ความคิดเห็นที่ 1 . แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 12:00:11 จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 11:56:51

ความคิดเห็นที่ 2 ก็ไม่จริงเสมอไปนี่ครับ ตัวอย่างจากใน Google จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 12:00:04

ความคิดเห็นที่ 3 ใคร่รู้เช่นกันครับ จากคุณ : วันจันทร์เพ็ญ (วันจันทร์เพ็ญ) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 12:52:13

ความคิดเห็นที่ 4 ประเด็นอยู่ที่ Duct ครับ การมีโครงลักษณะคล้ายท่อมาครอบไว้ ทำให้ลักษณะทาง Aerodynamic เปลี่ยนไปจากเดิม สามารถเพิ่มจำนวนใบพัดให้เยอะๆได้ ก็เลยลดความกว้างของใบพัดได้ ตามจำนวนใบพัดที่ใส่เพิ่มเข้าไป แล้วไปดูที่มุมใบพัดเอาอีกที ถ้าไม่มี duct เค้าจะไม่ใส่เกิน 6 ใบพัดครับ แต่ผมจำทฤษฎีลึกๆไม่ได้ครับ ขออภัยด้วย - - จากคุณ : หงึกๆๆๆ (Mikegelo) เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 12:53:22

ความคิดเห็นที่ 5 คือใบลมดูดมันต้องการแค่ ส่งผ่านอากาศให้ได้มากที่สุดโดยไม่สนกระแสลมด้านเป่าไงครับ ใบตรงจำนวนเยอะ เพื่อให้ได้การตักอากาศสูงสุดไปเลย แต่ใบลมเป่าต้องคำนึงถึงกระแสลมด้านเป่าด้วย ใบจึงต้องโค้งบิดตามระยะความยาวของใบ เนื่องจากที่ปลายของใบจะเคลื่อนที่เร็วกว่าตรงกลางเวลาหมุน มุมปะทะจึงต้องน้อยกว่าตรงกลางๆ เพื่อให้กระแสลมราบเรียบเสมอกันทั้งใบครับ จำได้คล่าวๆประมาณนี้อ่ะครับ จากคุณ : TITAN11 เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 13:22:52 A:58.11.142.25 X: TicketID:309862

ความคิดเห็นที่ 6 ....         เสริมพัดลมดูดนะครับ ในกรณีที่มี Shutter เปิดแบบอัตโนมัต ก็ต้องคำนึงถึงแรงเป่าด้วยครับ เพราะต้องเอา ลมไปเปิด Shutter ดังนั้น บางทีเราจะเห็นว่ามันมีส่วนโค้ง ถ้าเข้าใจง่ายๆ ดูเครื่องยนต์ ของเครื่องบินก็ได้ครับ ด้านหน้ามีใบพัดตรงๆเรียงกันเป็นตับเพื่อดูดอากาศเข้า         สำหรับ พัดลมเป่า ตามจริงแล้ว มีแค่ใบเดียวก็พอครับ จะมี 2 ใบ หรือ 3 ใบ ประสิทธิภาพจะเท่ากันกับ 1 ใบ ครับ เพราะว่า มุมกวาดใน 360 องศา เมื่อหมุน 1 รอบ จะเท่ากันหมดครับ ไม่ว่าจะมีกี่ใบก็ตาม แต่ที่ต้องมี 3 ใบก็เพราะต้องการให้ แรงที่กระทำเพลามีทิศทางเป็น 0 ครับ (ไม่ให้สั่น)         สำหรับพัดลมดูดที่ควรจะมีใบตรงๆ และ หลายใบก็เพราะ 1. ไม่ต้องการสูญเสียประสิทธิภาพไปกับการส่งลม 2. จุดประสงค์เพื่อดึงลมจากด้านหลังพัดลมออกไปด้านหน้า จะสังเกตได้ว่า    พัดลมดูดจะมีขอบด้านข้างหนา เพื่อป้องกันการดึงลมจากด้านข้าง ผิดกับ    พัดลมเป่า ที่เปิดโล่งด้านข้าง 3. จำนวนใบทีเยอะ จะช่วยในการตักลม และ เรียงชั้น(layer) ของลมให้ราบเรียบ    (laminar flow)ไม่ให้เกิดการไหลวน (turbulent flow) เพราะจะทำให้เกิดการ    สูญเสียสูง 4. พัดลมเป่า ไม่ว่าจะออกแบบอย่างไร จะได้ประสิทธิภาพเกิน 50% แต่พัดลมดูด   ออกแบบดีที่สุดได้ไม่เกิน 30% ครับ    กำลังนึกว่าต้องมีอะไรบ้างครับ มันอยู่ในวิชา Fluid Machinery ครับ หรือ บาง มหาลัยเรียกว่า Turbo Machinery น่าจะเป็น ลาดกระบัง                                                                                                             ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 14:39:24

