ความคิดเห็นที่ 1 แถมด้วยข่าวงานเสวนาที่ผ่านมาที่จุฬาฯ ซึ่ง นสพ.สยามรัฐ กรุณาทำข่าวให้และตีพิมพ์ในฉบับประจำวันนี้ครับ (มี นสพ. กรุงเทพธุรกิจกับ นสพ. คมชัดลึก ไปทำข่าววันนั้นด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะได้ลงตีพิมพ์วันไหน) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:16:35

ความคิดเห็นที่ 2 หน้า 2 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:16:59

ความคิดเห็นที่ 3 หน้า 3 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:17:27

ความคิดเห็นที่ 4 ฝากคำถามครับ 1) สมัยก่อนที่ททท เข้าไปโปรโมท คนเฒ่าคนแก่ เห็นลูกไฟ วันอื่นได้ไหม ที่ไม่ใช่วันออกพรรษา 2) ลูกไฟขึ้นจากแม้น้ำโขงอย่างเดียว หรือ จาก ห้วยหนอง คลอง บึง บนฝั่งแผ่นดินได้ไหม 3) ใครนิยามว่า ลูกไฟนั้น มาจากพญานาค หรือมาจาก ปรากฏการณ์ธรรมชาติ 4) หากทฏษฏีเรื่องก๊าซมีเธน ตกไปแล้ว คุณหมอมนัสมีทฤษฏีอื่นอีกไหม 5) ขอฝากคุณหมอสัมภาษณ์คนที่เคยเห็นลูกไฟ ที่ไม่ใช่ กระสุนแสง บรรยายลักษณะที่เห็นด้วยตา หรือมีใครเคยถ่ายภาพไว้บ้าง  เป็นอย่างไรบ้าง ขอบคุณครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:49:07

ความคิดเห็นที่ 5 ...อาจารย์ต้องการบอดี้การ์ดคุ้มกันมั้ยครับ? กลัวว่าอาจไม่ได้กลับ... จากคุณ : gunpen2010 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:54:18

ความคิดเห็นที่ 6 #4 อันนี้ยอมรับว่าถามได้อย่างสร้างสรรค์จริง ๆ ซึ่งทุกฝ่ายควรจะตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ ดังนั้นขอให้กิฟต์ กระนั้น.... ก็ต้องแยกด้วยว่าส่วนไหนเป็นเรื่องเล่าต่อกันมา เรื่องเล่าจากพยาน และเรื่องเล่าที่มีหลักฐาน เพราะแต่ละอย่างความน่าเชื่อถือล้วนต่างกัน จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 16:55:10

ความคิดเห็นที่ 7 ปรากฎการณ์ธรรมชาติ  หรือ  กระสุนส่องแสง ขึ้นจากน้ำ  หรือ  ขึ้นจากฝั่ง ผมว่าอาจเป็นหลักจิตวิทยาง่ายๆในการวัดความเชื่อเดิมของผู้เขียนได้นะครับ  ดูว่าเค้าเอาประโยคไหนขึ้นก่อน สรุปว่าคนทำป้ายในหัวข้อกระทู้นี้  เชื่อกระสุนส่องแสงมากกว่าใช่มั้ยครับเนียะ ^_^ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 17:45:31

ความคิดเห็นที่ 8 นึกถึงหนังเรื่อง ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ เลย... ดร.เจษฯ แนวคิดเหมือนกับ ดร.หนวดยาวในหนังเลย ส่วนหมอมนัส ก็เหมือนกับหมอที่เป็นแฟนของพี่สาวพระเอกอ่ะครับ เหมือนอย่างไม่น่าเชื่อเลย !! (ไม่ใช่หน้าเหมือนดาราในหนังนะ แต่เนื้อเรื่องเหมือนกันมาก) เชียร์ๆ ด้วยคน..................... แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 17:57:13 จากคุณ : WinandBP เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 17:55:51

