ความคิดเห็นที่ 1 ถามนิดหนึ่งครับ มันจะคว่ำได้ในกรณีใหนบ้าง จากคุณ : เส้นเล็กลูกชิ้นน้ำตก เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 23:13:46

ความคิดเห็นที่ 2 ชิดขวา จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 23:39:21

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อเรือธงลำใหม่ของ Subsea 7 “Seven Borealis” ไปถึง ณ น่านน้ำ ประเทศ Angola ปลายปีนี้ เพื่อเริ่มปฏิบัติงานให้กับ Total ในโครงการ CLOV Deepwater Development. ภาพเงาที่เคยดูเลือนรางของเธอจะส่งสัญญาณอันชัดเจนไปทั่วทั้งแวดวงอุตสาหกรรมนี้โดยขนานใหญ่ทันที. ภายในเรือลำนี้ลำเดียว Subsea 7 ได้สรรค์สร้างการรวมเอาระบบการวางท่อและเครนขนาดยักษ์ เข้าไว้ด้วยกัน ประหนึ่งดั่งมีดพับอเนกประสงค์ “Swiss Army knife” ชั้นดี ที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบเทียบได้ ผลงานชิ้นเอกนี้เริ่มต้นจาก เครนแบบเสากระโดงเรือขนาด 5000 tons ที่ท้ายเรือ – ใหญ่ที่สุดในโลกในบรรดาเครนแบบเดียวกัน ระบบวางท่อแบบ J-Lay ที่กลางลำ และ ระบบการวางท่อแบบ S-Lay ที่สามารถทำการวางได้ถึงที่ระดับความลึก 3000 เมตร ( 3 กม.) รวมถึงใต้ท้องเรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆได้มากมาย ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ ทางบริษัทฯมั่นใจว่า สามารถปฏิบัติงานได้ทุกรูปแบบของงาน ใต้สมุทรได้ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก “ ‘Seven Borealis’ เป็นอะไรที่แตกต่าง” จากคำบอกเล่าของ Gael Cailleaux รองประธานบริหาร ฝ่าย Offshore Resources “ด้วยเรือลำนี้ คุณสามารถ ยก, วางท่อ ก่อสร้างและสำรวจ จากเรือเพียงหนึ่งเดียว มันเหมือนกับการส่งเรือเพียงลำเดียวไปเพื่อปฏิบัติงานในโครงการต่างๆ จากที่เคยต้องออกไปถึง 4 ลำ คำกล่าวอ้างของเขาจะได้รับการยืนยันภายในปลายปีนี้เมื่อ Seven Borealis จะเริ่มงานภายใต้สัญญามูลค่าถึง 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับ Total ซึ่งนับเป็นสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดเท่าที่เคยมีมาของ Subsea 7 CLOV, ระยะทางกว่า 140 กม ด้วย Reservoir 4 ฐาน – Cravo, Lirio, Orquidea และ Violeta ซึ่งจะประกอบไปด้วย หลุมเจาะจำนวน 34 หลุม ที่ระดับความลึก 1050 -1410 ม.ใต้ระดับน้ำทะเล เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับ FPSO ลำใหม่ ภายใต้สัญญานี้ Subsea 7 จะต้องทำการออกแบบ, จัดซื้อจัดหา, ประกอบและติดตั้ง ท่อใต้ทะเลเป็นระยะทางยาว 130 กม. รวมไปถึงการวางท่อแบบสอดไส้ (pipe-in-Pipe) ท่อ production line โดยระบบ J-Lay บวกกับท่อ water Injection และท่อส่งก๊าซ  Gas Export  ระยะทางกว่า 60 กม. โดยใช้ทั้งระบบ J-Lay และ S-Lay นอกจากนี้ Seven Borealis ยังต้องติดตั้งแท่นสำหรับหัวส่งก๊าซ และ ส่วนประกอบอื่นๆอีกด้วย จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 23:40:39

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ไหวแล้วช่วงนี้ทั้งงานราษฎ์ งานหลวง เยอะมากๆ ขอตัวไปพักก่อน ตาจะปิดแล้ว ขอติดไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อ... To be Continue... จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 55 23:43:55

ความคิดเห็นที่ 5 ติดตาม ๆ จากคุณ : ZoRtA เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 10:34:57

ความคิดเห็นที่ 6 ตามดูครับผม จากคุณ : โลหการ4 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 11:54:46

ความคิดเห็นที่ 7 ที่กระทู้แรกที่แปะลิงค์ไว้   อิฉันนั่งดูกับพี่  ยังตะหงิด ๆ กับเตียง  เป็นอิฉันนอนดิ้นทีคงตกลงมากองกะพื้น  ^^ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 13:17:32

ความคิดเห็นที่ 8 ทึ่งกับรูบนลานจอด H เขาวิเคราะห์ถึงขนาดนั้นเพื่อแก้ปัญหานก (จาก กท.ที่แล้ว) เป็นเราคงให้ลูกน้องไปคอยไล่ 555 จากคุณ : WhiteWolf เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 09:58:11