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วใบแบบนี้เหมาะสำหรับดูดหรือเป่ามากกว่ากันครับ? จากคุณ : aonesung เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 15:48:02

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วแต่การออกแบบ แต่ในเครื่องบิน จำนวนใบพัด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ใส่ได้ และกำลังของเครื่องยนต์ ต้น WWII กำลังเครื่องยนต์มี 600Hp up ใบพัด บ.รบ มีอยู่ 2 ใบ ปลายสงคราม ทำเครื่องกันได้แรงขึ้น 1300 Hp up ใบพัดมี 3 ใบ เพราะเครื่องออกทอร์คได้มากขึ้น ส่วน Duct Fan ก็ไม่ตายตัว ทศวรรษ 70-90 เครื่องยนต์ เทอร์โบแฟน จะมี fan blade เรียบและถี่ พอมายุคปัจจุบัน เทคโนการสร้างวัสดุดึขึ้น กลายเป็นใช้ใบโค้งใหญ่ และลดจำนวนลงแทน ดังนั้นจึงไม่มีสูตรสำเร็จ จากคุณ : อิๆ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:09:32 A:58.9.154.173 X: TicketID:365239

ความคิดเห็นที่ 9 ...         ดูดครับ ในรูปเป็นการเอา Centrifugal fan แบบ Forward มาไว้ในแบบ Axial fan ครับ และรอยหยักที่ใบก็มีไว้ลดเสียงครับ ถ้าลมเข้ามาตรงและไหล ออกตรงๆ ลมก็ไม่ประทะกับใบมาก ทำให้ไม่เกิดเสียงครับ         ตามจริงในรูปเป็นการออกแบบที่โบราณมากเลยครับ จุดประสงค์ต้องการ ลดเสียงเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือ ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ ถ้ามีฝุ่นเกาะมากๆจะเพิ่ม Load เป็นเท่าตัวครับ หรือไม่ก็ไหม้ในที่สุด เพราะการไป Forward ใบนั้น Head ไม่ตกครับ ยิ่งเพิ่มรอบ Head ก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผิดกับ Backward ที่ Head จะคงที่ ที่ค่าๆ หนึ่งครับ จากนั้นไม่ว่า จะเพิ่มรอบเท่าไร Head จะไม่เปลี่ยนครับ                                                                                                             ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:12:56

ความคิดเห็นที่ 10 .....      เรียนท่านที่ 8 ครับ             จำนวนใบคือสูตรตายตัวนะครับ สำหรับพัดลมดูดแล้ว ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้น ตามจำนวนใบ (แต่ต้องน้อยกว่า อินฟินิตี้) แต่พัดลมเป่า 1 ใบ กับ 100 ใบ ประสิทธิ ภาพเท่ากันครับ เพราะมุมกวาดใน 1 รอบของการส่งลมคือ 360 องศา เท่ากันครับ                                                                                                              ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 16:24:10

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าคิดลึก อย่าคิดมาก ครับ ใบที่ออกแบบ มาแบบ ในรูป ของ จขกท. คือ มีใบตรง มุมบิด 45 องศา ก็เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเท่าๆ กัน ไม่ว่าพัดลมจะหมุน ทางไหน สังเกตุจาก ที่ตัวพัดลมจะมีสวิทช์เลือกทางหมุนได้ ส่วน ใบพัดแบบพัดลมตั้งโต๊ะใบจะถูกออกแบบ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทิศทางการหมุนที่ถูกออกแบบใว้เท่านั้น ถ้านำมาหมุนกลับทาง ประสิทธิภาพ จะตกลงอย่างมาก แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 55 18:11:29 จากคุณ : Adung เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 18:07:47

