ความคิดเห็นที่ 1 "โรคห่า" หรือ อหิวาต์ ก็ทำให้คนตายเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่ามากที่สุดในโลกหรือเปล่า ลองไปอ่านประวัติศาสตร์ดู น่ากลัวมาก จากคุณ : WinandBP เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 12:28:07

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ารวมๆไม่จำกัดแค่โรคภัย ผมคิดว่าสงครามโลกล้มตายมากกว่านะ จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 13:20:56

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าตายในวันเดียว น่าจะเป็นระเบิดนิวเคลียร์นะ ที่ญี่ปุ่ณน่ะ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 13:43:47

ความคิดเห็นที่ 4 ใช่ครับ กาฬทำให้คนตายมหาศาลในยุโรปและเอเชียตลอดเส้นทางสายไหม ทั้งยังเป็นสาเหตุของการล่มสลายของจักรวรรดิมองโกลที่ยิ่งใหญ่ http://en.wikipedia.org/wiki/Black_Death รองลงก็สงครามโลกครับที่ทำให้คนตายมากที่สุด http://en.wikipedia.org/wiki/World_War_II_casualties จากคุณ : ชื่อสมาชิก เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 13:47:44

ความคิดเห็นที่ 5 ...      ไข้หวัดใหญ่สเปน ก็ตายเยอะนะครับ ราว 50 ล้านคน ข้อมูลจาก wiki พ.ศ. 2461-2462 (ค.ศ.1918-1919) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย (subtype) H1N1 (ในยุคนั้นยังไม่สามารถตรวจแยกเชื้อได้ การตรวจชนิดของเชื้อไวรัสเกิดขึ้นภาย หลัง) มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่สเปน (Spainish flu) เป็นการระบาดทั่วโลกครั้งร้ายแรงที่สุด คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 50 ล้านคน (มากกว่าผู้คนที่เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เสียอีก) เป็นผู้ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาถึงกว่า 500,000 คน   จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 14:10:17

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ตายกัน ครึ่งโลกเลย จากคุณ : อยากรู้จึงถาม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 14:26:12

ความคิดเห็นที่ 7 ***     การที่ "กาฬโรค" ระบาดอย่างหนักใน "ยุโรปยุคกลาง" นั้นมันมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกันครับ  กล่าวคือแรกเริ่มเดิมทีโรคนี้มันเริ่มระบาดมาจากในเมืองจีนก่อน  กระทั่งต่อมามันได้แพร่มายังตะวันออกกลางและเอเซียไมเนอร์ผ่านทางกองทัพมองโกลที่ยกทัพมารุกรานดินแดนในเอเซียกลาง  และยังแพร่ผ่านทางกองคาราวานของเหล่าพ่อค้าที่เดินทางไปมาระหว่างเอเซียและยุโรปด้วยเส้นทางสายไหมด้วย  จากนั้นเชื้อดังกล่าวได้แพร่ไปยังยุโรปผ่านพวกพ่อค้าชาว "เจนัว" และ "อิตาลี" ซึ่งล่องเรือมารับสินค้าจากพ่อค้าในเอเซียไมเนอร์ไปขายในยุโรปอีกต่อหนึ่ง (เชื้อติดไปกับหนูที่ชุกชุมอยู่ในเรือ)        จากนั้นพอพ่อค้าพวกนี้ล่องเรือกลับไปยังยุโรปก็ติดโรคจากหนูในเรือและทยอยล้มตายลงหรือป่วยหนัก  มีบันทึกไว้ว่าเรือสินค้าหลายลำถึงกลับกลายสภาพเป็นเรือร้างลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเล  สาเหตุพราะลูกเรือทุกคนต่างโดนเชื้อกาฬโรคเล่นงานจนเสียชีวิตหมด  ซ้ำร้ายพวกโจรสลัดที่ไปปล้นเรือพวกนั้นก็ติดโรคเข้าอีกและนำไปเชื้อแพร่ใส่พื้นที่ต่างๆที่เรือตนเองไปเทียบท่า  รวมทั้งหนูในเรือเหล่านั้นก็อพยพมาอยู่ตามชุมชนต่างๆและแพร่โรคใส่หนูในท้องถิ่นจนติดโรคไปด้วย  กระทั่งในที่สุด "กาฬโรค" ก็แพร่ระบาดผ่าน "หนู" ซึ่งเป็นสัตว์พาหะเข้าสู่แผ่นดินแม่ของยุโรปอย่างรวดเร็วในช่วงกลางคริสตศตวรรษที่14ครับ **รูปแผนที่แสดงถึงเส้นทางการแพร่ระบาดของ "กาฬโรค" จากเมืองจีนมายังทวีปยุโรปครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 14:55:25

