียว แบบยอมให้เสียข้อมูลได้ การอ่านข้อมูลสมบูรณ์จะเกิดได้ในเครื่องทำงาน กับแบบอ่านจากฮาร์ดดิสหรือโซลิค จากนั้นเก็บในบัฟเฟอร์แล้วส่งเข้าdac clock กำกับ ต้องกำกับทุกยูนิตที่ส่งraw fileไป แล้วถ้าต่างยี่ห้อกันจะเข้ากันได้หรือ หรือว่ามีวงจรจัดการใหม่อยู่ทุกยูนิต เพราะมีความอ่อนไหวมากกว่าระบบภาพเยอะ ในการบันทึกเสียงจะมีการใช้ High Cut กับ Low Cut Filter เสียงที่เข้าไมค์จะสูญเสียไป เช่น ปลายเสียงไวโอลิน เปียโน การแซมปลิ่งบางเครื่องก็ให้เสียงจัดมากไม่ใกล้เสียงจริง ที่จะบอกนี้ไม่ใช่ทฤษฎีนะครับ แต่ผมเคยอ่านสัมภาษณ์จากเอนจิเนียร์ระดับโลกคนนึง เค้าบอกว่า ถ้าเค้าเจอปุ่มโลว์คัท จากที่ไมค์ และที่ปรี เค้าจะกดมันทั้งคู่เลย (ในกรณีไม่ได้หมายถึงว่า ปุ่มนึง 80 Hz อีกปุ่ม 360 Hz แล้วข้าก็กดมันหมดนะ) เค้าหมายถึงประมาณว่าอันนึง 80Hz อีกอันก็ 80Hz หรือ 100Hz แบบว่าใกล้เคียงกัน เหตุผลเค้าบอกว่า มันจะช่วยๆกัน แล้วมันจะลดพวก rumble หึ่งลงไปได้มากกว่าการพึ่งพาแค่วงจรเดียว สรุปคือเค้าคิดว่า ใช้การโลว์คัทจากหลายๆแห่ง มันจะช่วยกัน วิธีนี้ก็ลองดูได้ไม่ยากนัก เช่น ลองใส่ปลั้กอินอีคิว lowcut ที่ 80 Hz ซ้ำกันสองที แล้วดู analyzer เทียบ ผมก็พบว่า ใส่สองทีมันก็ต่างนะครับ curve มันจะชันขึ้น http://www.patid.com/board/index.php?topic=9184.0 จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:04:06

ความคิดเห็นที่ 11 #8กระบวนการตามนี้ใช่ไหมครับ record sound-sampling(zigma delta digital filter)- 1 Bit Stream-pcm(raw) playback pcm(raw)-1 Bit Stream-sampling(zigma delta digital filter)-sound sampling เพื่อให้สัญญาณใกล้เคียงคลื่นรูปซายน์แท้ ที่สุดดังรูป#3 ไฟล์ภาพวีดีโอ แยกได้สองแบบuncompress 4k,5k raw16bit 4:4:4:rgb 10-12bit ไฟล์wav เป็นraw แล้วระหว่างตัดต่อ หรือปรับแก้เสียง รูปแบบpcmจะถูกคำนวนใหม่ตลอดใช่ไหมครับ #4รบกวนอธิบาย แนวคิดเรื่องbit-stream ด้วยครับ จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:53:42

ความคิดเห็นที่ 12 ... ถามเยอะจริง เจาะเป็นเรื่อง ๆ ดีกว่าไหม คำตอบจะได้ไปในทางเดียวกัน ... เอาเรื่อง Low cut ละกัน แน่นอนว่า ไม่ใช้ดีกว่าใช้แน่ ๆ เพราะความถี่บางส่วนไม่ถูกตัดออก รายละเอียดเสียงด้านต่ำไม่สูญเสีย ... แต่ว่า ถ้า ถ้า ... มีเสียงฮัม หึ่ง เข้ามากวน หรือนักร้องร้องใกล้ไมค์เกินไป จนทำให้มีเสียงลมเข้าไมค์ หรือนักร้องเองคุมสียงได้ไม่ดีพอ ... ระหว่างพาลทำให้เสียงทั้งหมดเสีย กับตัดเสียงกวนบางส่วนออก และมีรายละเอียดบางส่วนหายไป แต่ทำให้เสียงรวมดีขึ้น คงต้องเลือกเอา ... แต่ถ้าซาวด์เอ็นจิเนียไม่ดูสาเหตุ มีปัญหาก็ low cut ไว้ก่อน ทำอย่างนั้นเด็กยกเครื่องก็ทำได้ (ว่ะ) จากคุณ : ปลาทูออนไลน์ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 22:47:58

