ความคิดเห็นที่ 1 น่าจะเกิดจากเด็กนักเรียน เรียนโรงเรียนติวเตอร์นะครับ ผมเคยเรียนติวเตอร์สมัย เด็กๆ จะเน้นสูตรลัด ทำโจทย์ ให้ได้คำตอบไวไว ไม่ได้คำนึงถึงพื้นฐานครับ จึงทำให้พื้นฐานไม่ดี   พอมาเรียนป.ตรีใหม่ ต้องรื้อฟื้นใหม่ทั้งหมดเลย จากคุณ : reseller_19 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 00:43:37

ความคิดเห็นที่ 2 ส่งงานเข้าไปสิ ตามเทศกาลปีใหม่ อย่าลืมกระเช้าให้ครูด้วยนะ จะเอาอะไรกับระบบการศึกษาที่ให้คะแนนเก็บ 50-70% ล่ะครับ ตอนม.4 เพื่อนผมบางคน สอบวิทย์ได้ 8/20 ได้เกรด4 เฉยเลย ไปเชิดหน้าชูตาในห้องคิง สุดท้ายเด็กห้องคิง สอบพฐ.วิศวะได้ 20 30 เกลื่อน.... พวกนี้มักจะออกตัวว่า ส่งงานสำคัญกว่าสอบ เพราะความขยันสำคัญกว่าความรู้ พวกหัวดีแต่ไม่ส่งการบ้าน สมควรได้เกรดน้อยๆ เพราะเวลาทำงานมันคงจะไม่ยอมทำงานแน่ๆ พูดเหมือนแต่ละคนทำงานกันแล้วงั้นแน่ะ แสนรู้ซะจริง..ให้ตาย  - - บ่นซะยาวเลย ที่จะบอกคือ เรื่องของเรื่องคือ มันมาจากการเรียนสมัยนี้ที่เน้นส่งงาน + ติวทำข้อสอบแบบฉาบฉวยทั้งนั้นอ่ะครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 00:53:55 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 00:46:39 จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 00:44:02

ความคิดเห็นที่ 3 "มันบวกลบเลขยังไม่เป็น จะไปสอนมันอินติเกรตได้ยังไง"....จากปากคำอาจารย์คนหนึ่ง... จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 00:44:51

ความคิดเห็นที่ 4 เคยคุยห้องนี้แล้วคับยาว มาก คนห้องหว้ากอ ส่วนหนึ่งก็ไม่เห็นด้วย เรื่องการศึกษาไทย ยุค เรียนมาก ติวมาก มัน ไม่ได้สร้างคนให้ มี จินตนาการ คิดอะไรใหม่ๆ ไม่เป็น มีแต่ ต่อยอดคนอื่น ครับ จากคุณ : lazarn เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 00:59:07

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ละโรงเรียนเกรดเฟ้อครับ ผมเคยทำหนังสือไปถึง รัฐบาลชุดก่อนๆ แล้ว บอกไปว่า เกรดแต่ละโรงเรียนไม่เท่ากัน ให้ถ่วงน้ำหนัก แต่ ไม่เห็นมีใครตอบกลับมา ทาง ที่ประชุมอธิการบดี ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  เอาไว้จะลองสอบถามคนรู้จักดูว่า พอจะมีหนทางส่งข่าวทำนองนี้ ไปแล้วให้มันได้ผลหรือไม่ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 01:48:07

ความคิดเห็นที่ 6 เด็กจบจากโรงเรียนต่างจังหวัดหรือเปล่า เด็กต่างจังหวัดบางทีก็ไม่ได้เรียนบางหัวข้อเหมือนเด็กกรุง คนสอนต้องอดทนนิดนึง จากคุณ : kakratoo เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 02:53:26 A:101.108.125.223 X: TicketID:350001

ความคิดเห็นที่ 7 จากประสบการณ์เคยทำงานโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งนะครับ... ผมว่าข้อสอบที่ผมออกก็ไม่ยากนะ ตอนนั้นสอนเรื่องสถิติ ให้หาแค่ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ฯลฯ ข้อมูลก็มีไม่กี่ตัว ตามแบบฉบับของม.ปลาย (ตอนนั้นสอนม.6) แต่ผลคือตกกันเกินครึ่งห้อง (ตอนนั้นก็ด้วยเหตุใดมิทราบ ข้อสอบไม่ยากแต่ดันตกกันระนาว) ก็เลยหาวิธีการสอบซ่อมโดยให้นักเรียนมันมาหาเรา แล้วเราก็ออกโจทย์สด ๆ ทำสด ๆ กันบนกระดาน ถึงได้รู้ว่าที่ตก ๆ กันนั่นน่ะ เพราะมันบวกลบคูณหารไม่เป็น (TT_TT) แทนที่จะได้สอนเนื้อหาตามบทเรียนให้มัน ต้องสอนมันท่องสูตรคูณแทน อะไรก็ไม่รุ บ้า ๆ บอ ๆ ส่วนครูคนอื่นอะเหรอ... ครูสังคมก็เอาข้อสอบที่จะออกไปให้เด็กท่องก่อนสอบ ครูภาษาอังกฤษชั้นประถมสะกดคำว่า "pencil" ผิด ครูภาษาไทยก็ยังใช้ "นะ น่ะ คะ ค่ะ" ผิด ครูวิทย์เข้าห้องมาให้เด็กอ่านหนังสือเขียนสรุปลงสมุดส่งท้ายคาบ ครูแต่ละฝ่ายจับกลุ่มนั่นเม้าจับผิดชาวบ้านชาวเมือง ครูฝ่ายปกครองก็ไปไล่บี้เด็กทรงผมไม่เรียบร้อย และที่สำคัญ ครูที่ปลูกฝังกระบวนการคิดให้เด็กมีน้อยมาก (เพราะครูเองมันก็ยังคิดไม่เป็น) ลองคิดดูนะว่าเด็กจะได้อะไร ดังนั้น...ทำใจครับ ตอนนี้ลาออกมาแล้วและไม่แปลกใจว่าทำไมเด็กถึงเป็นแบบนั้น ต้องรับสภาพครับ กฎกระทรวงที่ห้ามให้เด็กตก ห้ามให้เด็กซ้ำชั้น (พวกที่บวกลบคูณหารไม่เป็นถึงได้รอดจนจบมหาวิทยาลัย) การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ปัญญาอ่อนที่สุด ครูสอนเด็กที่ไร้คุณภาพกับกับเงินเดือน 7,940 บาทต่อเดือน ขณะเดียวกันผู้ปกครองยุคใหม่สปอยล์เด็กเต็มที่ ไม่กลัวว่าลูกตัวเองจะอ่านหนังสือไม่ออกบวกลบคูณหารไม่เป็น ลูกตัวเองทำไม่ได้โทษครูไว้ก่อน (แต่ตัวเองไม่เคยดูแลลูก) ซึ่งเดี๋ยวนี้แนวโน้มที่เด็กอ่านหนังสือไม่ออกมีเพิ่มขึ้น ผมเจอมาแล้ว เด็กม.2 อ่านหนังสือไม่ออก (แต่ให้มันตกซ้ำชั้นไม่ได้) จากคุณ : Seiki เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 03:17:04

ความคิดเห็นที่ 8 มันเป็นแค่เด็กบางคนครับ อย่าไปเหมารวมสิ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 06:19:51

ความคิดเห็นที่ 9 ให้เกรด นร. ไปเพราะเดี๋ยว นร. เรียนใน รร. ตัวเองไม่จบ ชื่อเสียง รร. มันจะไม่ดี :P จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 07:47:51

ความคิดเห็นที่ 10 จริงครับ นายก อบต.จบโทกันเกร่อ ภาษาอังกฤษ คณิต ไม่ได้ซักกะตัว จากคุณ : yaithan เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 08:15:56 A:223.204.228.100 X: TicketID:311809

ความคิดเห็นที่ 11 ... จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 08:38:30

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามหาลัยก็ F กันกระจุยกระจายเพราะปี1เข้ามาปรับตัวไม่ทันเล่นสอบ100%นี่ แต่เด็กเก่งก็เยอะนะโหดมากอ่ะคะแนนสอบ จากคุณ : Boyerz เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 08:42:10

ความคิดเห็นที่ 13 ของผมมีรุ่นพี่ที่เค้าสอนพิเศษมาเล่าให้ฟังครับ สอนทั้งม.ปลายและเลขของมหาลัย เค้าเล่าว่าเด็กในคณะบริหารย้ายข้างสมการไม่เป็น สมการง่าย ๆ อย่างเช่น x+20 = 30  แล้ว x=? ปรากฏว่าเด็กทำไม่เป็น T_T จากคุณ : Davinciza เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 09:04:47

ความคิดเห็นที่ 14 ...ขี้เกียจพูด พูดไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้ รอมัน "พังทลาย" ดีกว่าแล้วค่อย "สร้างใหม่" ให้ดีกว่าเดิม... จากคุณ : gunpen2010 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 09:06:15

ความคิดเห็นที่ 15 อันที่จริง ถ้ามองเฉพาะในมุมของสายคำนวนอาจจะจริงนะครับ เพราะการศึกษาเรามาผิดทางค่อนข้างเยอะ แต่เด็กกลุ่มนี้อาจมี EQ ที่สูง หรือมีความฉลาดด้านอื่นๆ ที่เด่นขึ้นมาก็เป็นได้ เพียงแต่ว่าด้วยระบบการศึกษาของเราก็เลยทำให้หาความฉลาดและความถนัดที่ว่าไม่เจอ 555 ตอบทีเล่นทีจริง + แถสีข้างถลอก จากคุณ : sommass เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 10:04:41

ความคิดเห็นที่ 16 เด็กไม่เก่งคำนวณไม่ผิดครับ มีคนไม่กี่คนที่จะเก่งทุกอย่าง เขาอาจจะเก่งหรือมีความถนัดในด้านอื่นๆสูงก็ได้ ...แต่ที่ผิดคือ ทำไมเลือกมาในทางที่ตัวเองไม่ถนัดล่ะหว่า = = แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 10:21:29 จากคุณ : nothingman เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 10:20:35

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณหลายคนที่มาช่วยรับฟังการบ่นครับ ที่บางท่านบอกว่า เป็นเด็กบางคนอย่าเหมารวม ตอนนี้มันไม่ใช่บางคนนะครับ มันเป็นส่วนใหญ่ต่างหาก โดยเฉพาะเข้าใหม่ สามสี่ปีหลังนี้ วิกฤตมาก สถานการณ์ปัจจุบัน ย้ายข้างไม่ได้   บางคนหนักถึงกับ หารไม่เป็นถ้าไม่มีเครื่องคิดเลขในมือ ย้ายข้าง + - ก็ไม่ได้แล้ว * / คำที่ทำได้ยิ่งน้อยละไปอีก   ย้ายข้าง ยกกำลัง หรือ มี ราก ติด log ไม่ต้องพูดถึง แทบจะหาไม่ได้เลย ทำรายงาน ก๊อป เว๊ป มาพูดตาม เป๊ะๆ โดยไม่เข้าใจอะไรเลย ถามอะไรก็แล้วแต่ จะตอบแต่สิ่งที่ตัวเองพอจะจำๆ ได้ และ ทำหน้าแมวๆ ออกมา โดยไม่ตรงกับคำถามเลย (หรือเราผิดถามไม่ตรงคำตอบ) Child(ควาย) Center ต้องถามเฉพาะในสิ่งที่นักเรียนอยากรู้หรือไง เปลี่ยนหน่วยไม่เป็น   1 เมตร เท่ากับ กี่ ซ.ม. หลายคนทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง กรรมล่ะ ทำโครงงานก๊อปปี๊ ลอกต่อๆ กันมา แล้วบอกว่า หนูคิดเอง (เบื่อเป็นกรรมการโครงการวิทย์เต็มทน ชอบเอางานก๊อปปี๊ข้ามปี ดูเหมือนๆ เดิมทุกปี เบื่อโคตร) ปล.น้าพรครับ จริงๆ เห็นด้วยเลย อธิการบดี ไม่สนใจเรื่องนี้จริงๆ สนใจอย่างเดียวคะแนน กพร. สมส. ปล. สมัยนี้ป.ตรีเริ่มลำบาก จะให้ตก กรรมล่ะ :-)ให้เด็กประเมินเราได้ เพื่อนผมหนึ่งให้เด็กตก เพราะทำข้อสอบไม่ได้ ไม่ส่งงานเลย  (เด็กมาประเมินอาจารย์ให้ 1 แต้มทุกข้อ แม้แต่หัวข้อ การให้ Syllabus) คะแนนอาจารย์ตกวู๊บ แต่ ทาง คณะกรรมการคณะ :-)เอาคะแนนตัวนี้มาใช้วัดในการขึ้นเงินเดือน ส่วน อาจารย์ปล่อยเกรด คะแนน ประเมินดีทุกคน (กรรมที่สุด ตรงนี้ ต่อไป ไม่ใช่ม.ต้น ม.ปลาย ป.ตรี ก็จะแย่ตามไปด้วยกฏเกรณ์ห่วยๆ แบบนี้) คุณ Seiki   ให้ตกไม่ได้เลยครับ ประกันคุณภาพมันบังคับ ทำไงได้ล่ะ ผู้บริหาร บริหาร เชิงเอาตัวเลขไปโม้ ก็แบบนี้แหละ คุณปลาๆงูๆ ชอบภาพนี้มากครับ เอาไปใส่ Face หน่อยนะ คุณ Makeฯ  แถมงานส่ง ไปยังๆไง ก็ แปด ก็ เก้า ตอนนี้ผมเริ่มลำบากกว่าเดิมและ เพราะกลุ่มนี้มันใหญ่ขึ้นมาก จนถ้าจะให้ตก นี้มันจะตกทั้งห้องแหละ ตอนนี้อับปัญญาจริงๆ ไม่รู้จะ ทำไงดี จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 10:21:14

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ Notingman  ที่จริงคนไม่เก่งคำนวนไม่ผิดนะครับ ผมเห็นด้วยแต่ ตรงนี้ มันพื้นฐานธรรมดาเกิน ทุกสายอาชีพ ควรมีการคำนวนบางนะครับ มันเลยเยอะไป ที่ผมอยู่ก็ไม่ได้คำนวนอะไรมากมาย ขำๆ แต่ส่วนตัวคิดว่า งานทางปริมาณสำคัญ มากนะครับ น้ำท่วมคราวที่แล้วที่ผิดพลาดมากคือ คำนวนเชิงปริมาณไม่ถูกนะครับ เปิดปิดประตูน้ำ เอาเรือไปดันน้ำ เอา กระสอบไปวางในตำแหน่งที่ไม่ถูก การหาเครื่องสูบน้ำให้พอเพียง ตรงนี้จะเห็นว่าต้องคำนวน ถึงจะพอจะไม่เสียหายมากนัก แต่ เนื่องจากทำโดยไม่คำนวน แต่ใช้เชิงลักษณะมากกว่า เช่นคิดว่ามีคลองอยู่ ต้องเปิดประตูให้เต็มที่ หรือ ใช้เรือดันน้ำ อีกที่ แบบนี้ มันเอาไม่อยู่นะครับ จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 10:24:52

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยครับ ความาสามารถของเด็กมีทุกคน อยู่ที่ระบบการศึกษาจะแยกกลุ่มคนเหล่านี้ อกมาได้อย่าวไร และพัฒนาการศึกษาให้ตรงความสารมารถ สังคมต้องเติบโตหลายด้านไม่เพียงแค่คณิตศาสตร์ อย่าลืมว่า้ราก็ไม่ได้เก่งทุกอย่างนะครับ จากคุณ : tycoon-coonty เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:14:16

