ความคิดเห็นที่ 1 ทราบว่าอาจจะยากที่อธิบายคนไม่ได้จบคอม แต่รบกวนขอ Hash อีกคำนะพี่ๆนะคะ เผื่อจะดีขึ้น คืออยากทราบส่วนตัวแล้วละค่ะ ส่วนงานคงทำแค่ประสานงาน แต่ฟังแล้วมันก็เกี่ยวกับการใช้เงิน อยากเทียบกับที่เซลส์บอกด้วยค่ะ จากคุณ : PIM เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 11:44:07 A:58.10.170.16 X: TicketID:155298

ความคิดเห็นที่ 2 key = ลูกกุญแจ security = ความปลอดภัย อยากให้อะไรปลอดภัย จึงต้อง lock กุญแจ ถ้า lock กุญแจไว้ ต้องไขด้วย ลูกกุญแจ (key) ----------- public = สาธารณะ public key = กุญแจสาธารณะ private = หนังโป๊ เอ้ยไม่ใช่ แปลว่า ส่วนตัว private key = กุญแจส่วนตัว encryption = เข้ารหัส encryption = กุญแจที่เข้ารหัส. ----------------------------- CRC เป็นคำย่อของ Cyclic redundancy checking Cyclic = ลักษณะการทำซ้ำๆ เป็นรากศัพท์เดียวกับ cycle ที่แปลว่าวงจร เพราะวงจรต้องครบวง Redundancy = ทำซ้ำ Checking = ตรวจสอบ CRC แปลรวมๆ ว่า วงจรในการตรวจสอบเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง Object = วัตถุ หรือ ภาพหรือรูปแบบใดๆ ที่ทำให้เราเข้าใจว่ามันมี ตัวตน. Object Encryption key คือการใช้ วัตถุหรือรูปภาพแทนกุญแจโดยรูปภาพนี้ถูกเข้ารหัสไว้ด้วย ------------------------------------------------ ถ้าใส่ พาสเวิร์ดแบบไม่มี encrypt สามารถถูกดักขโมยพาสเวิร์ดไปได้ง่ายๆ แต่ถ้ามีการ encrypt ไว้ ผู้ที่ขโมยจะได้ไปเป็นพาสเวิร์ดที่ถูกบิดเบือน ต้อง decrypt ถอดรหัสออกเพื่อให้ได้ พาสเวิร์ดที่แท้จริง ก็จัดเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่มากขึ้นกว่า พาสเวิร์ดธรรมดา จากคุณ : WindMaster เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 11:57:25

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆก็ให้คนขายของเขาอธิบายให้ฟังก่อนก็ได้ เขาอยากขายของ เขาต้องอธิบายได้ แล้วค่อยเก็บเอาสิ่งที่เขาอธิบายมาถามผู้รู้อีกทีว่า มันมั่วนิ่มมารึป่าว จะได้ตัดสินใจได้ถูกว่าควรซื้อของๆเขาหรือไม่ Public/Private key encryption เป็นการเข้ารหัส/ถอดรหัสโดยใช้กุญแจคู่ กล่าวคือ คุณมีกุญแจ 2 ดอก ดอกนึงเปิดเผยให้ใครๆเห็นได้ เรียกว่า public key ส่วนอีกดอกนึงต้องเก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว เรียกว่า private key กุญแจคู่นี้ ถูกสร้างด้วยกรรมวิธีทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน และมีความสัมพันธ์คู่กันอย่างลึกซึ้ง ชนิดที่ว่า ไม่สามารถหากุญแจอื่นมาเสียบแทนได้เลย (หรืออาจจะหาได้ แต่ต้องใช้เวลาหา 100ปีขึ้นไป) ดังนั้นเมื่อใครก็ตามจะส่งข้อความหาคุณ ให้เขาใช้ public key ของคุณ (ซึ่งเปิดเผยทั่วไป) ทำการเข้ารหัสเสียก่อน แล้วค่อยส่งมาให้คุณ ซึ่งมีผลให้ ใครก็ตามที่ดักจับข้อมูลที่เข้ารหัสนี้แล้ว จะไม่สามารถเปิดอ่านได้ มีแต่คุณคนเดียวซึ่งมี private key เท่านั้น ที่จะเปิดอ่านได้ ในขณะเดียวกัน หากคุณต้องการส่งข้อความออกไป คุณก็ใช้ private key ของคุณ ในการเข้ารหัสข้อความนั้นเสียก่อน แล้วค่อยส่งออกไป ซึ่งผู้รับจะสามารถตรวจสอบได้ ว่าเป็นข้อความแท้จริงจากตัวตนของคุณจริงๆหรือไม่ ด้วยการใช้ public key ในการตรวจสอบ ซึ่งเขาสามารถแน่ใจได้ เพราะมีแต่คุณคนเดียวซึ่งมี private key เท่านั้น ที่จะสามารถสร้างข้อความที่ใช้ public key นั้นถอดรหัสได้ วิธีนี้ ก็คือ ลายเซ็นดิจิตอล หรือ Digital Signature นั่นเอง เด้อค่ะเด้อ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 13:37:57

ความคิดเห็นที่ 4 บริษัทคุณคงต้องพึ่งที่ปรึกษาแล้วล่ะครับ เพราะถ้าเข้าใจแบบงุๆปลาๆ จะเสียเงินโดยใช่เหตุ หรือไม่ก็ได้เทคโนโลยี่มาแต่ไม่ได้ใช้ หรือใช้ผิดวิธี เสียมากกว่า จากคุณ : อย่ารู้เลยว่าฉันเป็นใคร เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 13:49:58