ความคิดเห็นที่ 9 ไปซะไกลเชียวแต่สนับสนุนนะแบบนี้เผื่อได้หลักฐานหรือประเด็นทฤษฏีใหม่ๆ ผู้ฟังที่สนใจจะได้ไปช่วยกันพิสูจน์ช่วยกันดูเผยแพร่เยอะๆหูตาที่มาช่วยดูก็จะเยอะขึ้น แต่ไปเสวนากันไกลเกิ้นมีคลิปมาลงเผื่อแผ่คนที่สนใจก็ดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 18:30:11 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 55 18:13:46 จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:01:03

ความคิดเห็นที่ 10 คห 8 เปรียบเทียบซะเห็นภาพเลย ฮะฮะ (หมดหล่อเลยเรา :-) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:04:54

ความคิดเห็นที่ 11 ใกลไปนิดนึง ถ้ามีคนอัพลง youtube ให้ดูก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะครับ จากคุณ : deepsnows เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:14:18

ความคิดเห็นที่ 12 'จารย์ ก็เข้าใจไปหาภาพมาแปะเทียบ จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 18:41:47 A:171.6.136.237 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 13 มองหาทางหนีทีไล่ไว้ด้วยนะครับ จากคุณ : suw เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:29:23

ความคิดเห็นที่ 14 อาจารย์ต้องทำอีกอย่างครับ คือทดสอบกระสุนส่องวิถีด้วยครับ  น่าจะไปขอความร่วมมือหน่วยทหารสักหน่วยให้ช่วย ทดสอบให้   ทดสอบในเวลากลางคืนนี่เหละ ตั้งกล้องถ่าย เปรียบเทียบกันให้เห็นๆไปเลย  ว่ามันชัดเจน  ว่ามันใช่ ถ้าผลสรุปออกมาตรงกัน ผมว่าทางเราจะมีน้ำหนักขึ้นอีกเยอะ เพราะตอนนี้หาต้นตอคนยิงปืนให้มาเป็นพยานไม่ได้ ไม่มีใครยอมรับ  แต่ถ้าเรามีน้ำหนักส่วนที่เราขอความร่วมมือจากหน่วยทหาร เรื่องกระสุนส่องวิถี มีหลักฐานภาพการทดสอบ คลิปวีดีโอ ที่เหมือนกันกับที่เกิดในฝั่งลาว  ถึงแม้ไม่มีคนที่ยิงในวันงานฝั่งลาวไปเป็นพยานด้วยก็ไม่สำคัญแล้วครับ   จะสามารถตอบโจทย์ รูปที่ถ่ายได้ทั้งหมดในรอบหลายๆปี  ว่าทำไมบั้งไฟเป็นสีแดงและพุ่งแนวตรง จากคุณ : หัวใจเดินทาง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 19:40:02

ความคิดเห็นที่ 15 ป้ายทำให้อาจารย์ตายใจ และก็กลัวอาจารย์จะไม่มามั้งครับ จากคุณ : surasakmu เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 21:01:01

ความคิดเห็นที่ 16 @4 ขอตอบเท่าที่ทราบ เพราะคุณปู่ผมเคยเป็นนายอำเภอโพนพิสัย และเคยเป็นผวจ.หนองคาย ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว (ถ้ายังอยู่น่าจะอายุประมาณ 85 ปีครับ) 1) สมัยก่อนที่ททท เข้าไปโปรโมท คนเฒ่าคนแก่ เห็นลูกไฟ วันอื่นได้ไหม ที่ไม่ใช่วันออกพรรษา -ปู่บอกว่าเห็นเฉพาะวันออกพรรษา เริ่มมีเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ตั้งแต่เป็นนายอำเภอโพนพิสัย (บ้านพักนายอำเภอติดแม่น้ำโขงตรงที่มีบั้งไฟพญานาคขึ้น) ก็เห็นตั้งแต่ตอนย้ายมา จนตอนเป็นผวจ. ก็มีปรากฎการณ์นี้ทุกปีครับ 2) ลูกไฟขึ้นจากแม้น้ำโขงอย่างเดียว หรือ จาก ห้วยหนอง คลอง บึง บนฝั่งแผ่นดินได้ไหม -สำหรับบริเวณนั้น มีแค่จากลำน้ำโขงเท่านั้น แต่ถ้าจังหวัดอื่นของประเทศไทยไม่ทราบครับ 3) ใครนิยามว่า ลูกไฟนั้น มาจากพญานาค หรือมาจาก ปรากฏการณ์ธรรมชาติ -ไม่ทราบครับ คุณปู่บอกว่าได้ยินเค้าเรียกบั้งไฟพญานาคมาแต่แรกครับ 4) หากทฏษฏีเรื่องก๊าซมีเธน ตกไปแล้ว คุณหมอมนัสมีทฤษฏีอื่นอีกไหม -ไม่ทราบครับ 5) ขอฝากคุณหมอสัมภาษณ์คนที่เคยเห็นลูกไฟ ที่ไม่ใช่ กระสุนแสง บรรยายลักษณะที่เห็นด้วยตา หรือมีใครเคยถ่ายภาพไว้บ้าง เป็นอย่างไรบ้าง -ไม่ทราบครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : venture จากคุณ : zenario เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 21:19:17

