ความคิดเห็นที่ 1 ต่าง ชอบหรือเปล่า อีกเรื่อง จากคุณ : nai_per เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 10:43:28

ความคิดเห็นที่ 2 blind test หรือยัง เอาแบบ blind test ที่จริงจังทดสอบกันหนักๆเลยนะ ถ้าทดสอบแล้วหูทองหูเทพแยกได้จริงมันก็จริง ส่วนผมหูตะกั่วฟังอะไรก็ได้ ของแพงกับของถูกมันก็ต่างกันแต่มันจะต่างกันจนคุณสังเกตได้หรือเปล่า คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือเปล่า ผมตอบกลางๆนะครับเพราะผมน่ะหูตะกั่ว หูสังกะสี จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 10:56:40

ความคิดเห็นที่ 3 เสียงต่างจริง... เพราะวงจร Analog เปลี่ยนนิดนึงก็ต่างกันแล้ว แอมป์หลอดกับแอมป์ IC ก็มี Impulse response ที่ต่างกัน แต่ที่น่าข้องใจคือ ต่างกันจนหูคนรับรู้ได้จริงหรือ แล้วตัวแพงกว่าเสียงดีกว่าจริงหรือ  ตรงนี้แหละ พวกล่อไสยศาสตร์ล้วนๆ ถ้ามองกันในเชิงสัญญาณ แอมป์หลอด ทำให้ Output เพี๊ยนไปจากเดิมด้วยซ้ำไป.... แต่พวกเล่นเครื่องเสียงกลับบอกว่าเสียงดี ตรงนี้เถียงให้ตายก็ไม่จบ เพราะมันเล่นกันบนความรู้สึกล้วนๆ น่าจับมา Blind test ให้หมดซะจริง จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:03:11

ความคิดเห็นที่ 4 บางทีแอมป์ถูกๆก็สามารถให้เสียงที่ดีกว่าแอมป์แพงๆครับ จากคุณ : อริยัสซัยมัสเซนเปรโตรเมียส เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:08:28

ความคิดเห็นที่ 5 พวกสาย มันมะเจือบุคลิคของตัวมันเองอย่าแล้ว คิดแบบวิทยาศาส  ทองแดงกับเงิน อะไรนำไฟฟ้า นำสัญญาณดีกว่ากัน   ส่วนเปลี่ยนแอม  เปลี่ยนลำโพง  โครงสร้างต่าง  การรับรู้มันก็ต่างมากกว่าสายมากครับ ต่อให้หลับตา ลองเปลี่ยนลำโพงดูก็ได้  ใครว่าไม่ต่างนี่  ผมว่า หูผิดปกติแล้วล่ะ แค่หูฟัง อันละไม่ถึงร้อยกับเกือบพัน  ยังต่างกันฟ้ากับเหว แต่มันก็ไม่เสมอไป ของเทพ ราคายาจก  มีแยะ  ถ้าหาเป็น และเจอมัน   อย่างหูฟังจีน ยี่ห้อหนึ่งกัดกับหูฟังแบร์นเนม ราคาหลายพันได้สบายๆ  ทั้งๆที่ ร้อยต้นๆ จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:21:32

ความคิดเห็นที่ 6 ของราคาหลักร้อย เทียบกับของราคาหลักหมื่น เสียงต่างกันจริงครับ เอาเด็กประถมมาฟังก็ฟังออก แต่ของหลักหมื่นเทียบกับของราคาหลักแสน มันต่างกันตรงไหนยังฟังไม่ออก จากคุณ : via iPhone (Peradino) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:23:04

ความคิดเห็นที่ 7 4# "ทองแดง กับ เงินอันไหนนำไฟฟ้าได้ดีกว่า" ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับคุณภาพสัญญาณครับ เพราะค่าความต้านทานในสายไม่ได้เยอะขนาดที่จะดรอป power ของสัญญาณลงไปได้ขนาดนั้น เว้นแต่คุณลากสายหูฟังยาว 20กิโลเมตร โอเคอาจจะต่างกัน(นิดนึง) ในทางกลับกัน ทองแดงทนต่อการเปลี่ยนแปลงทางเคมีได้ดีกว่า เงิน ที่จับ Oxide ง่ายมาก ในระยะยาวแล้ว สายทองแดงดูจะดีกว่าเงินซะด้วยซ้ำ.... อีกเรื่องคือจุดบัดกรีที่เป็นตะกั่วเงิน.... ถ้าไม่รู้ก็จะบอกไว้ มันผสมเงินลงไป 1% แค่นั้นแหละ.... ไม่ใช่เงินแท้ๆ เงินแท้ๆ หัวแร้งบ้านๆละลายมันไม่ลงหรอกนะครับ ถ้าจะเอาเชิงลึก การที่จุดบัดกรีมีโลหะหลายๆชนิดมาอยุ่ด้วยกัน ทั้งตะกั่ว ดีบุก และเศษเงิน มันไม่ได้ช่วยให้การนำสัญญาณดีขึ้น แถมการที่มีโลหะหลายชนิดผสมกัน ยังให้ค่า Intermodulation ที่แย่อีกด้วย กล่าวคือสัญญาณจะเพี๊ยนไปนิดหน่อย ว่ากันตามทฤษฎีล้วนๆ ผมมองว่าเสียงมันแย่ลงไปอีกด้วยซ้ำครับ.... ปล. ผมเคยทำงานในสาย Communication ผมเจอสัญญาณ ในระดับ พันKHz ร้อยMHz และระดับ GHz เค้าก็ใช้ตะกั่วธรรมดากัน "เน้นที่ความสะอาดของจุดบัดกรีเป็นสำคัญ" สายสัญญาณนี่ก็ทองแดงล้วนๆครับ ปัจจัยด้านอื่นๆมีผลกว่าเรื่อง ทองแดงหรือเงิน  เยอะ ผมใช้เครื่องมือวัดสัญญาณตัวละเป็นล้าน ที่วัดได้ละเอียดยิ่งกว่าหูทอง10คนจัดมัดรวมกันซะอีก ค่าที่พวกผมวัดออกมามันเป็นตัวเลขจริง เป็น dB เป็น dBm ไม่ใช่ความรู้สึก!!! งานความถี่สูง ที่ก็รู้ๆกันว่ามันเรื่องมากแค่ไหน ยังไม่เรื่องมากเท่าพวกหูทองเลย ให้ตาย - - แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 12:03:12 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 12:01:22 จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 11:52:40

ความคิดเห็นที่ 8 ... สายไม่ได้มีแค่ R อย่างเดียว ยังมี C  และ L อีกด้วย หรือพวกนี้ไม่มีผลต่อความถี่ ?? ... ฟังไม่ต่างใช้แหล่งกำเนิดเสียงจากอะไร คุมสภาพแวดล้อมหรือไม่ ?? ... ความจริงคือความคุ้มค่า เสียงดีขึ้น 5% แต่คุณต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเท่าตัว จะลงทุนไหม ถ้ารวยก็ไม่มีปัญหา จากคุณ : ปลาทูออนไลน์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:15:25