ความคิดเห็นที่ 8 ***   ซึ่งสาเหตุที่โรคแพร่กระจายไปเร็วนั้นเป็นเพราะยุโรปในช่วงปลายยุคกลางยังมีระบบสาธารณสุขที่ไม่ถูกสุขอนามัยเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวเมืองใหญ่ๆซึ่งประชาชนต้องมาอยู่อาศัยในที่พักซึ่งปลูกสร้างติดกันอย่างแออัดเหมือนสลัม  และเวลาผู้คนในชุมชนแออัดจะขับถ่ายของเสียหรือทิ้งขยะมูลฝอยก็จะนิยมใช้ "ถังไม้" เป็นภาชนะรองรับ  พอสิ่งปฏิกูลเต็มเมื่อไหร่เต็มก็จะเทของเสียดังกล่าวลงมากลางถนนเบื้องล่างซึ่งเป็นพื้นดิน  ถ้าที่ไหนดีหน่อยอย่างเช่นบ้านพักของพวกขุนนางหรือในปราสาทของเหล่ากษัตริย์ก็จะมีคนมาขนของเสียพวกนั้นไปทิ้งในที่ซึ่งจัดเตรียมไว้(แต่ส่วนมากมักจะไม่เป็นเช่นนั้น)     ซึ่งความสกปรกเช่นนี้เองที่ทำให้ "หนู" ซึ่งเป็นต้นเหตุของกาฬโรคสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว  อีกทั้งคนในยุคกลางยังมีความเชื่อกันว่า "แมว" นั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มดจึงทำให้มีการไล่ล่าฆ่าบรรดาแมวสายพันธุ์ต่างๆลงไปเป็นจำนวนมาก  ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ "หนู" ในเมืองใหญ่แทบจะไ่ม่มีศัตรูทางธรรมชาติที่เป็นภัยต่อมัน  จึงทำให้จำนวนของหนูยิ่งมากขึ้นอย่างมากมาย  จนเชื้อกาฬโรคที่ระบาดจากเห็บหมัดในตัวหนูสามารถแพร่ไปทั่วทวีปยุโรปและดินแดนอิันกว้างใหญ่ของรัสเซียได้อย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่งครับ **รูปวาดในสมัยกลางแสดงถึงการแพร่ระบาดของกาฬโรค  และความสิ้นหวังของประชาชนที่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับโรคดังกล่าว** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 15:05:07

ความคิดเห็นที่ 9 ***     ซึ่งในยุคดังกล่าวนั้นกล่าวกันว่าชาวยุโรปต้องลมตายลงไปมากกว่า "20 ล้านคน" ซึ่งถือเป็นจำนวนเกือบ2ใน3ของประชากรในยุโรป  โดยผู้คนยุคดังกล่าวล้วนต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัวเพราะโรคนั้นแพร่ไปทั่วทุกท้องที่และไม่มีหนทางรักษาอย่างได้ผล  ทำให้พอใครป่วยเป็นกาฬโรคขึ้นมาผู้ที่อยู่ใกล้ชิดก็จะรีบตีตัวออกห่าง  หรือพอหมู่บ้านไหนมีคนติดเชื้อขึ้นประชาชนก็จะพากันอพยพย้ายถิ่นกันอย่างจ้าละหวั่น  ทำให้เกิดความวุ่นวายและจลาจลไปทั่วทุกแห่งที่โรคระบาดย่างกรายไปถึง       ซ้ำร้ายบรรดาแพทย์ในยุคนั้นก็มีความเชื่อผิดๆหลายอย่างเช่นกาฬโรคนั้นแพร่ระบาดผ่านทางอากาศ(ความจริงแพร่จากเห็บหมัดในหนู)  หรือคนที่ป่วยเป็นโรคจำต้องถ่ายเลือดเสียในตัวออกเพื่อกำจัดโรค (มีการใช้ปลิงไปดูดเลือดคนที่ป่วยซึ่งไม่ช่วยอะไรเลย) หรือกาฬโรคนั้นเป็นคำสาปของพระผู้เป็นเจ้าที่ต้องการลงโทษคนชั่ว  ดังนั้นต้องทำบุญ สารภาพบาป หรือเฆี่ยนตีทรมาณตนเองถวายพระผู้เป็นเจ้าเพื่อไม่ให้โรคมากล้ำกราย  ซึ่งหลายๆเรื่องล้วนเป็นความเชื่อที่ผิดและไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใดในการรับมือกับโรค  โดยคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ในระยะแรกจะมีตุ่มขึ้นตามตัวก่อนที่จะมีไข้สูง ผิวหนังบางส่วนบวมและกลายเป็นสีดำคล้ำ แลต่อมาจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ  ซึ่งทำให้ผู้คนเรียกโรคชนิดนี้ว่า "Black Death" หรือความตายสีดำนั่นเอง   **รูปภาพของเชื้อ "Yersinia pestis" ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคระบาดอันร้ายกาจตัวนี้ครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 15:19:14