ความคิดเห็นที่ 9 เพิ่งตามไปอ่านกระทู้เก่ามาค่ะ จากคุณ : v two o five เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:25:42

ความคิดเห็นที่ 10 ใหญ่ ยักษ์ อลังการณ์ จริงๆ เทคโนโลยีเดียวนี้ มัน สุดยอดไปเรื่อยๆ แต่ก็ ผลาญทรัพยากรณ์ไปไม่น้อยเลยทีเดียว จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 15:31:07

ความคิดเห็นที่ 11 อลังการมาก จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 20:52:44

ความคิดเห็นที่ 12 OE นี่เคยรับอยู่พักนึง แต่อ่านไม่ไหว เพราะไม่มีเวลา นานๆ จะมีรูปเรือขึ้นปกเต็มจอสักที แปลได้ดีครับ พยายามต่อไป ในความคิดผมเรือที่ทำทุกอย่างได้ในลำเดียว บางทีมันก็แพงเกินไป ไม่ว่า จะทำได้หลาย ฟังก์ชั่น ยังไงซะคุณก็มีลูกเรือทั้งลำรวมกันทีมเดียว ดาดฟ้าหลักผืนเดียว DP ชุดเดียว จะวางท่อ หรือ ยกของหนักก็ไม่ได้ทำพร้อมกันอยู่แล้ว การที่ต่อเรือออกมาแพงมาก มีแต่อุปกรณ์ดีๆ ค่าเช่าเรือต่อวันก็ต้องสูงตาม ไม่อย่างนั้นบริษัทคุณไม่มีวันคืนทุน แต่ถ้าค่าเช่าสูงเกินไป มันก็เอาไปแข่งกับเรือ จิ๋วแต่แจ๋วเป็นงานๆ ไปไม่ได้ 4 x ลำเล็ก คุณทำงานได้พร้อมกัน และแยกกันไม่เกียวกัน 1 x ลำใหญ่ คุณอาจจะทำได้ทุกอย่าง แต่คุณทำพร้อมกันหมดทั้ง 4 อย่างไม่ได้ ถ้าตลาดดีก็ดีไป แต่ถ้าช่วงตกต่ำ ผู้บริหารก็คงจะเหงื่อแตกวิ่งหางานเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ คงมีแต่บ.ยักษใหญ่แบบสับสีเจ็ด ที่จะกล้าลงทุนอะไรแบบนี้ ว่าแต่ตอนต่อเรือเสร็จ เงินลุงทุนที่ลงไป อยู่ตามงบประมาณดีไหมครับ? แล้วคิดว่าจะคืนทุนในอีกสักกี่ปี ลำนี้ลำเดียว น่าจะราคาประมาณ หมื่นล้านบาทได้ละมั๊ง? ---------------------------------------- เชคในเนทเมื่อกี้  อูยยย $500 million = หมื่นห้าพันล้านบาท! นั่งเคาะง่ายๆ จะเอาคืนทุน ใน 10 ปี ค่าเช่าคงต้องเหยียบวันละ 10 ล้านบาทเข้าไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 21:14:21 จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 21:10:00

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องขออภัยเพื่อนๆที่ อาจจะติดตามดูกระทู้ เนื่องจาก เมื่อวาน จขกท มีภารกิจสำคัญต้องปฏิบัติ ทำให้มาต่อกระทู้ไม่ได้ จึงขออภัยมาอย่างยิ่งยวดด้วยนะครับ อย่ากระนั้นเลย มาต่อให้จบกันวันนี้เลยดีกว่า วันนี้ต้องจบแน่ๆ เรากำลังมา.. ท่าเรือสุดท้ายที่ Seven Borealis จะเทียบก่อนมุ่งหน้าสู่ Angola คือ Schledam ใน เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ติดตั้งระบบ J-Lay และ S-lay ได้รับการติดตั้ง โดย Huisman Equipment แต่ปูมหลังการก่อสร้างของเรือต้องย้อนไปถึงหลายปีก่อนหน้านี้ ในปี 2007 Nordic Heavy Lift ได้ตกลงว่าจ้างให้ Sembawang Shipyard ในสิงคโปร์ให้ทำการก่อสร้างเรือปั้นจั่นขนาดยักษ์ซึ่งออกแบบโดย Ulstein Sea of Solutions ร่วมกับการติดตั้งเครนแบบเสากระโดงจาก Huisman. ในปีต่อมา ได้เริ่มวางกระดูกงูโดย Nantong yahua Shipbuilding ที่ Nantong สาธารณรัฐประชาชนจีน และประกอบส่วนโครงสร้างเรือแล้วเสร็จในปี 2009 ก่อนที่จะทำการชักลากมายัง อู่ต่อเรือของ Sembawang Shipyard ในสิงคโปร์ ต่อมา Nordic ประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องจึงได้รับการติดต่อซื้อจาก Acegy ในปลายปี 2009 นั้นเอง Hull ของ Nordic ก่อนปล่อยลงน้ำ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 23:29:14