ความคิดเห็นที่ 12 เจ้าตัวนี้มันตอนมันหมุน ๆ ควรเรียกว่ามีใบพัดได้รึเปล่านะครับ เยอะจริง ๆ จากคุณ : Dr.Snake เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 18:09:43

ความคิดเห็นที่ 13 พัดลมดูดอากาศ ชนิที่ดูดอย่างเดียว หมุนกลับทางไม่ได้ ของที่บ้านหนู ก็เป็นใบโค้งเรียวเหมือนใบพัดลมตั้งโต๊ะทั่วไป ดังนั้น เชื่อว่าการที่ทำใบตรง เอียง 45 องศา เพราะต้องการให้มันใช้งานได้ทั้งในการดูดและเป่า หรือหมุนกลับทางได้ แต่ประสิทธิภาพจะสู้พวกที่ออกแบบมาเฉพาะให้หมุนทางเดียวไม่ได้ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 55 18:32:54

ความคิดเห็นที่ 14 ...      เอ้า..เอาเข้าไป คุยกันไปคนละเรื่องเลย เขาพูดถึงมุมใบ ไม่ใช่มุมแกนใบ เอาไปรวมกันซะ นั้นจะลง Detail ให้นะครับ การออกแบบมุมใบ ต้องออกแบบทั้งด้าน Pressure Side กับ Suction Side ในกรณีที่เป็นพัดลมเป่า ถ้าออกแบบแล้ว ด้าน Pressure Side ส่งลมมากกว่า ด้าน Suction Side ที่ดูดเข้ามา ลมจากขาดช่วง เกิดเป็น Surge หรือถ้าเป็นน้ำ ก็เรียกว่า Water hammer     แต่ในการออกแบบพัดลมดูด ด้าน Pressure Side ไม่ต้องคำนึงถึง ดังนั้น กำหนดมุมแกนใบเท่านั้น     ภาพที่ ความคิดเห็นที่ 13 ยกมาให้ดูนั้น ผมได้อธิบายไปแล้วที่ 6 ในกรณีที่มี Shutter จะต้องออกแบบที่มุมใบด้วยเพื่อเป่าให้ Shutter เปิดอัตโนมัติ นี่ครับ มุมแกนใบ                                                                                                             ++ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 07:35:02 จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 07:31:56

ความคิดเห็นที่ 15 ...      นี่คือรูปจริง Gas Turbine ครับ  ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้หมุนกลับทาง ดูหมายเลขที่ 2 นั่นคือ ชุดพัดลมดูด เห็นใบแล้วนะครับ ใบไม่ได้งอ (มุมใบ) แต่ดูที่หมายเลข 1 ครับ นั่นไม่ใช่พัดลมนะครับ แต่เป็น Guide Vane ครับ คือ นำร่องให้ลมมีทิศทางเดียวกับตัวพัดลมดูดเพื่อลดการหมุนวน ตัว Guide Vane   ที่เห็นว่ามันงอ นั่นคือ มุมใบ ครับ ไม่ใช่มุมแกนใบ  ส่วน 3 เป็น Turbine ครับ                                                                                                          ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 08:12:22

ความคิดเห็นที่ 16 คุณสองนิ้วชี้อธิบายถึงการออกแบบใบพัดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตามการใช้งาน ดูด หรือเป่า คืออธิบายเลยจากที่เจ้าของกระทู้เอาภาพพัดลมดูด+เป่ามาตั้งแล้วถาม ภาพที่คุณแตงกวาเอามาให้ดู ก็มีคำอธิบายมาก่อนแล้ว ถือว่าครอบคลุมดีนะครับ ผมว่าแกอุตส่าห์อธิบายพื้นฐานการออกแบบมาตั้งเยอะ ไม่น่าจะเป็นการคิดลึกคิดมากจนเกินไป ผมก็ได้รู้ไปด้วย ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 08:18:44

ความคิดเห็นที่ 17 #15 น่าสนใจครับ 1.พัดลมตัวหน้าสุด มันไม่ได้เป็นพัดลมดูดเพื่อเป่าสร้างแรงขับหรือครับ Guide vane กับ Stator ตัวเดียวกันป่าวครับ 2.พัดลมชุดที่ 3 เหมือนว่าเป็นพัดลมที่รับแรงลม สร้างแรงบิดบนเพลาไปขับพัดลมชุดก่อนหน้าใช่ไหมครับ อืมม เพิ่งเห็นว่าไม่มีลม bypass เลยแฮะ สงสัยเป็นเครื่องเจ็ตแท้ๆเลยใช่ไหมเนี่ย แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 08:29:33 จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 08:26:24

