ความคิดเห็นที่ 1 จริงๆแล้ว อีจีส เน้นป้องกันภัยทางอากาศ หรือเปล่า คิดว่าถูกออกแบบมาเพื่อ ป้องกันภัยทางอากาศให้กองเรือบรรทุกเครื่องบิน เป็นหลัก  ไม่แน่ใจว่ากับเป้า ผิวน้ำและใต้น้ำ มันรวมอยู่ในระบบนี้หรือเปล่า ผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยครับ จากคุณ : แด่น้อง เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 09:14:15

ความคิดเห็นที่ 2 อีจีสระบบนี้สามารถตรวจหา, ติดตาม และทำลาย อาวุธที่ยิงมาจากทางอากาศ, ทางทะเล และทางบกคับ จากคุณ : ต้นเอง01 เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 09:51:41

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.youtube.com/watch?v=z_8cPfIosV8&feature=related vy   อัพเป็น ตัวนี้ แล้ว   เอจีส ไม่ต้องใช้ ละ... .. ระบบ ล้าหลัง  พวกนั้น แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 10:23:37 จากคุณ : prince n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 10:22:53

ความคิดเห็นที่ 4 เอจิสตัวไหนล่ะ ถ้าเป็นเรือไทคอนฯ มันก็แบกฮาร์พูนกับตอร์ปิโดมาด้วยนะครับ สู้กับเรือมิสไซท์ครุยเซอร์แท้ๆ รุ่นใหม่อาจไม่รอด เพาะเขาเน้นป้องกันภัยทางอากาศ แต่ก็ต้องดูว่าเรือประจันบานอัพเกรดน่ะ อัพแค่ไหน ถ้าอัพเป็นแบบฐานทัพลอยน้ำเหมือนคิรอฟ มันก็ไม่ไหวนะ เกราะก็หนา ยิงพวกซูปเปอร์สปีดมิสไซท์มาเป็นสาย เอจิสก็ร่วงเป็นเหมือนกัน จากคุณ : [STYX] บัตรผ่านยังโดนแบน เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 11:21:45 A:171.6.162.142 X: TicketID:267882

ความคิดเห็นที่ 5 ***    ความจริงแล้ว "Aegis"(เอจิส) ไม่ใช่ชื่อหรือระดับชั้นของเรือรบนะครับแต่มันเป็นชื่อเรียกของระบบอำนวยการรบอันแสนจะไฮเทคบนเรือ  เพียงแต่เรามักจะนิยมเรียกบรรดาเรือที่ติดระบบพวกนี้ให้จำได้ง่ายๆว่าเรือ "อีจิส" ครับ  โดยระบบ "เอจิส" นี้จะใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการประสานการทำงานของระบบเรดาห์ "AN/SPY-1" (รุ่นที่นิยมใช้กันคือ "AN/SPY-1D" ) ซึ่งเป็นระบบเรดา์ห์ที่ทันสมัยที่สุดของเรือรบในยุคปัจจุบันและบรรดาอาวุธปล่อยชนิดต่างๆบนเรือเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว       ทำให้เรือรบที่ติดตั้งระบบนี้มีหูตากว้างไกลกว่าเดิมและยังสามารถล็อคเป้าหมายได้เป็นร้อยๆเป้าในเวลาเดียวกัน(ถ้าติดตั้งรุ่นD)  ส่วนเรื่องระบบต่อต้านเรือดำน้ำนั้นสังเกตุได้ว่าในยุคปัจจุบันนี้เรือพิฆาตและลาดตระเวณของมะริกันและชาวยุ่นที่ใช้ระบบ "เอจิส" นั้นมักจะเลือกติดตั้งเจ้า "Rum-139 VL-ASROC" ซึ่งเป็นจรวดต่อต้านเรือดำน้ำที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งครับ "รูปบน"  เรดาห์แบบ "AN/SPY-1" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบเอจิส(แผ่นเหล็กทรงแปดเหลี่ยม)  โดยเรดาห์แบบนี้แม้จะมีระยะตรวจการณ์ที่ไกลกว่าและไม่มีการดีเลย์ของสัญญาณ  แต่ด้วยรัศมีตรวจการณ์ที่ไม่คลอบคลุม360องศาจึงต้องมีการติดตั้งเป็นจำนวนหลายตัวต่อเรือรบ1ลำ "รูปล่าง"  อาวุธปล่อยต่อต้านเรือดำน้ำ "Rum-139 VL-ASROC" หมัดเด็ดของเรือรบมะริกันในการปราบเรือดำน้ำ (May the Spoil be wuith you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 11:45:07