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องของเสียง ดี ไม่ดี อยู่ที่ประสบการณ์ของคนฟังครับ คนที่ไม่เคยฟังเสียงที่ "ดี" ไม่มีทางรู้ว่าเสียงที่ "ดี" เป็นอย่างไร คนที่รู้ว่าเสียง "ดี" เป็นยังไง มักจะอธิบายไม่ได้ว่าเสียง "ดี" เป็นยังไง แต่มักจะมีคนพยายามอธิบาย นิยามคำว่าเสียง "ดี" ด้วยถ้อยคำที่น่าเวียนหัว วงการ Audiophile จริงๆแล้วเป็นธุรกิจ เต็มรูปแบบ ของแต่ละชิ้น ต้นทุนต่ำ กำไรสูง หลายเท่าตัว ดังนั้น ราคาไม่ไช่ตัววัดว่า "ดี" หรือไม่ดี ขนาดเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน ยังมีตั้งแต่ราคาร้อยไปถึงราคาล้าน ต่างกันแค่วัสดุกับฝีมือคนทำ เครื่องเสียง มี"วัสดุกับฝีมือคนทำ"ที่แตกต่างหลากหลายกว่าเครื่องดนตรีมากมาย เสียงย่อมต่างกันแน่นอน ดังนั้นฟังเครื่องเสียง ให้ฟังตามที่เราชอบ อย่าไปฟังตามที่คนอื่นชอบ ก่อนอื่นพััฒนา "ทักษะการฟัง" ของเราก่อน แล้วค่อยปรับปรุง เครื่องเสียงของเรา จะไม่หลงทาง หลงกลผู้ค้า และหลงตามกระแส จากคุณ : Jedi (Capt Aod) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:27:48

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าคนจ่าย เขาคิดว่ามันไม่เหมือน ก็คือไม่เหมือนล่ะครับ ของยังงี้มันอยู่ที่เงินกับความพอใจล้วนๆ จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:30:51

ความคิดเห็นที่ 11 ต่างน่ะต่าง เพราะวงจรanalog เปลี่ยนนิดเดียวก็ต่างแล้ว แต่ต่างแบบเสียงเพี้ยนๆ distortion สูง ดันตั้งราคาขายแพงๆ ได้ เพราะถูกใจคนฟัง หรือไม่ก็นิตยสารดังเชียร์ว่าของเทพ ดันเป็นว่าวงจรขยายที่เที่ยงตรงมากๆ สัญญาณเพี้ยนน้อย คือของห่วยในสายตาของหูเทพ เพราะมัน flat เกินฟังไม่เพราะ จากคุณ : IHAYO เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:37:40

ความคิดเห็นที่ 12 พวกสายมันวัตถุดิบต่างกัน ความคงทนต่างกันรึเปล่า แต่ถ้าราคาไม่สมเหตุสมผลมากก็ควรหลีกเลี่ยง จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:42:45 A:1.4.250.195 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 13 ตามประสบการณ์โดยตรงของผม - สายลำโพง เมตรละ 400 กับเมตรละ 80 เป็นทองแดงเหมือนกัน เสียงไม่ต่างกัน = ไม่ใช่ทองแดง "เหมือนกัน" แน่นอนครับ ความบริสุทธิของทองแดงหรือส่วนผสม และกรรมวิธีผลิต ไม่เหมือนกันแน่ - สายสัญญาณ 4000 กับ 1600 ไม่ต่างกัน = ถ้ายี่ห้อเดียวกัน ราคาไม่เท่ากันแล้วฟังไม่ออก เป็นบุญของ จขกท.แล้วครับ ที่ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ - bi-wired กับ ใช้สายลำโพงเส้นเดียวกับ bridge เสียงไม่ต่างกัน = เหมือนข้างบน - ลำโพง เสียงต่างแบบชัดเจน แพงขึ้นส่วนใหญ่จะดีกว่าจริงๆ =อันนี้บุญตกแล้ว ท่าทางจะได้เสียเงิน ตอนนี้ผมจะอัพเกรดแอมป์นะครับ แต่ก็จิตตกว่า กลัวซื้อมาแล้วเสียงไม่แตกต่าง เลยอยากภามท่านที่มีประสบการ์ณ ว่าแอมป์ แพงๆนี่คุ้มที่จะเปลี่ยนหรือเปล่า ตอนนี้ใช้ NAD ว่าจะเปลี่ยนเป็น Arcam นะครับ = ถ้ายังฟัง ข้อ 2 กับ 3 ไม่แตกต่าง อย่างเพิ่งเปลี่ยนเลยครับ ไปลองฟังดนตรีจริงๆเยอะๆ แล้วลองฟังเครื่องเสียงดีๆ มากๆบ่อยๆ เมื่อไหร่รู้สึกว่าเราชอบแบบไหนแล้วค่อยเสียเงินครับ จากคุณ : Capt Aod เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:43:38

ความคิดเห็นที่ 14 ***** พวกอนาล็อกทั้งหลาย เปลี่ยนยังไงก็ต่างกันฟังออกได้ไม่ยาก แต่ก็อย่างว่า บางคน mp3 128 k/s กับ 320 k/s ยังแยกไม่ออกเลย 666 ***** พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พวกราคาถูกๆ ค่าเบี่ยงเบนสูงกว่าพวกราคาแพงๆ ต่อให้เป็นค่าเดียวกันก็ตาม เมื่อเอาชิ้นส่วนห่วยๆ ที่มีค่า error สูงหลายๆ ชิ้นมารวมกัน สิ่งที่ได้ออกมา ยังไงไม่มีทางเทียบกับพวกที่มีค่า error ต่ำรวมกันได้ แน่นอน 666 ***** เหมือนขีดเส้นยาว 100 ม. แล้วเบี้ยวไป 10 ม. ส่วนใหญ่จะดูออกว่าเบี้ยวไม่ตรง (แต่ก็มีบางคนบอกตรง) เมื่อเทียบกับที่เบี้ยวไป 1 ม.  แต่ถ้าเบี้ยว 1 ม. กับ 0.1 ม. แบบนั้น หาคนดูออกจริงยาก แต่เบี้ยว 0.1 ม. กับ 0.01 ม. นี่ เทพเลยมั้งถึงจะแยกออก  666 จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 12:49:09

ความคิดเห็นที่ 15 เล่นเครื่องเสียง อย่าไปบ้าตามคนอื่นครับ ถ้าคุณพอใจแล้ว นั่นคือเครื่องเสียงที่ดีที่สุดสำหรับคุณ จากคุณ : oppertunity เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:02:36

ความคิดเห็นที่ 16 สาย = ไม่ต่าง แอมป์ = ต่าง แต่ผมชอบแอมป์ถูกมันเพราะกว่า จากคุณ : Pomzazed เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:14:22

ความคิดเห็นที่ 17 แอมป์ถ้าออกแบบวงจรต่างกัน อุปกรณ์ที่ใช้ก็ต่างกันด้วย ความแตกต่างของสัญญาณที่วิ่งผ่านอุปกรณ์(Circuit) ที่มีความซับซ้อนต่างกัน พอฟังออก แต่แอมป์/ลำโพงตัวเดียวกัน ใช้สายต่างกัน เงิน ทองแดง หรือเคลือบอะไรก็แล้วแต่ ที่มีคุณลักษณะทางการนำไฟฟ้าที่ต่างกัน  แล้ว"หู" สามารถฟังออกนี่ เป็นเรื่องของกายภาพ (หูคนที่ฟังแต่ละคน) ล้วนๆ   จากคุณ : รัตนาธิเบต เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:22:01

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าซื้อมาแล้ว ต่อให้มันไม่ต่าง ก็จะรู้สึกว่าต่างครับ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:49:01

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่น่าไปฟังพวกหูแพงๆ ราคาเกินครึ่งแสนเลย เพราะแค่อยากลองว่ามันจะดีขนาดไหนเชียว มันกลับทำให้ความสุขในการฟังเพลงของผม กับหูฟังราคาถูกๆหายไปทันที จากคุณ : Naruse_X เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:05:43