ความคิดเห็นที่ 14 จากจุดนี้เอง Acergy ตัดสินใจที่จะปรับปรุง เรือขนาดความยาว 181 ม.ไปสู่เรือปั้นจั่นก่อสร้างและวางท่อน้ำลึก พร้อมเพิ่มความสามารถต่างๆให้อเนกประสงค์มากขึ้น โดยแตกต่างจากเรือลำอื่นๆที่เคยมีมาก่อนนี้ เพื่อใช้ในงาน SURF ( Subsea Umbilicals, Riser and Flowline) โครงการปรับปรุงระบบท่อใต้สมุทรน้ำลึกโดยทั่วไปมีความซับซ้อน จนมักจะทำให้มีความต้องการเรือก่อสร้างที่มีความเฉพาะทางมากกว่าหนึ่งลำเสมอ ซึ่งในเรือแต่ละแบบ ต่างก็มีมูลค่าสูงและความสามารถจำกัด และบางทีในขณะนั้น เรือแบบที่ต้องการก็อาจจะอยู่ไกลไปอีกซีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว เหนือสิ่งอื่นใด โครงการปรับปรุงงานใต้สมุทรเหล่านี้ บางครั้งไม่ต้องการเรือที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงแต่ต้องการเรือที่มีความหลากหลายด้านฟังก์ชั่นต่างๆมากกว่า และหลายๆครั้ง งานลักษณะนี้อยู่ในพื้นที่ๆห่างไกล ที่เรือก่อสร้างโดยทั่วไปจะไปถึง Acergy มองสถานการณ์ของตลาดนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และจากประสบการณ์จากเรือที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่าง Polealis เรือก่อสร้างใต้สมุทร ที่สามารถติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ รวมไปถึงส่วนประกอบต่างๆที่มีความหลากหลายในทะเลลึก ย่อมเป็นทรัพย์สินทรงคุณค่าในอนาคตของธุรกิจ Offshore ที่จะมาเชื่อมต่อระหว่างความสามารถติดตั้งส่วนประกอบงาน SURF และงานปั้นจั่นยกติดตั้งขนาดใหญ่ให้สมบูรณ์แบบ และด้วยส่วนสำคัญนี้ Acegy สามารถมองเห็นโอกาสที่จะครอบครองทรัพย์สินทรงคุณค่านั้น แบบเรือของ Nordic ก่อนทำการปรับโฉมจาก Acergy จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 23:32:53

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ จ่า โอ๊ต ลืมเรื่อง Mobilisation ไปหรือเปล่าครับ นั่นคือค่าใช้จ่ายหลักที่จ่ายไปโดยไม่ได้คืนเลยนะครับ ช่วงเดินทางที่บางทีกินเวลาแรมเดือน เรือบางลำถึงขนาดจ้างเรือบรรทุก เพื่อจะถึงที่หมายเร็วๆก็มีนะครับ หลักๆ ลำนี้คงกะใช้เองแหละครับ ยังไม่ให้เช่า (ณ ปัจจุบัน) วัตถุประสงค์ของเรือลำนี้คงไม่ได้กะยก แท่นเจาะ ที่กราบขวาและ Lay ท่อที่กราบซ้ายในขณะเดียวกันหรอกครับ แต่เมื่อ ยกแท่นใส่ขาตั้งแล้ว สามารถ lay ท่อต่อ ไปยังหลุมเจาะ แถมมี ROV ทำการสำรวจ Connect หัว Riser เข้า manifold โดยที่ไม่ต้องรอเรือลำอื่นมารับช่วง ก็คงพอมั้งครับ ลองๆอ่านไปเรื่อยๆ อาจเห็นวัตถุประสงค์ของ เจ้าของเงินเขาน่ะครับ ปล ตอนนี้กำลังต่ออีกลำละครับ เป็นเรือ Flexible Lay ต่อที่เนเธอร์แลนด์ มูลค่าประมาณ หนึ่งหมื่นสองพันล้านบาทครับ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:00:13