ความคิดเห็นที่ 20 ผมรู้เรื่องนี้มานานแล้วครับ แต่ทำได้อย่างเดียวคือ ทำใจ ครับ ตราบใดที่การศึกษาไทยให้เด็กตกไม่ได้ ครูมีความผิด ผมก็จัดให้ครับ เกรดต่ำสุดคือ๑ ไม่อย่างนั้นครูก็อด ชำนาญการพิเศษสิครับ จากคุณ : อาทิตย์ (Athijaran) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:21:29

ความคิดเห็นที่ 21 ส่งงานสำคัญกว่าสอบ เพราะความขยันสำคัญกว่าความรู้ - ที่เคยเจอมาส่วนมาก ก็อบจากเว็บมาส่งกันทั้งนั้น... จากคุณ : Arc_ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:53:07

ความคิดเห็นที่ 22 อย่าแต่เรื่องคำนวณเลย แค่อ่านเขียนภาษาไทยยังอ่านเขียนกันไม่ถูกเลย จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:18:03

ความคิดเห็นที่ 23 คนสัมภาษณ์ขอบ่นด้วย new grad จบเกียรตินิยม ถามว่า wild card charater ที่ใช้ๆกันมีกี่แบบ เด็กถามกลับว่า "มันคืออะไร" ตอนนั้นแทบเอาหัวโขกโต๊ะ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:20:03

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเรียนอยู่นะครับ ผมปึกคณิตมาก ผมแก้สมการไม่เป็นเลย แต่พอได้บ้างนิดๆหน่อยๆ ตอนนี้ผมเรียนปี2วิคอม ผมต้องเรียนคณิต5ตัว ผ่านแล้ว2 ติดF1ตัว มีแนวโนมติดFอีก1ตัว ผมได้เกรดD+ทั้งสองตัว อาจารย์คนนึงสอนผม อินดิเกรด แกต้องสอนย้อนไปถึงมต้นเลยคับ เช่นการถอดรุททำยังไง ขนาดเลขยกกำลังยังต้องย้ำว่าไม่ได้เอามาคูณกันนะ บางอย่างผมเคยเรียน แต่ผมไม่ชอบ ผมไม่เคยหัดเลย เพราะผมเกลียดคณิต แต่ถามว่าแล้ววิชาเอกละก็วิชาเลือกละครับ ผมได้Aเกือบทุกวิชา ที่ผมทำคณิตไม่ได้ เพราะผมไม่มีพื้นฐาน บวกกับคณิต ใช้วิธิจำไม่ได้และอ่านไปสอบไม่ได้ ผมเลยตก กระทู้นี้ผมสารภาพผิดครับ พ่อผมครูคณิต แม่ผมครูอังกฤษ ผมได้Dแค่2วิชานี้เอง T_T จากคุณ : ประกาศิตจอมราชันย์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:38:13 A:119.42.74.162 X: TicketID:363243

ความคิดเห็นที่ 25 ลูกสาวผมอยู่ป.5 ถามผมว่าทำไม ป.1-ป.5 เวลาครูสอนอังกฤษยังต้องลุกขึ้นแล้วพูเสียงยานๆว่า กุดม้อนิ่งทิดเชอร์เอ้อๆๆๆ   ฮาวอ้ายู่  แอมฟายแต้งกิ้วแอนยู้ แอมฟายแต้งกิ้ว ซิดดาวววว ถามว่าพูดอย่างอื่นบ้างไม่ได้เหรอ /5555 wไม่รู้จะตอบยังไง ลูกลองพูดกะครูว่า what are you doing?  แล้วตอบว่า แอม น็อตโซฟาย บ้าดูดิ๊ ผมเห็นลูกเรียนปอ 5 แล้ว ผมเลยพยายามจะสอน กฏการย้ายข้างการบวก กฏการย้ายข้างการคูณ  การคูณหารแบบแยกตัวประกอบ  ลูกบอกไม่เอาไม่ต้องสอน เดี๋ยวไม่เหมือนครู   อ้าวเป็นงั้นไป จากคุณ : พัดกุ้ง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:42:14

ความคิดเห็นที่ 26 เดี๋ยวไม่เหมือนครู   นี่แหละคำตอบของเด็กไทย  /555 จากคุณ : พัดกุ้ง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:43:39

ความคิดเห็นที่ 27 อย่าคิดมาก จบ ป.6 อ่านไม่ออกยังมีเลยสมัยนี้ เพื่อนที่เป็นครูบ่นจะตายต้องไล่สอน และก็ระบบห้ามตี ห้ามตกด้วยทำให้แย่มาก จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:08:48

ความคิดเห็นที่ 28 กร๊ากๆๆๆๆๆ เพิ่งคุยกับครูเลขที่หมดเมื่อกี้เลย ผมสอนม.ปลายนะ ให้เด็กตกกระจาย โดนเรียกไปตักแตือน แต่อย่าได้แคร์ โดนเตือนน่ะทำใจได้ แต่ปล่อยเด็กไปตามสภาพแบบนี้ทำใจไม่ได้ จากคุณ : walk me home เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:13:20

ความคิดเห็นที่ 29 แชร์ด้วยคนครับ... ผมเป็นติวเตอร์ แนวเน้นพื้นฐานครับ เดี๋ยวจะโดนข้อหาเป็นตัวการทำให้เกิดคดีนี้ ^^" ไม่ใช่เด็ก "ส่วนน้อย" หรอกครับที่กำลังมีปัญหานี้ ผมเจอหลายต่อหลายคนมากๆ ในแต่ละรุ่น จากการที่สรุปได้มา... ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เด็กครับ แต่เห็นด้วยกับหลายท่านข้างบน... ปัญหาอยู่ที่ผู้ใหญ่ครับ อย่างแรก... "กฎกระทรวงที่ห้ามให้เด็กตก ห้ามให้เด็กซ้ำชั้น" เรื่องนี้ศักดิ์สิทธิ์มากครับ น้องคนนึงที่ผมสอน มันได้ 4 มาทั้งๆ ที่บวกลบเลขติดลบมันยังทำไม่ได้ ผมถามครับว่าได้มาได้ยังไง... น้องตอบว่า... แค่รายงานก็ได้ 70% แล้ว ตอนสอบเป็นชอยส์ กามั่วยังได้ 4 เลย น้องอีกคนนึง... บอกว่าไม่รู้จะตั้งใจเรียนไปทำไม ยังไงก็ได้ขึ้นชั้นอยู่แล้ว เอาเวลาไปเที่ยวเล่นหาความสุขใส่ตัวดีกว่า (แน่นอนว่าเจอผมสวดไปอีกชุดใหญ่) อย่างที่สอง... มาตรฐานครูครับ อย่าบอกเลยครับว่า สูตรลัดทั้งหลายมาจากกวดวิชา... คุณครูจากบางโรงเรียนนี่ละครับ สอนให้เด็กท่องแต่สูตร โดยไม่รู้วิธีที่มา วิธีพลิกแพลง ดีไม่ดีสอนไม่รู้เรื่องซ้ำเข้าไปอีก... พอเด็กทำไม่ได้ก็ว่าเป็นเพราะเด็กเอง โง่บ้างอะไรบ้าง... ... โดนด่า... ไม่อยากเรียน... และผสมกับ "ไม่ต้องเรียนก็สอบผ่าน" ... มันจะไปเหลืออะไรครับ? เรื่องหลักสูตร... อันนี้ไม่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ล่ะ แต่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษแทน น้องผมคนนึงเป็นครูสอนภาษาอังกฤษครับ กำลังทำดอกเตอร์อยู่ แต่เวลาเขียนแผนการสอนเด็กประถมต้น... แต่กรอบที่ได้จากกระทรวงมาคือ... ต้องอ่านและเขียนให้เป็นก่อนฟังและพูด... นี่คือสิ่งที่ได้จากการศึกษาไทยตอนนี้ครับ เป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กไทยเรียนอังกฤษเป็นสิบปีถึงพูดกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง ในขณะที่ฝรั่งมาเมืองไทยปีเดียวพูดไทยได้แล้ว... เพราะกระบวนการเรียนรู้ของเรามันไปผิดทางครับ! จากคุณ : WalkingTrail เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:17:05

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเคยสอนวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เด็ก ปวช.3 หารเลข 12 ด้วย 6 ทำไม่ได้ ต้องเอามือถือขึ้นมากด เพื่อให้ได้คำตอบ = 2 แล้วกรูจะสอนอะไรฟะ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:34:37

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านกระทู้นี้แล้วปวดตับ   มันเป็นปัญหาที่คนส่วนใหญ่รับรู้ แต่ไม่ตระหนักและไม่คิดจะแก้ไข ถึงคิดจะแก้ไข ปรับปรุง ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายต่างๆ เท่าที่ควร กำลังใจจากศิษย์เก่า ที่แวะเวียนมาบอกว่า ที่ครูสอนน่ะ พอไปเรียนใน มหา'ลัยน่ะใช้ต่อยอดได้หมดเลย ก็เลยยังมีกำลังที่จะ จ้ำจี้จ้ำไชเด็กๆ กันต่อไป จากคุณ : ตัวกลมๆผมม้า เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:51:24

ความคิดเห็นที่ 32 อ่าน เรื่องนี้แล้ว  ยิ่งคิดถึง อ.สกนต์ (หรือ สกล  ขออภัยถ้าสะกดผิด ) ผมไปเรียน คณิตศาสตร์กับอาจารย์ที่ราชดำเนิน ..  เรียนห้องวงจรปิดด้วยซ้ำ(คือไม่เห็นอาจารย์) ผมปรุเรื่อง log ใน ครั้งเดียว ..  10สูตร . อ. ท่านสอนตั้งแต่ ออกจากไข่ แล้ว มาเจอทีละสูตร .. ไม่ได้สอนว่า สูตรนี้มายังไงนะครับ ..  ท่านสอนแบบ .. เปรียบ เหมือนเราเดินไปเรื่อยๆ แล้ว ท่านก็หยิบโน่นหยิบนี่ให้ดู จากนั้น ท่านก็. ทำท่าตกใจ แล้วบอกว่า ดูในมือสิ . มันประกอบกันเป็นรถได้คันนึงนะ ..   แล้วผมก็จำได้เลยว่า  จะสร้างรถคันนึงเราต้องมีอะไรทำยังไง .. นั่นแหละครับ  สูตรทั้งหมด ผมไม่ต้องจำเลย เวลาสอบผมก็ไม่ใช้สูตร แต่ทำจากพื้นฐานที่เข้าใจ  เร็ว  แม่นยำ .. คิดถึง อาจารย์ ครับ .. จากคุณ : ทุ่มเท เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:53:46

ความคิดเห็นที่ 33 เหอะๆๆ เคยบ่นในห้องสีลมไปแล้ว โดนเด็กรุ่นใหม่มาด่ากระจาย ว่า ไม่รู้ทำไมไม่ให้โอกาส ทำไมไม่สอน ถ้าไม่สอนให้รู้ จะรู้กันมาแต่เกิดได้ไง ประมาณนี้น่ะครับ เรื่องของเรื่อง เคยโพสเล่าให้ฟังว่า น้องที่มาฝึกงาน เป็น ป.ตรี ปีสุดท้ายแล้ว จากมหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง มีอยู่วัน ให้ช่วยงาน โดยคิดร้อยละของงบประมาณที่จะจัดสรร ว่า จังหวัดต่างๆ ได้กันคนละเท่าไหร่  แบ่งเป็นด้านใด ยุทธศาสตร์ไหนมากที่สุด มีข้อมูลให้พร้อม ตัวเลขครบ หายกันไปทั้งกลุ่มตั้งแต่เช้าจนเย็น จนผมปั่นงานอื่นเสร็จ  รอไม่ไหว ก็เลยเรียกมาถามว่าไปถึงไหนแล้ว คำตอบที่ได้คือ ยังไม่เสร็จ ขออีกสักวัน ผมก็งงๆ  ว่า น้องมันไม่เข้าใจตรงไหน แต่เห็นโตๆ กันแล้ว ขออีกวันก็ให้อีกวัน พอเช้าวันถัดมา ผมเลยขอดูแต่เช้า ปรากฎว่า มันไปแบ่งกันเป็นภาคๆ  ภาคละสองสามคน คำตอบมีตั้งแต่ มานั่งสารภาพหน้าแห้งๆ ว่า คิดไม่เป็น เพราะไม่รู้จะหาร้อยละยังไง เอาตัวไหนหารกะตัวไหน จำสูตรไม่ได้ พวกที่พยายามมั่วเอา ก็ส่งมาแบบตั้งใจ แต่ไม่ถูก เอาตัวเลขงบรวมตั้ง หารด้วยงบของแต่ละจังหวัดซะงั้น ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ จะด่ามันก็หมดกำลังใจจะด่า ได้แต่สงสัยว่าเขาสอนอะไรกันในมหาลัยสมัยนี้ ทำไมเด็กมันช่างอินโนเซนท์เสียเหลือเกิน วันๆ เปิดเฟสบุ๊คได้ทั้งหมด แช็ตได้เป็นชั่วโมงๆ  ไม่แคร์สื่ออีกตะหาก  ฝึกงานก็ไม่ได้คิดว่าเป็นการทดลองทำงานในสถานการณ์จริง เหมือนที่เขาตั้งคอนเซ็ปไว้ แต่พอเรื่องเป็นการเป็นงาน ไปไม่เป็นซะแทบทุกเรื่อง เห็นแล้วอนาถใจมากครับ ไม่รู้อีกยี่สิบปี เราจะได้แต่มองเด็กเวียตนาม เด็กลาว มาเป็นหัวหน้าเด็กไทยเหล่านี้หรือเปล่า จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 15:31:02