ความคิดเห็นที่ 20 ผมชอบประโยคในโพสต์ #13 ที่ว่า "ถ้ายี่ห้อเดียวกัน ราคาไม่เท่ากันแล้วฟังไม่ออก เป็นบุญของ จขกท.แล้วครับ ที่ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ" จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:07:10 A:171.7.104.147 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 21 ต่างอะครับ ตอนแรก ก็ไม่เชื่อ แต่พอเริ่มมาฟังเอง จนเพื่อน เอา CD สอนการฟังเพลง audiophile มาให้ฟัง แยกเสียงใกล้ ไกล เสียงหน้า หลัง เลยเริ่มรู้ถึงมิติ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสมาก เล่นแค่ NAD CD ตัวเดียวกับแอมป์ บ้าน ๆ สายก็เมตรล่ะ 400 พอ ใช้แค่เส้นล่ะ 3 เมตร ลำโพงก็ พื้น ๆ เราฟังว่าเพราะก็จบ จากคุณ : ซิมเปิ้ลแมน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:51:44

ความคิดเห็นที่ 22 ตัวแปลงเสียงanalog ต่างกันจริงๆตามวงจร ตัวกระจายเสียง(หูฟัง-ลำโพง) ต่างกันจริงตามการตั้งค่าของโรงงาน ส่วนเรื่องสายนี่ no commentครับ ไม่รู้ว่าเป็นdefence mechanism ป้องกันความรู้สึกเสียดายตังหรือเปล่า ถึงให้ความรู้สึกแตกต่างกัน... ปล. ผมหูไม่เทพนะ แต่ถ้าฟังเทียบก็พอแยกได้ว่าเสียงจังหวะมันครบต่างกัน ปล. ความเพราะมันความรู้สึกล้วนๆ +/-อุปทานหมู่ชัดๆ จากคุณ : Toukung เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 17:11:22

ความคิดเห็นที่ 23 ที่บ้าน พ่อบ้าเครื่องเสียง ลำโพงเกะกะมาก แต่กลายเป็นฟังหูฟังจีนทั่วไป แล้วรู้สึกห่วยแตก เพื่อนๆ บอกเสียงโอเค เลยต้องเสียเงินซื้อ หูฟังอีก ลำโพงเต็มบ้าน เครื่องเสียงชุดใหม่ นั่งเซทที เพื่อนบ้านรำคาญ แต่ยอมรับว่า มันได้อารมณ์จริง ที่จะบอกคือ อะไรที่คิดว่าดี ฟังม่วนหู ก็ซื้อเตอะ จากคุณ : ตัวปลอม (พ่อศรีเรือนคับผม) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 17:56:17

ความคิดเห็นที่ 24 ผมอยู่ในธุรกิจ เครื่องเสียงติดรถยนต์ครับ น่าจะเป็น คคห. แรกเลยในห้องนี้ (แอบอ่านมาหลายปี) คคห.ผมสายอะไรก็ต่างครับ ไม่งั้นนำกระแสได้แรงดันไม่ตก ใช้ลวดเส้นใหญ่ได้เลย555 สายเป็นวิทยาศาสตร์การนำส่งคลื่นสัญญาณที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่20เฮริตท์ไปจนถึง20000เฮริตท์นั้น ไม่ใช้ดูแค่ เเอมปริจูดกับความถี่(EQ) ทั้งๆแค่ที่กล่าวผมว่าก็ทำให้เกิดความแตกต่างอยู่แล้ว แต่ตัวแปรอีกตัวก็คือเวลาในแต่ละความถี่ครับ เพราะในส่วนผสม โลหะ การออกแบบ กระบวนการสร้างสายที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ ไทม์ในแต่ละความถี่เกิดความแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการนำสัญญาณในเชิงมิติครับ จะดูได้จากการออกแบบสายหลายยี่ห้อดังๆที่มีการ ใช้ L C R มาช่วยในการรักษาเอ้าพุทของสายให้เกิดความสมดุลย์ เหมือนธรรมชาติมากขึ้นครับ ในขณะที่อีกหลายๆยี่ห้อเน้นไปที่การออกแบบส่วนผสม ขนาด กรรมวิธีต่างๆ เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงที่สุด คงชี้ชัดใม่ได้นะว่าอะไรดีที่สุด เพราะการเลือกสายมีหลายองค์ประกอบ การแมทสายกับระบบก็มีความสำคัญ ควรใช้วิธีทดสอบเทียบ และผลทดสอบจะชัดเจนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่ระบบด้วย ยกตัวอย่างเช่นต่อลำโพงข้างหนึ่งกลับเฟส การทดสอบสายอาจไม่เห็นความแตกต่างหรืือผลทดสอบผิดก็ได้ครับ จากคุณ : Sarawut (tao mockup) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 19:34:18

ความคิดเห็นที่ 25 เครื่องเสียงราคากลางๆ ส่วนใหญ่ใช้อุปกรณ์มาตรฐานให้ได้ความเพี้ยนให้ต่ำที่สุด แต่ของแพงๆคือของอุปกรณ์ที่มีความเพี้ยนเพื่อตอบสนองความต้องการของคนบางกลุ่มที่เรียกว่ามีบุคคลิกเสียงเฉพาะตัว หูเทพหูทองคือผู้แสวงหาอุปกรณ์ที่สร้างความเพี้ยนและบิดเบี้ยวเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง และพยายามเรียกตัวเองว่ามีความสามารถสูงกว่าคนทั่วไปในการฟังความเพี้ยนให้เป็นความไพเราะได้ คลื่นเสียงที่ออกจากไฟล์ต้นฉบับ พอผ่านอุปกรณ์ขั้นเทพจะบิดเบี้ยวจนฟังแล้วเหมือนกับเพราะอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่นักดนตรีเองยังงงเลยว่าเครื่องดนตรีที่เล่นมันมีเสียงลักษณะนี้ด้วยหรือ จากคุณ : pizza_p เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 22:19:24

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเห็นด้วยกับ คคห 7 เป็นอย่างยิ่งครับ บางทีใช้เครื่องวัด วัดค่าออกมาแล้วผลไม่ต่าง แต่คนฟังออกมาต่างก็มี เหตุผลว่าทำไมอันนี้ละไว้แล้วกันครับ พูดไปก็ดราม่าเปล่าๆ 55+ จากคุณ : หวาก เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 23:20:46

ความคิดเห็นที่ 27 CD ----> Amp ---> ลำโพง ถ้าอุปกรณ์ ขั้นปานกลาง เปลี่ยนสายดีเกินก็ไม่มีประโยชน์ จะไม่เห็นตวามแตกต่าง ถ้าจะลองสาย ต้องลองกับชุดดี ๆ ครับ ถึงจะเห็นว่าต่างยังไง อุปกรณ์ และสายสัญญานทั้งชุด ควรเลือกให้อยู่ในระดับเดียวกัน จะได้ประสิทธิภาพเสียงที่ออกมา คุ้มค่าเงินที่สุดครับ อะไรแพงมาก ๆ อย่างเดียวจะไม่มีประโยชน์ ของอย่างนี้ต้องลองฟังด้วยตัวเองครับ ดู spec หรือใช้ตำราอาจจะไม่ดีเท่า ไปที่ร้านขายเครื่องเสียง (ร้านจริง ๆ ไม่ใช่แผนกเครื่องเสียงตามห้างนะครับ) ไปลองนั่งคุย นั่งฟังกันได้ครับ ร้านเหล่านี้จะมีห้องลองฟังแบบจริง ๆ จัง ๆ ถือว่าไปเพิ่มประสบการณ์ครับ คุณเจ้าของกระทู้ แนะนำให้ยก NAD จากที่บ้าน ไปลองเทียบ ARCAM ที่ร้านเลยครับ จากคุณ : =MoN= เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 00:43:10