ความคิดเห็นที่ 16 Acergy ยังคงตัดสินใจที่จะร่วมงานกับ Sembawang Shipyard และ Huisman ต่อเพื่อบรรลุเป้าหมาย เรือปั้นจั่นขนาด 5000 ton ได้ถูกผนวกเข้ากับระบบ J-Lay Tension ที่ 1000 ton และ S-lay ที่ 600 ton ซึ่งทั้งสองระบบจะติดตั้งโดย Huisman ทั้งนี้ยังมีออฟชั่นเพิ่มระบบ 500 ton Flexible Lay เพื่อติดตั้ง Flexible pipeline และ หัวข้อต่อ Riser ต่างๆในอนาคตอีกด้วย ในปี 2010 Acergy และ Subsea 7 ได้ประกาศการควบรวมกิจการ บริษัทแห่งใหม่ดำเนินการภายใต้ชื่อ Subsea 7 และการดำเนินการปรับปรุงเรือได้สานต่อโดยทีมออกแบบของเหล่าวิศวกรภายในบริษัทฯที่ควบรวมแล้วนั้นเอง ปั้นจั้นแบบเสากระโดง รับน้ำหนักได้ประมาณ 4250 ton สูงสุดในบรรดาเครนแบบเดียวกัน ถูกออกแบบโดย Huisman และทำการผลิตที่ Zhangzhou สาธารณะรัฐประชาชนจีน ส่วนประกอบหลักถูกส่งมายังสิงคโปร์เมือเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ที่ๆส่วนฐานได้รับการตืดตั้งบนส่วนของดาดฟ้าเรือ Seven Borealis ไปแล้ว รวมระยะเวลาปฏิบัติการ ทั้งสิ้นเพียง 4 วัน ส่วนฐานได้รับการตืดตั้งเป็นลำดับแรก ตามด้วยส่วนหมุนและ Platform ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 11 ม. ต่อมาส่วนแขนที่มีความยาว 120 ม หนัก 1200 ton ได้ถูกยกเข้าประกอบกับส่วนหมุน ปิดท้ายด้วยเสากระโดงเครนที่มีความสูงถึง 85 ม.จากระดับดาดฟ้าเรือ ส่วนปลายของแขนในตำแหน่งสูงสุดจะมีความสูงถึง 151 ม.วัดจากระดับดาดฟ้าเรือ เลยทีเดียว การปรับโฉมเรือ Seven Borealis ที่ Sembawang ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก จากคำบอกเล่าของ Simon Gilbert – Offshore manager ของ Subsea 7 “ขณะนั้นแบบเครนของเรือที่ยังสร้างไม่เสร็จด้วยซ้ำ ในขณะที่เราต้องจัดการออกแบบระบบวางท่อ (Pipelay) ต่างๆไปพร้อมๆกัน พร้อมๆกับความท้าทายของการปรับเปลี่ยนต่างๆมากมาย หนึ่งในนั้นคือการยกส่วนพักอาศัยจำนวน 399 ยูนิตและส่วนควบคุมเรือด้านส่วนหัวเรือ ขึ้นอีก 2-3 ม. เพื่อติดตั้งระบบวางท่อ “Firing Line” ทะลุผ่านศูนย์กลางเรือ ส่วนของฐานเครนก็ต้องได้รับการปรับแก้ด้วยการเจาะช่องโค้งและเสริมความแข็งแรงใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ระบบ “Firing Line” ลอดและทะลุผ่านไปได้ เครนเสากระโดงถูกประกอบขึ้นเพื่อให้เกิดกำลังยกให้ได้ 5000 ton โดยแบ่งออกเป็น 2 รอก(Block) ๆละ 2500 ton ข้อดีของการมี รอก 2 ตัวที่ทำงานอิสระจากกันนั่นคือ สามรถยกขา Jacket หรือ Suction Pile จากแนวตั้งไปสู่แนวนอนได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนชุดอุปกรณ์ยก บวกกับรอกเสริม ที่มีกำลังยกขนาด 1200 ton และ รอกเดี่ยวขนาดกำลังยก 110 ton Load ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 2500 ton สามารถยกได้ทั้งแบบ 2 รอกหลักหรือปรับไปเป็นยกแบบรอกเดี่ยว 5000ton ก็ได้ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:02:12

ความคิดเห็นที่ 17 ที่สิงคโปร์ เครนที่เสร็จสมบูรณ์ได้รับการทดสอบการยกหลายๆครั้งต่างๆสถานการณ์กันไปเมื่อเดือนตุลาคม 2011 การทดสอบเริ่มจากการยกของรอกหลักแต่ละตัว น้ำหนักยกสูงสุดที่ระดับ 2750 ton จากนั้นใช้รอกร่วมยกที่น้ำหนัก 5500 tonจบลงที่ทดสอบยกแบบ 4400 ton แบบยกหมุนรอบตัว “น้ำหนักทดสอบ” เป็นเรือพ่วงลากจูงปรับน้ำหนักได้ ขนาดยาว 60 ม.ต่อขึ้นที่ประเทศไทย** ที่น้ำหนักเต็มที่ 5000 ton เครนสามารถยกลอยเหนือส่วนท้ายเรือได้ ในขณะที่การยกที่ 4400 ton สามารถยกหมุนได้รอบตัวกับน้ำหนัก 4000 tan มีรัศมีการยกที่ 40 ม. หรือ 1500 ton ที่รัศมีการยก 78 ม. แท่นหมุนของเครนถูกขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้า 12 ตัวและระบบเฟือง เรือลากจูงลำนี้ ขณะนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในส่วนสนับสนุนกองเรือของ Subsea 7 และสามารถยกขึ้นเก็บที่ชั้นเก็บของ Seven Borealis ได้ถ้าต้องการ หลังจากผ่านการทดสอบ เดินทะเล เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว เรือได้มุ่งหน้าสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์ในต้นปี 2012 เพื่อทำการติดตั้งอีกสองส่วนสำคัญในการปรับโฉมครั้งนี้ ** ต่อที่ จ.ประจวบฯครับ บ.ชื่ออะไร ขอไปดูก่อน จำไม่ได้ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:11:46