ความคิดเห็นที่ 34 ผมมีโอกาส เข้าไปพานิสิตไป เข้า Class ร่วมกับ มหาลัยหนึ่งของอเมริกา เวียดนาม และ ไทย (จัดที่เวียดนาม) นักเรียน มาเข้าชั้นเรียนกันร่วมๆ ประมาณ 60 คน บรรยากาศการเรียนถามตอบ แบบ คนเมกา เห็นว่า เขายกมือตอบ Discuss กับอาจารย์ผิดบ้างถูกบ้าง สนุกดี  นิสิตเวียดนาม ก็แบ่งสองส่วน ส่วนหนึ่ง ก็ตอบสู้กับคนเมกาอย่างสนุก  ส่วนนิสิตเราเอง กว่าจะให้พูดหรือ discuss ก็เล่นเอาเหนื่อย บางคนอยาก แต่ภาษาไม่ดี ก็มี ที่มาบอกตรงนี้ เวียดนาม กำลังจะก้าวไป นะครับ เนื้อหาในวิชา ไม่ต้องสอนละเอียดมาก เพราะอ่านเอง ในห้อง มาคุยทำความเข้าใจ และ Discussion ซะส่วนใหญ่ ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่อีก ยี่สิบปี มีโอกาสอย่างที่คุณลูกหมี ว่าไว้จริงๆ คุณทุ่มเท รู้สึกเหมือนผม ผมนึกถึง อ.ฉันทนา สอนฟิสิกส์ ผมเรียน ไม่รู้เรื่องเลยที่โรงเรียน มีโอกาสไปเรียนกับอาจารย์ แก่สอนพื้นฐานล้วนๆ ไม่ว่าโจทย์อะไร ก็พัฒนาไปจากพื้นฐานนี้แหละ ไม่ต้องไปท่องจำเป็นอันๆ ไป หลังจากนั้นผมสนุกกับการอ่านหนังสือมากขึ้นที่เดียว ตอนนี้ยังจำที่แก่สอนได้เสมอ ลูกศิษย์ผมเปิดสอนพิเศษ แบบพื้นฐาน ตอนนี้มีปัญหามาก คือเด็กจำนวนหนึ่งถามว่ามีสูตรลัดไหมจะเอาไปใช้ โจทย์แบบนี้สูตรลัดคือ?????  ซึ่งลูกศิษย์ผมไม่มี แต่ที่แย่กว่าคือ  มีครูโรงเรียนมัธยมก็มาขอแบบเดียวกัน ขอสูตรลัด  (ซึ่งลูกศิษย์ผมไม่มีเช่นเดิม) และที่แย่ที่ซู๊ด (ยังไม่หมด)  คือเด็กที่เรียนพิเศษที่นี้เพราะชอบแนวพื้นฐานไป Solve โจทย์ได้ สอบที่โรงเรียนได้คะแนนน้อย แม้คำตอบจะเหมือนกัน เพราะว่า ทำวิธีไม่เหมือนครู ครู:-)(ขออภัยไม่สุภาพ)ใช้สูตรลัดสอน ปล. ถ้าเจอแบบหน้าพร ผมคงถอดใจ แต่ แต่ แต่ อย่าคิดว่ากดเครื่องคิดเลขเพื่อให้ได้คำตอบนะครับ น้าพร เชื่อไหมว่าตอนนี้กดคิดเลข ยังกดกันไม่ถูกเลย  (ไม่รู้ว่าต้องใส่ลงเล็บตรงไหน เพราะ มันจะทำคูณหาร ก่อนบวกลบ) เวลากดเครื่องคิดเลข จะกดกันเป็นพรึด คำตอบ ผิดเสมอ กรรมไหมล่ะ คุณ Walkingtail  ผมเคยพูด สองเรื่องที่ทำให้ระบบการศึกษามันห่วยลง เมื่อสิบปีที่แล้ว 1. ประกันคุณภาพการศึกษา ที่พูดเพราะเห็นรูปแบบการตรวจให้คะแนนแล้ว จึงรู้ว่ามันจะทำให้ห่วยลงแน่นอน ปล.แม่ผมเป็นคนประเมิน T_T 2. ระบบ แอ๊ดมิสชั่น  ทำให้ภาพร่วมความตั้งใจของเด็กลดลง เพราะเห็นชัดว่าได้ที่เรียนแน่หรือเปล่า 3. การให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ต้องหาเงิน ตรงนี้ คอมโบ กับ ข้อ 1 แล้ว เวรสุดๆ มหาลัยต้องใช้เงิน ต้องการรับนักเรียน เลยมีความจำเป็นต้องรับเยอะขึ้น คุณภาพมันไม่ Match แล้วเกลียดที่สุด พวกที่ชอบใช้คำว่า    "นิสิต คือ ลูกค้า" ถ้าอยากรวย กรู ไม่มาทำอาชีพนี้เว้ยเฮ้ย จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 15:53:09

ความคิดเห็นที่ 35 คุณช้างยิ้ม... อย่าว่าแต่ให้ discuss เป็นภาษาอังกฤษเลยครับ มันต้องฝึกตั้งแต่การแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาไทยแล้ว ต้องฝึกกันจริงจังตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่ว่าเข้าห้องเรียนมานั่งฟังเพียวๆ ใครออกความเห็น...โดนทุกคนในห้องมองหน้า เอาหน้า อวดเก่ง ฯลฯ เวลาทำงานร่วมกับต่างชาติเลยนั่งนิ่งเป็นใบ้ ฟังฝรั่ง(และชาติอื่นๆ ด่ากัน) ส่วนเราถึงจะความคิดดีแค่ไหนก็พูดไม่ทัน... ไม่ใช่เพราะภาษา แต่เป็นเพราะไม่คุ้นเคยกับการ discuss ไม่ต้องว่าอื่นไกลครับ... ผมเองก็เป็นตอนเริ่มทำงานแรกๆ รู้สึกไม่เข้าพวกอยู่พักใหญ่ กว่าจะปรับตัวได้ T__T แต่ไอ้คนที่ไม่ปรับตัวเลยก็มี ... นักเรียนขอสูตรลัดนี่เป็นประจำ แต่จะโดนผมด่ากลับซะส่วนมาก... ... ทำแบบพื้นฐานพวกเอ็งยังทำไม่ไ้ด้ จะเอาสูตรลัดกันไปทำไมมากมาย(วะ)... ถ้าพื้นฐานเข้าใจแน่น จนตายก็ไม่ลืม จำสูตรลัดไปทำสามวันก็ลืมแล้ว ต่อยอดอะไรไม่ได้ เอาครับ สู้กันต่อไป ^^" จากคุณ : WalkingTrail เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 16:07:56

ความคิดเห็นที่ 36 ลองเอาโจทย์นี้ไปถามเด็กๆ ดูนะครับ จากสมการต่อไปนี้  A = 1/B  C = 1/A ถ้าให้ B = 47865  แล้ว C จะเท่ากับเท่าไหร่ แล้วอาจารย์ช้างยิ้มจะเข้าใจครับ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 16:48:13

ความคิดเห็นที่ 37 ที่บอกว่าเป็นแค่บางคน ถ้ามองเมื่อยี่สิบปีก่อน อาจจะแค่ 5% แต่ที่บอกว่าเป็นแค่บางคน สมัยนี้ น่าจะไม่น้อยกว่า 30% เริ่มเห็นอะไรรึยังครับ คำว่าบางคนมันไม่เหมือนกัน จากคุณ : basicguy เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 17:23:45

ความคิดเห็นที่ 38 เคยเห็นเด็กมหาวิทยาลัยท่อง a-z ได้ 24 ตัวมั้ยล่ะ พอให้เรียนโครงสร้างภาษาใหม่ตั้งแต่ต้น ก็บอกว่า " ภาษาต้องเน้นส่ือสาร ไม่ใช่ท่องจำ" แล้วก็ด่าอาจารย์ท่ีสอนไวยากรณ์ จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 18:05:22

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่รู้เรื่องเลย เพราะไม่ได้เรียนเลขตั้งแต่ม.ปลายแล้ว จากคุณ : Helicia เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 18:48:13

ความคิดเห็นที่ 40 ผมเคยให้เกรด 4 คณิตเด็กทั้งระดับ 3 คนเกรด 1 กระจาย เลยโดนเรียนเข้าห้องเย็น ทันทีที่กลุ่มสาระอื่นได้ยิน รีบไปปรับเกรดเด็กตัวเอง สรุปการประชุม สาระคณิตศาสตร์ ต้องปรับปรุงเรื่องเกรดเด็ก เด็กควรจะได้เกรด 4 มากกว่านี้ และเกรด 1 ควรมีแค่ 10 % ผมรับปากครับ แต่ไม่ทำตาม แล้วเด็กสมัยนี้เป็นอะไรกับทศนิยมมากไหม  เห็นเศษส่วนทีไรต้องรีบตั้งหารทันที ปล. เคยสอนเด็กม. 5 ที่ย้ายข้างสมการไม่เป็น ก็ว่าไปว่าพื้นฐานแย่มากนะ ว่าง ๆให้ไปหาหนังสือม.ต้นมาอ่านทบทวนซะ      เด็กก็อ้างว่า ไม่ชอบเรียนเลข อาจารย์ดุ ไม่มีแรงจูงใจ ก็เลยถามเด็กไปว่า " การที่เธออยู่ม. 5 แล้วยังแก้สมการไม่เป็น หารเลขสองหลักไม่ค่อยได้ มันยังไม่พอที่จะเป็นแรงจูงใจให้กลับไปดูคณิตศาสตร์อีกเหรอ " จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 18:56:20

ความคิดเห็นที่ 41 รู้แต่ครูสอนคณิตม.ต้นผมสอนห่วยมาก เอาแต่สอนพิเศษ ผมไม่รู้ตัวเองเลยว่าเก่งเลขจนกระทั่งขึ้นม.ปลาย >< จากคุณ : DoRaePEET เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 18:59:07

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านกระทู้นี้ แล้วรู้สึกว่าตัวเองฉลาดขึ้นมานิดนึง อยากถามคนที่เป็นอาจารย์สอนหน่อยครับ กรณี ที่เป็นโจทย์แสดงวิธีทำ แต่ว่าเด็กหาคำตอบมาให้แบบใช้วิธีไม่เหมือนที่อาจารย์สอน ปกติให้คะแนนกันยังไงครับ ผมเคยตอบถูกแต่ไม่ได้คะแนน เพราะวิธีไม่เหมือนที่อาจารย์สอนด้วยหล่ะ ไม่ชอบเลย จากคุณ : [เทวดาน้อย] เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:02:11

ความคิดเห็นที่ 43 ในฐานะนักเรียนม.ปลายธรรมดาๆ คนนึงเห็นกระทู้นี้หนูก็ "เพลีย" ค่ะ เด็กไทยเดี๋ยวนีประหลาดนะคะ.. หนูอยู่ในคลาสที่มีเพื่อนต่างชาติด้วย เขาจะมีทักษะการคิดแปลกประหลาดกว่าเด็กไทยทุกคนที่อยู่ในห้องมาก เช่น ดูเอ็มวีกังนัมสไตล์แล้วให้คิดวิเคราะห์... เค้าจะวิเคราะห์ลึกมาก ผิดกับที่พวกหนูวิเคราะห์กัน (พวกหนูวิเคราะห์แค่ว่าตลก สนุก แค่นี้ เค้าอธิบายองค์รวมจนหนูขนลุกเลยค่ะ T_T) หนูว่าเด็กไทยขาดคนดูแลเรื่องทักษะกระบวนการคิดนะคะ แบบถ้าคนนึงคิดแบบนี้แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องคิดแบบเค้า แต่เด็กไทยเพื่อนเอาไหนฉันก็เอานั่น ผิดช่างขอมีเพื่อนไว้ก่อน.. เหอะๆ มีบางพวกด้วยนะที่คิดว่า "ก็ฉันอยู่ไทย ทำไมฉันต้องพูดอังกฤษอ่ะ ? เพื่ออะไร??" เยี่ยมมาก... จะเข้าอาเซียนทุกวันนี้คนเหล่านั้นยังอยู่ในตม สงสัยพร้อมจะเป็นคนที่ให้เขาใช้แรงงานกันกระมัง - - จากคุณ : ซีอิ้วเห็ดหอม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:07:29

ความคิดเห็นที่ 44 อาจจะเริ่มที่ครูไม่มีประสิทธิภาพ เพราะครูในโรงเรียน มีภาระการงานมากมาย มัวแต่นั่งทำเอกสารครับ ไม่มีเวลาไปติวเด็กอย่างจิงๆจังๆเท่าไหร แล้วอีกอย่างอยากให้ได้ครูมีคุณภาพ ก็ทำให้เงินเดือนครู มันเป็นอะไรที่ใครก็อยากจะทำสิครับ ไม่ใช่คิดอะไรไม่ออกก็ไปเป็นครู แล้วจะได้ครูที่มีคุณภาพได้อย่างไรครับ จากคุณ : คิดว่า (anomary) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:11:15

ความคิดเห็นที่ 45 มันไม่ใช่แค่วิชาเลขกับวิทย์หรอกคะ เราเคยสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสให้กับเด็กม.6 พ่อแม่เขาขอแบบติวเข้มเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ แม่น้องเขาบอกว่าลูกเขาเก่งแล้ว ได้เกรด 4 ตลอด แต่อยากให้เขาพร้อมกว่านี้อีกหน่อย เราลองเอาข้อสอบมาให้น้องเขาทำ เพื่อดูว่าน้องยังอ่อนตรงไหน แต่น้องกลับทำไม่ได้ (ได้12จาก80) เราเลยให้น้องลองอธิบายข้อที่น้องตอบถูก น้องอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงตอบแบบนี้ แต่บอกว่าครูบอกให้ดูตรงนี้ถ้าตรงนี้เป็นแบบนี้ ต้องตอบแบบนี้ ข้อไหนคำตอบยาวๆให้เลือกไว้ก่อน ศัพท์ไหนที่แปลออกไม่ต้องเลือก (มีแบบนี้ด้วย 55) เราถึงกับไปไม่ถูกกันเลย นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เกรด 4 เพราะครูสอนแบบนี้ แล้วครูก็เป็นคนออกข้อสอบ เด็กเลยคิดว่าครูสอนเก่ง มีสูตรลัดเต็มไปหมด แต่พอมาเจอข้อสอบจริงๆ มันไม่ได้ตามสูตรที่ครูสอน (ภาษาไม่ได้มีสูตรเหมือนเลขกับวิทย์ มีแค่กฏที่บางทีก็ไม่เป็นไปตามกฏ) น้องเลยทำไม่ได้เลย ก่อนสอบหนึ่งเดือนเราต้องมานั่งปูพื้นฐานใหม่หมด (ถ้าเทียบกับภาษาอังกฤษคือน้องยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าช่องสองของ v.to.be คืออะไร) ผลสอบออกมาน้องได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง แต่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้ เพราะ GPA เยอะ (มากๆ) แต่พอเข้าไปปี 1 ก็โดนรีไทร์ออกมา เพราะเรียนไม่ไหว เกรดไม่พอ จากคุณ : victoire_mod เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:15:30

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 4 ปีที่แล้วตอนผมเรียน ป.ตรี ปี 1 ปัญหานี้แทบไม่มีนะครับ ผมเคยแอบเข้าไปเรียนในห้องกับน้องชาย ป.ตรี ปี 1 วิชา Computer Algebra   เด็กกว่า 80% ครับ ไม่รู้จักการแก้โจทย์ที่ติดตัวแปร,ย้ายข้างสมการ,การคูณหารเลขจำนวนเต็มลบ,การบวกลบเลขจำนวนเต็มลบ แล้วอ้างว่าไม่มีพื้นฐาน ผมเกลียดข้ออ้างที่บอกว่าตนนั้นไม่มีพื้นฐานมาก พื้นฐานที่ได้มานั้นก็ได้มาจากเรียน พื้นฐานไม่ได้เกิดขึ้นมาเองแต่มันเกิดขึ้นมาจากการสร้างจากการเรียนรู้ แล้วอ้างว่าไม่มีพื้นฐานเนี่ยรับไม่ได้จริงๆ ผมก็ไม่ได้จบโรงเรียนมัธยมชื่อดัง หรือ โรงเรียนในเมืองหลวง ที่ผมจบมาแค่โรงเรียนบ้านๆประจำอำเภอ แต่ผมคิดว่าอาจารย์ที่สอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนผมสอนดี ผมคิดว่าอย่างนั้น เรื่องนี้อาจโทษที่อาจารย์ไม่ได้ซะทีเดียว ต้องดูที่ตัวเด็กด้วย เด็กเดี่ยวนี้อาจไม่เหมือนสมัยก่อน ที่ผมเคยคุยกับคุณครูที่โรงเรียนมัธยมที่ผมจบมา เด็กเด๊่ยวนี้ต่างจากเมื่อก่อนที่ผมเคยเรียนมาก จากคุณ : HALU เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:19:58

