จากที่เราคาดและเรามีข้อมูล คนละเหตุผลกับดาวพุธครับ
เป็นไปได้ที่ดาวหนึ่งๆจะมีคาบหมุนรอบตัวเองเท่ากับคาบโคจรรอบวัตถุใหญ่ เนื่องจากแรงไทดัล แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่แรงไทดัลจะบังคับให้คาบหมุนรอบตัวเองนานกว่า
เราคาดว่าการโคจรกลับทิศและการหมุนที่ช้าจนน่าประหลาดนั้นเป็นผลมาจากวังวนความยุ่งเหยิงในช่วงไม่กี่ร้อยล้านปีแรกของกำเนิดระบบสุริยะ ตอนนั้นดาวเคราะห์หินในระบบสุริยะมีมากกว่า 4 จริงๆต้องเรียกว่ามีเป็นสิบๆ พวกมันโคจรซ้อนทับกันไป... และเมื่อเป็นแบบนั้น แน่นอนซักวันมันต้อง "ชนกัน" แน่ๆ (แบบที่โลกเราโดนธีอา หรือดวงจันทร์ชนเมื่อ 4500 ล้านปีที่แล้ว) ดาวศุกร์ซึ่งเดิมก็หมุนเหมือนดาวอื่นๆดีๆก็โดนเข้าไปเช่นกัน น่าจะเป็นนัดใหญ่ กลางเป้าเต็มๆซะด้วย แรงพอจะกระแทกดาวศุกร์ให้หมุนกลับไปอีกด้าน (เราไม่รู้ว่ามันโดนชนไปกี่ที) และหลังจากโคจรสะเปะสะปะอยู่ซักพัก วงโคจรมันก็แน่นอนแบบที่เป็นอยู่นี้โดยหมุนกลับกะชาวบ้านเขา ผลของการชนยังทำให้การหมุนดาวศุกร์ช้าลงมากๆด้วย ซึ่งแสดงว่าการชนนั้นเป็นการชนแบบหมุนตรงข้ามกัน(หักล้าง torque ไปแทบหมด) มันเลยหมุนได้ช้าสุดๆอีกต่างหาก
ส่วนดาวพุธ อันนั้น Tidal lock เนื่องจากวัตถุที่เสถียรที่สุดตามกลศาสตร์ท้องฟ้าคือหันหน้าเข้าหากันตลอดการโคจร (ระบบพลูโต-ชารอน / ระบบโลกดวงจันทร์ยังไม่เป๊ะ แต่โลกกำลังโดนดวงจันทร์เบรคให้หมุนช้าลงอยู่) ดาวพุธที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากและมวลไม่เยอะเ่ท่าไหร่เลยได้รับผลไปเต็มๆ ตอนนี้มันคาบรอบตัวเอง 59 วัน 88 วันรอบดวงอาทิตย์ ทิ้งไว้อีกซักพันล้านปี มันก็คงเข้าใกล้กันยิ่งกว่านี้อีก
จากคุณ |
:
ECOS (thelegendofm)
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ต.ค. 55 17:58:15
|
|
|
|