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่เห็นด้วยกับ คคห.25 ที่ว่า .................... แต่ของแพงๆคือของอุปกรณ์ที่มีความเพี้ยนเพื่อตอบสนองความต้องการของคนบางกลุ่มที่เรียกว่ามีบุคคลิกเสียงเฉพาะตัว ................... ต่างคนต่างประสบการณ์ครับ ไม่ควรแสดง คคห.เช่นนี้ครับ ผมว่าทรรศนคติที่เหมาะสม ควรแสดงด้วยการใช้เหตุผลครับ ไม่ใช้เหมารวม อาจเป็นไปได้ที่ของราคาสูงมีความเพี้ยนมีคัลเลอร์ แต่ผมว่าการไปตีความเช่นนั้น ถ้ามีตนบอกว่าของราคากลางๆเพี้ยนบ้างหละ ผมว่าเราคงไม่ได้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องครับ ผมอ่าน คคห. หลาย คคห. ที่ผมเองก็รู้สึกขัดแย้ง แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะไปเหมากันด้วยราคา เสียงเป็นศาสตร์เข้าใจได้ไม่ง่าย นักร้องนักดนตรี สื่ออะไร การบันทึกหวังอะไร มีข้อจำกัดเช่นไร เพลย์แบล็ก ด้วยระบบเครื่องเสียงต้องทำอย่างไร มีกฎเกณท์อะไรบ้างที่ ทำไม่ได้ในการแค่เหมือนต้นฉบับ แค่เหมือนผมว่ายังไม่ได้ คล้ายเท่าไหร่น่าจะเป็นคำตอบ ออดิโอไฟล์ในสายตาผมก็คือ ระบบที่ถ่ายทอด อารมณ์ของเพลง อันประกอบด้วย นักร้องที่ต้องการสื่อสาร นักดนตรี ผู้ประพันธ์ที่ช่วยกันสร้างงานศิลปะออกมา ถ้าเห็นอารมณ์มันหมายถึงมิติเสียงที่ดี ไดนามิกเรนท์ คอนทราสของเสียง ฮาร์โมนิกที่ถูกต้อง ถ้าเห็นอารมณ์มันหมายถึงโทนัลบาลานท์ โทนัลเเอคเคอรเรซี่ที่ดี การถ่ายทอดหมายถึงระบบ ซึ่งไม่ใช่แค่มีเครื่องเล่น มีแอมป์ มีลำโพง มันต้องหมายถึงสาย คอนเน็กต่างๆที่ดีด้วยนะครับ การวัดด้วยเครื่องมืออย่างRTA หรือมิเตอน์แรงดัน กระแสมันไม่สามารถวัดความเร็ว มุมองศาเฟสได้ในทุกความถี่ตามความยาวสาย และความแตกต่างกันของวัสดุ มันต้องระดับ MIT หรือแล็ปชั้นนำ จริงๆถึงจะวัดความละเอียดระดับนี้ อาจมีครับที่ใช้หูในการเทส ก็มีดีจริงและดีไม่จริงแตกต่าง แต่ไปดูราคาขายสายมือสองในออดิโอกอนได้เลยราคาเป็นปัจจัยหลักในการแบ่งเกรดสายได้อย่างชัดเจน ถ้าราคาไม่ทิ้งกันมากอาจมีราคาต่ำดีกว่าราคาสูง แต่ถ้าห่างมากผมไม่เคยเจอถูกมากๆดีกว่าสูงมากๆสักที ถ้าท่านใดเจอดีผมว่าหลักการตลาด สายนั้นคงขายดีจนสายอื่นๆทีราคาสูงกว่าสูญพันธ์ครับ จากคุณ : Sarawut (tao mockup) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 00:43:51

ความคิดเห็นที่ 29 ขึ้นชื่อว่าแอมป์หลอด หยิบหลอดไหนมา ก็เพี้ยน อันนี้เราพูดถึงการเอา Input เทียบ Output เลยนะ... แต่น่าแปลกที่ แอมป์หลอดถูกยกย่องว่าเป็นเครื่องเสียงชั้นสูง.... เสียงดี คุณภาพดี ทั้งๆที่มันเพี๊ยนร้อยทั้งร้อย... ส่วนแอมป์ที่มี Response ค่อนข้างราบเรียบตลอดช่วงความถี่ 20-20K มักถูกคอมเมนท์ในทางลบ... ผมว่า25# ก็สรุปได้ถูกต้องแล้ว....   ไม่ให้อ้างอิงตำรา แล้วจะให้อิงไสยศาสตร์หรือไงครับ ที่นี่บอร์ดวิทย์นะครับ "ลองฟังด้วยตัวเองดีกว่าตำรา"  หมายถึงว่าเอาความรู้สึกตัดสินจะถูกต้องกว่าทฤษฎีหรือ?.... แปลว่าคุณไม่รู้ซะแล้วว่าประสาทสัมผัสของคนมันถูกหลอกง่ายขนาดไหน... แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 55 02:10:50 จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 02:07:55

ความคิดเห็นที่ 30 เล่นเครื่องเสียงหลักแสนมาเมื่อเกือบ 38 ปีก่อน โดยนำเข้ามาเองครับ เล่นจาก Turn Table + Marantz + แอมป์หลอด +ลำโพงสุดยอด เท่าที่จะมีเงินซื้อตอนนั้น..รวมชุดนั้นเกือบสองแสน สายที่ใช้เป็นสายเงิน ขนาดใหญ่แล้ว ใช้หัวแจ๊คเคลือบทอง ไม่ได้ใช้บัดกรีเลย (งง บางคคห.ว่าใช้บัดกรี ใช้ตรงไหน?) ผมอาจจะลืมหรือตามไม่ทัน..55 ที่จขกท.ถาม ผมว่า ถ้าผู้ผลิตมีความชำนาญ มีประสบการณ์มาก ผมว่ามีส่วนสำคัญครับ ไม่งั้นไปใช้สายทองแดง เมตรละบาท กระจอกๆก็ได้  แต่ถ้าเอาราคามาเทียบ ผมไม่รู้ว่าปัจจุบันมีกี่ยี่ห้อ กี่สเปค กี่ราคา แล้วเอามาขายฟันหัวคนรวยหรือป่าว เอาสายไหน ยี่ห้อไหน หนาบางอย่างไร มาเทียบราคา แต่ถ้ามีเงิน เลือกได้ก็ศึกษาดูก่อนซื้อก็ได้ มันไม่ถูกเลย ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด เมตรละพันกว่าบาทเมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้ว ตอบได้เท่าที่เคยเล่นมานาน.. ปัจจุบันไม่ได้เล่นแล้ว ยังคิดเลยว่าจะกลับมาย้อนยุค ย้อนอดีตเล่น Turn Table ใหม่ดีไหมเนี่ย...เบื่อเทคโนโลยี่...ชอบฟังแผ่นเสียง เพราะมันได้อารมณ์เสียงรบกวนมากกว่า 5555 จากคุณ : Whalephant เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 02:34:45

