ความคิดเห็นที่ 1 ดังนั้นจึงเหลือ UVA กับ UVB ซึ่งจะส่งผลกับผิวหนังเรา แตกต่างกันยังไง ไปดูครับ ??? ก็คือ UVB  เนื่องจากความยาวคลื่นน้อยกว่า ผลกระทบจาก UVB จึงเกิดที่ผิวหนังชั้นบนๆ เช่น จะทำให้เกิด sunburn และเป็นสาเหตุหลักของเกิดการ มะเร็งผิวหนังชนิด Basal cell และ Squamous cell carcinoma และ Melanoma ส่วนเจ้า UVA ก็ร้ายไม่ใช่น้อย เนื่องจากมีความยาวคลื่นมากกว่าพลังงานจึงมากกว่าสามารถทะลุทะลวงลงไปในผิวหนังชั้นลึกกว่าครับ เป็นสาเหตุในการทำให้เกิดริ้วรอยย่นยับในใบหน้า (photoaging) และยังช่วยกันส่งเสริมให้เกิดมะเร็งผิวหนังร่วมกับ UVB จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 13:41:29

ความคิดเห็นที่ 2 SPF และ PA คืออะไร??? ถ้าไปเลือกซื้อครีมกันแดด ต้องเห็น ตัวย่อ 2 ตัวนี้บนขวดแน่ๆ มาดูกันทีละตัวนะครับ SPF (Sun protection factor) คือ ความสามารถในการกัน UVB ไม่ให้เกิด อาการแดงหรือ sunburn นั่นเอง โดยจะเทียบเป็นเท่า กับเวลาที่เราจะเกิดอาการแดงถ้าอยู่กลางแสงแดดโดยไม่ใช้ครีมกันแดด เช่น โดยปกติอยู่กลางแดดซัก 20 นาทีผิวจะเริ่มแดง ครีมกันแดด SPF 15 ก็จะหมายถึงถ้าเราทาครีมกันแดดตัวนี้จะอยู่กลางแดดได้นาน 15x20=300 นาที หรือ 5 ชม. ผิวจึงจะเริ่มแดง แต่เนื่องจากตัวเลขเหล่านี้ได้จากห้องทดลองเมื่อมาใช้งานจริงๆก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง โดยเฉพาะปริมาณครีมกันแดดที่ทา ซึ่ง ค่า SPF ที่ได้เกิดจากการทดลองทากันแดด 2 mg/พื้นที่ผิวหนัง 1 ตาราง cm. ซึ่งในชีวิตจริงมักทากันไม่ถึงหรอกครับ ประสิทธิภาพที่บอกไว้ก็อาจจะลดลง 30- 50 % เช่น จากตัวเลข 5 ชม.ข้างบนอาจเหลือแค่ 2 ชม ครึ่ง- 3 ชม.ครึ่ง เป็นต้น PA (Protection of UVA) คือ ค่าการป้องกัน UVA โดยวัดเป็นเท่าของการเกิดผิวคล้ำดำ (skin pigmentation) PA + คือ ป้องกัน UVA ได้ 1- 3 เท่าของผิวปกติ PA ++ คือ ป้องกัน UVA ได้ 4-5 เท่าของผิวปกติ PA +++ คือ ป้องกัน UVA ได้ 6-8 เท่าของผิวปกติ ค่า PA นี้เป็นค่าที่ประเทศญี่ปุ่นคิดขึ้น ไม่ใช่ค่าสากล ดังนั้นครีมกันแดดบางยี่ห้อจะไม่ระบุค่า PA มาให้ แต่จะบอกถึงสารที่ใส่มาซึ่งสามารถกัน UVA ได้ เช่น avobenzone, zinc oxide, titanium dioxide จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 13:42:27

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วเราควรจะเลือกครีมกันแดดอย่างไร ??? อันดับแรก ก็คือ ดูความสามารถในการกัน UV ของครีมกันแดด คือต้องเลือกครีมกันแดดที่สามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB คือแบบเป็น broad spectrum นั่นเอง ครับ ก็คือให้ดู ที่ขวดว่ามีทั้งค่า SPF และ PA+ สำหรับกันแดดทุกยี่ห้อจากญี่ปุ่น จะมีทั้งสองค่าอยู่หน้าขวดอยู่แล้วครับ แต่ยี่ห้อจากต่างประเทศอาจจะไม่มี ก็มักจะแสดงแค่ค่า SPF อย่างเดียวอันนี้ก็จะยากหน่อยต้องพลิกกลับไปดูฉลาก ว่ามีส่วนผสมเหล่านี้หรือเปล่า  avobenzone, zinc oxide, titanium dioxide  ถ้ามีก็แสดงว่าจะสามารถกัน UVA ได้ครับ ต่อมาดูเงินในกระเป๋า เพราะราคามันหลากหลายมากขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพ และยี่ห้อ จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 13:43:20

