ความคิดเห็นที่ 1 คลิปนี้น่าจะช่วยได้ครับ http://www.youtube.com/watch?v=plQ4wrZvGlI จากคุณ : KenSama เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 01:09:58

ความคิดเห็นที่ 2 เวลาเป็นสิ่งสมมติมันอยู่ที่ไหนมันก็เท่ากันแหละ จากคุณ : tepleela24 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 01:51:36

ความคิดเห็นที่ 3 เข้าใจง่ายๆคือ เป้นอย่างนั้นครับ ... เข้าใจยากๆ ก็ในคลิปแต่เข้าใจจริงๆ นี่ยังไม่มีใครในโลกเข้าใจเหมือนกัน จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 02:08:43 A:110.168.79.171 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 4 ค้นหาในอากู๋ คลิป สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง - เดินทางข้ามเวลา -มวลขนาดใหญ่มีผลต่อเวลา เช่น นาฬิกาบนดาวเทียมเดินช้ากว่าบนโลก เพราะห่างจากมวลของโลกมากกว่า -ถ้าเอายานอวกาศไปอยู่ในวงโครจรรอบหลุมดำ(มวลใหญ่สุดในจักวาล) เวลาจะเดินช้าลงครึ่งหนึ่ง (วนรอบหลุมดำ1ปี เวลาโลกจะผ่านไป2ปี) จากคุณ : i เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 02:59:52 A:58.8.10.254 X: TicketID:362469

ความคิดเห็นที่ 5 อีกกรณีที่สตีเฟ่น ฮอว์กิ้งอธิบายคือ จากกฏของธรรมชาติที่ว่าไม่มีอะไรเร็วกว่าแสง เมื่อวัตถุเร็วใกล้แสง ธรรมชาติจะทำให้เวลาภายในวัตถุนั้นช้าลง -จากการทดสอบของเซิร์น ยิงธาตุที่มีอายุสั้นมากชนิดหนึ่ง ให้ใกล้ความเร็วแสง อะตอมภายในธาตุสลายตัวช้าลง ทำให้ธาตุนั้นมีอายุนานขึ้นกว่าปกติ -การให้ยานอวกาศเดินทางเพิ่มความเร็วไปเรื่อย จนเข้าใกล้ความเร็วแสง (เมื่อยานกลับมาโลก คนภายในยานอายุเพิ่มไม่กี่สิบปี แต่เวลาของโลกจะผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว) จากคุณ : i เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 03:17:56 A:58.8.10.254 X: TicketID:362469

ความคิดเห็นที่ 6 เอเลี่ยนเดินทางออกจากโลกใช้เวลาไม่ถึงร้อยปี เมื่อเอเลี่ยนเดินทางกลับมาโลกอีกครั้ง....... โลกก็มีเวลาผ่านไปเป็นพันปีแล้ว ^^* ถ้าเอเลี่ยนมาทุก3600ปี ถ้าเราอิงการคำนวญฮอว์กิ้ง เราก็น่าจะสามารถคำนวญย้อนกลับได้สินะ ว่าดาวเค้าไกลแค่ไหน 55555+ ขำๆนะ จากคุณ : i เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 03:26:25 A:58.8.10.254 X: TicketID:362469

ความคิดเห็นที่ 7 เวลา เป็นสิ่งสัมพัทธ์เจ้าค่ะ หาใช่สิ่งสัมบูรณ์อย่างที่เราเข้าใจด้วยสามัญสำนึกพื้นฐานไม่ ค่าของเวลา แปรเปลี่ยนไปได้ตามสภาวะแวดล้อม หาใช่ค่าคงที่อย่างที่เราคุ้นเคยไม่ ไอน์สไตน์พูดว่า Moving clocks run slow แปลว่า นาฬิกาที่กำลังเคลื่อนที่จะวิ่งช้ากว่านาฬิกาที่หยุดนิ่ง เวลาของนักบินอวกาศเมื่อเทียบกับนาฬิกาบนพื้นโลกจะเดินช้ากว่า เพราะยานอวกาศเดินทางด้วยความเร็วสูง(เมื่อเทียบกับโลก) แต่เวลาของนักบินอวกาศเทียบกับเพื่อนนักบินอวกาศที่อยู่บนยานด้วยกัน ก็เดินเร็วเท่ากันและเท่าเดิม เพราะความเร็วสัมพัทธ์บนยานเป็นศูนย์ จะเห็นได้ว่า เวลามีค่าไม่แน่นอน มันแล้วแต่ว่าเราจะเทียบอะไรกับอะไร สรุปได้แว่า เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ หาใช่สิ่งสัมบูรณ์ไม่ เด้อค่ะเด้อ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 08:09:32