ความคิดเห็นที่ 13 จะถามอะไรกันแน่เนี่ย เรื่อง low cut......ความถี่ต่ำจะถูกขยายน้อย....ส่วนที่เหลือขยายตามปกติ.......แน่นอนว่าใส่ไปหลายที่ย่อมได้ผลมากกว่าที่เดียว จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 22:56:49

ความคิดเห็นที่ 14 ว่ากันตามspectแล้ว......CD เพลงก็มี data correction ครับ จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 23:01:33

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ สำหรับคำชี้แนะครับ ปัญหาคือเวลาเสียงถูกเข้ารหัสเป็นเลขฐานสองคือ 0,1 จะทราบได้อย่างไรว่า 0คือความถี่ต่ำเท่าไหร่ 1คือความถี่สูงเท่าไหร่ โดยมี clock กำกับข้อ0,1 ให้แสดงความถี่นั้นๆใช่ไหมไฟล์ pcm นอกจากมี0,1แล้วยังมีword clock แบบ Internal Clock ติดมาด้วยใช่ไหมครับ แล้วเมื่อบิตมากขึ้นจาก16เป็น24 ข้อมูลที่ได้ยังเป็น0กับ1 เช่นเดิม แต่มีปริมาณข้อมูลมากขึ้น แล้วรูปแบบInternal Clock จะละเอียดขึ้น ใช่ไหมครับ จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 08:00:24

ความคิดเห็นที่ 16 ค่าที่บันทึกใน wave มันไม่ได้เก็บเป็นความถึ่ น่าจะเป็น ampitude มากกว่า ถ้าอยากได้ความถึ่ ต้องใช้ fourier transform ---------- แต่ตัว format ของ wave จะมีบอกว่า เก็บ data ขนาดกี่ bit กี่ Hz จากคุณ : locomotion (locomotion) เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 09:23:59

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ ต็กโกวคิ้วป้าย ผมแนะนำว่าไปศึกษาพื้นฐาน digital  , data format , PWM , A/D , D/A มามากกว่านี้ดีกว่าครับ เพราะจากที่ถามมา มันผสมปนเปกันไปหมดเลย จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 10:34:15

ความคิดเห็นที่ 18 -*- ... ตาม #16 เลยครับ ค่าที่บันทึกลงไปเป็น Amplitude ไม่ใช่ Freq ขั้นตอนง่ายๆคือ 1. เอาเสียงไปผ่าน ADC จะได้ตัวเลขที่บอก amplitude ของสัญญาณ ณ เวลาที่ sampling 2. เอาตัวเลขที่ได้มาเขียนลงไปใน media 3. ทำขั้นที่ 1 ใหม่  จนกว่าจะจบเพลง clock ที่คุณว่ามา มันเอามาใช้กำหนดว่าจะ sampling กี่ครั้งใน 1 วิ ยิ่งมากก็ยิ่งดี ...... แต่ยิ่งมากไฟล์ก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนความถี่ .... ของเพิ่ม #16 หน่อย ...ใช้ Fast Fourier Transform ครับ .... พอ sampling ได้ครบตามจำนวนที่ต้องการก็โยนเข้าไปหาความถี่ .....สิ่งที่ได้ออกมาคือ Magnitude ของสัญญาณที่แต่ละความถี่ ถ้าจะเอาลึกกว่านี้แนะนำไปหาหนังสือเรียน Digital กับ Signal processing มาอ่านครับ จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 12:20:58