ความคิดเห็นที่ 31 ผมไม่สามารถลองฟังได้ในสถานที่ๆผมอยู่นะครับ ว่ากันด้วยเรื่องสายลำโพงผมฟังแล้วไม่แตกต่าง คือผมมี Chord carnival silverscreen ตอนนี้ใช้ van damme ที่ราคาถูกกว่า 5 เท่า ผมลองฟังแล้วเสียงไม่ต่าง จริงๆ ฟังไม่ออก แต่ Van Damme ทองแดงหนา 2.5 mm และมีshield แต่ไม่ได้หนาอะไร ผมใช้ลำโพง B&W 685 และ Monitor Audio RX2 ทดสอบครับ ผมว่าถ้า blind test กันก็แยกได้ยากครับ ผมว่าน่าจะเป็นสายตากับภาพที่เห็นสายสวยๆ ทำให้เราคิดว่ามันดีกว่า  แต่กับแอมป์ยังไม่เคยลอง เคยใช้ Marantz ตอนนี้ NAD ก็คิดว่าเสียงต่าง แต่ก็เกรงว่าตัวเองจะหลอนไปเอง โดยภาพที่ได้เห็น เลยมาถามความเห็นที่ห้องนี้เผืรอมีใครเคยทดสอบจริงๆ ว่า ต่างหรือไม่ต่าง สำหรับที่ผมบอกว่าสายต่างๆเสียงไม่ต่างนั้นผมไม่ได้หมายถึงใช้ลวดนะครับ ผมหมายถึงสายลำโพงเหมือนๆกัน แต่ก็ไม่แน่นะครับถ้าใช้ลวดจริงอาจแยกไม่ออกก็ได้ ที่ผมว่าต่างจริงๆคือ ลำโพง กับ การวางลำโพง และ ห้องที่ฟัง ส่วนแอมป์ยังลังเล อ้างอิงครับ ลองอ่านดูรวมการทดสอบ blind test  http://www.head-fi.org/t/486598/testing-audiophile-claims-and-myths แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 55 04:54:05 จากคุณ : cafedelmar (CafeDelMar) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 04:46:30

ความคิดเห็นที่ 32 น่าจะเหมือนพระเครื่อง ราคาเป็นล้าน เชื่อว่ากันกระสุนได้ดีกว่าราคา หลักร้อย จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 08:13:30

ความคิดเห็นที่ 33 ผมมี NAD C352 สาย Carnival เหมือนกัน ซื้อที่ อังกฤษ เมตรละ 6 ปอนด์ ประมาณ 280 บาท ลำโพง NHT SB3 ก็พอใจกับเสียงพอสมควร ต่อมาได้ Pre/Power .C162/272 รายละเอียดดีขึ้นมาก ต่อมาเปลี่ยนลำโพงเป็น PSB Synchrony One ทุกอย่างเลวลง (เพราะลำโพงดีเกินไป เสียงที่ไม่ดีได้ยินหมด) เปลี่ยนสายลำโพงเป็น PAD Musaeous กลับดีขึ้นมาใหม่ ดีกว่าเดิมมากๆๆๆๆๆ ได้ Power หลอดของ SAC KT88 /Pre Passlab X20 ดีขึ้นไปอีกเยอะ กับ Power GAMUT M250i สูสีกับหลอด ทั้งที่หลอดราคาถูกกว่า 6 เท่า ได้กำลังเพิ่มมาเท่านั้น จะบอกว่า บางครั้งอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าไม่เหมาะสมกันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา ของถูกกว่าอาจจะทำได้ใกล้เคียงกับของแพง ถ้าเลือกได้ถูกคู่ และถ้าถูกใจเรา ทุกวันนี้ NAD กับ  NHT ก็ยังใช้อยู่ กับสาย Carnival นี่แหละครับ แต่ไปอยู่ที่ห้องกินข้าว ฟังเพลงจริงๆ ใช้หลอด ดูหนัง ฟังเพลงเอามัน ใช้ GAMUT อีกอย่างคือ สภาพห้อง ต่อให้ใช้ของดีขนาดไหน ถ้าห้องไม่อำนวย ก็เสียของเปล่าๆ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 55 08:31:49 จากคุณ : Capt Aod เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 08:25:06

ความคิดเห็นที่ 34 #30 แล้วในวงจรขยาย ไม่ให้มีจุดบัดกรี จะให้เอากาวแปะรึไงครับ จากคุณ : คุณพระ... (Mikegelo) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 08:30:45

ความคิดเห็นที่ 35 แอมป์หลอด ยังไงสัญญาณก็เพี้ยนครับ ถ้าบอกของแพงแล้วไม่เพี้ยน คงต้องไปลงเรียนวิชาไฟฟ้ากันใหม่ อย่างที่บอกไป เพี้ยนแล้วเข้ากับรสนิยม หรืออาจจะเข้ากับคำชมของนิตยสารดัง มันเลยupราคาแพงๆได้ ในขณะที่วงจรขยายพื้นๆความเพี้ยนต่ำ ขายถูกกว่าหลายสิบเท่า เขาว่าห่วย เพราะเสียงเที่ยงตรงเกินไป ป.ล. เครื่องมือวัดความถี่สูง ไม่ต้องหาในlabเว่อๆหรอกครับ ในlab เอกชนในสายงานอิเล็คฯมีเยอะแยะ ตัวละไม่กี่แสนจนล้านนิดๆหาไม่ยาก เพียงแต่หูเทพบางคนอาจจะไม่เชื่อเครื่องมือวัด แต่เชื่อ"หู"ตัวเองมากกว่า เท่านั้นแหละ จากคุณ : IHAYO เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 08:53:02

ความคิดเห็นที่ 36 ดราม่า เครื่องเสียง รีรันมาอีกรอบแว้ว ตกลงเรื่องแผ่นซีดี ถูกแพงได้ข้อสรุปรึยังอ่ะครับ ยังไงแผ่น มันก็มีแค่ 0 กับ 1นิ ถ้าข้อมูลไม่เขียนผิดพลาด ยังไงมันก็ต้องเหมือน จากคุณ : Fatdiary เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 09:57:40

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องเสียง มันเหมือนเรื่อง รูป รส กลิ่น สัมผัสครับ อร่อยหรือไม่อร่อย สวยหรือไม่สวย หอมหรือไม่หอม เนียนนุ่นหรือไม่เนียนนุ่ม อาหารแพงๆอาจจะอร่อยหรือไม่ก็ได้ คนอื่นบอกอร่อย เราอาจไม่อร่อย มีเครื่องมืออะไรวัดได้มั๊ยครับ??? เสียงก็เหมือนกัน เห็นเถียงกันมานานแล้ว ห้องนี้ สงสัยวิทย์จนลืมความจริง จากคุณ : Capt Aod เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 10:32:49

ความคิดเห็นที่ 38 ความคิดเห็นที่ 36 ได้ข้อสรุป นานแล้วไงครับว่า แผ่นแพง  เก็บไว้ได้นานกว่า  pinco  แน่นอน  นี่คือความจริง จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 10:49:26

