ถ้าเรือดำน้ำมันเทพขนาดนี้ ก็เอาเรือ 911 ไปขายทอดตลาด แลกเรือดำน้ำมาก็แล้วกัน
ถ้ายังไม่พอ ก็เอาเรือรบผิวน้ำทั้งหมดไปโปะเพิ่ม
คราวนี้ประเทศเพื่อนบ้านต้องกลัวกันขี้แตกขี้แตน วันไหนเรือดำน้ำไทยไม่ได้อยู่ที่ท่า เพื่อนบ้านต้องนอนสะดุ้งจนเรือนไหวจับไข้หัวโกร๋น
อิอิ คุณแตงกว่าครับหากคิดด้วยตรรกะนี้แสดงว่าคุณอยากจะบอกว่า "ในเมื่อพลซุ่มยิงมันเทพนัก จะต้องมีหน่วยทหารราบไปทำไมทำไม่ไม่ปลดหน่วยทหารราบทิ้งให้หมดแล้วไปเน้นเฉพาะพลซุ่มยิง" ทั้งภัยคุกคามด้านเรือดำน้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังไม่มีในขณะนั้น แต่ปัจจัยที่ได้กล่าวมานั้นมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งก็มีกรณีพิพาททางทะเลกับเรา(อย่าไปหวังลมๆแล้งๆเรื่องการรวมอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว)ก็ได้มีเรือดำน้ำในประจำการ และประเทศที่เหลือก็ได้มีความสนใจที่จะจัดหาเรือดำน้ำมาไว้ในประจำการทำให้ภัยคุกคามด้านเรือดำน้ำในภูมิภาคนี้ได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการรับมือซึ่งเรามีอยู่2ทางเลือกคือ -จัดหาเรือดำน้ำมาประจำการ -จัดหาและปรับปรุงกองเรือฟริเกต และจัดหาฝูงเฮลิคอปเตอร์ตรวจหาเรือดำน้ำมาประจำการ ซึ่งเมื่อพิจารณาในแง่ของงบประมาณในกรณี U206A แล้ว การจัดหาเรือดำน้ำมาประจำการดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากกว่า (ฝูงเรือดำน้ำเยอรมันมือสอง 4ลำสภาพดี ที่ทางเยอรมันได้มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยมาโดยตลอด ตัวเรือเป็นโลหะผสมพิเศษ ปลอดการสะท้อนซึ่งเราสามารถนำมาวิจัยและพัฒนาต่อได้ ทั้งท่อยิงตอปิโด ทั้ง 8 ท่อ เป็นขนาดมาตรฐานสามารถใช้ตอปิโดของชาติอื่นได้ไม่ต้องกลัวการผูกขาดในการจัดหายุทโธปกรณ์ ทั้งขนาดของตัวเรือก็มีความเหมาะสมต่อการปฏิบัติการในนานน้ำของไทย ซึ่งหากเราสนใจเรือดำน้ำของชาติอื่นนั้นงบประมาณที่ใช้ในการจัดหาฝูงเรือดำน้ำU206A ทั้ง 4ลำ นั้นสามารถซื้อได้เพียง "ครึ่งลำ"เท่านั้น ) ปล.แต่การพัฒนาปรับปรุงและจัดหา กองเรือฟริเกต และจัดหาฝูงเฮลิคอปเตอร์ตรวจหาเรือดำน้ำมาประจำการ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกันครับ แต่ก็อย่างที่ผมกล่าวในข้างต้น ว่าต้องพิจารณาในด้านงบประมาณ และความคุ้มค่า
จากคุณ |
:
nadashiko
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ย. 55 17:18:35
|
|
|
|