ความคิดเห็นที่ 18 เตรียมตัวเพื่อติดระบบวางท่อ จุดจอดแรกที่เนเธอร์แลนด์คือที่ Vlissingen ที่ๆ J-lay tower ตั้งตระหง่านรออยู่แล้ว “เราผลิต J-Lay Tower นี้เมื่อปี 2006 และนำส่งให้แก่ Acergy เพื่อใช้กับเรือ Polaris” จากคำอธิบายของ Anne De Groot- Huisman Project director เจ้าแท่นนี้ถูกถอดออกจาก Polaris ที่ Angola เมื่อต้นปี ก่อนส่งมาที่ Vlissingen เพื่อทำการติดใหม่ให้แก่ Seven Borealis เจ้า J-Lay Tower น้ำหนัก 1725 ton ถูกขนส่งมายัง VDS yard ใน Vlissingen โดยเรือขนส่งของ jumbo Shipping ชื่อ Fairpartner และถูกยกวางไว้บริเวณชายท่านั้น จนกระทั่ง  Seven Borealis เดินทางมาถึงก็ได้ใช้เครนของตัวเองยกขึ้นติดตั้งที่บริเวณกราบขวาของเรือ และจากนี้เอง เจ้าระวางขับน้ำ 70000 ton ได้มุ่งหน้าต่อไปยังอู่ต่อเรือ ของ Huisman ที่ Schiedam ในปลายเดือนเมษายน “Seven Borealis เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเทียบท่าที่นี่” De Groot กล่าว “เราต้องลอกแม่น้ำ Maas เพื่อให้มันเข้ามาได้ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:16:28

ความคิดเห็นที่ 19 มือจับของระบบ J-Lay สามารถทำการปฏิบัติการกับท่อตั้งแต่ขนาด 4 นิ้ว ไปจนถึง 24 นิ้ว ที่ความยาวสงสุด 24 ม. และแบบท่อที่มีฉนวนหุ้มได้ 2 ช่วงท่อ ที่แรงดึงเท่ากับ 750 ton ในแบบ Static และ 900 ton ในแบบ Dynamic มีช่องว่างถึง 72 นิ้ว เพื่อให้อุปกรณ์ประกอบท่อต่างๆเช่น 3 ทาง ทะลุผ่านไปได้ ระบบมี 2 work station คือ station แรกทำการเชื่อมและ NDT-Non destructive test และ station ที่สอง ทำ NDT และ หุ้มฉนวน ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ J -Lay นี้คือมันวางอยู่บนฐานแบบวงแหวนอิสระ นั่นคือทำให้แท่น J-lay สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระถึง 180 องศาในแนวระนาบและยังเอียงได้อีก 15 องศาในแนวตั้ง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางท่อแล้ว ยังทำให้ Seven Borealis สามารถวางท่อไปอีกทาง ในขณะที่เรือแล่นไปอีกทิศทางหนึ่งได้ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:18:41

ความคิดเห็นที่ 20 มือจับของ J-Lay แบบชัดๆ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:24:08

ความคิดเห็นที่ 21 องค์ประกอบที่สำคัญของ Swiss Army knife ชิ้นนี้อีกอย่างคือ ระบบ S-Lay ซึ่งยังคงเป็นการออกแบบและผลิตโดย Huisman เช่นเคย ระบบ S-Lay สามารถวางท่อได้ทั้งแบบช่วงเดี่ยวหรือ 2 ช่วง เส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 4.5 นิ้ว ไปจนถึง 46 นิ้ว ที่ช่วงความลึกของน้ำทะเลตั้งแต่ 25 ม. ไปจนถึง 3000 ม ซึ่งจะมีแท่นหนีบแรงดึงขนาด 200 ton จำนวน 3 แท่นและหัวจับ-ปล่อยอีก 2 ตัว ขนาด 600 ton 1 ตัวและ 200 ton อีก 1 ตัว เมื่อท่อทำการประกอบเรียบร้อยแล้ว จะวิ่งผ่านสะพานวางท่อ (Stinger) ]ลงสู่ก้นทะเลในรูปลักษณะเป็นตัว S สะพานวางท่อนี้แบ่งออกเป็น 3 ช่วง น้ำหนักรวมประมาณ 1100 ton และยาวประมาณ 92.5 ม.Gillbert ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สะพานนี้กี่ช่วง เพื่อให้สอดคล้องกับรัศมีการวางท่อที่ 70 ม ไปจนถึงที่รัศมี 300 มที่ระดับ น้ำทะเล 3000 ม และ แท่นหนีบทั้ง 3 แท่นบนสะพานวางท่อจะทำให้องศาการวางท่อที่ได้ เกือบ 90 องศานั่นคือเกือบตั้งฉากกับท้องทะเลเลยทีเดียว(เพราะการวางท่อแบบ S-Lay โดยเรือทั่วไปจะทำไม่ได้เพราะแรงยึดของตัวแท่นหนีบ Tensioner ไม่พอ ท่ออาจลื่นไถล หรือ เกิดการ Buckle หรือหักที่ข้อต่อได้ – ผู้แปล) จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:25:32