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เข้าใจเหมือนกัน ถ้าเวลาอวกาศช้ากว่าโลก เราจะพูดได้มั้ยว่าคนอยู่บนโลกอายุ 100 ปี แก่ง่ำเงือก แต่คนที่ไปอวกาศที่เกิดวันเดียวกันกับคนบนโลก เมื่อ ผ่านไป 100 ปีบนโลกเหมือนกัน แต่อยู่บนอวกาศ ร่างกายเขายังเด็กอยู่เลย งง จากคุณ : อุ (hihihihihihi) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 09:01:53

ความคิดเห็นที่ 9 ฟังเพลง ของพี่โดม ปกรณ์ชุดแรกคับ ชื่อเพลง เวลา จากคุณ : ดาบญากับจ่าเชิด เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 11:56:28

ความคิดเห็นที่ 10 มันเป็นธรรมชาติของเอกภพที่ถูกค้นพบครับ.. สิ่งที่เคลื่อนที่เร็วกว่า เวลาจะเดินช้ากว่า (หรือที่ที่มีแรงโน้มถ่วงสูงกว่า เวลาจะเดินช้ากว่า) ยานอวกาศที่เดินทางด้วยความเร็วสูง เวลาของทุกสิ่งที่อยู่บนยานจะเดินช้ากว่าบนโลก จินตนาการถึง โดราเอมอน ว่ามีห้องที่เมื่อเข้าไปแล้ว เวลาภายในห้องเดินช้ากว่าภายนอก 10 เท่า ถ้าอยู่ในห้องนั้น 1 นาที โลกภายนอกเวลาจะเดินไปแล้ว 10 นาที เมื่ออยู่ในห้องนั้น 1 ปี พอออกมา เวลาข้างนอกจะผ่านไปแล้ว 10 ปี จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 12:21:47

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบความคิดเห็นที่ 8 ปกติแล้วเวลาในอวกาศเช่น สถานนีอวกาศนานาชาติ จะมีเวลาช้ากว่าโลกน้อยมากๆ (ช้ากว่าประมาณ0.00015วินาที จึงไม่เกิดผลต่างต่ออายุเลย) ถ้าจะทำให้เวลาแตกต่างเป็นร้อยปี โดยการอธิบายของสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง เวลาจะแตกต่างมากขึ้นกับเงือนไข2ข้อ 1. ใกล้มวลขนาดใหญ่ (หลุมดำมีมวลใหญ่ที่สุดในจักวาล แต่ผลต่างเวลาแค่ครึ่งเดียว) 2. ความเร็วใกล้แสง (วิธีนี้ที่เค้าอธิบายว่าจะมีผลต่างของเวลามากที่สุดคือ หลายร้อยปี) จากคุณ : i เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 12:26:45 A:58.8.10.254 X: TicketID:362469

ความคิดเห็นที่ 12 เวลาไม่ใช่สิ่งสมมุติ มันมีจริงๆ ถ้าไม่มีเวลา มันจะมีการเคลื่อนที่ได้ยังไง? จะมีความเร็วได้ยังไง? ไอ้ที่สมมุติน่ะ คือ หน่วยวัดเวลา เช่น 1 วัน มาจากโลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ก็เหมือนกับน้ำ มันมีจริงๆ แต่เราไปสมมุติว่าเท่านี้นะ คือ 1 ลิตร จากคุณ : ช่างบ้านนอก เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 13:50:44