ความคิดเห็นที่ 47 เข้ามาอ่าน ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะหลายๆ คนก็พูดแทนผมไปหมดแล้วอะคับ ประสบการณ์หลายอย่างที่เจอมากับตัว ก็ทำนองเดียวกันหมดเลย - -" ได้แต่นั่งกดให้กิฟท์ในแต่ละคอมเมนต์ แหะๆ จากคุณ : ชโรนนท์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:26:03

ความคิดเห็นที่ 48 อันนี้ผมไม่ได้เจอเองนะ แต่น้องที่เรียนเทคนิคอยู่เจอมา คือ น้องเราเค้ากำลังติววงจรไฟฟ้าให้เพื่อน ปวส. คนนึง แล้ิวปรากฏว่า เพื่อนคนนั้นไม่รู้จักเศษส่วน!! จากคุณ : OmegaPi เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:30:17

ความคิดเห็นที่ 49 สำหรับ คห 42 ที่ผมเรียนมาในมหาลัย ผมก็ชอบทำวิธีพิลึกๆ ไม่เหมือนชาวบ้านเหมือนกัน แต่อาจารย์เค้าก็ให้เต็ม เค้าบอกแค่ว่า ถ้าตรรกะมันถูกต้องตลอดทางแล้วทำให้ได้ผลออกมา มันก็สมควรได้เต็มแหละ จากคุณ : ชโรนนท์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:30:19

ความคิดเห็นที่ 50 ผมเองเคยเป็นติวเตอร์ชีววิทยา (ยอมรับว่าผมอ่อนเลข/ฟิสิกส์ ม.ปลาย แต่เลขพื้นฐานกับความเข้าใจหลังวิทย์แบบง่าย ๆ นี่ไม่มีปัญหานะ 55+) ปัจจุบันก็ยังสอนน้องสาวตัวเองอยู่ครับ กับน้องสาวที่เรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่รับรองว่าใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก เกรดน้องสาวผมสวยงาม แต่ตอนสอนน้องแล้วชวนหงุดหงิดโมโหจนจะเลิกสอนหลายรอบครับ แต่พอมาดูที่น้องเรียนที่โรงเรียนแล้ว ผมก็ไม่แปลกใจเลย - โรงเรียนไม่มีความพร้อมแล้วก็ไม่มีความพยายามเลยครับ มีอยู่หนึ่งเทอมที่ไม่มีครูเคมี ก็เข้าใจนะครับว่าครูหายาก แต่โรงเรียนก็แก้ปัญหาเทอมนั้นด้วยการเว้นมันไปทั้งเทอม ปัจจุบันนี้น้องผมกำลังจะจบ ม.5 เทอม 1 แต่เนื้อหาที่เรียนก็ยังไม่ถึงไหนเลยครับ - การบ้านเด็กสมัยนี้มันอะไรก็ไม่รู้ครับ ครูสั่งการบ้านมาเป็นหัวข้อรายงาน เด็กทำรายงานโดยไปก๊อปในอินเตอร์เนตแล้วแต่งหน้าตา ฟอร์แมตให้มันสวย ๆ เด็กส่ง ๆ ไปแล้วครูก็ให้คะแนนเฉย ๆ แทนที่จะไปเน้นที่เนื้อหา ให้อ่านแล้วมารายงานไม่ต้องไปนั่งทำรุปเล่มให้เสียเวลายังจะดีกว่า แถมยังมีการบ้านประเภทให้ใบงานมาวาดรูประบายสีอีกนะ เห็นแล้วอยากจะส่งจดหมายไปถึง ผอ โรงเรียนจริง ๆ เลยครับ - เนื้อหาสมัยนี้มันจับฉ่าย ไม่เป็นลำดับ ครูนึกจะสอนเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็หยิบมาปะติดปะต่อกันมั่วไปหมด อย่างเรียนพันธุศาสตร์โมเลกุลโดยยังไม่เรียนชีวเคมีหรือการแบ่งเซลล์เลย ปกติเด็กเรียนเรื่องนึงสอบไปก็แทบจะลืมหมด ความรู้เรื่องเก่าคืนครู เจอเรื่องใหม่ที่ต่อยอดมาก็แทบกระอัก ยิ่งครูเรียงเนื้อหากันจับฉ่ายยิ่งไปกันใหญ่เลย - เนื้อหาการเรียนมันไม่มีอะไรให้คิดให้วิเคราะห์เลยครับ แทบจะจำกันล้วน ๆ สังเกตได้เลย ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความเข้าใจมาก ๆ (เช่นพันธุศาสตร์ หรือชีวเคมี) กว่าจะอธิบายกันให้เข้าใจได้ก็แสนยากเย็น ยิ่งถ้ามีเวลาน้อย ๆ แทบจะต้องบอกเป็นขั้นเป็นตอนกันไปเลย - ข้อสอบที่โรงเรียนนี่ตัวดี พอน้องเอามาถามแล้วผมแทบลมจับ นั่ง Facepalm จนสิวขึ้น เพราะข้อสอบมันบ่งบอกเลยว่า ตัวคนสอนยังไม่เข้าใจเนื้อหาตรงนั้นเลย แล้วจะอธิบายให้เด็กเข้าใจได้ยังงัย อย่างงี้จบศึกษาศาสตร์มาก็เปล่าประโยชน์ สู้เอาพวกจบสายตรงมาสอนเลยยังจะดีซะกว่า - ขออีกข้อที่ครูครับ ครูบางคนสอนมายี่สิบสามสิบปี ความรู้เปลี่ยนแปลงไปไหนถึงไหนก้ไม่เคยจะอัพเดตตัวเอง ยิ่งสายวิทยาศาสตร์ความรู้มันเปลี่ยนตลอดเวลา บางคนเคยสอนยังงัยสอนมายี่สิบปีก็ยังสอนผิดอยู่อย่างนั้นครับ - เป็นเรื่องแปลกอีกอย่างนึงว่า ครูที่โรงเรียนมักสอนช้ามาก ๆ ตอนหลังสอบ และเด็กก็ไม่รู้เลยว่าเทอมนี้จะเรียนเรื่องอะไรและสอบถึงไหน อันนี้อาจจะเป็นที่เด็กเองก็ไม่ขวนขวาย และครุเองก็ไม่ได้มีแผนการสอนที่ดี เห็นสอบเสร็จใหม่ ๆ ก็ชิวกันทุกที แล้วก็ใช้เวลาครึ่งนึงนั้นย่ำต๊อกกับเนื้อหาเดิม ๆ พอใกล้สอบแล้วก็เร่งสอนกัน ไม่งั้นก็โยนให้อ่านเอง ถ้ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญบางทีก็พอจะอภัย แต่น้องสาวผมเคยต้องเรียนความหลากหลายให้จบภายในสองสัปดาห์ ซึ่งมันบ้าและเป็นไปไม่ได้สุด ๆ ครับ - ขอบ่นข้อสุดท้ายที่เด็กแล้วกัน น้องผมเองนี่แหละ สมาธิสั้นเหลือเกิน เรียนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ต้องพักก็ต้องหาของกิน ทำหน้าง่วง เรียนมาก ๆ มีเหวี่ยงใส่อีก บางทีอธิบายไปเยอะ ๆ เพราะอยากให้เข้าใจ มันก็บอกว่าโรงเรียนไม่สอน ไม่ต้องไปพูดถึงหรอก จำแค่นี้ก็พอ (แน่ะ สั่งคนสอนซะงั้น) แล้วเวลาเรียนก็ชอบกดโทรศัพท์เหลือเกิน กลายเป็นว่าการกดโทรศัพท์ระหว่างเรียนเป็นเรื่องธรรมดาไป ผมเองก็นึกสงสัยว่า มันได้ใช้ความเข้าใจอะไรมั่งมั้ยนอกจากไปนั่งท่อง ๆ ทีหลัง (ผมถามเพื่อนผมที่เป็นติวเตอร์เหมือนกันก็เจอเหตุการณ์คล้ายกัน เข้าใจกันดีเลยทีเดียว 555+) บ่นมาเยอะมากอย่างไม่รุ้ตัว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าบ่นไปก็ไม่ได้อะไร ถึงไม่อยากยอมรับความจริง แต่ก็ค้นพบว่าเราคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าบ่น แต่ก็ดีใจที่ยังมีคนคิดเหมือนผมหลาย ๆ คนในกระทู้นี้ครับ ปล. ผมค้นพบว่าเด็กขี้เกียจจะคำนวณยิ่งกว่าการติดเศษส่วนอีกนะครับ เห็นต้องคิดเลข (ถึงจะง่ายและโง่เท่าไร) ก็ยังอยากจะหยิบเครื่องคิดเลขออกมาจิ้มกันทุกที จากคุณ : PingP เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:09:07

ความคิดเห็นที่ 51 อยากถามคนที่เป็นอาจารย์สอนหน่อยครับ กรณี ที่เป็นโจทย์แสดงวิธีทำ แต่ว่าเด็กหาคำตอบมาให้แบบใช้วิธีไม่เหมือนที่อาจารย์สอน ปกติให้คะแนนกันยังไงครับ ^^^ อาจารย์ควรจะดูออกครับว่าวิธีที่เด็กทำ ถูก หรือ ผิด ไม่ใช่ว่า เหมือน หรือ ไม่เหมือน ถ้าวิธีที่เด็กทำมาผิด แต่ดัน ฟลุกได้คำตอบถูก ต้องอธิบายในจุดที่ผิดให้ได้ ว่าเพราะอะไร หลักเกณฑ์ไหน ทำไมถึงไม่ได้ ถ้าอธิบายไม่ได้ เป็นความผิดครูผู้สอนครับ ไม่ใช่ความผิดเด็ก ผมเคยได้เกรด C วิชา English Communication in Career ด้วยเหตุผลว่า ผมเขียนรูปประโยคไม่เหมือนที่ อจ. สอน จะให้เหมือนได้ัยังไงครับ ผมไม่ได้ท่อง เพราะเห็นว่ารูปประโยคที่ อจ. สอน มันช่างเป็น pattern ที่ไม่มีใครเค้าพูดกัน นอกจากหุ่นยนต์ จากคุณ : WalkingTrail เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:31:07

ความคิดเห็นที่ 52 อยากให้มีโรงเรียนแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อลูกหลานของเรา เพื่ออนาคตของชาติ จากคุณ : TIYHz เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:56:34

ความคิดเห็นที่ 53 ไม่ใช่แค่นักเรียนครับที่คิดไม่เป็น ครูบางท่านก็ตีกรอบให้นักเรียนคิดตามเค้าด้วย ผมเรียนคณิตศาสตร์กับครูท่านนึง อยู่ม.6 น่ะครับ ครูสอนเรื่องความน่าจะเป็น แล้วมีโจทย์ข้อนึงประมาณว่าให้คน 7 คนนั่งเป็นวงกลม ใน 7 คนนี้มีพ่อแม่ลูกอยู่1ครอบครัว โดยให้ลูกนั่งระหว่างพ่อและแม่ ได้กี่วิธี ครูท่านก็คิดๆไปโชว์วิธีคิดให้ดู ท่านก็ทำเอาพ่อมาต่อด้วยลูกตามด้วยแม่ สลับพ่อและแม่ คูณไปคูณมา พอเสร็จ ก็มีเพื่อนผมแย้งไป ว่าถ้าระหว่าง มันไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกันก็ได้นะ มีคนมาคั่นกลางก็เรียกว่าอยู่ระหว่างเหมือนกัน เพราะงั้นลูกจะอยู่ตรงไหนของวงกลมก็ได้ เพราะมันอยู่ระหว่างพ่อกับแม่ทุกตำแหน่ง ครูก็อึ้งๆไปนิดนึง ละก็ตอบมาประมาณว่า "อยากคิดอย่างงั้นก็คิดไป แต่เด็กทั่วประเทศเค้าคิดกันแบบนี้" เพื่อนผมก็ เออ ปล่อยไปละกัน คณิตศาสตร์กลายเป็นเสียงส่วนมากซะแล้ว จากคุณ : ipod_nenaz เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 22:04:28

ความคิดเห็นที่ 54 ปัญหาแบบนี้มันไม่ใช่ที่ตัวเด็กครับ มันเป็นปัญหาที่คนสอนครับ เพราะประเทศนี้ไม่ได้สนับสนุนให้เก่งๆ มาเป็นครู แต่ยังปล่อยให้คนที่ไม่ค่อยเก่งมาเรียนครูได้ อย่างเกลื่อนกลาด แต่ถ้า รร.ดังก็ยังมีครูเก่งๆอยู่บ้าง แต่ถ้ารร. ห่างไกลก็คงยากอะครับที่จะมีครูเก่งๆ ถ้าอยากให้เด็กเก่งต้องยกมาตรฐานวิชาชีพครูครับ ต้องพยายามให้คนเก่งๆ มาเป็นครูให้เยอะ ไม่ใช่แค่อยากเป็นครูอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้ความสามารถด้วย เพราะเด็กจะเก่งได้ก็ต้องมาจากแม่พิมพ์ที่มีคุณภาพ จากคุณ : noopwha (Noopwha) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 22:43:08

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาลงชื่อ ประกันคุณภาพเหอๆ ประกันจนคุณภาพตกแล้วตกอีก จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 22:53:38

ความคิดเห็นที่ 56 คห.53 ถ้าเป็นเรื่องเรียงสับเปลี่ยน ความน่าจะเป็นเนี่ย มีความกำกวมของโจทย์อยู่เยอะครับ เลี่ยงไม่ได้เลยที่บางทีครูต้องสอนนักเรียนว่า คนออกโจทย์ ถ้าใช้ความหมายแบบนี้ เค้าหมายถึงแบบนี้ ^^" เพราะตอนให้คะแนนมันเป็นชอยส์ครับ เลยโดนบีบวิธีคิดลงมา ไปไหนไม่ได้ แต่ดูจากคำตอบที่ครูตอบแล้ว ครูเกรียนครับ -*- จากคุณ : WalkingTrail เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 22:53:56

ความคิดเห็นที่ 57 ในฐานะที่ทำงานด้านพัฒนาครู และพัฒนาหลักสูตรการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศนะคะ อยากบอกว่าจริงๆแล้ว เราพยายามที่จะพัฒนาทั้งตัวบุคคลากร และตัวหลักสูตรให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา โดยหลักการสอนวิทยาศาสตร์ที่เราเน้นให้ครูทำไปใช้คือ การสอนในรูปแบบ Inquiry base ซึ่งจะเน้นกระบวนการคิดเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามการจัดการเรียนการสอนรูปแบบนี้ค่อนข้างทำได้ยากในห้องเรียนจริงที่มีนักเรียนค่อนข้างเยอะ และบุคคลากรด้านการศึกษาค่อนข้างน้อย ซึ่งปัญหาต่างๆจากความไม่พร้อม ก็ต้องพยายามแก้ไขกันต่อไป ทีละจุดๆ ปัญหาที่เรากังวลในตอนนี้คือเด็กไทย ขาด Process Skill และ Attitude ในการเรียนวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก คือมีแต่ความรู้ แต่ไม่รู้ว่ารู้ไปทำไม และนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร ท้ายสุดอาจทำให้การศึกษาวิทยาศาสตร์จะล้มเหลวทั้งระบบ พูดเรื่องปัญหาพวกนี้ 3 ปีก็ไม่จบ จริงๆนะคะ แต่ตราบใดที่บุคคลากรที่เกี่ยวข้องยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศอย่างจริงจัง โดยทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์แล้วละก็ สุดท้ายทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอนค่ะ จากคุณ : Flora's secret เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 01:14:04