ความคิดเห็นที่ 10 ***     จนกระทั่งในยุคนั้นได้มีการก่อกำเนิดของบรรดาแพทย์ซึ่งเรียกตนเองว่า "Plague Doctor" ขึ้นมา  โดยแพทย์กลุ่มนี้มีต้นกำเนิดจากอิตาลีและมีหน้าที่คอยดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อกาฬโรคและหาทางยับยั้งการระบาดของโรคดังกล่าว  แต่แท้จริงแล้วคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงแพทย์เฉพาะทางหรือคนที่ไม่ได้ร่ำเรียนทางการแพทย์มาอย่างโดยตรง  แต่ในช่วงที่คนส่วนใหญ่กำลังหมดหวังก็ทำให้มีการว่าจ้างแพทย์เหล่านี้ด้วยราคาค่าตัวที่สูงลิ่ว (บางครั้งถึงขั้นมีการจับพวก "Plague Docter" ไปเรียกค่าไถ่ก็มี)       แต่ส่วนใหญ่แล้วการรักษาของหมอทางเลือกจำพวกนี้มักจะค่อยได้ผลเพราะไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของโรคได้  และหมอโรคระบาดเหล่านี้ก็ยังต้องล้มตายลงจากโรคระบาดเช่นกัน  อีกทั้งเวลาดังกล่าวยังมีคนเชื่อกันผิดๆด้วยว่า "คนยิว" เป็นต้นเหตุของโรคระบาดเพราะเป็นพวกที่เอายาพิษไปปล่อยลงในแหล่งน้ำ  จึงทำให้มีการออกไล่ล่าสังหารคนยิวในยุโรปไปมากมาย ยกตัวอย่างในเยอรมันมีการจับคนยิวไปเผาทัื้งเป็นมากถึง2,000คนเพื่อหวังจะหยุดการระบาดของโรค  แม้ภายหลังสันตะปาปาจะออกมาปฏิเสธเรื่องนี้แต่ก็ไม่หยุดยั้งความบ้าคลั่งของผู้คนที่ตื่นตระหนกได้       กระทั่งเวลาผ่านไปการระบาดของโรคจึงค่อยๆซาลงพร้อมๆกับจำนวนประชากรของยุโรปที่หายไปมากกว่าครึ่ง  ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการใช้ชีวิตและความเป็นไปของยุโรปอย่างมาก  เพราะเหล่าขุนนางและเจ้าของที่ดินต่างขาดแคลนข้าทาสบริวาร  ทุ่งนาเรือกสวนที่มีมากมายกลับว่างเปล่าเพราะไร้ผู้ลงหลักปักฐาน  ช่างฝีมือแขนงต่างๆมีน้อยลงเพราะต่างล้่มหายตายจากไปด้วยโรคระบาด  ข้าวของต่างแพงขึ้นหูฉี่เพราะจำนวนผู้ผลิตมีน้อยกว่าความต้องการ  ซึ่งจากผลกระทบของกาฬโรคครั้งนี้ทำให้ยุโรปต้องใช้เวลามากกว่า120ปีจึงสามารถฟื้นฟูจำนวนประชากรให้กลับมาอยู่ในจำนวนเท่าเดิมได้ครับ **รุปภาพของ "Plague Doctor" และหน้ากากซึ่งหมอเหล่านี้นิยมสวมใส่กัน  โดยมาจากความเชื่อผิดๆที่ว่า "กาฬโรค" นั้นอาจจะแพร่ระบาดผ่านทางอากาศที่หายใจ  ซึ่งตรงหน้ากากบริเวณจงอยปากนกนั้นจะยัดไว้ด้วยสมุนไพรชนิดต่างๆเพื่อกรองเชื้อโรคต่างๆในอากาศครับ** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 15:40:34