ความคิดเห็นที่ 17 ฝากจารย์ อย่าลืมร้องขอให้ทางโน้นเขา จัดทีมถ่ายของจริงมาด้วยนะ เขาจะรู้พื้นที่ดีกว่าเราไปทำเอง แล้วจารย์ อย่าไปฟันธงว่าไม่มีล่ะ สรุปเท่าที่มีหลักฐานสรุปได้ จริง ๆ อาจารย์รู้อยู่แล้วหละ แต่ผมขอย้ำหน่อยกลัวอาจารย์โดนยำ อันนี้เป็นห่วงจริงนะ ถึงแม้เราจะเถียงกันเรื่องนี้แต่ก็ไม่อยากเห็นความรุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้น ปล. เรืองศาสนานี่ฆ่ากันตายได้ง่าย ๆ เลยนะ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 23:09:42

ความคิดเห็นที่ 18 อีกอย่าง จากการที่ได้เถียง อาจารย์มาสองปี อะไรที่ไม่รู้ ต้องบอก ไม่รู้ อะไรที่ไม่มั่นใจ ต้องยอก ไม่มั่นใจ อย่ากลัวเสียฟอร์ม ไมมีใครรู้ไปทุกอย่างหรอก ด้วยความเป็นห่วง จริง ๆ นะ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 23:14:35

