PANTIP.COM : X12569932 เยอร์มันคือชนชาติที่เก่งที่สุดในโลกรึเปล่า... [วิทยาศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 18

***

ผมว่าทุกวันนี้ที่ประเทศเยอรมนีมีชื่อเสียงมากคือเรื่องของ "วิศวกรรม" ในด้านต่างๆมากกว่าครับ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเครื่องยนต์กลไกต่างๆ) นอกนั้นผมว่าอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และชาติอื่นในยุโรปก็เก่งไม่แพ้กันหรืออาจเหนือกว่าในบางด้านด้วยซ้ำ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะเยอรมันเป็นประเทศที่ประชากรค่อนข้างมีระเบียบวินัยสูงมากในหลายๆด้าน พวกบรรดาสินค้า อุปกรณ์ ระบบวิศวกรรมแลเครื่องยนต์กลไกต่างๆที่ทำออกมาในระดับสากลจึงมักจะเนี๊ยบกริ๊บไปทุกกระเบียดนิ้ว

ซึ่งเรื่องแบบนี้คนเยอรมันเขาป็นกันมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกแล้วล่ะครับ ยกตัวอย่างช่วงต้นสงครามปืนเล็กยาว "Gewehr" ที่เป็นอาวุธประจำกายของทหารเยอรมันทุกกระบอกนั้นจะได้รับการผลิตด้วยมือ และใช้ไม้อย่างดีนำมาขัดเกลาโดยช่างฝีมือที่มีประสบการณ์ ก่อนจะประกอบเข้ากับชิ้นส่วนโลหะที่ทำออกมาอย่างดีเลิศจนได้ปืนชั้นเยี่ยมขึ้นมา1กระบอก แต่พอสงครามเกิดไปนานๆเข้าความต้องการอาวุธต่างๆจึงมีมากขึ้น ทางกองทัพจึงต้องเปลี่ยนมาใช้ไม้ราคาถูกและเครื่องจักรเพื่อช่วยในการผลิตแทนแต่ก็ยังคงประสิทธิภาพของตัวปืนไว้อยู่ (ช่วงหลังๆอนาถาจนต้องเอาขนม้าหรือเส้นผมของคนยิวที่ตายในค่ายกักกันมาทำรองเท้าด้วยซ้ำ)

หรืออย่างกรณีของรถถัง "ไทเกอร์" ของเยอรมันซึ่งกล่าวกันว่าเป็นรถถังที่มีประสิทธิภาพที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 แต่เพราะขั้นตอนการสร้างนั้นต้องใช้ความปราณีตมากในทุกๆขั้นตอนตั้งแต่เ้ครื่องยนต์กลไกยันน็อตแต่ละตัวตามมาตรฐานเยอรมัน อีกชิ้นส่วนหลายชิ้นนั้นต้องทำด้วยมือโดยช่างผู้ชำนาญผิดกับรถถังของของมะริกันและโซเวียตที่เน้นสร้างง่ายเอาเร็วเข้าว่าจึงใช้จำนวนเข้าข่มคุณภาพของเยอรมัน (โซเวียตเองถ้าไมไ่ด้มะริกันไปช่วยวางไลน์ระบบการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมให้ก็คงทำไม่ได้เช่นกัน)

ส่วนเรื่องประเทศจีนนั้นเห็นด้วยครับว่าปัจจุบันจากการพัฒนาประเทศและคุณภาพของประชากรทำให้คนจีนรุ่นใหม่ๆมีความสามารถสูงมาก แต่ปัญหาคือคนจีนจำนวนมากนั้นเป็นพวกเห็นแก่ตัว(ไม่ได้เหมารวมทุกคนแค่บางส่วน) ถ้าเห็นอะไรที่ทำแล้วจะช่วยลดต้นทุนและโกยเงินเข้ากระเป๋าได้ก็จะทำหมดแม้มันจะทำให้สินค้าคุณภาพด้อยลงก็ตาม (ซัมซุงของเกาหลีเองก็ใช่ย่อยซะที่ไหนในเรื่องของQC) ต่างกับเยอรมันที่พวกสินค้าอุปกรณ์ซึ่งต้องส่งออกในระดับโลกนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นเด็ดขาด

ทำให้ในช่วงปลายยุค70-80นั้นประเทศญี่ปุ่นที่อาศัยการทุ่มตลาดด้วยของถูกคุณภาพพอประมาณอย่างต่อเนื่องมานับสิบๆปี จึงสามารถเอาชนะเยอรมันในเรื่องของการส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์ได้สำเร็จและกลายมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในเวลาต่อมา โดยญี่ปุ่นในยุคสร้างชาติตอนนั้นก็เหมือนจีนในปัจจุบันคือชอบก๊อปปี้คนอื่นเป็นอาจิน พออเมริกายุโรปทำสินค้าตัวไหนออกมาใหม่พี่แกจะซื้อไปทำเลียนแบบเสมอและนำมาขายในราคาที่ถูกกว่าซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพเองก็ด้อยลงตามราคาด้วย ใครที่เกิดทันยุคนั้นคงจำได้ว่าเมื่อก่อนบ้านเราจะมีเพลงล้อสินค้าห่วยๆจากญี่ปุ่นเช่น "ไซโก้ เช้าโก้ เย็นแก้ สามวันเจ๊งแน่ แย่แย่ไซโก้" ทว่าปัจจุบัน "ไซโก้"(Seiko) ได้กลายมาเป็นแบรนด์นาฬิกาจากแดนปลาดิบที่มีชื่อเสียงระดับโลกไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่หลายสิบปีก่อน

โดยในยุคนั้นถือกันว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และกล้องถ่ายรูปชั้นดีต้องมาจากเยอรมันตะวันตกเท่านั้น (ก่อนที่วงการกล้องถ่ายรูปของเยอรมันจะมาเจอคู่ปรับตัวสำคัญจากแดนปลาดิบคือโอลิมปัสและแคนน่อน) แต่ทว่าอีกไม่ถึง20ปีต่อมาญี่ปุ่นดันกลายมาเป็นผู้นำในเรื่องของอุปกรณ์อิเล็คทรอกนิกส์และยานยนต์ชั้นนำของโลก จนมีคำพูดติดปากไปทั่วโลกว่าถ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าและกล้องถ่ายรูปต้องเป็นของญี่ปุ่นเท่านั้นถึงจะมั่นใจได้ กระทั่งมีคำล้อเลียนแนวตลกร้ายว่าถ้านึกถึงกล้องถ่ายรูปก็ให้นึกถึงคนญี่ปุ่นนั่นแหละ ทั้งที่แต่ก่อนในยุคหนึ่งเจ้าตลาดของสินค้าจำพวกนี้คือเยอรมันตะวันตกแท้ๆ

ป.ล. ปัจจุบันจีนเองก็เหมือนญี่ปุ่นในสมัยก่อนนั่นแหละครับคือชอบก๊อปปี้เขาไปทั่ว แต่เขาต่างกับบ้านเราตรงที่ว่าคนของเขาก๊อปปี้เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ในด้านต่างๆ จนวันนึงก็สามารถมีเทคโนโลยีของตนเองเป็นผลสำเร็จ

(May the Spoil be with you)
ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน

จากคุณ : เจไดหนุ่ม

เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 15:11:23