ความคิดเห็นที่ 58 โทษเด็กโง่ฝ่ายเดียวไม่ได้หลอก ครูบางคนนั้นหล่ะที่สอนให้เด็กโง่ มีบางสิ่งที่ผ่านไปเป็นสิบๆปีแล้วแต่ผมยังจำได้ดี เคยถามครูสอนภาษาอังกฤษว่า This That There the ทำไมมันออกเสียง ด.เด็ก ทำไมไม่ออกเสียง ทิส แทด แท เทอะ คำตอบจากคุณครูผู้สอนคือ "เค้าให้ออกเสียงอย่างงี่ เธอก็ออกเสียงแบบนี้ไปเหอะ" (น้ำเสียงเกรี้ยวกราด) เชื่อป่ะ นี้ขนาดผมจบมาจาก โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา เชียวน่ะ คำตอบจากครูผู้สอนยังเฮงซวยขนาดนี้ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 02:26:34 จากคุณ : Fatdiary เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 02:25:57

ความคิดเห็นที่ 59 #38 a-z มี 26 ตัวครับ ผมท่องได้นะ แต่อักษรไทย 44 ตัว ผมท่องไม่ได้ฮาฮา จากคุณ : ohm121 เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 09:38:29

ความคิดเห็นที่ 60 เรียน คุณ Flora's secret    ผมขอเสนอความเห็นนะครับ ในส่วนการพัฒนาการเรียนการสอน เมื่อก่อนสอนตามตำรา การแปลผลอย่างไร นั้นไม่ชัดเจน ทำให้เด็กคิดไม่ได้ ส่วนปัจจุบัน กำลังแก้ปัญหา โดยพยายามให้เด็กคิดได้ และเท่าที่เห็นเพิ่มในส่วน Child Center เข้ามา ในส่วนนี้ ผมว่ามันเป็นการกลับลำมากเกินไป แนวความคิดแบบนี้ผมว่าดีแน่นอน ถ้าเด็กเหล่านั้นทุกคน เป็นเด็กที่ต้องการเรียนรู้ (ซึ่งผู้ออกแบบการเรียนแบบนั้นน่าจะคาดว่าเป็นแบบนั้น) มาตรการต่างๆ ที่ตามมา คือ ครูต้องสอนให้เด็กมีความรู้มาก โดยวัดที่เกรด ซึ่งได้ผลมาก ถ้าเด็กทุกคนต้องการรู้มาก และ ข้อสอบได้มาตรฐาน ปัญหาที่เกิดขึ้นคือความต้องการตัวเลข ได้เกรดมาสวยๆ ไปประกอบกับ ประกันคุณภาพการศึกษา(จอมปลอม) กรอปกับ พื้นฐานเด็ก และคนทั่วไปในโลก ถ้าสบายๆ ทำเรื่องสนุกๆ ก็รู้สึกดีกว่า ทั้งนี้ถ้านับเปอร์เซ็นต์ เวลาอาจารย์ขาดสอน จะมีเด็กดีใจ 90 เปอร์เซ็นต์ มีเด็กเฉยๆ ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ และ มีเด็กที่หงุดหงิดว่าทำไม อาจารย์ไม่มาสอน เราอยากได้ความรู้ ที่จริงมีกี่เปอร์เซ็นต์ (ถามใจเราดู) เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ผู้เรียนไม่จำเป็นอยากได้มาก โรงเรียนอยากได้ประกันคุณภาพสูง การให้งานเยอะ ปล่อยคะแนน เด็กได้เกรดดี แต่ความรู้ต่ำจึงออกมามาก (ตรงนี้ผมว่าผิดที่ ระบบคนสั่งการให้เป็นแบบนี้ของผู้ใหญ่ในวงการศึกษาเลยนะครับ) ที่แย่กว่านั้น เด็กทำงานเพียงเล็กน้อย ท่องหนังเล็กน้อย เวลาสอบได้ A ผลพวงที่ตามมาคือ เด็กเข้าใจว่า ทำงานเพียงแค่นี้ ได้ A แล้ว ความพยายามในการอ่านหนังสือ ค้นคว้า หรือ หาตำราเพิ่มเติมจะแทบไม่มี ตรงนี้ เห็นได้เยอะขึ้นจากการที่เด็ก ชอบถามอาจารย์ว่า ทำไม ชอบออกนอกชีทที่สอน ใน Power point ที่สอน ทั้งๆ ที่จริง ไม่ได้ออกนอกเหนือ แต่ โจทย์ไม่เหมือนแค่นั้นเอง แต่เรื่องเดียวกัน เด็กมีทำบันทึกร้องเรียน ว่าได้ F ในรายวิชานี้ ได้อย่างไร เนื่องจากเขามาเรียนครบ และ ส่งงานครบ (แต่ที่จริงเด็กทำข้อสอบ ส่งกระดาษเปล่า 10 ข้อจาก 12 ข้อ) ตรงนี้เด็กติดยึดไปแล้วว่าเรียนยังไง ก็ผ่าน ตรงนี้กำลังลุกลามมาในระดับป.ตรี มาเยอะขึ้นมาก จนจะจัดการไม่ไหวแล้ว ผมเองต้องฝากผู้พัฒนาทางนี้ เร่งสร้างระบบที่มันตอบสนองกับคน และ ให้ความรู้กับคนอย่างแท้จริงครับ ขอแสดงความนับถือ ปล. Child Center หลายคนชอบว่าต้องถามว่านิสิตต้องการอะไร ผมถามคนมาบรรยาย ถามว่าคุณคิดว่านิสิต นักเรียนที่ไม่เคยเรียนมีความรู้อะไรเลย เขาจะรู้ไหมว่าเขาอยากเรียนอะไร หรือ เขาต้องรู้อะไร ขนาดครูเรียนจบมา ป.ตรี ป.โท ป.เอก ยังต้องมีการควบเนื้อหาการเรียนจากส่วนกลางเลย ในส่วนนี้ผมคิดว่า ส่วนกลางควรแก้ปัญหาโดยตรง (สำหรับนักเรียนปฐม จนถึง ม.ปลาย) ควรจัดสรรค การเรียน ดังนี้ 1. ความรู้ ที่ กำหนดให้เรียน 10-12 คาบ (คนเราต้องมี Base ความรู้ก่อนครับ ไม่งั้นจะไปคิดออกได้ไง) 2. ความรู้ ที่นำความรู้พื้นฐาน นำไปใช้อย่างไร 2-3 คาบ  โดยกระทรวงออกแบบมาเลย ว่า มีความรู้พื้นฐานแบบนี้ เอาไปใช้ประโยชน์แบบนี้ได้นะ (ในส่วนนี้ Design มาเลยครับ) ต้องเป็นการสอนเด็กให้ีรู้จักการนำความรู้พื้นฐานมา ดัดแปลงใช้ก่อน (ถ้าไม่สอนบางคนทำไม่เป็นจริงๆ) 3. ให้นักเรียน นำความรู้มาคิดด้วยตัวเอง ว่าจะเอาไปใช้อย่างไร 1-2 คาบ (ห้าม copy จาก อินเตอร์เน๊ตมาส่ง เอามาได้แต่ต้องใช้วิธีรวบรวมความคิด และ นำเสนออย่างมีความคิด) ถ้าได้แบบนี้ผมว่าน่าจะดีขึ้นนะ จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 09:45:10

ความคิดเห็นที่ 61 เสนอให้เด็ก ม.1 ถึงม.6 ในแต่ละปี เดือนสุดท้ายก่อนเลื่อนชั้นให้ทำรายงานการรวบรวมองค์ความรู้เชิงรวมที่ได้จากการเรียนตลอดทั้งปีส่งครู   ประกวดกันไปเลย ของใครทำรายงานได้ดีสุด เก็บใส่ห้องสมุด เป็นไกด์ไลน์ให้นักเรียนรุ่นต่อไป* * เหมือนท่านไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง หลังฝึกเสร็จท่านต้องส่งรายงานว่า บริษัทแห่งนี้มีความรู้อะไรให้ท่านบ้าง  ส่วนบริษัทก็จะประเมิืนตัวเองได้ว่าที่ตัวเองมีมัน คนอื่นรู้ว่ามันมีระดับไหน  ผมขอให้เหตุผลละเอียดทีหลังนะครับ ** เห็นเด็กสิงค์โปร์จะเก่งในเรื่องแบบนี้มาก *** เรื่องลอกรายงาน ถ้าต้องลอก หรือไกด์ไลน์ ก็ต้องเข้าหาห้องสมุด หาของคนที่ทำไว้ปีก่อน อันเป็นคนที่เก่งที่สุด มองครอบคลุมทุกด้าน และฉลาดที่สุด ก็ยังดีที่ได้ถ่ายเทความรู้จากนักเรียนด้วยกัน จากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง จากคนที่ฉลาด ที่มองไกลที่สุด สู่คนที่เรียนอ่อนได้ **** วันนึง นักเรียนที่เลื่อนชั้น ได้ขึ้นม.3 จะไปสอบเรียนต่อ  หรือ ม.6 จะไสอบเข้ามหาลัยที่ต่างๆ สามารถสรุปรวบยอดจากรายงาน ทั้ง 3 ปี 3 เล่ม หรือวิชาต่างๆได้เลย มันมาจากคนที่ดีที่สุด ที่เข้าใจที่สุด มันก็น่าที่จะเคลียร์ที่สุดสำหรับเด็กวัยไล่ๆกัน ***** เรียนได้ เรียนเข้าใจ เรียนแล้วไม่มีวันลืม เด็กก็ต้องบรีฟสรุปการเรียนในแต่ละวันเก็บไว้ ไม่เข้าใจตรงไหน ต้องไถ่ถาม หรือหาจุดอ้างอิงของเด็กรุ่นก่อนๆ คนเรียนเก่งอย่างเดียวไม่ดี ต้องถ่ายทอดเก่งด้วย ถ่ายทอดด้วยมุมมองที่เข้าใจ  ถูกหลักวิชา และไม่มีวันลืม ยังต้องมีความต่อเนื่องในเนื้อหาสาะ และเข้าถึงเหตุผล แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 10:20:09 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 10:15:32 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 10:10:19 จากคุณ : พัดกุ้ง เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 10:04:43

ความคิดเห็นที่ 62 น้องสาวเป็นอาจารย์สอนภาษาไทย เคยมาเล่าให้ฟังว่า เด็ก ม. 2  ให้สะกดคำภาษาไทย แต่สะกดไม่ได้ ตอนนั้นยังคิดว่าเหลือเชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่งั้นจะผ่านมาถึง ม.2 ได้ยังไง เค้าบอกว่าเป็นกันหลายคนมาก ต้องเรียกมาสอนพิเศษเพิ่มหลังเลิกเรียน ให้อ่านเป็นคำๆ อ่านได้ แต่พอแยกคำให้สะกด กลับทำไม่ได้ เช่น "ไฟฟ้า" พอเห็นก็อ่านได้  แต่พอแยกคำ  "ไฟ"   "ฟ้า"  ให้อ่านแบบสะกดคำ ฟอ ไอ ไฟ , ฟอ อา ฟา ไม้โท ฟ้า  แบบนี้  เด็กกลับสะกดไม่เป็น แล้วพอสอนให้สะกดคำนี้ได้ แล้วลองเปลี่ยนพยัญชนะ ตัวอื่น ก็สะกดไม่ได้อีก.. ฟังแล้วเพลียกับเด็กสมัยนี้จริงๆ จากคุณ : เจ้คนไกล เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 10:05:24

ความคิดเห็นที่ 63 เคยสอนพิเศษเลขอย่างเดียว.. แต่ไหงไม่รู้ ไปๆ มาๆ สอนมันหมดเกือบทุกอย่าง แม้กระทั้ง 5ส. ในชีวิตประจำวัน... งงกับเด็กมันเหมือนกันว่าเรียนมาถึง ม.ปลายกันได้ยังไง... บางคน ม.ปลายแท้ๆ ห้องคิง ยังท่องสูตรคูณไม่ได้ก็มี... ^&^' จากคุณ : nuynui เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 10:25:58

ความคิดเห็นที่ 64 ผมเป็นครูคณิตศาสตร์ สอนมัธยมประจำจังหวัดครับ คุณเพิ่งจะรู้หรือครับว่าเด็ก ป.ตรีย้ายข้างสมการไม่เป็น คุณต้องพบกับคนเยอะๆ ครับ เพราะเด็กบริหาร มหาวิทยาลัยทั่วๆ ไป ย้ายข้างสมการไม่ได้จริงๆ ครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากกกๆๆๆ ครับ เป็นเรื่องปกติครับ เด็ก ม.ปลาย ท่องสูตรคูณไม่ได้ ก็เป็นเรื่องปกติอีกเช่นกันครับ เพราะจากที่ผมสอนมาหลายๆ โรงเรียน รวมทั้งไปออกค่ายสอนตามโรงเรียนต่างๆ ยังไม่เคยเห็นโรงเรียนไหนที่นักเรียน ม.ปลายท่องสูตรคูณครบ 12 แม่ เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ เลยครับ เพราะการท่องสูตรคูณต้องอาศัยทักษะการจำขั้นสูงครับ ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ดังนั้น คุณไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมคะแนนวิชาคณิตศาสตร์มันถึงได้ต่ำขนาดนั้น ผมจะเข้าสอนห้องไหนเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะม.ต้น ม.ปลาย สิ่งแรกที่ผมจะสอนคือ สอนนักเรียนท่องสูตรคูณ ครับ ผมขออนุญาตสรุปให้ทุกท่านเข้าใจเลยนะครับว่า การท่องสูตรคูณ จะถูกผูกขาดเฉพาะนักเรียนเก่งเท่านั้น ดังนั้น ใครก็ตามที่ท่องสูตรคูณได้ถือว่าเป็นเด็กเก่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ สุดท้ายคือ สมัยก่อน เด็กที่เก่งจริงๆ ถึงจะได้เรียนต่อมัธยม แต่สมัยนี้ เพื่อให้เด็กทุกคนได้เรียน จึงจำเป็นต้องยอมรับในส่วนนี้ คือ คุณภาพของประชากร สมัยก่อนคนที่เรียนมีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่สมัยนี้คนได้เรียนมีเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ความฉลาดยังเท่าเดิม ตอนนี้เราอยู่ในช่วงการขุดปัญหาขึ้นมาแก้เท่านั้นครับ ไม่่ต้องตกใจๆ เรื่องจริง ไม่อิงนิยาย แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 12:39:41 จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 12:30:34