ความคิดเห็นที่ 39 แอมหลอด เสียงเพี้ยน ใช่ครับ  ถ้าวัดด้วยเครื่องมือวัด แต่ต่อให้ท่านเอาเครื่องที่ตรงสุดๆมาฟังเพลง  เพลงเดียวกัน  อุปกรเหมือนๆกัน  เปลี่ยนแค่ transistor เป็นหลอด ผมกล้าพูดเลยนะว่า เพราะกว่าเห็นๆ   หลายคนหูเสียมาเพราะแบบนี้มาเยอะแล้ว เคยอ่านตำราเก่าๆ  เขาว่ากันว่า ความเพี้ยน ของหลอด  มันอยู่ใน ฮามอนิค ที่ 3หรืออะไรนี่  ซึ่งพอเป็นเลข คี่ มันจะไม่ค่อยส่งผลกับ การรับรุ้ ของหูมนุษย์ ส่วน transistor  จะเป็น ความเพี้ยนแบบคู่  จรึงฟังออกง่ายกว่า จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 10:54:02

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนหลัง เล่นเองเลยครับ เล่นสด ทั้งกลอง กีต้าร์ เบส เปียโน นี่ล่ะ สิ่งที่ค้นหา การฟังแล้วเหมือนเล่นสด ก็เล่นเองซะเลยฮ่า ๆ จากคุณ : . (ซิมเปิ้ลแมน) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 11:28:21

ความคิดเห็นที่ 41 39# "แต่ต่อให้ท่านเอาเครื่องที่ตรงสุดๆมาฟังเพลง  เพลงเดียวกัน  อุปกรเหมือนๆกัน  เปลี่ยนแค่ transistor เป็นหลอด" คุณจะบอกว่าเที่ยงตรงเหมือนกัน แต่หลอดให้เสียงเพราะกว่า? ถ้าสัญญาณออกมาเหมือนกัน มันก็ต้องฟังแล้วเหมือนกันสิครับ อุปทานเรอะ..... แต่จะว่าไป....ใช้หลอดมันก็ไม่มีคำว่าเที่ยงตรงแล้วครับ ไม่งั้นเค้าไม่เลิกใช้กันหรอกคร้าบ เหลือแค่ในงานเครื่องเสียง ที่พวกล่อไสยศาสตร์ล้วนๆ กับงาน RADAR ที่อุปกรณ์กึ่งตัวนำทั่วๆไปทนกำลังหลายๆ MWatt ไม่ไหว แค่นั้นแหละ มันเลี่ยงไม่ได้ถึงต้องใช้ เอาเถอะ....สรุปก็คือ ยอมรับแล้วสินะครับ ว่า.... เสียงเพี๊ยนๆเข้ากับรสนิยม นั่นแหละคือเพราะ ถ้าอ้างแบบนั้น มันก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้แล้วล่ะ ว่าสายต้องเที่ยงตรง ต้องไม่มีความเพี๊ยนที่สาย ที่ลำโพง ที่โน่นที่นี่ เสียงถึงจะเพราะ ใครจะรู้ สายห่วยๆในทางไฟฟ้า ทำสัญญาณเพี้ยนๆ อาจจะเข้ากับรสนิยมหูทองบางคนก็ได้นะ นั่นก็เรียกว่าเพราะได้ใช่ป่ะ เหมือนหลอดไทรโอดเพี้ยนๆ ดันถูกใจนักฟังเพลงเยอะแยะ ถ้ามาถึงจุดนี้แล้ว คุณเป็นคนปักธงเองแล้วว่า เพราะไม่เพราะขึ้นอยุ่กับรสนิยมคนล้วนๆ มันก็ลักลั่นย้อนแย้งกับประโยคที่ว่า เครื่องเสียงดีๆ ให้เสียงที่ดี กว่าเครื่องเสียงทั่วๆไป อีกอย่าง ในขณะที่คุณชื่นชมความเพี้ยนของภาคขยาย คุณกลับไขว่คว้าหาความเที่ยงตรงจากส่วนอื่นๆทั้งหมด แล้วบอกว่าให้สัญญาณที่ถูกต้องเสียงจึงดี ตรรกะพวกคุณนี่แปลกดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 55 12:26:35 จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 12:19:32

ความคิดเห็นที่ 42 การเปลี่ยนลำโพงหรือเครื่องเสียง บางครั้งที่ฟังออกเพราะมีบุคคลิกเสียงต่างกัน ผมเองก็แยกความแตกต่างได้ไม่ยาก แต่ลำโพงและเครื่องเสียงชุดเดียวกัน เปลี่ยนสายสัญญาณกับสายลำโพงนี่พวกหูทองจากนิตรสารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ พอจะให้ผ่าน Double Blind Test พิสูจน์กันชัดๆแบบวิทยาศาสตร์ก็อ้างเหตุผลร้อยแปดว่าการทดสอบแบบนั้นไม่เหมาะสมกับการทดสอบเครื่องเสียง ทุกวันนี้ก็เลยยังเถียงกันไม่จบ เสียงดนตรีจากธรรมชาติกว่าจะมาถึงหูให้ได้ยินก็มีความเพี้ยนอยู่มากมายนะครับ ใช่ว่าอะไรที่เพี้ยนๆจะฟังไม่เพราะไปซะทั้งหมด จากคุณ : freefeel เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 13:41:49

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 40 เล่นได้ครับ แต่มันเหนื่อย  นั่งฟังคนร้องให้ฟัง จิบบรั่นดีไป  ผมว่า สุนทรี มากกว่าซะอีก จริงไหม จากคุณ : Night_Angel เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 13:45:14

ความคิดเห็นที่ 44 คห.42. ชอบตรง เสียงดนตรีจากธรรมชาติกว่าจะมาถึงหูให้ได้ยินก็มีความเพี้ยนอยู่มากมายนะครับ ใช่ว่าอะไรที่เพี้ยนๆจะฟังไม่เพราะไปซะทั้งหมด ถึงต้องออกไปฟังนักร้องในคาเฟ่บ้างไงครับ พวกนี้ร้องเพี้ยนทั้งนั้น แต่ blind test นักเขียนเค้าไม่ทำหรอก เพราะรอรับตังจากทุกค่ายอยู่ จากคุณ : Capt Aod เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 14:04:56

ความคิดเห็นที่ 45 สรุปคืออารมณ์เหนือกว่าเหตุผลว่างั้น ถ้าอย่างงั้นต้องทดลองเอาแอมป์หลอดที่ดังๆมาวัดความเพี้ยนแล้วลอง Simulate ด้วยวงจรอิเลกโทรนิกส์ให้เหมือนกันแล้วลองให้ โปรๆฟังดู อยากเห็นผลเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง จากคุณ : Nexus เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 15:03:34

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านกระทู้พวกนี้ทีไร ฮาทุกที สายหรืออุปกรณ์ทั้งหลายแหล่ มันทำให้เกิด distortion ที่ไม่เท่ากันทั้งนั้นแหละครับ ตรงนี้แหละ ที่เขาเรียกว่า เพี้ยน (เพราะสัญญาณมันเพี้ยนไปจาก input เดิม) ส่วนที่เหลือ มันเป็นความพอใจส่วนบุคคลล้วนๆ พอสัญญาณมัน distort ไปแล้ว เสียงมันก็เปลี่ยน คราวนี้ใครจะฟังออก ใครจะฟังไม่ออก ใครจะอุปปาทาน หรือไม่อุปปาทาน มันก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลไปแล้ว คงสรุปไม่ได้ว่าเพราะขึ้นหรือเปล่า หรือหูทอง ฟังแล้วแยกออกจริงหรือเปล่า เพราะมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล บางคนอาจว่าเพราะขึ้น เพราะมีรสนิยมในทางนั้น หรือบางคนอาจจะฟังแยกความผิดเพี้ยนได้จริงก็ได้ เพราะเขาอาจจะมี character ของหูที่แปลกกว่าคนทั่วไปก็ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ #25 พูดนั้นก็ถูกแล้ว คือใครพึงใจแบบไหนก็ว่ากันไป ใครพึงใจในของที่แพงกว่า ก็ยอมจ่ายได้ ใครเห้นว่ามันไม่ต่าง ก็จ่ายแบบถูกกว่าได้ แต่ประหลาดที่สองกลุ่มนี้ มักจะเถีงยงกันจะเป็นจะตาย ทั้งๆ ที่มันเป็นความต้องการส่วนบุคคลล้วนๆ แท้ๆ จากคุณ : ปั๊ปโปะจัง เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 16:52:42