ความคิดเห็นที่ 19 เราไม่เคยไปดูอ่ะค่ะ แต่ขอเสนอไอเดียบ้างไรบ้าง ^^" หุหุ เท่าที่อ่าน ทำไมถึงคิดว่า การพิสูจน์ต้องใช้วิธีตั้งกล้องจับเท่านั้น?  และทำไมต้องพิสูจน์แค่ก๊าซมีเทน ไม่ได้เรียนวิทย์อ่ะ ไม่เชี่ยวชาญ ^^" ความเห็นส่วนตัวนะคะ  ในเมื่อมีคนเคยเห็นตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า ทำไมเราไม่สงสัยไว้ก่อนว่า "ของจริงอาจจะมี" การตั้งสมมติฐานบนความเชื่อว่า "อาจจะมี" สิ่งที่เรียกว่า บั้งไฟพญานาคนั้น ไม่ได้แปลว่ายอมรับว่ามีพญานาคพ่นออกมา แต่แค่เป็นสมมติฐานว่า น่าจะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่าง ที่ไม่ใช่พิสูจน์ไม่ได้ แต่แค่อาจจะพิสูจน์ไม่ถูกจุด เลยไม่เจอซักที สำหรับเรา การถ่ายภาพเป็นแค่ส่วนนึงที่พิสูจน์ได้ว่า "กระสุนส่องวิถี มีการยิงขึ้นจริง ในวันนั้น"   แต่เท่านี้ ก็ไม่ได้เป็นข้อลบล้าง หรือสนับสนุนใดๆเกี่ยวกับปรากฏการณ์จริงๆ มันยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีหรือไม่มี อย่างไรซักหน่อย ก่อนสรุปเรื่องของจริง หรือ ของปลอม มนุษย์ทำขึ้นมา เราว่ายังขาดตัวแปรอีกเยอะ เช่น ตัวแปรอีกหลายตัวที่เราสงสัยในกรณีนี้ (ไม่รู้มีคนเคยสงสัยหรือยัง) เรามาเริ่มจากข้อมูลของหลายๆคนที่เคยบอกว่าเห็น 1   ปรากฏการณ์นี้ มักเกิดขึ้นช่วงออกพรรษา (15ค่ำ เดือน 11)   2   เกืดที่แม่น้ำโขง   3   เกิดตอนไม่มีแสงอาทิตย์แล้ว จากข้อมูลด้านบน  ตัวแปรที่เราสงสัยได้คือ  ( ไม่รู้เคยมีใครลองพิสูจน์เพื่อจำกัดตัวแปรพวกนี้กันหรือยังนะคะ) 1   มีช่วงออกพรรษาสงสัยอะไรได้บ้าง เช่น 1.1   ปรากฏการณ์นี้ เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับอิทธิพลของดวงจันทร์ที่มีต่อแรงดึงดูดของโลกหรือไม่อย่างไร ? ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อน้ำขึ้นน้ำลงใช่ไหมคะ  แล้วมันมีผลหรือไม่   >> จากกรณีนี้ มีผู้เคยไปเฝ้าดูในวันขึ้น  15 ค่ำเดือนอื่นๆ เทียบกันดูหรือไม่   1.2   และถ้าเดือนอื่นไม่มีปรากฏการณ์นี้ ในวันขึ้น 15 ค่ำ ที่พระจันทร์เต็มดวง  งั้นอิทธิพลของฤดูกาลล่ะ  ส่งผลใดๆหรือไม่ >> อุณหภูมิริมฝั่งโขงในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอื่นๆ เหมือนหรือแตกต่างกับเดือน 11 ไทย หรือไม่อย่างไร ?   1.3   กระแสน้ำในช่วงวันออกพรรษา เหมือนหรือแตกต่างกับช่วงอื่นหรือไม่ ? 2   มีคนเห็นที่แม่น้ำโขง   สงสัยได้ว่า ... 2.1   ลักษณะดินใต้แม่น้ำโขง มีคนขุดเอาไปพิสูจน์ดูหรือไม่ ? (ขุดหลายๆจุดเทียบกันดู)  เทียบกับดินในแม่น้ำอื่นๆล่ะ ? (ปิง วัง ยม น่าน เจ้าพระยา) 2.2   นอกเหนือจากแม่น้ำโขง ในห้วยหนองที่อื่นๆแถวนั้น ที่มีคนบอกเคยเห็น  แล้วลักษณะดินใต้แม่น้ำนั้น เหมือนหรือต่างกันกับที่แม่น้ำโขงหรือไม่ ?   2.3   สารประกอบ ธาตุอะไรต่างๆในน้ำ ในแม่น้ำโขงล่ะ   ?  สารในน้ำในห้วยในหนองที่มีผู้เคยเห็นบั้งไฟฯล่ะ เหมือนกันหรือไม่? 3   เห็นเฉพาะเวลามืด   งั้นดวงอาทิตย์ คือแสงและความร้อน มีผลต่อสภาพน้ำ ดิน อุณหภูมิแถวนั้นหรือไม่ อย่างไร ? (ทำไมจังหวัดอื่นๆไม่มี  สิ่งเดียวที่ต่างกันของจังหวัดอื่นๆคือ อยู่คนละลักษณะภูมิประเทศ งั้นลักษณะภูมิประเทศเกี่ยวด้วยไหม? ) 4  อุณหภูมิของไทยในแต่ละปี สูงขึ้นหรือไม่ ? (เทียบกับสมัยปู่ย่า เมืองไทยร้อนขึ้นไหม)  ส่งผลต่อจำนวนการเกิดของบั้งไฟฯ ไหม ? และที่สงสัยอีกคือ ทำไมถึงคิดว่าต้องเป็นก๊าซ ซักชนิดหรือแค่ก๊าซเท่านั้นอ่ะค่ะ   มีพวกแบคทีเรียตระกูลไหน เรืองแสงในความมืดได้ไหมคะ มันอาจจะเกาะกลุ่มกันออกมาจากใต้ดิน จากนั้นก็แยกตัวกันออกไปในอากาศ และไม่ต้องเรืองแสงอีก เพราะมีแสงจันทร์อยู่แล้ว หรือแมลงตระกูลไหนซักตระกูลได้ไหมอ่ะคะ ที่มันอาจจะจำศีลอยู่ในโคลนใต้น้ำ  และเกาะกลุ่มกันออกมาเล่นแสงจันทร์ แค่สงสัยเล่นๆ ^^ อย่าไล่เราไปหาเองนะคะ ฮ่าๆๆ   แค่เสนอไว้เป็นไอเดีย เราสงสัยพวกนี้ เพราะเราสงสัยว่า ของจริงก็มี ของปลอมก็มี และปรากฏการณ์ที่รอการพิสูจน์นี้ ไม่น่าจะเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด อาจจะเป็นเรื่องของธรรมชาติที่รอการค้นพบ เพียงแค่ตัวแปรมันเยอะ และอาจจะขาดการเก็บข้อมูลแบบจริงๆจังๆ จากคุณ : น้องหมามินมิน เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:04:25