ความคิดเห็นที่ 6 ***    ส่วนใครที่ยังงงกับรูปแบบการทำงานของเรดาห์ชนิดนี้ให้ลองนึกถึงเรดาห์แบบหมุนวน360องศาในสมัยก่อนครับ  ซึ่งถ้าใครดูหนังสงครามของฝรั่งมามากมักจะเห็นว่าเรดาห์แบบวนๆสมัยก่อนนั้นเวลาส่งภาพขึ้นจอมันจะเป็นเข็มคล้ายนาฬิกาหมุนวนไปเรื่อยๆ  พอตรวจเจอวัตถุตรงไหนก็จะส่งเสียงปิ๊ปและปรากฏภาพของเป้าหมายขึ้นมาแว่บหนึ่งก่อนจะหายไปและต้องรอจนเข็มวนมาอีกทีจึงจะปรากฏเป้าหมายอีกครั้ง  แต่ระบบ "เอจิส" จะไม่เป็นเช่นนั้นเพราะสัญญาณเรดาห์จะแสดงบนหน้าจอแบบไม่มีการดีเลย์จึงทำให้สามารถจับตำแหน่งของเป้าหมายได้ตลอดเวลา      และที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือระบบนี้จะผสานการตรวจจับเป้าหมายและระบบปล่อยอาวุธเข้าด้วยกัน  ทำให้เรือรบสามารถยิงอาวุธปล่อยไปเผด็จศึกเป้าหมายด้วยความรวดเร็วและแม่นยำจากระยะไกล  และด้วยความสามารถในการล็อคเป้าได้เป็น100จุดในเวลาเดียวกันจึงสามารถโจมตีเป้าหมายจำนวนมากหรือสกัดกั้นอาวุธปล่อยจากฝ่ายข้าศึกได้ด้วย (ลองไปหาการ์ตูนเรื่อง "ซีปัง" มาอ่านแล้วจะเห็นถึงความเทพของระบบ "เอจิส" เมื่อต้องไปต่อกรกับกองทัพเรือมะริืกันในสมัยสงครามโลก ^_^) **มิไร V.S. เครื่องบินรบสมัยสงครามโลก** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 11:50:54

ความคิดเห็นที่ 7 **มิไร V.S. เรือบรรทุกเครื่องบินสมัยสงครามโลก** (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 11:53:38

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณคับ จากคุณ : ต้นเอง01 เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 14:38:44

ความคิดเห็นที่ 9 ในระยะโพ้นขอบฟ้า เรือประจัญบานอัพเกรดยังคงได้เปรียบ 1. เกราะที่ขีปนาวุธหลายชนิดยังเจาะไม่เข้า 2. ไม่ต้องกลัวตอร์ปิโดนำวิถี 3. ขนาดที่ใหญ่โตทำให้ติดอาวุธได้หลายอย่าง มากกว่าเรือเล็กหลายลำรวมกัน เหตุผลเดียวที่ทำให้เรือประจัญบานตกยุคคือ ค่าใช้จ่ายโดยรวมที่แพงจนแม้สหรัฐก็ยังรับไม่ไหว แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 14:51:32 จากคุณ : aunty36 เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 14:50:11

ความคิดเห็นที่ 10 ชอบเรื่องนี้ ดูสนุกดี แต่เคยดูแค่ตอนแรกเท่านั้น **มีข้อมูลที่น่าสนใจ AN/SPY-1D detection range = 200 NM (370.4km) ,Peak power =4 MWatt แต่ไม่มีข้อมูล ว่าเริ่มติดตามเป้าได้จริงที่เท่าไร และRCS เท่าไร ลองมาเปรียบเทียบเล่นๆ กับ Type H/LJG-346 Shipborne 3D Plate active  Array Radar (AESA) บนเรือชั้น 052C  มี Peak power =289.8 Watt เท่านั้น detection range =  147km ที่ RCS 0.008 ตรม. แน่นอน PESA ย่อมใช้พลังงานมากกว่า AESA แต่ไม่คิดห่างหันมากขนาดนี้ น่าสนใจตรงที่ว่า us ก้วหน้ามากในเรื่องระบบระบายความร้อน **พิมผิดครับ ขอบคุณที่ทัก แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 19:51:30 จากคุณ : Hongse_c เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 15:06:17

ความคิดเห็นที่ 11 400 MWatt เข้าใจผิดมังครับ นั่นมัน 1ใน 4 ของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่แล้ว ถ้าบีมใส่ หัวรบของมิสไซล์ พวกเรด้าห์โมโนพัลส์นี่พังได้เลย จากคุณ : อิๆ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 19:18:42 A:58.9.106.9 X: TicketID:365239

ความคิดเห็นที่ 12 มีรูปเกราะเรือ BB ไอโอวามาให้ดู หน่วยเป็น มิลลิเมตร จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 20:34:53

ความคิดเห็นที่ 13 นี่คือเกราะด้านข้าง จากคุณ : กาลามะชน เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 20:37:47

ความคิดเห็นที่ 14 ในเรื่อง ซีปัง มันมีข้อเสียอยุ่อย่างที่ทำให้ มิไรได้เปรียบ ช่วงต้นสงคราม คือวิทยการสมัยนั้นไม่สามารถจินตนาการได้ว่า เรือที่ตัวเองเจออยู่มีเขี้ยวเล็บอะไรบ้าง แบบเจอแต่ละช๊อตนี่กัปตันงงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่เคยเจอเทคโนโลยีอย่างนี้ พออเมริกาเริ่มวิเคราะห์และประเมินเทคโนโลยีได้ มิไรเริ่มโดนรุมกินโต๊ะก้อไปไม่รอดเมือนกัน จากคุณ : -sam- เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 12:00:10

ความคิดเห็นที่ 15 สงสัยในระบบ Agis ต้องใช้ระบบดาวเทียมช่วยหรือเปล่า เพราะในเรื่อง Battle ship ตอนเรือ Agis หลงเข้าไปในม่านบาเรียระบบเดี้ยงหมดเลย จากคุณ : ปีศาจValkyrie เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 07:22:47