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าอยากเข้าใจในสรรพสิ่ง ต้องทิ้งสามัญสำนึกทั่วไป ให้ได้ก่อน เรื่องขัดแย้งกับสามัญสำนึก ที่ว่าคือ 1. เวลา ที่เป็น นาฬิกา หรือ มาตราวัดต่างๆ เราสมมุติเพื่อศึกษาชั่งตวงและประเมิน เวลาอย่างนี้ไม่มีอยู่จริง เราติต่างว่ามันคือจำนวนๆนึงที่เอามาคำนวนได้ "1 ชั่วโมงเป็น60นาที" นี่คือตัวอย่างการตั้งมาตราวัด เวลา แห่งความเป็นจริง สัมพันธ์กับ พื้นที่ จนเป็นเนื้อเดียวกัน มีพื้นที่ ก็มีเวลา มีเวลาก็มีพื้นที่ เวลาหยุดพื้นที่หยุด พื้นที่หายเวลาหาย เพราะมันคือสิ่งเดียวกัน เราเรียก กาลอวกาศ (ในตำราชั้นก่อน เรียก กาลเทศะ แปลว่า เวลา่+พื้นที่ แต่คนยุคใหม่ในยุคที่ฝรั่งนำไทยกราบคลานตาม ฝรั่งมันสอนว่า กาลเทศะ มันเป็นคนล่ะเรื่องกันกับดาราศาสตร์ เราก็น้อมรับบัญชาศรัทธาตามนั้นทันที) 2. สรรพสิ่งล้วนเป็นแค่คลื่นความถี่ ที่เกิดขึ้นอย่างซับซ้อน โดยเริ่มต้นมาจากอนุภาค ซึ่งอณุภาคก็ไม่ได้มีตัวตนอะไรเลยเป็นการสั่นสะเทือนชุดนึง แล้วเรากำหนดว่าช่วงคลื่นนี้ ให้เรียกว่า สมุนตราปฐมฐาน (Quantum) ภายใน กาลอวกาศ ไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือเวลาและสถานที่ ถ้าไม่มีเวลาและสถานที่ จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น (ยกเว้นในระดับปฐมฐาน) เราจับถ้วยแก้วยกน้ำดื่ม เราเข้ใจว่าแก้วแข็ง น้ำเหลว ดื่มแล้วดับกระหาย เป็นเรื่องสามัญสำนึกทั้งสิ้น และต้องลืมมันไปก่อน ร่างกายของเรา ถ้าจำเพาะร่างกายเลย ก็เป็นกลุ่มของแร่ธาตุตามปรากฏการณ์เอื้อมา ซึ่งถ้ามองให้ลึกๆแล้วจริงๆ คุณและผมก็เป็นแค่คลื่นความถี่ซับซ้อนชุดนึง เหมือน แก้ว และ น้ำ อาจมีคนเถียงว่า ถ้าให้วางสามัญสำนึกไว้ก่อนแล้วจะเอาอะไรศึกษาสรรพสิ่ง เรื่องนี้นักวิทย์ในสมัยดึกดำบรรพ์ก็ครุ่นคิดมาก่อนแล้วไงครับ และนั้นคือ สูตรต่างๆทางคณิตศาสตร์ จนมีคนบางคนกล่าวเลยว่า คณิตศาสตร์คือภาษาของสรรพสิ่ง แต่ผมไม่ถนัดคณิตศาสตร์ เพราะ คณิตศาสตร์ ไม่เหมาะกับการเขียนเชิงสาธารณะ ภาษาท้องถิ่นเข้าใจง่ายกว่าในการถ่ายทอดเบื้องต้น ไว้สนใจเรียนเพื่อประกอบอาชีพจริงจังแล้วค่อยไปยุ่งกับคณิตศาสตร์ยังทัน ........เข้าประเด็น......... เวลาที่ไม่เท่ากันทุกที่ สาเหตุหลักเลยคือ มวล มวลยิ่งมาก เราจะพบว่าเวลายิ่งช้าลง เวลาที่ช้าลงคือ กาลอวกาศที่เสียดทานกับมวล เราต้องอย่าลืมสิครับว่า กาลอวกาศทำปฏิกริยากับ สิ่งที่เรียกว่า มวล แรงโน้มถ่วง ก็เป็นผลจาก กาลอวกาศและมวล แถม มวล ยังดันเป็น ชุดความถี่นึง เช่นกัน ชุดความถี่นี้เราเรียก อนุภาคมวล (Higg) สสารที่ไม่มีอนุภาคมวลประกอบอยู่ ก็จะไม่ทำปฏิกริยากับ กาลอวกาศ (เช่น พลังงานมืด) เสมืิอนไม่มีอยู่ (แต่มี) แล้วมันเกี่ยวกับเวลาที่ไม่เท่ากันตามพิกัดต่างๆของเอกภพยังไง? เพราะว่าสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงคลื่น และ เวลากับสถานที่ เป็นสิ่งเดียวกัน ไม่คิดล่ะครับว่า บางสถานที่ๆมวลมีมาก การถ่วง(แรงโน้มถ่วง)กันกับกาลอวกาศก็มากตาม เวลาช้าลงเพราะกาลอวกาศเสียดทานกับมวล เวลาในยานความเร็วแสงช้าลงเหมือนหยุดนิ่งเพราะ มวล กำลังเสียดทานกับกาลอวกาศ ยิ่งเสีียดทานมากเวลาก็ยิ่งช้าลง กลัวไม่เข้าใจจังเลย..... ยกตัวอย่างเลยแล้วกัน คุณขับรถเก่งมาก ขับไปเบียดกำแพงไป ยิ่งเบียดคุณยิ่งเร่งเครื่อง การเสียดสีกับกำแพงก็มากขึ้น ในชีวิตจริง รถคุณต้อวงเป็นฝ่ายช้าลงๆ จนหยุด แต่ในอวกาศ กาลอวกาศ ช้าลง และ หยุด ได้ (ก็เป็นแค่สนามพลังเองนี่) //กลับมาเขียนต่อจนจบ สิ่งที่อยากเสนอให้คิดเล่นๆกัน แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 55 15:33:23 จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 15:00:57