ความคิดเห็นที่ 19 #17ขอบคุณที่แนะนำ  เนื่องจากไม่มีพื้นทางนี้ ภาษาช่างด้านนี้ไม่กระดิก ถ้ามีตำราภาษาไทยที่เขียนชาวบ้านอ่านรู้เรื่องรบกวนแนะนำด้วยครับ เผชิญต้องใช้และราคาขายไม่ถูก จึงสอบถามเพราะคนขายก็บอกเชิงลึกไม่ได้ wav ไฟล์ถ้ารู้โครงสร้างจริงๆได้ จะกำหนดตัวอื่นได้ว่าคุ้มไหม ตอนนี้พัฒนาเป็นBroadcast Wave Format (BWF) http://tech.ebu.ch/docs/tech/tech3285.pdf เพราะราคาของmaster clockแพงเอาเรื่อง WAVE PCM soundfile format ถ้าเป็นโครงสร้างรบกวนช่วยอธิบายด้วยครับ https://ccrma.stanford.edu/courses/422/projects/WaveFormat/ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 55 13:14:56 จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 13:07:26

ความคิดเห็นที่ 20 As an example, here are the opening 72 bytes of a WAVE file with bytes shown as hexadecimal numbers: 52 49 46 46 24 08 00 00 57 41 56 45 66 6d 74 20 10 00 00 00 01 00 02 00 22 56 00 00 88 58 01 00 04 00 10 00 64 61 74 61 00 08 00 00 00 00 00 00 24 17 1e f3 3c 13 3c 14 16 f9 18 f9 34 e7 23 a6 3c f2 24 f2 11 ce 1a 0d จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 13:17:10

ความคิดเห็นที่ 21 -*-  .... ก่อนอื่นเลย ช่วยเรียบเรียง คำถาม ให้ดีๆก่อนครับ คุณเล่นถามจาก Sampling จนตอนนี้มา wav file format แล้ว ..... ตกลงต้องการถามอะไรกันแน่ ปล. Spect ในลิงค์ที่คุณให้มามันก็เขียนไว้เคลียร์ดีแล้วนิ ปล2. ถ้าจะอ่าน spect พวกนี้ให้เคลียร์ .....ความรู้พื้นฐานที่ต้องมีคือ Digital ครับ .... Ascii, Big Endian, Little Endian, และ การแปลงเลขจากฐาน 10 ไป 2 หรือ 16 ....... หนังสือไทยมีขาย แต่ผมไม่เคยอ่าน (กว่าจะแปลขายกัน ผมก็เรียนจบไปแล้ว -*-)  ลองไปดูตามร้านซีเอ็ด หรือ นายอินทร์  หมวดหนังสือวิศวกรรม ครับ จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 13:50:14

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 19 wave file ข้อมูล เป็น amplitude  หรือถ้าให้คิดง่าย ๆ ก็คือแรงดัน ข้อมูลที่เห็นว่ามีหลาย ๆ sample เอาไปใช้งานก็ส่งเข้า D/A ได้เลย โดยไล่ข้อมูลทีละ sample ป้อนไปให้มัน   แต่แต่ละ sample จะห่างกัน xxx วินาที (คำนวนได้จาก sampling rate) D/A ก็แปลงมาเป็นแรงดัน  เอาไปเข้า amp ลำโพงต่อไป (ส่วนนั้นเป็นเรื่อง analog แล้ว) ทีนี้ D/A มันมีหลายแบบ หลายประเภท นั่นอีกเรื่องนึง  แต่โดยรวมแล้วมันก็แปลงมาเป็นแรงดันเหมือนกัน แต่บางแบบ เพี้ยนมาก เพี้ยนน้อย จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 14:11:32

ความคิดเห็นที่ 23 #21ถามการแซมปลิง แต่พอเข้าใจแล้วจึงต่อด้วยเรื่องของwav เพราะอยากทราบความสัมพันธ์ของทั้งสองตัวนี้ ทำงานร่วมกันอย่างไร Spectนั้นผมไม่มีความรู้ที่จะอ่าน แต่เป็นมาตรฐานที่ลงไว้ จึงเสนอให้เนื่องจากพัฒนามาจากwav แล้วแต่ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้จึงไม่เข้าใจ ขอบคุณที่แนะนำครับ #22ขอบคุณที่อธิบายเพิ่มเติมครับ จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 55 19:03:37