ความคิดเห็นที่ 65 ผมสงสัย ขึ้นมาเลย คุณ Amnakin แล้วครูปฐม ครูมัธยม สอนอะไรให้เด็กในชั่วโมงเรียน ในส่วนที่คุณอธิบายผมขอไม่เห็นด้วย   ผมเองคือเด็กท้ายห้อง สมัยเรียนปฐม หรือ ม.ปลาย ที่ประมาณที่ 30-40 กว่าๆ จาก 50 คน ดังนั้นที่บอกว่าคนเก่งเท่านั้นท่องสูตรคูณได้ ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะแม้ผมจะอยู่ท้ายห้อง เรื่องสูตรคูณ ย้ายข้าง ผมทำได้เป็นอย่างดี และ เพื่อนๆ ก็ทำได้เป็นอย่างดี จะมาแตกต่างกันมากตรงเอาโจทย์มา ตีเป็นสมการเพื่อแก้ปัญหา บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้ (ปล.พึ่งจะมาเรียนดีตอนเรียนป.โท เรียนเพราะอยากรู้ และ สนุกกับมันเลยเรียนดี) ที่คุณพูดมาผมเลยสงสัยว่า แล้ว สอนอะไรให้กับเด็ก ถ้าไม่สอนย้ายข้าง หรือ สูตรคูณ ผมว่ามันมีอยู่ในตำราเรียน ว่าสอนในตรงนี้ และต้องมีการวัดผล ว่า ได้ผลดังที่สอนหรือเปล่า ถ้าคุณทำงานสายครู และเรียนศึกษาศาสตร์ มันมีวิชาวัดผลใช่หรือไม่ การออกข้อสอบ ต้องมีแบบไหน ถึงสามารถวัดผลได้ เรียนกันจนเป็นวิชา แต่เท่าที่อ่านความเห็น ทำให้ผมคิดว่า การปล่อยผ่านมา ทั้งๆ ที่ทำไม่ได้ และไม่มีความรู้ แสดงว่าการวัดผลล้มเหลว ใช่หรือไม่ ตรงนี้น่าจะเป็นประเด็นสำคัญนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 14:43:25 จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 14:40:46

ความคิดเห็นที่ 66 ขอแชร์กับคุณช้างยิ้มและคุณ Amnakin ครับ ไม่แน่ใจว่าจะตรงกับที่คุณ Amnakin เจอมาหรือเปล่า แต่น้องๆ ที่ผมสอนมาหลายรุ่น ย้ายข้างสมการได้... แต่ได้จากการท่องจำเท่านั้นครับ คุณครูสอนเค้าว่า ย้ายข้าง จากบวกเป็นลบ จากคูณเป็นหาร แค่นี้ อาจจะมีการสอนพื้นฐานบ้างแต่ไม่ได้เน้นย้ำ ทุกคนเลยลืมพื้นฐานไป คราวนี้... พอจำเคล็ดได้แค่นี้ เลยเข้าใจไปเลยว่า ย้ายข้างแบบนี้ได้หมดทุกสิ่งอย่างในจักรวาล ตัวอย่างนะครับ 4   = 2x+1 4/2 = x+1 2   = x+1 2-1 = x 1   = x เนียนแบบนี้หลายคนละครับ บางครั้งผมจึงเน้นย้ำครับ ว่าไม่ใช่แค่การกวดวิชาเท่านั้นที่ทำให้นักเรียนเสพย์ติด "ทางลัด" ... แต่วิธีสอนและวิธีวัดผลที่ทำให้เด็ก "ทำได้" มากกว่าการ "เข้าใจ" ต่างหากที่เป็นต้นเหตุ เห็นด้วยกับคุณช้างยิ้มที่ว่า ... ถ้าทำไม่ได้ ไม่มีความรู้ ไม่ควรให้ผ่านครับ ซ้ำชั้นก็ต้องซ้ำ จากคุณ : WalkingTrail เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 15:17:32

ความคิดเห็นที่ 67 สวัสดีครับ คุณ WalkingTrail   เจอย้ายข้างแบบนี้ ผมยังสอนต่อได้นะ แปลว่าเด็กมีฉันทะพอควร แต่ ได้รับความรู้ที่ผิดมา ได้ไม่ผิดหรอก แต่ยังได้มาไม่ครบ แต่ถ้าเจอถามว่า ทำไงอ่ะ ทำไม่เป็น อันนี้ไปต่อไม่ถูกครับ วันนั้น ดู รายการหนึ่ง เขาพูดถึง ว่าทำไม เดี๋ยวนี้ครู และ การสอนพิเศษจึงใช้สูตรลัดล้วนๆ ตรงนี้มีคนหนึ่งพูดน่าสนใจครับ มันเป็นเพราะข้อสอบ Gat Pat ถ้าวิเคราะห์ที่ข้อสอบ ไม่ได้ เป็นข้อสอบที่มุ่งเน้นให้เด็กทำได้ แต่หลายคนทำได้แต่ไม่ทัน  จึงเป็นข้อสอบที่มุ่งเน้นให้เด็กทำทันหรือเปล่า ปัญหามันเลยเกิดขึ้นที่ต้องเอาสูตรลัด มาใช้ เพราะถ้าคิดตาม Step มันจะช้ากว่าเล็กน้อย เขาต้องการผลสัมฤทธิ์ ของ 100 ข้อนี้ครับ มันเลยไม่ใช่ผลสัมฤทธิ์ของการเรียนตลอด 3 ปี เด็ก ทั้งอาจารย์ ทั้งครูพิเศษ บางครั้งจึงเลี่ยงไม่ได้ที่สอนแบบนี้ ทั้งๆที่สูตรลัดต่างๆ ที่จริง เราสามารถ Solve ได้ ด้วย Math ชั้นสูง เช่น Math Technique หรือ Numerical Method Solve เสร็จว่าทำแบบนี้ ก็ให้เด็กมาจำแบบง่ายๆ ทั้งๆ ที่ Math 2 ตัวที่กล่าวมา มันเป็นระดับ ป.โท เขาเรียนกัน(ถ้าไม่ใช่ภาค Math นะ) บางครั้งก็เห็นใจ ครู ครูพิเศษ และ เด็ก ที่จริงแล้วข้อสอบมันเป็นแบบนั้้น  คนที่ต้องใช้จึงเป็นแบบนี้ โทษไปโทษมา ผมโทษข้างบนอย่างเดียวเลยนะนั้น จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 16:21:51

ความคิดเห็นที่ 68 เรียนปี4อยู่ทุกวันนี้อาจารย์ก็ยังสอนย้ายข้าง บวก ลบ คูณ หาร ใส่วงเล็บ เศษส่วน.....วิศวะ?? เจอโจทย์แปลกๆก็ตายละ เพราะแก้โจทย์ไม่ได้ จากคุณ : เขียนบน iPhone (นายชอล) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 17:25:56

ความคิดเห็นที่ 69 Gat Pat ถ้าวิเคราะห์ที่ข้อสอบ ไม่ได้ เป็นข้อสอบที่มุ่งเน้นให้เด็กทำได้ แต่หลายคนทำได้แต่ไม่ทัน  จึงเป็นข้อสอบที่มุ่งเน้นให้เด็กทำทันหรือเปล่า ^^^ อันนี้เป็นประเด็นใหญ่เลยครับคุณช้างยิ้ม บางทีข้อสอบมันไม่ได้เน้นพื้นฐาน แต่ดันไปเน้นประยุกต์แบบ รู้ก็รอด ไม่รู้ก็ตาย ถ้าทำตามเสต็ปก็ทำไม่ทัน แต่ผมก็ยังยืนยันกับทุกคนที่มาเรียนกับผมครับ... ช้าถูกต้อง นำไปหาเร็วถูกต้อง ถ้าทำช้าแต่ชัวร์ ความเร็วจะค่อยๆ เพิ่มทีละนิด แต่ถ้าเร็วด้วยสูตรลัด ใช้ผสมปนเป มันหาความแน่นอนไม่ได้ ออกจากห้องสอบทำไป 70% แบบชัวร์ๆ เน้นๆ ดีกว่าทำได้ทันหมด แต่ไม่รู้ข้อไหนชัวร์บ้าง ยิงโดนเป้าเท่าไหร่ อันนี้ไม่ค่อยดีแล้ว กลับมาเรื่องเดิม เด็กไทยยังวัดผลตัวเองจาก "คะแนน" มากกว่า "ความรู้" ที่มีในตัวครับ มันเลยเป็นแบบนี้ T__T จากคุณ : WalkingTrail เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 17:50:05

ความคิดเห็นที่ 70 สมการที่คุณบอกมันไม่ใช่ ประสิทธิภาพ มันแค่เป็น %different   และถ้าเป็นสมการทั่วไปที่เครื่องหมายบวกลบมีนัยสำคัญแล้ว ต้องเอา หลังลบก่อนนะครับ ส่วนสมการประสิทธิภาพมันก็ต้อง output/input นะครับ จากคุณ : น้องหนูหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:39:40

ความคิดเห็นที่ 71 ผมจบ ม.ปลาย ปี45 และเป็นคนนึงที่เรียนกวดวิชานะครับ กวดวิชาสมัยก่อนมีวิธีสอบคิดลัดจริง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งพื้นฐานนะครับ ผมว่าเด็กมันไปสนใจแต่สูตรลัดมากกว่า จากคุณ : ปังปอนด์ป่วน เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:41:09

ความคิดเห็นที่ 72 อืม ก็เข้าใจนะ ว่าหลายๆคนไม่ได้เก่งทุกเรื่อง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่น่าจะผ่านหลักสูตรนั้นได้ แถมผ่านไม่พอ ยังผ่านแบบได้ A ที่เป็นปัญหาคือระบบแล้วหล่ะ อันนี้ผมไม่ได้ดูถูกคนนะ ผมเข้าใจว่าทุกอย่างมันย่อมมีคนรู้และไม่รู้ คนแต่ละคนย่อมเก่งในเรื่องแตกต่างกันไป แต่หลักสูตรที่จำเป็นต้องมี "คนรู้" เท่านั้นที่ผ่าน กลับมีคน "ไม่รู้" ผ่านมาได้ อืม.... จากคุณ : เส้นสายนี้มีพลัง เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:41:58

ความคิดเห็นที่ 73 อย่าไปถึงขั้นปริญญาตรีเลย แค่หนังสือศัพท์ป.1 หลานเรา (ที่โรงเรียนทำมาขายเอง -_-'' ไม่ซื้อก็ไม่ได้ เพราะใช้สอบศัพท์ ^^'' ) door ประตู (อืม อันนี้ถูก) duck ประตู (พิมพ์ติดกันกรูแปลให้เหมือนกันซะเลย) mike นม (เข้าใจว่าพิมพ์กันผิดได้ แต่เด็กท่องนะเฟร๊ยยย) snack งู (อร่อยล่ะงานนี้) และเจออีกบ้าง เอิ่ม มิได้ตรวจทานก่อนให้เด็กเลยเหรอเนี่ย ดีนะ คนที่บ้านอ่านอังกฤษออกอ่ะ ไม่งั้นหลานจำไปใช้แน่ แถมพิมพ์ศัพท์ซ้ำไปซ้ำมาซะเกือบยี่สิบคำ (ให้มันหนา ๆ เข้าไว้เหรอคะ -_-'') จากคุณ : นางสาวจันทร์เจ้ากับนายเท้าปุย เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:51:49

ความคิดเห็นที่ 74 ผมไม่แน่ใจว่า เดี๋ยวนี้ หลังเลิกเรียน เด็กประถมยังต้องท่องสูตรคูรกันอยู่อีกมั้ย สำหรับผมแล้ว ผมเกิดปี 23  สมัยผม ต้องท่องกันทุกวัน หลังเลิกเรียน ก็เลยจำได้ แต่เห็นว่า เด็กฝรั่งเค้าก็ไม่ได้ท่องนะครับ  เพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนก็มีโทรศัพท์ สามารถกดเครื่องคิดเลขได้ทันที  ก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องท่อง ในชีวิตจริง ก็ใช้เครื่องคำนวนเอา ไม่ต้องท่องให้เปลืองสมอง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น พื้นฐานต้องดี เพราะอย่างนั้นแล้ว อาจจะตกม้าตายตอนกดเครื่องคิดเลขนี่แหละ จากคุณ : R<<<Romsang. เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:53:54

ความคิดเห็นที่ 75 ใช้คำว่า เดี๋ยวนี้ งั้นแปลว่าการศึกษาไทย ด้อยลงรึเปล่าคะ? จากคุณ : yongiee เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:58:56

ความคิดเห็นที่ 76 1+1+1+1+1+1+1+1x0  = ? เอามาจาก Facebook ครับ ผมละงงจริง ๆ จำอย่างเดียวอะไรคูณศูนย์ต้องได้ศูนย์ จากคุณ : BK-Monkey เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:03:42

ความคิดเห็นที่ 77 สูตรคูณนะไม่ต้องไปท่องมันหรอกถ้าคุณรู้ว่าคูณคืออะไรถึงท่องไม่ได้ก็หาคำตอบได้อยู่ดีแต่อาจจะช้ากว่าหน่อยเท่านั้นเอง สำคัญือความเข้าใจ เด็กเราเอาแต่จำอย่างเดียวไม่ได้ต้องเข้าใจด้วย แต่จะเข้าใจโดยไม่จำเลยก็ไม่ได้เพราะมันเป็นลำดับขั้นของการเรียนรู้ จำ>>เข้าใจ>>นำไปใช้>>วิเคราะห์>>สังเคราะห์>>ประเมินค่า แต่นี้ผ่าจะจำการนำไปใช้โดยไม่สนใจ "การเข้าใจ" ก็จะไม่มี "ความเข้าใจ" แล้วลำดับขั้นของการเรียนรู้มันก็ติดอยู่แค่ "จำ" พอติดอยู่แค่จำก็วิเคาะห์ไม่ได้แก้ไขสถานะการณ์ไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถสังเคาะห์สิ่งใหม่ๆ ได้ แล้วก็จะประเมินค่าไม่ได้ พอประเมินค่ากันไม่ได้ ก็จะรู้สึกว่า "การเรียนเรื่องนี้ เรียนไปเพื่ออะไรไม่มีประโยชน์" แล้วก็มาเถียงกันอยู่แบบนี้ละ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 20:17:16 จากคุณ : Pigusto เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:15:46

ความคิดเห็นที่ 78 BK-Monkey ก็ใส่วงเล็บซะ มันก็จบแล้ว จะงง อะไรนักหนา จากคุณ : สำราญ บานบุรี เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:20:57

ความคิดเห็นที่ 79 @สำราญ บานบุรี มันเป็นเรื่อง ลำดับการคิดอะไรต้องทำก่อนทำหลังครับ เช่น ถ้ามียกกำลังก็ต้องทำก่อน ตามด้วยคูณหรือหาร ตามด้วยบวกหรือลบ ประเด็นคือสังเกตุว่าเหมือนจะจำกันมาคือเริ่มจากซ้ายไปขวาเลยไม่ได้ดูความสำคัญของเครื่องหมายน่ะครับ แต่ถ้าใส่วงเล็บก็ชัดเจนเลยว่าต้องทำในวงเล็บก่อนครับ จากคุณ : BK-Monkey เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:29:23

ความคิดเห็นที่ 80 เข้ามาอ่านจนจบ จากฮาๆ(นั่นไงมีคนเจอเหมือนกันด้วย) กลายเป็นเครียด(มันเจอกันเพียบเลยนี่หว่า) สงสัยตอนมีลูกคงต้องสอนหนังสือให้ลูกเองล่ะมั้งเนี่ย เฮ่อ จากคุณ : EeTsu เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:54:12