ความคิดเห็นที่ 11 มีหนังที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของช่วงเวลาในยุคนี้มาแนะนำครับ "Black Death" เป็นหนังแนวโกธิค(ยุคกลาง)จากอังกฤษนำแสดงโดย "Sean Bean" ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 15:42:31

ความคิดเห็นที่ 12 ***     "Black Death" เป็นเรื่องราวในช่วงที่กาฬโรคกำลังแพร่ระบาดอย่างในในยุโรป  ห้วงเวลานั้นเองกลับมีหมู่บ้านเล็กๆอยู่แห่งหนึ่งที่ปราศจากโรคร้ายมากร้ำกราย  โดยทางศาสนจักรเชื่อว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีแม่มดคอยปกป้องคุ้มครองอยู่  จึงได้ทำการจัดส่งอัศวินกลุ่มหนึ่งเดินทางไปยังหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อพิสูจน์ความจริงอันลึกลับดำมืดนี้ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 15:47:22

ความคิดเห็นที่ 13 Trailer ของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 15:48:44

ความคิดเห็นที่ 14 ทำไมกาฬโรคถึงผ่านไทยไปครับ จากคุณ : annalog เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 20:34:28

ความคิดเห็นที่ 15 ในจีนเองก็เช่นกันครับ กาฬโรคเริ่มระบาดอย่างหนักในจีนเหนือเมื่อราวๆปี ค.ศ. 1330 ครับ และแพร่ไปทั่วประเทศจีนในปี ค.ศ.1334 ครับ ก่อนจะหายไปราวๆ 10 ปี และกลับมาแพร่ระบาดอีกรอบในช่วงปี 1353-1354 ซึ่งทำให้ประชากรของจีนลดลงอย่างฮวบฮาบเลยหล่ะครับ เมื่อราชวงศ์หยวนขึ้นปกครองจงหยวนทั้งหมดใน ทศวรรษที่ 1280 นั้น จีนเหนือและใต้มีประชากรรวมกันราวๆ 100-110 ล้านคน สัดส่วนประชากรนั้น จีนเหนือมีประชากรสูสีกับจีนใต้ครับ แต่พอราชวงศ์หมิงขึ้นครองแผ่นดินในอีก 90 ปีต่อมา ประชากรจีนเหลือแค่ 55-60 ล้านคน จีนเหนือเหลือประชากรแค่ 1 ใน 4 ของจีนใต้ ประมาณกันว่าระหว่างการระบาดในปี 1350-1355 นั้น มณฑลเหอเป่ยเสียประชากรไป 90% จากโรคระบาด เหอนานเสียไป 70% และซานตงเสียประชากรไป 50% จากโรคระบาดครับ เช่นเดียวกับในจีนใต้ที่ประชากรลดลงไปราวๆ 1 ใน 3 เลยทีเดียว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 20:43:39

ความคิดเห็นที่ 16 เพราะฆ่าแมวนั่นเอง   เทพเจ้าแมวลงโทษ จากคุณ : music&lyric and cats เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 10:38:09

ความคิดเห็นที่ 17 บ้านเราเลี้ยงแมว + ประชากรอยู่กันอย่างกระจัดกระจายไม่แออัด(คนน้อยว่างั้นเหอะ) จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 11:31:15

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณ ท่านเจไดหนุ่มครับ ^^ จากคุณ : sillfai เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 14:12:22

ความคิดเห็นที่ 19 บ้านเราสมัยนั้นมีแต่ป่ากั้นอยู่ไม่ใช่รึ  มันจะมายังไงล่ะ จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 18:29:50

ความคิดเห็นที่ 20 นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนยุโรปมีระบียบวินัยและรับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อมในทุกวันนี้รึเปล่าครับ แนวคิดแบบธรรมชาติคัดเลือกน่ะครับ จากคุณ : deemakak เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 10:25:15

ความคิดเห็นที่ 21 กาฬโรคเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาณาจักรขอมอ่อนแอลงเช่นกันครับ เชื่อว่ามันระบาดมาถึงแถบนี้ด้วยนะ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 12:52:08