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อมูลบางส่วนก็ตามที่คุณ แตงกว่าบอกไว้ครับ ส่วนที่คุณถามว่า "โปรแกรมที่ใส่ พาสเวิร์ด ให้เข้าระบบทั่วไป ต่างกับ พวกที่ใส่พาสเวิร์ด เพื่อ decrypt ยังไง" โปรแกรมที่ใส่พาสเวิร์ดทั่วไปแล้วไม่มีการเข้ารหัส จะถูกดักจับได้ง่าย และนำไปใช้ได้ทันที แต่ที่ใส่พาสเวิร์ดแล้วต้องเอาไป decrypt(ถอดรหัส) พาสเวิร์ดที่ส่งไปจะถูกเข้ารหัสก่อน พอจะเอาไปใช้ก็จะถูกถอดรหัสเอามาเปรียบเทียบกัน แน่นอนว่า พาสเวิร์ดที่ถูดเข้ารหัส (encrypt) จะปลอดภัยกว่าครับ จากคุณ : aretit2533 เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 14:00:31

ความคิดเห็นที่ 6 ตาม 4 มีของดีแฃ้วใช้ไม่เป็น จะเสียของ.. จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 14:01:53

ความคิดเห็นที่ 7 ลองไป อ่านดู ถ้าไม่เขาใจ เมล์ มาถามได้ EDP@RAMADA-BKK.COM http://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2310-private-key-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html จากคุณ : thanapatpp เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 15:33:54

ความคิดเห็นที่ 8 แล้ว นี่พวกเราใช้ log in กันนี่ แบบนี้ มี เอ็นเคล็ด เอ๊ย เอ็นคลิปป่าวอ่ะ หรือว่า ? โดนแฮ็คได้ง่ายๆ ยึ้ย จากคุณ : The Returner เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 17:14:10

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องของ Key หรือ กูญแจ เป็นการเข้ารหัสลับ เพื่อให้ข้อมูลที่สื่อสารมีความลับ คนอื่นที่อยู่ระหว่างทางไม่สามารถอ่านได้ ในการเข้ารหัสลับนี้ จะมีวิธีการเข้ารหัสลับ 2 แบบ แบบแรก คือ แบบคีย์เดี่ยว คือ มีกุญแจดอกเดียว เช่น สมมติว่าใช้วิธีการบวก 3 สมมติว่าข้อมูลที่ส่งคือ ABC โดยเมื่อบวกเข้าไป 3 ก็จะได้เป็น DEF จากนั้นก็ส่ง DEF ผ่านอินเตอร์เน็ต เมื่อมีผู้ได้รับ ก็จะลบออก 3 กลับเป็น ABC เหมือนเดิม เราเรียก DEF ว่า Cypher Text เรีัยก 3 ว่าคีย์ วิธีการที่ใ้ช้จริงก็คล้าย ๆ กับที่ยกตัวอย่าง แต่วิธีการจะซับซ้อนกว่ามาก เพราะแค่้ +3 มันง่ายไป การเข้ารหัสแบบคีย์เดี่ยวนี้ จะมีความลำบาก คือ การส่งกุญแจให้กัน ึจึงมีการพัฒนาระบบคีย์คู่ขึ้นมา ที่เรียกกันว่า Public Key และ Private Key สำหรับตัวอย่างของการเข้ารหัสแบบคีย์คู่มีดังนี้ เริ่มต้นจะต้องสร้างคู่คีย์ขึ้นมาก่อน ซึ่งขอไม่อธิบายเพราะซับซ้อน แต่สมมติว่า คือ 3 และ 7 สมมติให้ใช้คีย์ 3 เป็นคีย์ที่ใช้ในการเข้ารหัส สมมติว่าตัวเลขที่จะเข้ารหัส คือ 4 เราจะนำ 3 x 4 เท่ากับ 12 แล้ว mod ด้วย 10 เท่ากับ 2 ดังนั้น 2 ถือเป็น Cipher Text จากนั้นก็ส่ง 2 ไปยังผู้รับ ผู้รับก็จะนำคู่คีย์ของ 3 คือ 7 มาคูณกับ Cipher Text คือ 2 x 7 เท่ากับ 14 แล้ว mod ด้วย 10 ก็จะได้ค่าเดิมออกมา คือ 4 ดังนั้นในกรณีนี้ 3 จะเท่ากับเป็นไพรเวทคีย์และ 7 จะเป็นพับลิกคีย์ จากตัวอย่างน่าจะพอเข้าใจเรื่องของคีย์แล้ว สำหรับ CRC เป็นกลไกในการตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลที่ส่งว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ ซึ่งเป็๋นคนละเรื่องกับการเข้ารหัส แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 55 19:18:24 จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 19:17:55

ความคิดเห็นที่ 10 ว้าว วันเดียวคนตอบหลายท่านเลย ขอบคุณมากค่ะ พิมพอจะเข้าใจคุณ แตงกวา คุณ Winมอเตอร์ไซด์ เอ๊ย มาสเตอร์ aretit33 และ เว็บของคุณ ธนปพล ก็เข้าใจ แต่พอมาพ่อเฒ่าสายลม เร่ิมงงละคะ ยังไงก็น่ารักทุก มีอะไรจะรบกวนถามใหม่นะคะ จากคุณ : PIMPIMOL เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 10:36:24 A:58.10.170.16 X: TicketID:155298