ความคิดเห็นที่ 22 ช่วงที่ท่อสัมผัสกับก้นทะเลนั้น จะได้รับการสอดส่องอย่างใกล้ชิดโดย หุ่นยนต์ปฏิบัติการใต้น้ำ ( ROV-Remote Operating Vehicle) จากสถานีปล่อย 2 สถานีคือ ที่ บริเวณท้ายเรือ และ กลางลำเรือ ควบคุมจากห้องควบคุม Cyber room จากบนเรือ ROV ของ Seven Borealis เป็นแบบ ACV Class ผลิตโดย Schilling ติดตั้งอุปกรณ์สำรวจครบครัน และสามารถปฏิบัติงานได้ถึงความลึกระดับ 3000 ม. มีสายสัญญาณยาว 1500 ม เพื่อให้หุ่นยนต์ไปได้ไกลที่สุดเพื่อส่องให้ถึงจุดปลายที่ท่อสัมผัสพื้น ในการวางท่อแบบ S-Lay รูปเก้าอี้บังคับและจอมอนิเตอร์จากห้อง Cyber room เกร็ดเล็กๆน้อยๆ - เก้าอี้ชุดนี้ออกแบบและทำขึ้นมาโดยทีมวิศวกรของบ.เราเอง ซึ่งเป็นความภูมิใจของบริษัทฯ แสดงให้เห็นข้อดีของ บ.ฝรั่งคือ ถึงแม้จะมีเงินซื้อได้แต่ไม่เอา ให้ทีมงานทำการออกแบบ วิจัยและพัฒนา เพื่อว่า จะได้เกิด Known How กับ วิศวกรของบริษัท ต่อไปภายหน้า จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:38:34

ความคิดเห็นที่ 23 เจ้าแห่งการยก สารพัดประโยชน์ ... มีเครนประกอบจำนวน 3 ตัวในบริเวณดาดฟ้าเรือ 2 ตัวเป็นแบบแขนงอที่กราบว้ายและขวาของเรือ มีกำลังยกที่ 40 ton ของ Dreggen และเป็นเครนหมุนรอบตัวแบบแขนยึดที่กราบซ้ายของเรือของ Huisman มีกำลังยก 36 ton ***ไฟล์รูปไม่ชัดเจน ปล.ส่วนนี้กล่าวถึงระบบรอกของเครนหลัก แต่เนื่องจากมีรายละเอียดเยอะมากๆ มีรูปแบบการร้อยสลิงแบบต่างๆ เช่น สลิงเดี่ยว Single Fall,  สลิงคู่ Double fall และ สลิงแบบตุ้ม 4 Fall รวมไปถึงระบบกันกระตุก ระบบการเก็บรอกต่างๆแต่เห็นว่ารายละเอียดเยอะเกินไป เลยขออนุญาตข้ามไปเลยละกัน แต่ถ้าท่านใดสนใจ สอบถามมา ยินดีแปะให้ใหม่ครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 55 00:45:34 จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:44:16

ความคิดเห็นที่ 24 แปะรูปของ คห.บน เครนประกอบส่วนดาดฟ้าเรือ ที่เห็นกางๆออกมาเหมือนแขนงอๆ คือ Dreggen Crane ส่วนที่เป็นแขนโครงถักถัดไปไกลๆคือ เครนของ Huisman จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:53:16

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ติด เอาใหม่ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:54:18