ความคิดเห็นที่ 14 เวลาที่เราอกหัก เวลามันก็เดินช้าลงเหมือนกันนะ จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 22:14:59

ความคิดเห็นที่ 15 งงเหมือนกัน จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 22:37:18

ความคิดเห็นที่ 16 13 ผมอ่านหลายรอบอย่างมีสมาธิ แต่รู้สึกไม่เข้าใจ แต่ก็ขอบใจนะ อาจเป็นเพราะผมโง่เองอะ ผมแก่และ สมองมีแต่ถดถอย จากคุณ : ผมดูดี เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 55 23:32:10

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ ^ ขยายความ คคห.13เพื่อให้ คคห. 16 เข้าใจง่ายขึ้นนะครับ  ^^ มวลคือ   คลื่นความถี่ครับ  ตัวเราเป็นมวลหลายๆมวลมารวมกัน  ก็คือคลื่นความถี่เช่นกัน เมื่อคลื่นความถี่มาโดนกันก็จะกระเจืงหรือเรียกว่าช้าลง  เช่นมวลมากกับตัวเรา  เวลาก็ช้า ลง   ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ  คุณปาหินก้อนใหญ่ลงน้ำหรือทำอย่างไรก็ได้ให้เกิดคลื่นน้ำ ใหญ่ๆนะครับ  และ ปาหินก้อนเล็กหรือทำอย่างไรก็ได้ให้เกิดคลื่นน้ำเล็กๆนะครับ เมื่อคลื่นใหญ่กับเล็กมาเจอกัน  (  มวลกับตัวคุณ )  คุณจะได้ภาพเมื่อปะทะกันยิ่งเจอ มวลใหญ่คลื่นเล็กก็ยิ่งช้ามากขึ้น   ลองทดสอบทำดูครับจะได้เห็นภาพชัดเจน  ^^ ปล.  อันนี้ก็จะสนับสนุนตัวอย่างของ  คคห. 13 ครับ  เปลี่ยนกำแพงเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ เปลี่ยนรถเป็นคลื่นน้ำขนาดเล็กมาเจอกัน   ส่วนตัวเราคือ  "  ผู้สังเกตุการณ์  "  ^^ เห็นภาพแล้วนะครับ  ^^ จากคุณ : Zenmaster_T เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 02:14:15

ความคิดเห็นที่ 18 อธิบายว่าทำไมเราจึงเป็นคลื่นความถี่นะครับ สิ่งที่เล็กที่สุดคือ สติง เป็นสติงแบบเปิดและแบบปิด 10ยกกำลัง -35 เมตร เล็กว่านิวตริโน 10 ยกกำลัง -11 เมตร ซึ่งเกิดจากการสั่นของกาลอวกาศครับ สิ่งที่เราเกิดเป็น ตัวเป็นตน เกิดเป็นมวลก็คือ การสั่นของกาลอวกาศครับ ^^ จากคุณ : Zenmaster_T เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 02:34:22