ความคิดเห็นที่ 4 ท้ายสุดก็ดูสภาพผิวของเราเอง ดูกันในรายละเอียด ว่าผิวของเราเป็นลักษณะแบบไหน ไหม้ง่ายไหม้ยากอะไรยังไง ถ้าไหม้ยากก็ SPF น้อยๆพอ ถ้าโดนแดดไม่นานก็เริ่มแสบแดงแล้วก็ต้อง SPF สูงๆหน่อย SPF 2 กัน UVB ได้ 50 % SPF 4 กัน UVB ได้ 75 % SPF 8 กัน UVB ได้ 87.5 % SPF 15 กัน UVB ได้ 93.3% SPF 20 กัน UVB ได้ 95% SPF 30 กัน UVB ได้ 96.7% SPF 50 กัน UVB ได้ 98 % โดยทั่วไปสำหรับประเทศไทยเราที่แดดขนาดนี้ ก็แนะนำให้ใช้ SPF 15 ขึ้นไปในวันปกติ  ถ้าในวันที่ต้องออกแดดมากเป็นพิเศษ เช่น ไปทะเล ก็ต้อง up ขึ้นไป 30-50 สิ่งนึงที่คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดคือ SPF ยิ่งสูงมากยิ่งกันแดดได้ดี จากกราฟนี้จะเห็นได้ว่า ประมาณตั้งแต่ SPF 10 ขึ้นไปอัตราการป้องกัน UV ไม่ได้สูงขึ้นมากเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเลือกให้เหมาะสมก็พอครับ ไม่จำเป็นต้องไปบ้าจี้ ใช้ SPF 100 ที่ยิ่ง SPF เยอะราคาก็ยิ่งแพง จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 13:47:38

ความคิดเห็นที่ 5 และถ้าจะลงทะเลเล่นน้ำก็ต้องเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำและทาซ้ำบ่อยๆ ศัพท์สำหรับ ครีมกันแดดกันน้ำได้ คือ waterproof คือจะออกฤทธิกันแดดได้สูงสุด 80 นาที water resistant ออกฤทธิกันแดดได้สูงสุด 40 นาที เพราะฉะนั้นก็ทาซ้ำทุก 40-80 นาทีตามชนิดละกัน อ่อ! และควรทาครีมกันแดดทุกวัน ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกหิมะตก เพราะ UV ส่องโดนผิวเสมอแม้ไม่เห็นแดดนะครับ หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 13:48:09

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : One X (stlive) เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:17:59

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณครับ  จากคุณ : ต้นไผ่ไหวเอน เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 17:57:07

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากคะ จากคุณ : Ta_ka-Jung เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 19:28:30

ความคิดเห็นที่ 9 แนะนำกระทู้ครีมกันแดดในตำนานเพิ่มเติมครับ :) http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2012/04/Q11999204/Q11999204.html จากคุณ : Seiki เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 21:32:09

ความคิดเห็นที่ 10 " ส่วนเจ้า UVA ก็ร้ายไม่ใช่น้อย เนื่องจากมีความยาวคลื่นมากกว่าพลังงานจึงมากกว่าสามารถทะลุทะลวงลงไปในผิวหนังชั้นลึกกว่าครับ เป็นสาเหตุในการทำให้เกิดริ้วรอยย่นยับในใบหน้า (photoaging) และยังช่วยกันส่งเสริมให้เกิดมะเร็งผิวหนังร่วมกับ UVB" อันนี้ไม่ถูกนะครับ ความยาวคลื่นมากกว่า พลังงานจะต่ำกว่าครับ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ จากคุณ : เหมา ม่วน เม่า เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 19:48:33

ความคิดเห็นที่ 11 จริงครับ ความยาวคลื่นน้อยกว่าพลังงานสูงกว่านะครับ จากคุณ : Fatalbringer เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 06:44:32

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยว่าความยาวคลื่นน้อยกว่าเท่ากับความถี่มากกว่า พลังงานมากกว่า แต่ค่อนข้างเห็นด้วยว่าความยาวคลื่นมากกว่าจะทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้ลึกกว่า อันนี้ไม่เกี่ยวกับพลังงานครับ จากคุณ : AJ_da_NR เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:02:21