ความคิดเห็นที่ 26 ส่วนขับเคลื่อน Seven Borealis ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Roll Royce BergenB32:40 จำนวน 6 เครื่อง แต่ละเครื่องให้กำลัง 5760 kW นอกจากนี้ยังมีเครื่องสำรองเป็น MTU Emergency/Harbour generator ตัวขับเคลื่อนหลักมาจาก เพลาขับแบบ Azimuth 4 ใบพัดของ Roll Royce UUC 455 FP ที่ส่วนท้ายเรือ ทำความเร็วสูงสุดได้ 14 knots ความเร็วเดินทาง 12,5 knots และกินน้ำลึก 7-11.35 ม ในฐานะเรือ IMO Class 3 DP Seven Borealis มีระบบขับเคลื่อนหลักเพิ่มเติมเป็นเพลาขับแนวดิ่ง 4 ตัวของ Roll Royce UL 305 FP ให้กำลัง 3200kW 3 ตัวอยู่ที่ส่วนหัวเรือ และ 1 ตัวที่ส่วนท้ายเรือ และที่ส่วนหัวเรือยังมีเพลาท่อขับของ Roll Royce TT 3000 CP ให้กำลัง 2500kW และเรือลำนี้จะไม่มีพังงาบังคับหางเสือ ซึ่งเป็นผลเนื่องจากการใช้ระบบ Azimuth เต็มรูปแบบนั่นเอง “เครื่องยนต์หลักสองตัวและ เพลาขับส่วนหน้าให้แรงบิดถึง 35 ton” Marrtti Mikkala – Chief Officer (ต้นเรือ) กล่าวขณะยืนอยู่บนสะพานเดินเรือกว้าง 56 ม ของ Seven Borealis จากเพลาขับแบบหมุนกลับทั้ง 4 กับใบจักรขนาดเนผ่าศูนย์กลาง 3 ม ให้แรงบิดที่ 50 ton ทำให้เรือมีความเสถียรแม้เดินรอบต่ำเช่น 4 knot เมื่อปฏิบัติงานพร้อมลูกเรือเต็มพิกัดที่ 399 คน Seven Borealis สามารถปฏิบัติงานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 45 วัน ห้องปรับความสมดุลเรือมีจำนวนทั้งหมด 20 ห้องใต้ท้องเรือที่สามารถบรรจุน้ำทะเลได้ 41021 คิวบิกเมตร ซึ่งจากจำนวนนี้ 10 ห้องจะใช้เพื่อปรับสมดุลภายในตัวเรือและเมื่อมีการถ่ายน้ำหนักไปมา การทำการปรับสมดุลสามารถทำได้อย่างรวดเร็วจากปั๊มจำนวน 13 ตัวแต่ละตัวสามารถสูบถ่ายน้ำได้สูงสุด 1300 คิว/ชม. ส่วนหัวเรือมีห้องปรับสมดุลเพื่อถ่วงเรืออีก 4 ห้อง จำนวนความจุ(น้ำทะเล)อีก 2500 คิว ช่วยลดการเกิดการโคลงได้ 40% แปะรูปของผมเอง จาก กระทู้เดิม จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 01:05:37

ความคิดเห็นที่ 27 Seven Borealis เป็นความภาคภูมิใจของกองเรือของเรา เป็นคำกล่าวทิ้งท้ายของ John Evans – COO ของ Subsea 7 ดังที่เคยประจักษ์มาแล้วว่า การก่อสร้าง และพัฒนาหลุมเจาะใต้ทะเล มีความซับซ้อนมากขึ้น มีความต้องการเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จากความต้องการเหล่านั้น Seven Borealis สามารถรับมือกับมันได้ ด้วยความโดดเด่นเป็นหนึ่ง ความเพียบพร้อมของเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมใช้งานในเรือเพียงลำเดียว จึงถือเป็นข้อได้เปรียบ ลำนี้ลำเดียวที่จะคำนึงถึงความยืดหยุ่น โดยคุณสามารถวางแผนโครงการ และดำเนินงานจนถึงขั้นจบงานได้เลย ในภาคธุรกิจนี้การเคลื่อนย้ายทรัพยากร(เช่นเรือ)เป็นหัวใจสำคัญ ในโครงการเล็กๆที่ค่าใช้จ่ายในโครงการเป็นสิ่งที่ต้องพยายามกดให้ต่ำเข้าไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นผลกระทบหลักต่อผลกำไรของโครงการ Seven Borealis จะเป็นกุญแจดอกสำคัญ ไม่ว่าโครงการนั้น จะใหญ่หรือเล็กก็ตาม มัน (Seven Borealis) คือผู้กำหนดยุทธศาสตร์ โดยแท้จริง จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 01:19:14

ความคิดเห็นที่ 28 จบแล้วครับ Credit : Story by Terry knott - Offshore Engineer magazine            Photo from - Offshore Engineer magazine                           - http://www.dynamicpositioningnews.com                           - http://www.vdsstaalbouw.nl                           - http://www.aerolin.nl                           - http://www.shipspotting.com เพื่อนๆท่านใด มีความเห็นใดๆ ยินดีรับฟัง หรือมีข้อสงสัย ถามมาได้ ถ้าตอบได้จะตอบ ถ้าไม่ได้จะพยายามค้นหามาให้ครับ หวังว่าคงได้รับอะไรๆไปบ้างเล็กๆน้อยๆนะครับ สวัสดีครับ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 01:31:58

ความคิดเห็นที่ 29 อันนี้แถม ไม่คิดเงินเพิ่ม รูปการทดสอบทิ้งดิ่งรอก ที่ความเร็วรอกวิ่งได้สูงสุด 3.2 ม/วินาที สวัสดี(อีกครั้ง)ครับ จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 01:37:26