ความคิดเห็นที่ 18 ....      ขอบคุณครับ ในรูปลักษณะมันเป็น Guide vane ครับ แต่เห็นว่ามันไป Fix อยู่กับ เพลาก็เลยคล้ายว่ามันจะหมุนไปกับตัว Rotor vane ด้วย ไม่น่าจะใช่นะครับ     ส่วน Guide vane กับ Stator  ทำหน้าที่เหมือนกันครับ คือปรับองศาของลมที่เข้ามา แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ ตำแหน่งที่วางครับ        Guide vane หรือชื่อเต็มก็คือ Inlet Guide vane จะวางไว้หน้าสุดของชุดพัดลม ครับ เพื่อปรับมุมลมตั้งแต่แรกที่เข้ามา       ส่วน Stator นั้น จะวางสลับกันไปกับตัว Rotor vane (ชุดพัดลมดูด) เพื่อปรับ ทิศทางของลมให้ Rotor vane แต่ละชุด ดูรูปครับ IGV คือ Inlet Guide vane R1  คือ Rotor vane ตัวที่ 1  (พัดลมดูด) S1  คือ Stator vane ตัวที่ 1 (ใบปรับมุมลม)    จะเห็นว่าทั้ง IGV และ S จะยึดอยู่กับ ผนังด้านบนสลับกันไปนะครับ คือ Fix ไม่ได้ หมุน ส่วนชุด Rotor vane จะยึดอยูกับเพลาครับ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 13:36:51

ความคิดเห็นที่ 19 ...      ส่วนชุดที่  3 ก็คือ Turbine ครับ สร้างแรงบิดบนเพลาไปขับพัดลมชุดก่อนหน้า ครับ  แต่ดูรูปแล้วจำนวนใบมันน้อย น่าจะเป็น Jet ของจรวดนะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เป็น Jet แท้ๆครับ ไม่ใช่ Turbo Fan เพราะว่า ลมไม่ได้ส่งออกไปไหน อากาศทั้งหมดถูกส่่งไปสันดาปหมดครับ                                                                                                              ++ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 55 13:50:26 จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 13:46:47

ความคิดเห็นที่ 20 ใบตรง กับใบโค้ง ที่จขกท.ถามถึง เข้าใจว่าต้องการถามว่า ที่ปลายปีกใบ มี "Skew" ไปทำไม (รูปซ้ายปลายตรง รูปขวาปลายโค้งหรือ มี skew) ในทางออกแบบพัดลม ผมไม่เชี่ยวชาญ แต่สำหรับใบจักรเรือ หรือกังหันน้ำ Skew ช่วยลดพื้นที่บนปีกใบจักรที่มีความดันน้ำเกิดไม่สม่ำเสมอ ลดการเกิด cavitation ทำให้ลดการสึกกร่อน ที่ปลายใบจักร รวมทั้งลดการสั่นสะเทือนของตัวใบจักรเอง และบริเวณท้ายเรือ และเมื่อการเกิด cavitation มีน้อยลง ก็ทำให้ประสิทธิภาพของใบจักรดีขึ้น โดยเฉพาะในกรณีของใบจักรเรือลำเล็กที่หมุนเร็ว และทำงานเข้าใกล้ หรือในย่าน ที่เกิด cavitation บ่อยๆ ส่วนเรือลำใหญ่ขึ้นมา ซึ่งใบจักรไม่ค่อยเกิด cavitation เพราะความเร็วรอบช้า พวกนี้ ใช้ใบตรง จะดีอยู่แล้ว เพราะค่อยมีปัญหาเรื่อง cavitation แต่แรก จะใช้ใบตรงหรือใบโค้ง ก็ประสิทธิภาพเท่าๆ กัน  จะใช้ใบโค้งทำไมให้มันซับซ้อนกว่า แพงกว่า อ่อนแอกว่าด้วย เพราะ bending span มันเยอะ จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 17:05:12