ความคิดเห็นที่ 81 เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก เพราะตกเลข พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ตกบัญชี 555+ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเราก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพราะย้ายข้างสมการเป็น ยังจำได้เลยว่าตอนเรียนดันมีวิชาคณิตศาสตร์ในหลักสูตรด้วย ต้อง dif และ integrade ทั้งที่คณะที่เราเรียนมันใช้แค่บวกลบคูณหาร เด็กคณะเราสอบตกวิชานี้ หุหุ สูตรคูณนี่เด็กท่องกันไม่ได้จริงๆ เหรอคะ? เรามั่นใจว่าเพื่อนในห้องสมัยม.ปลาย ท่องสูตรคูณได้กันทุกคนนะ อย่างน้อยๆ แม่ 2 ถึง 10 ท่องได้แน่นอน แต่แม่ 12 อาจจะมีติดขัดหน่อย จำได้ว่าที่รร.ให้ท่องมาตลอดตั้งแต่ชั้นประถมแล้ว เห็นรุ่นน้องๆ เดี๋ยวนี้ เกรดม.ปลายสวยมาก แต่ละคนนี่ไม่มีต่ำกว่า 3 เด็กบางคนจบมาจากห้อง gifted (คือมีห้องคิงไม่พอ ห้องกิฟท์นี่เหนือกว่า) แต่พอเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยก็ดูไม่รู้เรื่องอะไรเลย สอบปฏิบัติเอาตัวไม่รอด เห็นว่าตอนม.ปลายอ.ให้ส่งงานไปเรื่อยๆ คะแนนเยอะขนาดที่ว่ายังไม่ได้สอบไฟนอลก็มีคะแนนถึงเกรด 4 เรียบร้อยแล้ว เราสอบเข้ามหาวิทยาลัยช่วงที่ปรับเปลี่ยนระบบ entrance ใหม่ๆ (เดาอายุออกกันเลยทีเดียว) ตอนนั้นบางโรงเรียนเริ่มปล่อยเกรด เพราะมีการเอาเกรดไปคิดเป็นคะแนนสอบเข้าด้วย แต่โรงเรียนเราเหนียวมากไม่ยอมปล่อยเกรดค่ะ เราจบมาด้วยเกรด 2 ต้นๆ เห็นเกรดกับความรู้ของเ็ด็กสมัยนี้แล้ว เพลียจริง หรือว่าเราแก่แล้ว? จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:56:05

ความคิดเห็นที่ 82 สอนย้ายข้างมันก็เหมือนสูตรแบบหนึ่ง แต่จริงๆมันคือการทำค่านั้นให้หายไป โดยการทำทั้ง 2 ฝั่ง x+30 = 50 จำทำให้ 30 ที่อยู่กับ x หายไปคือการ เอา -30 บวกทั้ง 2 ฝั่ง จะได้ x+30-30 =50-30 การสอนให้เข้าใจมันจะดีกว่าการใช้สูตร แต่การมองเป็นสูตรก็ง่าย แต่ใช้ความจำเยอะ และทำให้ประยุกต์การใช้ไม่เป็น ปล. ผมยังงงเรื่องตรีโกณอยู่เลย เพราะอาจารย์สอนให้จำอย่างเดียว จากคุณ : 821 (บัตรผ่าน 821) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:56:20

ความคิดเห็นที่ 83 ขอเสริมนิดนึง นอกจาก ไอคิวต่ำแล้ว อีคิวก็ไม่ค่อยจะมีด้วยครับ เด็กสมัยนี้ ก้าวร้าว มากๆ ไม่มีรุ่น ไม่รู้จักกาลเทศะ ัทั้งหมดน่าจะมาจากผลจากคุณภาพชีวิต ที่สังคมทุกวันี้ พ่อ-แม่ ต้องไปทำงาน นอกบ้าน หรือย้ายถิ่นไปทำงาน ในเมือง ปล่อย ลูก-หลาน ใว้กับ พี่เลี้ยงหรือ ปู่ย่า ตายาย ซึ่งชอบสปอยเด็กมากๆ ประมาณว่าเอาอะไรได้หมด พ่อ-แม่ ก็หาเงินอย่างเดียว ตามใขตั้งแต่เล็ก  เด็กมันเลยโตมาแบบไม่รู้จักความลำบาก และ เป้าหมายในการดำเนินชีวิต อยู่ไปวันๆ ให้ไปเรียนก้ไปพอได้ค่ารถ ค่าขนม เด็กผู้หญิง ขาดความเข้าใจคบเพื่อนชาย มีแฟนตั้งแต่น้อย แป๊บๆ ท้อง หรือไปอยู่ด้วยกัน  พ่อ-แม่รู้ ก็จับแต่งงานกัน โดยที่ไม่สนเลยว่ามันจะไปทำอะไรเลี้ยงกัน สุดท้ายก็ อยู่กันไม่ยืด แยกทางกันไป ทิ้งลูกน้อยเอาใว้ให้ ปู่ย่าตายายเลี้ยงเป็นเด็กสปอยรุ่นต่อไป จากคุณ : mangginoon เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 21:16:22

ความคิดเห็นที่ 84 เรียนคุณครูทั้งหลาย อย่าสอนให้เด็กเก่งอย่างเดียวนะฮะ ให้เป็นคนดี เข้าใจหลักความถูกต้องด้วยเด้อ ฝากไว้ด้วยนะครับ จากคุณ : ปราสาทไหว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 21:36:11

ความคิดเห็นที่ 85 น่าจะบรรจุวิชา กระบวนทัศน์ ตั้งแต่ ป.1 น่าจะ kill process ครูแค่ชื่ออาชีพให้หมดประเทศ ก่อนหน้านั้น ทำบุญอุทิศให้กับเมืองไทย ขอให้ได้คนมีอำนาจที่มีคุณธรรม เก่งกาจมาสั่งการ กระทรวงศึกษา เอาระบบเอาทรานส์คืนมา รุ่นต่อไปน่าจะดีขึ้น ได้แต่ฝัน เป็นครูทางเลือก ผู้ปกครองก็ไม่สนใจส่งเด็กมาเรียน เพราะคะแนนสอบไม่ดีขึ้น แถมลูกยังฉลาดใช้เหตุผลเถียงได้ ผู้ปกครองรับไม่ได้ แค่นี้ก็เห็นอนาคตแล้ว จากคุณ : เงิบเอิบเอิบ (พ่อศรีเรือนคับผม) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 21:46:26

ความคิดเห็นที่ 86 ...ย้ำอีกที "พูดไปเท่าไร ตะโกนไปเหอะ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง" ครับ...มันต้องรอให้ "ล่มสลาย" แล้ว "สร้างใหม่" อย่างเดียว... จากคุณ : gunpen2010 เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 21:52:05

ความคิดเห็นที่ 87 ถามเด็กที่สอนพิเศษอยู่ ม.4 คนหนี่ง กับ ม.5คนหนึ่ง ผม ,เคยเข้าห้องสมุดไหม หาข้อมูลเป็นหรือเปล่า เด็ก, เข้าทำไมในเน็ตมีหมด copy ,paste ส่ง จบ ครูเขาไม่สนใจหรอกนักเรียนสามร้อยกว่าคนตรวจยังไงทัน เอารูปเล่มสวยๆ ตกแต่งสวยๆ ก็พอแล้ว ผม, แล้วครูเขาไม่ถามหรอว่าเอามาจากไหน คิดเองหรือเปล่า เด็ก, ไม่ถาม แต่คงรู้แหละ แหม ทำกันทุกคน ผม, อ้าว แล้วนี่ไม่ต้องบอกที่มา ใส่เครดิตหรอว่าลอกมาจากไหน เด็ก, ใส่เพื่อ ! จากคุณ : via Android (Eakiji Onisuka) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 21:57:36

ความคิดเห็นที่ 88 เป็นไงล่ะ ห้ามตี ห้ามตก ห้ามซ้ำชั้น จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 22:01:57

ความคิดเห็นที่ 89 จากใจคนชอบคำนวณ แต่ไม่ถนัดภาษา คณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ใช้ความจำน้อยสุดแล้วครับ จากคุณ : StableHappy เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 22:35:07

ความคิดเห็นที่ 90 ลืมเรื่องที่อาจารย์สอนไปแล้วเมื่อตอนม.ปลาย พอมาเจอตอนมหาลัย เหมือนจะทำได้ เอาเข้าจริงๆทำไม่เป็น ที่ทำไม่เป็นเพราะลืม ลืมที่ไปที่มาของแต่ละหัวข้อ ก็ยังโชคดีที่ยังบวก ลบ คูณ หาร แทนค่า ย้ายข้าง ยกกำลัง ถอดรูด เป็นอยู่ ถ้าให้ไปแคลหรืออีพวกไซน์ คอส แทน นี่ไม่ไหวจริงๆ ที่ทำไม่ได้เพราะไม่ทบทวน ทั้งๆที่รู้ว่าต้องทำกลับไม่ทำ จะทำอีกทีหนึ่งคืนก่อนสอบ ก็ผ่านแบบถูๆ ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองทำได้มากกว่านี้ แต่ไม่ขนขวาย เหตุผลหลักๆของเด็กสมัยนี้คือ ขี้เกียจ เล่นเหมส์ แชต ออนเฟสจนดึก จากคุณ : Nazilla เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 22:36:01

ความคิดเห็นที่ 91 เล่ามั้ง เคยมีน้องแถวบ้านมาขอให้สอนพิเศษ โดยปกติเราจะเป็นคนที่น้องๆแถวนั้นมาถามการบ้านคณิตฯ วิทย์ ประจำ เพราะเราโตสุดและเรียนมาสายนี้ น้องคนนี้อยู่ ม.3 อยากเข้า ปวช.ของมหา'ลัย แถวๆพระราม 7 นั้นล่ะ วิชาที่เค้ามาขอให้ติวคือ คณิตฯ วิทย์ฯ เน้นคำนวณเป็นส่วนใหญ่ เราถามว่าได้เกรดคณิตฯ กับวิทย์ อะไรมา น้องตอบ 4 ทั้งคู่ แม่เค้าก็พูดใหญ่ว่าน้องเก่งนะ ได้เกรด 3.8-3.9 มาตลอด เราก็คิดว่าเออคงสอนไม่ยาก รุ่งขึ้นบอกให้เค้าเอาหนังสือและสมุดที่เรียนสองวิชานี้มาให้เราดู น้องเรียนคณิตฯ ไปไม่ถึงครึ่งเล่มทั้งที่ตอนนั้นจะจบเทอม 1 แล้ว ใช้สมุดปกแข็งงไปไม่ถึงครึ่งเล่มในการทำแบบฝึกหัด หรือการบ้านส่งอาจารย์ น้องบอกอาจารย์สอนแค่นี้ ให้ทำแค่นี้แล้วก็ส่งการบ้าน บางวันก็ไม่มีการบ้าน ถามอะไรก็ตอบไม่ค่อยได้ สรุปคือถ้าน้องมีเป้าหมายที่จะสอบเข้า ปวช. ที่ว่านี้ เราก็พูดไปตามตรงว่าไม่ติดหรอก ไม่ต้องเรียนยังไงก็ไม่ทันและไม่ติด แต่ถ้าน้องเปลี่ยนเป้าหมายแค่อยากเรียนคณิตให้จบเล่ม เรายินดีจะสอนของเทอม 1 ให้ตั้งแต่ต้นและจะสอนเทอมสองให้ด้วย แม่เค้าโกรธเรามากเลยค่ะ เพราะเหมือนเราไปพูดกรายๆว่าลูกเค้าไม่เก่ง เค้าก็ไม่เรียนกับเราไปติวกับติวเตอร์แทน ซึ่งเค้าก็ไม่รู้เรื่อง ปัจจุบันก็ยังอยู่ ม.4 โรงเรียนเดิม ห้องคิงด้วย และไปเรียนพิเศษตามที่สถาบันดังๆ ก็ตามเค้าไม่ทัน ตอนนี้เลยให้เราสอนทุกวันหยุด ซึ่งเราต้องปูพื้นให้น้องตั้งแต่ ม.2 ใหม่ จะโทษเด็กก็ไม่ถูก ก็คนสอนเป็นแบบนี้ แถมผู้ปกครองก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเห็นลูกตัวได้เกรดสวยก็พอ แต่ความรู้ในหัวมีแค่ไหนไม่ได้สนใจ จากคุณ : น้ำชายามเย็น เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 22:39:48

ความคิดเห็นที่ 92 ครูมัธยมสอนเด็กไม่ได้ผล บอกว่าเด็กมันโง่ไม่รู้ครูประถมสอนมายังไง ครูประถมตอบ ก็มันไม่มาเรียนเลย พ่อแม่มันก็ไม่ว่า ให้ตก ผอ.เล่นกรูแย่แน่ ยิ่งตอนนี้กำลังทำ คศ3 อยู่ด้วย อ. มหาลัยแห่งหนึ่งที่คุณก็รู้ว่าที่ไหน บอกครูมัธยมว่า มรึงจะให้กรูสอนยังไง มรึงปล่อยแต่เด็กโง่ ๆ มาให้กรู มรึงสอนยังไง เนี่ยวันนี้พวกมันก็มาขอกลับไปส่งงานแก้ 0 ที่โรงเรียนเก่า ครูมัธยมตอบว่าเด็กเก่ง ๆ มันก็มีครับ อ. แต่มันไปเรียนที่อื่นไม่มาเรียนกับ อ.นี่ครับ แถม...ครูคนหนึ่งจบปริญญาเอกมี ดร.นำหน้า แต่ทำวิจัย 5 บท แทบเรียกว่าไม่เป็นเลย ยิ่งกว่านั้นจบ ป.โทการสอนฟิสิกส์มาโดย ดิฟ อินติเกรดง่าย ๆ ไม่ได้เลย!!!!!!! จากคุณ : อนาถ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 22:50:35 A:171.101.118.83 X: TicketID:352820

ความคิดเห็นที่ 93 อืม ดีที่สอนลูกเอง จากคุณ : กระบองเพชรยังตาย เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 22:52:06