ความคิดเห็นที่ 47 อ่านแล้ว ผมกลับไปหาความสุขกับชุดพอเพียงแต่เสียงดีของผมดีกว่า เถียงกันยังไม่ก็ไม่จบ จากคุณ : น้องน้ำเพชร เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 19:49:41

ความคิดเห็นที่ 48 อาหารจะอร่อยต้องปรุงรสไม่ใช่หรือ  ไม่มีใครชอบแบบธรรมชาติจืดๆหรอก แอมป์หลอด เขาฟังว่า เสียงมันหนักแน่นดี ได้อารมณ์ เปรียบกับเสียงกีต้าร์ไฟฟ้าที่ใช่แอมป์ ที่ไม่ใช่แอมป์กีต้าร์โดยตรง เสียงมันไม่เป็นแบบที่เราฟังกันหรอก....ห่วยแตกเลย.......เราเคยลองเล่นมาแล้ว เสียงยังกะเส้นลวด จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 00:10:12

ความคิดเห็นที่ 49 34 ผมเจอพวกแถอีกแล้ว ไปยุ่งอะไร บัดกรีในวงจรภาคขยาย? ซื้อมาต่อสายให้ถูกต้องก็พอ หัวแจ๊ค  สายสัญญาณ เสียบให้ถูกต้อง  ซื้อเครื่องเสียงไฮเอ็นด์นะครับ ไม่ใช่ไปบ้านหม้อซื้อมาทีละชิ้นประกอบเอง... แถไปเรื่อย ไม่กระแนะกระแหนคนนี่ นอนไม่หลับสินะ ไม่ต้องตอบก็ได้ แถได้แถดี... จากคุณ : Whalephant เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 00:54:35

ความคิดเห็นที่ 50 ยอมรับว่าเนื้อหากว่า70%ของกระทู้นี้ ผมไม่รู้เรื่องเลย แต่อ่านกระทู้นี้แล้วมันดีจริงๆ   จากคุณ : ปล่อยว่างกับความรัก เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 02:24:47

ความคิดเห็นที่ 51 49# ใน7# ผมพูดรวมไปถึงพวกเครื่องเสียงที่ชอบโฆษณาว่าจุดบักรีในภาคขยายใช้ตะกั่วเงิน ซึ่งมันก็มีจริงๆ พวกหูทองที่บ้าตะกั่วเงิน ถ้าคุณไม่ใช่ ไม่ต้องร้อนตัวก็ได้นะครับ จากคุณ : Mikegelo เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 08:25:40

ความคิดเห็นที่ 52 เคยโพสแล้วโดนลบด้วยนะ สงสัยโดน ข้อหา ลบหลู่ทางการค้า ขายเข้าไปได้ สายไฟ เมตรละ 4000 จากคุณ : noname เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 09:36:27 A:203.153.166.116 X: TicketID:111907

ความคิดเห็นที่ 53 ถึงท่านที่บอกว่า พวกเครื่องเสียง สายไฟ สายสัญญาน ตะกั่วบัดกรี อื่น ๆ จิปาถะ  มันให้เสียงต่างกันจริงหรือ แล้วท่านบอกว่า มันไม่ต่างกัน อยากจะถามความเห็นท่านสักหน่อยว่า  ผู้หญิง (ขอประทานโทษที่อ้างอิงถึง) ทุกคน ท่านดูและรู้สึกว่า สวยเหมือนกันทุกคนไหมครับ หรือ รถยนต์แต่ละคัน แต่ละยี่ห้อ ตั้งแต่ยี่ห้อ อินเดีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา มันต่างกันไหม ทั้ง ๆ ที่มันเป็นพาหนะให้กับเรา เอาแค่รถตลาดก็พอ ไม่ต้องถึงระบบ เฟอร์รารี ลัมโบกินี เบนท์ลีย์ โรสรอยล์ หรอกนะครับ ถ้าท่านตอบว่า ใช่ ไม่เหมือนกัน  เครื่องเสียงมันก็คือกันแหล่ะ  ไปละ จากคุณ : น้องน้ำเพชร เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 10:25:51

ความคิดเห็นที่ 54 ช่วงเปลี่ยนจากหลอด มาเป็น transistor เห็นพยายามจะออกแบบให้เป็น OTL, OCL แบ่งการขับเป็นช่วงบวกลบ class ab  เป็นต้น อยู่ดีๆ ก็กลับไปใช้ หม้อแปลง กับ class a แล้วบอกว่าเสียงดีกว่าซะงั้น จากคุณ : cdchd เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:14:49

ความคิดเห็นที่ 55 นอกจากสายไฟเส้นละสี่พัน ยังมีแผ่นแปะอภินิหารอีกด้วยนะครับ จากคุณ : snk เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 11:40:45

ความคิดเห็นที่ 56 ภาคขยาย - แอมป์หลอด เพี้ยนรุณแรง -> แพงสุด ๆ -> ดี - แอมป์หลอด เพี้ยนน้อยยย -> ไม่แพง -> ไม่ดี - Semiconductor -> ไม่เพี้ยนเลย -> ถูกสุด ๆ -> ห่วย สายส่ง - ทอง -> ไม่เพี้ยน -> แพงสุด ๆ -> ดีโคตร - เงิน -> ไม่เพี้ยน -> แพง -> ดี - ทองแดง -> ไม่เพี้ยน  -> ถูก -> ห่วย สรุป ไม่ต้องสนใจว่ามันเป็นอะไร เพี้ยนไม่เพียน แค่ "แพง" ก็ถือว่าดีแล้ว.... จากคุณ : O-Omega เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 12:00:00