ความคิดเห็นที่ 30 สรุปดีครับ เรือลำนี้ มีตลาดของมันชัดเจน คือ โครงการยากๆ ที่อยู่ไกลฝั่งออกไปมากๆ น้ำทะเลลึก เรือลำอื่นสู้คลื่นลมไม่ไหว ลำนี้กลับทำงานได้ ลักษณะนี้เป็นตลาดของปัจจุบัน อนาคต เมื่อน้ำมันใกล้ฝั่งหมดแล้ว มนุษย์ก็ต้องออกไปไกลมากขึ้น และเมื่อออกไปไกลมาก ก็ต้องใช้เทคโนโลยีมาก แต่ในโครงการใหญ่ๆ เวลายาวนาน ที่เรือลำอื่นก็ทำงานได้ ค่าใช้จ่ายเรื่อง Mobilisation น่ะ มันจะเหลือแค่นิดเดียวเมื่อเทียบเป็น % ของทั้งโครงการ ดังนั้นเรือแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นคำตอบที่ดีนัก ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันต้อง หมื่นห้าพันล้าน ก็ดูจำนวนเครื่องยนต์ ทรัสเตอร์ตั้งกี่ตัว ซัด DP3 เข้าไป งานระบบไฟฟ้ากับท่อ ก็เบิ้ลแทบสองเท่า ดูปั๊มน้ำอับเฉา 13 ตัว บวกถังต้านโคลงอีก 2 คู่ แต่จะให้ออฟชั่นน้อยกว่านี้ ก็คงไม่เวิร์ค ไหนจะเครนยักษ์ ระบบวางท่อทั้ง J ทั้ง S กะจะกินรวบทั้งแนว ไม่แบ่งลำอื่นเลยว่างั้น แถมโครงการไม่ใช่ ต่อเรือใหม่ด้วย แต่เป็นดัดแปลง โครงเรือจากจีน เครนก็ทำในจีน อุปกรณ์ โรลสลอยล์ นั่นก็โรงงานจีนทั้งนั้น ไม่รู้นะ ถึง Ulstein SOS จะเป็นบ.ออกแบบเรือแนวนี้ที่เจ๋งที่สุดในโลก และ ของยี่ห้อ Huisman ก็นับว่าดีมาก คนคุมโครงการก็มีแต่ฝรั่งเก่งๆ จาก ACERGY แต่ลึกๆ ผมสังหรณ์ว่าเรือลำนี้มีปัญหาปวดหัวของมันอยู่แน่ๆ เพียงแต่เวลาออกสื่อ ออกการตลาดแบบนี้ เค้าย่อมไม่พูดอะไรในแง่ลบเลย เรามาดูกันยาวๆ ดีกว่า ว่าเรือลำนี้ จะทำเงินอย่างไร จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 01:50:39

ความคิดเห็นที่ 31 ปีหน้า บ.คู่แข่ง (Heerema) ก็จะออกมาแล้วครับ ลำนี้ออกแบบโดยบ.ดัทช์เจ้าเดียวกัน  เครนก็ยี่ห้อเหมือนกัน เมื่อเทียบกันแล้ว สำหรับ DCV Aegir: ข้อดี + เน้นวางท่อแบบ J-Lay อย่างเดียว มีกำลังดึงมากกว่า 2 เท่าของ Borealis + คุณภาพงานต่อเรือ เหล็กวัตถุดิบ และอุปกรณ์เรือปลีกย่อย กินขาด เพราะต่อที่อู่แดวูของเกาหลี รวดเดียว และเป็นงานต่อเรือใหม่ล้วนๆ ไม่ใช่เอาโครงเรือจีนเมื่อ 4-5 ปีก่อน มาดัดแปลงใหม่ + ลำใหญ่กว่าประมาณ 15% แล่นเร็วกว่า และเป็นไปได้ว่าทนทะเลกว่า ข้อเสีย - ราคาเรือแพงกว่า Borealis  20-40% - เครนยก ได้แค่ 4000 t น้อยกว่า Borealis อยู่ 25% แต่ก็อย่างว่า งานในน้ำลึกสุดๆ ปกติ ก็ไม่ได้ยกอะไรโหดๆ แบบพวกงานน้ำตื้น เพราะงานน้ำตื่นโครงสร้างแท่นเจาะมันเป็นแบบตรึงกับก้นทะเล เวลาจะติดตั้งก็ต้องยกหนักๆ แล้วปล่อยกลางทะเล  แต่งานในน้ำลึก พวกแท่นเจาะมันมักจะเป็นแบบลอย ลากมาผูกที่กลางทะเลอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องยกหนักมาก (แก้ผมที ถ้าผมเข้าใจผิด) - เก๋งเล็กกว่า จุได้แค่ 289 คน น้อยกว่า Borealis  เกือบ 40% แต่ผมว่า Borealis นั่นแหละ จะเยอะไปไหน? ส่วนตัวผมว่า สเปคของ Aegir มันดูชัดเจนกับตลาดน้ำลึกมากกว่าของ Borealis ซึ่งอย่างหลังคล้ายๆ กับว่ายังพะวงกลัวจะเสียตลาดงานน้ำตื้นอยู่มาก แต่ในขณะที่ราคาค่าตัวก็ไม่ใช่ว่าจะถูกซะทีเดียว แต่ก็อย่างว่า คนมาทีหลัง มันมักก็จะเห็นอะไรๆ ได้ชัดเจนกว่า จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 02:42:21

ความคิดเห็นที่ 32 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 09:43:11

ความคิดเห็นที่ 33 ๆ จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 10:36:55

ความคิดเห็นที่ 34 เจ๋งมากก ขอบคุณจขกท.ครับ จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 11:59:16

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : Everlasting to you เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 13:51:01