ความคิดเห็นที่ 19 คำตอบเรื่องเวลา  เกี่ยวกับแสงและหลุมดำ ไอน์สไตน์เชื่อว่า เวลามีความสัมพัทธกับความเร็วแสง กล่าวคือ หากแสงเดินทางช้าลงก็จะไปดึงเวลาให้เดินเร็วขึ้น เพื่อชดเชยกับความเร็วแสงที่สูญเสียไป ทำให้แสงเดินทางด้วยความเร็วคงที่อยู่ตลอดเวลา โดยปัจจัยที่ทำให้แสงเดินทางช้าลงเช่น แรงโน้มถ่วงคือ ในที่ๆไม่มีแรงโน้มถ่วงเวลาจะเดินเร็วกว่าในที่ที่มีแรงโน้มถ่วง ซึ่งจากทฤษฎีของไอน์สไตน์ทำให้พบว่า การส่งดาวเทียมขึ้นไปนอกโลกเพื่อรายงานผลกลับมายังพื้นโลกนั้น ต้องหักค่าความต่างของเวลาออกไป เพื่อให้ข้อมูลที่ส่งมาเป็นข้อมูลที่เป็นจริง  จากคลังกระทู้ อันนี้ใช้กับหลุมดำทำให้เข้าใจง่ายขึ้น  ^^ ไปค้นกระทู้เก่ามาครับ  เอามาแค่ท่อนเดียว  ขอโทษครับ   http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/08/X12553759/X12553759.html แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 55 06:39:25 จากคุณ : Zenmaster_T เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 03:19:48

ความคิดเห็นที่ 20 นึกว่า delay จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 06:14:20

ความคิดเห็นที่ 21 ผมไม่เข้าใจ เวลาในอวกาศทำไมถึงช้ากว่าเวลาบนโลก   # 16 อาจเพราะผมโง่เอง ผมแก่และสมองมีแต่ถดถอย ...ไม่โง่หรอก คงเข้าใจยาก เล่ากันว่าหลังไอน์สไตน์เสนอทฤษฎีสัมพัทธ์หลายปี มีคนเข้าใจทั้งโลกอยู่ 3 คน แม้แต่กรรมการโนเบลยังไม่เคยให้รางวัลในทฤษฎีสัมพัทธ์เลย สมัยนิวตันเชื่อกันว่า ในจักรวาลเวลาเดินเท่าๆกันทุกที่ทุกแห่งหน ปลายศตวรรษที่19 Michelson–Morley วัดความเร็วแสงได้เท่ากันทุกทิศ http://en.wikipedia.org/wiki/Michelson%E2%80%93Morley_experiment 1905ไอน์สไตน์เป็นจนท.สนง.สิทธิบัตรของสวิส เขียนบทความลงวารสารวิชาการ ชื่อเรื่อง On the Electrodynamics of Moving Bodies นักวิทยาศาสตร์ทฤษฎีใช้การทดลองในจินตนาการ(Thought experiment) http://en.wikipedia.org/wiki/Thought_experiment สมมุติมี 2 กรอบอ้างอิง(frame)-โลก/จรวด  ผู้สังเกตอยู่บนโลก ผู้สังเกตจะเห็นแสงบนโลก/แสงบนจรวดที่วิ่ง เร็วเท่ากัน(ตามการทดลองข้างบน) ถ้าใช้นาฬิกาแสงวิ่งขึ้น/ลง คล้ายติ๊ก/ตอก แสงบนจรวดวิ่งเฉียง-เวลาจรวดช้าลง ให้ cความเร็วแสง vความเร็วจรวด tเวลาบนโลก Tเวลาบนจรวด นาฬิกาแสงบนโลกวิ่งขึ้นลง นาฬิกาแสงบนจรวดวิ่งเฉียงขึ้นเฉียงลง เอาทางวิ่งแสงวาดรูปได้ 3 เหลี่ยมมุมฉาก (cT)^2 = (vT)^2+ (ct)^2 ได้สูตรคำนวนเวลาบนจรวดช้ากว่าเวลาบนโลก http://en.wikipedia.org/wiki/Time_dilation ซึ่งสมัยแรกๆไม่มีใครเชื่อหรอก เพราะ v<< c จึงไม่ค่อยจะเห็นความแตกต่าง ต่อเมื่อเรามีเครื่องมือวัดเวลาละเอียด หรือความเร็วมากๆ จึงพบว่าเวลาช้าลงจริง จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 10:11:16