ความคิดเห็นที่ 13 พลังงานขึ้นอยู่กับความถี่ ชึ่งความถี่แปลผกผันกับความยาว แต่ควายาวคลื่นของ uva มันอาจจะ match ที่จะทะลวงผิวหนังเรา จากคุณ : narok master เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:22:57

ความคิดเห็นที่ 14 เคลียร์ จากคุณ : มาช้าแต่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:37:43

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วแว่นกันแดดละครับ เคยได้ยินว่า เลนส์ย้อมสีธรรมดาๆ ก็กันUVได้ จริงแท้แค่ไหนครับ จากคุณ : nothingman เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 12:09:54

ความคิดเห็นที่ 16 ยังมีเรื่องของ Physical และ Chemical อีกนะครับ SPF สูง กันแดดได้ดี แต่ก็แลกมาด้วยโอกาสเกิดการระคายเคืองมากขึ้นด้วย จากคุณ : คุณโฮม เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 16:15:36

ความคิดเห็นที่ 17 ตัวนี้เลยครับ ^0^ จากคุณ : foscarnet เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 16:57:33

ความคิดเห็นที่ 18 อยากทราบว่า SPF ที่สูงๆ เค้าผลิตกันยังไงครับ เคยเห็นมากสุด SPF 130 เค้าแค่ทำให้มันเข้มข้นขึ้น เพิ่มส่วนผสมหรือต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมั้ยครับ? แล้วการทากันแดดหนาๆ จะช่วยเพิ่ม SPF ได้มั้ยครับ? เคยได้ยินเพื่อนพูดกันเล่นๆว่า SPF 30 ทาสองรอบก็กลายเป็น SPF 60 = =' อีกอย่างคือ ทำไมเห็นข้างขวดเขียนว่าทาก่อนออกแดด 15-30 นาทีครับ (ไม่ใช่ immediate) คือมันจะซึมเข้าผิวหนังรึเปล่าครับ? (ทีแรกนึกว่ามันแค่เคลือบชั้นนอก) ถ้ามันซึมเข้าไป ใช้บ่อยๆจะไม่มีผลเสียต่อร่างกายเหรอครับ คำถามเยอะแท้...แตกประเด็นดีมั้ยเนี่ย? จากคุณ : ดอกไม้แก้ว เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 17:08:43

ความคิดเห็นที่ 19 ที่แน่ๆกันได้แน่นอน แต่ต้องเลือกยี่ห้อดีๆจะได้ไม่เหนียวหน้ามากเวลาเหงื่อออก ผมทำงานออกบูธเผชิญแดดทุกวัน ทากันแดดทุกวัน (ทาแต่หน้า)ผ่านไปสักพัก สิ่งที่พบคือหน้าขาวคอดำมือดำ จากคุณ : เขียนบนรถเมล์ (HydeSonata) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 18:57:42

ความคิดเห็นที่ 20 chemecal จะดูดซับแสง เนื้อครีมก็จะเป็นข้นๆน้ำนมเหมือนเนื้อครีมทั่วๆไป ซึมซับง่าย แต่ physical จะสะท้อนแสง เนื้อจะไม่ละเอียด ขุยๆหน่อย คล้ายๆมีแป้งผสมเพราะเป็นรองพื้นในตัวได้ด้วย เวลาทาหน้ามันจะวอกๆ ต้องเกลี่ยๆหน่อย แต่มันจะแห้งไว แล้วก็ล้างออกยาก (อาจต้องพึ่งพวก Cleansing) ปล.แต่ทุกวันนี้ผมก็ใช้ chemecal อยู่ครับ เคยใช้ physical  สิวอุดตันตามมาเพียบ #แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 20:28:33 จากคุณ : HydeSonata เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 19:13:32

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้า SPF 130 ไม่พอ ก็ต้องแบบนี้ละครับ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 20:05:54

ความคิดเห็นที่ 22 สาวห้องแป้งคงชอบกระทู้นี้ จากคุณ : nasaseria เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 03:19:50

ความคิดเห็นที่ 23 ,,, ขอบคุณค่ะ ,,     ,,,   จากคุณ : ปาดศรี เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 06:53:15

ความคิดเห็นที่ 24 ประเด็นสำคัญคือ คนไทยทาครีมกันแดดในปริมาณน้อยมาก เพราะอยากให้ได้ค่าเอสพีเอฟตามที่ระบุบนผลิตภัณฑ์ ต้องทาขนาด 2 ข้อนิ้วมือ ต่อพื้นที่ 2 ฝ่ามือเช่นใบหน้าไม่รวมคอ จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 07:06:38