ความคิดเห็นที่ 57 ผมจะว่าจากความเห็นผมนะ... เพราะถ้าเอาแบบสุดยอดมันก็ไม่มีทางสายกลางหรอก ตายไปอีกสิบชาติก็หาไม่ได้ ต้องการดีๆ แต่ตะกายไปที่ราคาสูงมากไม่ได้ ต้องตั้งโจทย์ใว้ที่ปานกลาง... คุยแบบบ้านๆเท่าที่ลองเล่นมาเอาแค่พอหาได้ และปรับสภาพแวดล้อมเอาส่วนหนึ่ง ในราคาที่ไม่แพงนัก 1. คือลงแรงให้เยอะๆ ลงสมองให้เยอะๆ ลงเงินปานกลาง 2. ลงเงินให้น้อยๆเฉพาะส่วนที่ส่งผลน้อย และจะแก้ได้ง่าย ไม่ต้องเจ็บตัวมาก 3. ลงเงินให้เยอะๆเฉพาะส่วนที่จำเป็นต้องลงของดีแน่ๆ และลงไปแล้วจะแก้ได้ยาก *สายมีผลครับ *เลือกที่ราคาปานกลาง ปัญหาคือ สายราคาสูงมันอาจจะดีกว่าแค่ 10%  ในขณะที่ราคาสูงไป 100 % และสายราคาถูกอาจจะดีถึงปานกลางก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ห่วยแน่ๆ ฟังธงปานกลาง.. *วิธีทดสอบสายคือตามวิธีติดตั้งครับ ใส่สัญญานรบกวนเข้าไปแบบเจาะจงให้ลงที่สาย เช่นเอาไปพันตีคุ่กับสายไฟอะไรอย่างนี้เป็นต้น... แล้วดูว่าเส้นไหนมันเพี้ยนน้อยกว่ากัน สายห่วยๆจะฟ้องตัวเองชัดเลยครับ *แอมป์มีผลครับ บางครั้งความซับซ้อนของอุปกรณ์มาก แทนที่จะดีก็ยิ่งเพื้ยนมากไป ดังนั้น *เอาของราคา ต่ำค่อนไปถึงกลาง ให้กำลังขับเหมาะกับห้อง *ลำโพงมีผลมากครับ เลือกราคากลางค่อนไปทางแพงเลย เข้ากับแอมป์ได้ ข้อนี้ต้องเดินเลือก ทดสอบกับเพลงที่คุณฟังเองเลย มีโอกาสได้บุคลิคเสียงถูกใจ ในราคากลางด้วยนะ... *อุณหภูมิและความชื้นมีผล แต่เป็นเรื่องของ Sound Engineer ช่างมันเหอะ *สภาพแวดล้อมทางไฟฟ้ามีผลมาก....แอมป์ไม่พอ โวลต์ไม่ถึง ไฟกระชาก นอกจากเสียงจะไม่ดีแล้วอุปกรณ์จะพังเอาด้วย... จะเอาดีๆก็ต่อมาจากเมนสิครับ ควรมีเรื่องปลั๊กไฟและเครื่องสำรองไฟด้วยครับ แต่สำหรับงบปานกลาง ไม่ต้องซื้อแบบแพงๆสำหรับเครื่องเสียงโดยเฉพาะหรอก มันเทพไป เอาราคาปานกลางนี่หละ แล้วใช้การจัดตำแหน่งช่วยเอาก็พอ *ต้นฉบับมีผลมากครับ เลือก CD ขั้นต่ำเหอะ... เอาเป็นว่า...ลงทุนนะ 1. MP3 128 2. CD Redbook 16 bit 44.1k 3. Hires  24 bit 96k สามตัวนี้เอามาเปิด ด้วยเครื่องเล่นราคาบ้านๆ ชุดเดียวกัน คนกว่าครึ่งก็แยกความแตกต่างออกครับ *การติดตั้งมีผล ปานกลาง...แต่ควรทำข้อนี้เยอะๆ เพราะใช้หัวใช้แรง แต่ไม่ต้องจ่ายตังค์มาก 555 A สาย.. 1. อย่าต่อสายยาวมาก แล้วม้วนใว้ ซื้อยาวเผื่อนิดหน่อยก็พอ 2. อย่าเอาสายไปใว้ไกล้ๆสายไฟและพวก Power Supply / เครื่องสำรองไฟ ครับ ถ้าสายคุณห่วยจะมีผลสุดๆ ขอบอก 3. ดูระบบกราวนด์สายสัญญาณให้ดี ส่วนใหญ่มีกราวนด์ มี Shield แต่ถ้ากรองมาได้แล้วกลับไม่มีที่ทิ้ง มันก็วนกลับไปกวนสัญญาณได้อยู่ดี แต่อาการรบกวนต่างๆกันไป B อุปกรณ์... ระวัง Power Supply / เครื่องสำรองไฟ ใว้นะครับ ห่างเข้าใว้ นั่นคือเครื่องกำเนิดความถี่... มีผล C สภาพห้อง พื้นผนังเพดาน วัสดุเครื่องตกแต่งห้อง ดูดซับ สะท้อนเสียง มีผล D การจัดวางลำโพง มีผล .... 1. สำคัญที่สุดคือ....คนส่วนใหญ่อยู่กับระบบที่เสียงมันเพี้ยนมาตลอดชีวิต แค่ออกจากปาก กว่าจะถึงหู มันก็ผ่านอากาศ นั่นคือเพี้ยนไปเยอะแล้ว...แบบนี้คุณถือว่าเพี้ยนป่าวครับ... ถ้าได้ฟังเสียงสดๆไกล้เคียงเสียงจริงมากๆ จะหาว่าตัวเองเพี้ยนเอานะครับ.. 2. ลองฟังเพลงแบบเสียงเบาๆ...ในสภาพแวดล้อมที่เสียงสงัด แล้วคุณอาจพบว่าแอมป์แพงๆนี่โคตะระเปลืองตังค์เลย...    MP3 ธรรมดาๆ ที่นักเรียนใช้บัทึกเสียงเล็คเชอร์ ให้ชีวิตชีวา มีเรื่องราวให้คิดดีกว่า เครื่องเสียงแพงระยับเสียอีก... แต่คุณจะเอางบค่าเครื่องเสียงไปซื้อ อุปกรณ์การเรียนแจกเด็กป่าวหละ 3. รสนิยมคน ต่างคนต่างชอบไปคนละแบบ... แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 14:06:06 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 13:57:40 จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 13:46:39

ความคิดเห็นที่ 58 อืม คุณภาพเสียง แปรคามราคา แบบฟังก์ชั่น log  จริงๆ ยิ่งแพง ยิ่งเห็นความแตกต่างน้อยลง แต่ก็ นะ ที่แพง เพราะการ ออกแบบ การคัดสรร อุปกรณ์ ที่ ทุกตัวทำออกมา ต้องแป๊ะ เท่ากัน เราสามารถ ทำเครื่องเสียงที่ดีที่สุดเองก็ได้  แต่อาจจะทำได้แค่ชุดเดียว เพราะ ไม่สามารถไปคัดอุปกรณ์ให้เท่ากันได้ ทุกชิ้น เรื่อง สายลำโพง สายสัญญาณ เอาแค่ไม่ถูกจนเกินไป ก็พอแล้ว แพงมากไป เราก็ แยกแยะแทบไม่ออก ส่วนเรื่อง เปลี่ยน ลำโพง เปลี่ยนแอมป์ อันนี้ มีผลกับเสียงแน่นอน  ต้องเลือกที่ ชอบอย่างเดียว ถ้าไม่ แมช กัน ฝั่งไม่เอาอ่าวอีกต่างหาก ฟังเพลงเครื่อง เสียงดีๆ ก มีความสุข มันเงียบ สงัด เวลาจบ แทรค ซุ้มเสียงกังวาล ชัดเจน เครื่องดนตรีเสียงตีกันยุ่ง ก็ พอแล้ว จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:46:05

ความคิดเห็นที่ 59 สรุปเซียนเอาไปแด๊กหมด จากคุณ : บ่อทอง เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:33:53

ความคิดเห็นที่ 60 Material Science โลหะมีเกรน เกรนเยอะ ผิวเยอะ ผิวโลหะมีอ็อกไซด์ เกรนเยอะ ออกไซด์เยอะ Electronic Science ผิวเยอะ ออกไซด์เยอะ ก็ R,L,C เยอะแยะ จากคุณ : วน เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:36:14 A:115.67.38.248 X: TicketID:276814

ความคิดเห็นที่ 61 ฟังหนะฟังออกแต่เงินในกระเป๋ามันไม่ไปกับรสนิยมนี่สิที่ทุกข์หนัก จากคุณ : monsterchef เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 14:41:12