ความคิดเห็นที่ 22 หลังไอน์สไตน์เสนอทฤษฎีสัมพัทธ์หลายปี มีคนเข้าใจทั้งโลกอยู่ 3 คน มีคนถาม Eddington ว่าคุณเป็น 1 ใน 3 ที่เข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพใช่บ่ Eddington นิ่ง-ถูกตื๊อให้ตอบ  Eddington ว่าผมกำลังนึกว่าใครเป็นคนที่3 หมายเหตุ Eddington ค่อนข้างขี้โม้ As related by Ludwik Silberstein, during one of Eddington's lectures he asked "Professor Eddington, you must be one of three persons in the world who understands general relativity." Eddington paused, unable to answer. Silberstein continued "Don't be modest, Eddington!" Finally, Eddington replied "On the contrary, I'm trying to think who the third person is." http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_general_relativity#Sir_Arthur_Eddington กรรมการโนเบลยังไม่เคยให้รางวัลในทฤษฎีสัมพัทธ์เลย อาจเพราะกรรมการโนเบลไม่เข้าใจทฤษฎีสัมพัทธ์ว่าสำคัญเพียงใด ไอน์สไตน์ได้โนเบลจากเรื่อง photoelectric effect The Nobel Prize in Physics 1921 was awarded to Albert Einstein "for his services to Theoretical Physics, and especially for his discovery of the law of the photoelectric effect". http://www.nobelprize.org/nobel_prizes/physics/laureates/1921/ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 10:58:13

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท ไปได้ยินมาจากไหนว่าเวลาในอวกาศช้ากว่าบนโลก สงสัยจะฟังมาผิดมากกว่า ในที่ที่มีแรงโน้มถ่วงสูงเวลาจะเดินช้ากว่าที่ที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำ เพราะฉะนั้น เวลาบนพื้นโลกย่อมเดินช้ากว่าเวลาในดาวเทียมที่โคจรรอบโลก ส่วนเรื่องจรวดมีความเร็วแล้วทำให้เวลาเดินช้านั้น ถ้าจะให้ถูกต้องจริงๆ ก็คือ เรามองเห็นว่าเวลาเดินช้าลง ไม่ได้หมายความว่ามันเดินช้าลงจริงๆ ซึ่งคนที่อยู่ในจรวด เขาก็มองเห็นเวลาของเราเดินช้าลงเช่นกัน เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ คนบนโลกต่างหากที่เคลื่อนที่ จากคุณ : Naibruda เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 11:50:25

ความคิดเห็นที่ 24 คห.13 ความสัมพันธ์ของ space และ time น่าจะเป็นเวลาหยุดพื้นที่ยืด พื้นที่เข้าใกล้ศูนย์เวลาเข้าใกล้อนันต์มากกว่าครับ จากคุณ : logobo (logobo) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 17:37:35

ความคิดเห็นที่ 25 ใครอยากคุยกับผมต่อหรือ คิดตรง คิดต่าง ก็ว่ากันไปครับ จุดประสงค์ของผมจริงๆคือต้องการให้ คิดต่อ ผมไม่รับประกันความถูกต้องนะครับ และแน่นนอน ไม่รับประกันความถูกต้องด้วย คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หรือ ตัวย่อ ควายอีสาน) เขียนอะไรก็ร่ายยาว นานๆมาทีด้วย คุณไม่รู้ว่าผมเป็นใคร บางทีผมอาจเป็นสัปเหร่อว่างๆเฝ้าศพมาโพสเล่นก็ยังได้ ปล.ในความเห็นของผมน่ะ ผมพิมพ์ผิดตั้งหลายที่ ผิดจนความหมายเปลี่ยนเลยล่ะ แต่อยากให้ท่านๆสมาชิกประจำและขาจรได้คิดอ่านลึกซึ้งๆ แล้วเรื่องดีๆจะตามมาทุกที จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 19:01:09

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ^ ^ สัปเหร่อ???  ต้องวุฒิใช้ปริญญาเอกเหรอครับ?   แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 55 05:08:29 จากคุณ : Zenmaster_T เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 55 02:01:37