ความคิดเห็นที่ 94 หึ เด็กจบ ป.ตรี วิศวะ ย้ายข้างสมการคูณหารธรรมดาไม่เป็น เทียบอัตรส่วนไม่ได้ เจ๋งไหมล่ะการศึกษาไทย ตอนนี้ก่อนสัมภาษณ์ ผมเลยเอาโจทย์เลข ม.3 ให้ทำก่อน 30 ข้อ ให้เวลา 20 นาที เป็น ก ข ค ง เกณฑ์ผ่านแค่ 20 ข้อ ปรากฏว่าเกินครึ่งสอบไม่ผ่าน เจริญล่ะ การศึกษาไทย วิศวกรไทย ไชโย จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 23:01:19 A:27.130.33.141 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 95 ในที่สุดผมก็พอจะมีที่ระบายได้สักที ว่าที่แท้ ไม่ใช่ผมคนเดียว ที่คิดและเห็นปัญหาเหล่านี้ ผมเป็นนักศึกษา ป.เอก นะ และติวเตอร์คณิตศาสตร์ด้วย -เด็กชอบถามว่าไม่มีสูตรลัดหรือครับ อ. ผมก็บอกว่า ไม่มีครับ อ.ไม่เก่ง ทำได้แต่วิธีดาดๆ แต่สอนๆไป เด็กก็ทำได้หมด -เด็กที่สอนพิเศษไปทำข้อสอบที่โรงเรียน ได้คำตอบ 2^0 ครูให้ผิด ก็ไปถามครูว่าทำไมผิด ครูบอกต้องตอบ 1 ผมแทบอยากเอาหัวโขกกระดานเดี๋ยวนั้น ในข้อสอบไม่ได้มีการชี้แจงด้วยนะ ว่าต้องตอบยังไง ซึ่งถึงแม้จะชี้แจงว่าให้ตอบแบบไม่มีเลขยกกำลัง ยังไงก็ต้องได้ครึ่งหนึ่งอยู่ดี เพราะเหลือแค่ขั้นสุดท้าย เด็กส่วนมากที่มาเรียนกับผม ผมจับแก้สมการใหม่หมด ใครบอกย้ายข้าง ผมจะห้าม และบอกว่า เราจะทำกันใหม่ จนกว่าครูจะเห็นว่าเธอใช้คำว่าย้ายข้างได้ ถึงจะอนุญาต - ยังคงมีครูที่สอนอยู่ทั่วไป ที่เด็กเขียนวิธีทำไม่ตรงกับที่สอนแล้วให้ผิด ทั้งๆที่ตรรกะถูกหมด คำตอบถูก ทำให้เด็กกลัวที่จะคิดอะไรเอง - เด็กที่สอนพิเศษถามว่าทำไมคำตอบที่ตัวเองคิดไม่ตรงกับเฉลย ผมก็อธิบายให้ฟังว่า หนูทำถูกแล้วนะ หนังสือมันผิด เท่านั้นหล่ะ เด็กต่อมน้ำตาแตกเลย คือเด็กเราไม่เคยสงสัยในหนังสือเลยครับ ว่ามันจะผิดได้ ผมต้องอธิบายอยู่นานสองนานว่าหนังสือผิด พบได้ทั่วไปนะ กว่าจะเปลี่ยนทัศนคติได้ ต้องสอนเป็นเทอม เวลารับสอน ผมจะบอกพ่อแม่เด็กเลยว่า ถ้าอยากให้เก่งขึ้น ผมขอเวลาอย่างต่ำ 1 เทอม ขึ้นไป ถ้าจะเอาสอนปุ๊ปเก่งปั๊บ ผมทำไม่ได้ เด็กทุกคนหล่ะครับ ผมต้องมานั่งสอนทักษะคณิศาสตร์กันใหม่หมด ทั้งๆที่บางคน ได้ทุนจากโรงเรียน ได้เป็นเด็กกิฟท์ของโรงเรียน แต่ตีโจทย์ไม่เป็น แถมพอให้อธิบายวิธีคิด ก็บอกว่ามั่วๆเอา เฮ้อๆๆๆๆ ที่ร้ายแรงที่สุด โรงเรียนเอกชนที่น้องที่ผมสอนพิเศษไปเรียนนั้น ครูที่สอนคณิตศาสตร์ ดันรับสอนพิเศษเด็กตัวเอง พร้อมทั้งแจกข้อสอบที่จะใช้สอบในห้องพร้อมเฉลยให้ไปนั่งท่องมาสอบ ไม่ได้เป็นแค่วิชานี้นะ วิชาวิทยาศาสตร์ก็เป็น เจริญพรเถอะ ประเทศไทย จากคุณ : ก้อนหินละเอม เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 23:36:21 A:49.49.146.88 X: TicketID:304065

ความคิดเห็นที่ 96 ผมว่าบางทีไปโทษเด็กมันก็ไม่ถูกนะ จากคุณ : รองเท้าเปื้อนฝุ่น (dirty shoe) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 23:42:27

ความคิดเห็นที่ 97 ผมเคยเจอครูคนนึงครับ วิชาเกี่ยวกับการใช้ Excel อาจารย์ให้คำนวนอะไรซักอย่างว่า ถ้าค่านี้ (สมมติเป็น เซลล์ A1) เพิ่มขึ้น 40% จะเป็นเท่าไหร่ อาจารยฺ์สอนให้เขียนสูตรโดยการ =(A1*40%)+A1 ด้วยความขี้เกียจ ผมก็จับ = A1 x 140% แล้วลองถามว่าทำได้มั้ยครับ ยังไงสูตรที่อาจารย์สอน ก็ไม่ได้แยกเซลล์ที่เพิ่มขึ้นมา 40% เพื่อไว้ใช้งานอย่างอื่นอยู่แล้ว แต่อาจารย์ไม่ยอมครับ บอกว่า อาจารย์ตรวจสูตรครับ ต้องตรงกับที่อาจารย์สอน ไม่งั้นหักคะแนน ปล.กำลังจะส่งการบ้านวิชาการลงทุนด้วย Excel ไม่รู้อาจารย์จะยอมมั้ย ให้มานั่งคำนวน IRR เป็น 10 ข้อๆ ด้วยการเทียบสัดส่วน (Interpolate) ทั้งๆที่กด Excel ก็ออกแล้วอ่า แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 23:56:41 จากคุณ : Kunzite เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 23:55:01

ความคิดเห็นที่ 98 เรื่อง บวก ลบ คูณหาร แก้สมการ ไม่เป็นถ้าไม่มีเครื่องคิดเลขนี่ถูกต้องเลยครับ เด็กๆสมัยนี้ตั้งแต่ประถม ยัน มหาวิทยาลัย ถ้าไม่มีเครื่องคิดเลขก็เดี้ยงครับ ส่วนใหญ่ความรู้พื้นฐานสู้คนรุ่นก่อนๆไม่ค่อยได้ จากคุณ : Good will hunting เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 00:47:42

ความคิดเห็นที่ 99 วิธีที่ดีที่สุด ผมว่าสอนพื้นฐานทั้งหมดที่ต้องใช้ใหม่ยอมเสียเวลาซัก 2-3 ชั่วโมง จากนั้นก็ค่อยสอนตามรายวิชาไปเรื่อยๆจน Advance  อันนี้ผมว่าเวิร์คที่สุด จากคุณ : SolarSun เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:13:08

ความคิดเห็นที่ 100 คุณหมี พลู ของผมสอนงานบำบัดครับ ความเข้มข้นขาเข้า เลย มากกว่าขาออก เมื่อลบกัน เป็นส่วนที่เครื่องมือสามารถกำจัดสารได้ เป็นประสิทธิภาพการบำบัด นะครับ แต่ถ้าเป็น งาน Production ก็เป็นแบบคุณว่านะ ^_^ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 01:45:15 จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:16:33

ความคิดเห็นที่ 101 ปฏิจจสมุปบาท มายืนยันว่าจบมาแบบ 2 กว่าๆ นั้น แก่ครับ ล้อเล่น ปล. ผมเองจบจากการสอบเทียบ หนึ่งกว่าๆ เอ๊นตอนนั้น เป็นรุ่นแรกที่โทรไปถามได้ รอดูจากหนังสือพิมพ์ แต่ ผมไปเที่ยวกับเพื่อนและไม่ดูผลเลย กลับมาดูพร้อมกันที่สนามจุ๊บบบบ จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:23:46

ความคิดเห็นที่ 102 เห็นคุณ 821 ทำ ทำให้ นึกถึงเลยว่า ความจริง มันควรจะเป็นแบบนั้นทำให้สองฝั่งมันเท่ากัน ตรงนี้ ถ้าทำแบบนี้ไม่หลงแน่นอน ทำข้อของคุณ Walking 4   =  2x+1  เอาสองไปหารทั้งสองข้าง 4/2 =   2X/2 + 1/2 2   =   x + 0.5 เอา 0.5 - ทั้งสองข้าง ได้ 2-0.5   =   X  +0.5-0.5 1.5  =  X แต่แบบนี้ เด็กจะรู้หรือเปล่าว่า 2 หารทั้งสองข้างจะต้องเอาไปหารหนึ่งด้วย ถ้าไม่รู้ก็จบกัน T_T คุณ Kunzite เป็นผมก็ตกครับ เพราะผมคงเขียนแค่  =A1*1.4 ตกหนักกว่าคุณอีก จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:44:00

ความคิดเห็นที่ 103 ดีๆ โง่ๆกันไปให้เยอะๆเลย จะได้ไม่มีใครมาแย่งงานผม 55555 จากคุณ : มิวกำลังจะครองโลก เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:52:26

ความคิดเห็นที่ 104 อืม อ่านมา100คห.พอดี ไม่มีใครคิดจะโทษผู้ปกครองกันบ้างเลยรึครับ ว่าลูกหลานตัวเอง อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ บวกลบไม่เป็น ทำไมถึงปล่อยไปได้ แล้วเดี๋ยวนี้ ไม่มีการให้ผู้ปกครองเซ็นใบการบ้านทุกวันๆแล้วเหรอครับ ว่าแต่ เดี๋ยวนี้มันยังมีการบ้านอยู่มั้ยหว่าครับ สงสัยหลายอย่าง เพราะสมัยของผม พ่อแม่ดูตลอดว่ามีการบ้านมั้ย เรียนอะไรอยู่ ทำเองรึเปล่า ได้คะแนนเท่าไหร่ วันไหนไม่เอามาให้เซ็น มาทวงเองเลยทีเดียว จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:54:53

ความคิดเห็นที่ 105 วิชาเลขถ้าพื้นฐานไม่ดีมันก็ต่อยอดเรื่องต่อไปไม่ได้ละ ไม่แปลกที่เด็กสมควรตกกันเยอะแต่วิธีการสอนของอาจารย์ก็มีผลเหมือนกัน ผมจบจากโรงเรียน top 10 ของผลจัดอันดับโรงเรียน ยังรู้สึกเลยว่าอาจารย์สอนห่วยมีสัก 50 % ได้ ส่วนมากก็เป็นอาจารย์แก่ๆ เคยเจออาจารย์หนุ่มเข้าใหม่สอนดีมาก เด็กๆชอบแต่อาจารย์แกสอนได้ 2 ปีก็ลาออกไปเพราะบอกว่าเข้ากับพวกอาจารย์หัวโบราณที่นี่ไม่ได้ จากคุณ : Kimix เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 02:33:14

ความคิดเห็นที่ 106 อ่าน คห.64 แล้วตกใจมาก โอ้มายก้อดดดด สมัยอิฉัน นักเรียนปอหกท่องแม่สูตรคูณถึงแม่ 25 กันได้แจ๋วๆ เลยนะ อาจารย์ให้ท่องพร้อมๆกันทั้งห้องตอนก่อนเลิกเรียน ส่วนตัวอิฉันเองจัดว่าโง่เลขมากๆ แต่ก็ย้ายข้างสมการได้ตั้งแต่ ม.2 นะ (คนอื่นๆในห้องก็ทำได้) จากคุณ : แฮมแฮมพลังเค เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 02:46:10

ความคิดเห็นที่ 107 จุดเริ่มต้นมันมาจากกระทรวงศึกษามีคำสั่ง ห้ามตก ห้ามซ้ำชั้น ห้ามได้เกรดต่ำ ที่เหลือมันก็ตามมาจากจุดนั้นแหละ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 03:22:35

ความคิดเห็นที่ 108 เด็กมหาลัย คณะวิทย์ ไม่รู้จักค่าสัมบูร ครับ จากคุณ : space blog เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 04:18:56

ความคิดเห็นที่ 109 ตามโรงเรียนกวดวิชาเขาจะสอนให้จำครับว่าเอาอันนี้ คูณอันโน้น หารอันนั้น บลาๆๆๆๆ แต่ไม่บอกว่ามันมาอย่างไร หรือบางคนไม่ได้เรียนกวดวิชาก็จริง แก้สมการไม่เป็น แต่ให้ตกไม่ได้ครับ ยังไงก็ผ่าน ถึงแม้จะบวกลบเศษส่วนไม่เป็น (ผมเป็นครู ม.ปลาย ครับ) จากคุณ : Aj. Pom (super_lw) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 05:37:28

ความคิดเห็นที่ 110 อ่านแล้วตกใจเลยแฮะ ผมว่าสมัยผมเรียน เด็กมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนี้นะ อย่างน้อยย้ายข้างเป็นแน่นอน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คณิตระดับม.ปลาย น่าจะมีแยกตัวประกอบกำลัง แคลคูลัสเบื้องต้น set subset  และความน่าจะเป็น มันจบเรื่องพวกนี้มาได้ไงครับ ถ้าแค่ย้ายข้างธรรมดายังไม่ได้ เรื่องนโยบายการศึกษาผมไม่ได้ติดตามมานานแล้ว แต่ถ้ามาจากคำสั่งกระทรวงว่าห้ามตก ห้ามได้เกรดต่ำ ผมขอไว้อาลัยให้กับอนาคตประเทศไว้ล่วงหน้าเลย อาจารย์ไม่ใช่เทวดาที่จะสอนให้เด็กเก่งจนสอบได้เกรดดีกันหมด จะทำตามนโยบายไร้สมองนี้ก็ต้องปล่อยเกรดอย่างเดียว มหาลัยสมัยนี้ก็หาเรียนไม่ยาก หลายที่มีเงินก็จบได้  ไม่แปลกใจเลยที่เด็กจบ ป.ตรี แล้วทำงานแบบที่ต้องมาสงสัยว่ามันจบมาได้ไง เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าก็มีผล เมื่อก่อนทำรายงานต้องนั่งเขียน ตัดภาพมาแปะ เป็นสิบๆหน้า สมัยนี้ copy paste เอา แปบเดียวเสร็จ ขนาดที่ทำงานยังมีคน google translate แปลงานส่งเลย นั่งประชุมก็เอาแต่กดมือถือกัน บ่นนิด ติหน่อย ก็หาว่าจู้จี้ ใครก็ทำกัน ผมก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเป็นแค่รุ่นพี่ ไม่ใช่หัวหน้า เฮ้อ จากคุณ : สับขา...ตามหารัก เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 07:00:57

ความคิดเห็นที่ 111 เช้ามาร่วมเสวนา แต่หัวข้อ ภาษาไทย สังคม เรามีน้องที่ตอนนี้เรียนมหาลัยอยู่ค่ะ แต่ก่อนเราตกใจว่าตอนน้องเราสมัยอยู่มัธยม น้องจะเขียนเรียงความไม่เคยสะกดได้ถูกตลอดเกินสองประโยคเลย คำง่ายๆจะสะกดไม่เป็น อ่านหนังสือจะอ่านผิดๆถูกๆตลอด ความรู้รอบตัวเรื่องสังคมก็ไม่ค่อยจะมี เช่น น้องจะไม่รู้ว่าใครคือนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน หรือ ราชวงศ์จักรี ตอนนี้มีใครบ้าง (ช๊อค!!) อันนี้เรายอมรับนะคะ ว่าส่วนนึง(ส่วนใหญ่)เป็นเพราะบ้านเราพอพ้นอนุบาลก็จะไม่สอนการบ้านให้แล้ว พ่อแม่ก็ทำแต่งาน เราเองก็ไม่ได้สนใจน้อง บ้านเราเลี้ยงแบบปล่อย(ให้อยุ่กะคอม)  กว่าเราจะรุ้ว่าน้องเราเขียนได้แย่แบบว่า สอบผ่านมาได้ยังไง มันก็สายเกินไป ที่งงคือ น้องก็เรียน รร.เดียวกับเรา การเลี้ยงดูก็เหมือนๆกัน ห่างกันแค่ 6 ปีแต่คุณภาพการสอนกับความรู้ที่เรากับน้องได้รับ ทำไมมันต่างกันได้ขนาดนี้ (ช๊อค!!) โชคดีที่น้องเราหัวดีเรื่องคำนวณ (ซึ่งเราว่า มันเป็นเพราะตัวน้องเองที่เก่งและสนใจ  จนเอามาถามเราหลายครั้ง)  แต่เราว่า คุณภาพการสอนของรุ่นของน้องเรา  แบบ..ไม่ไหวอ่า  และพอเราคุยกับเพื่อนๆที่มีน้องรุ่นๆเดียวกับเรา  ก็เจอปัญหาคล้ายๆกันค่ะ จากคุณ : LittleBuff-studio เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 07:21:29