ความคิดเห็นที่ 20 เราเคย ไปดู ตอนเด็ก แบบ close up มันขึ้นมาจากผิวน้ำ  สงสัยมานับแต่บัดนั้นแต่ยังหาคำตอบไม่ได้ จากคุณ : unitbyunit เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:20:42

ความคิดเห็นที่ 21 พญานาคพิสูจน์ง่ายกว่า มีรอยเลื้่อยในบ้านร้างที่อยุธยานี่เค้ายังบอกเป็นรอยพญานาคด้วยเลย พญานาคนี่ก็แปลกนะ เวลาไม่มีคนเห็นชอบไปแอบเลื้อยบนบก พอถึงวันออกพรรษาก็จะรีบเลื้อยกลับแม่น้ำโขงไปยิงลูกไฟ เวลาแม่น้ำโขงแห้งแล้งก็น่าจะลองไปเดินตามที่มันเกิดพญานาค อยากรู้ว่าสรุปว่าคนเชื่อเนี่ยเชื่อว่าลูกไฟมันออกมาจากพญานาคที่ตัวมันยาวๆ หรือ มันเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติจริงๆ และมันก็แบ่งเป็นว่ามันคือ ปรากฎการณ์ธรรมชาติ หรือ กระสุนปืนที่พอจะมีหลักฐาน แต่จะให้ย้อนไปถามถึงเหตุการณ์สมัยก่อนยุคปู่ย่าตายาย ก็ไม่รู้จะไปพิสูจน์อย่างไร มีแต่คำบอกเล่า ทำได้แต่พิสูจน์แบบปัจจุบันไป ซึ่งพอจะหาสาเหตุได้บ้างก็จะย้อนกลับไปถามอีกถึงคำบอกเล่า ก็ยังงงๆที่ข่าวยังมานำเสนอรอยเลื้อยประหลาดต่างๆประจำ แล้วก็จะบอกเป็นรอยพญานาคปร จากคุณ : โดราลิบ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 01:42:52

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องนี้ไม่จบกันจริงๆ คนเชื่อก็เชื่อกันไป คุณพ่อรับราชการที่ทางภาคอีสาน ตั้งแต่ปี 2505 จนเสียชีวิต ปี 2534 ตอนเด็กๆ เคยขอให้ท่านพาไปดู บั้งไฟพญานาค ท่านบอกว่า ++แหกตา ++ ท่านไปดูมาหลายครั้งแล้ว ถ้าท่านยังมีชีวิต ตอนนี้ คง อายุ 81 ปี อ่ะ จากคุณ : UlingChi เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 03:51:44

ความคิดเห็นที่ 23 อาจารย์มีดวงเกี่ยวข้องอะไรกับอุบลฯหรือเปล่าครับเนียะ ตอนแรกว่าจะไปดูบั้งไฟอุบลฯ พอพลาดแล้วได้ไปเสวนาอุบลฯแทน ^_^ ว่าแต่ 3,000 พอค่าเครื่องบินมั้ยครับ ^_^ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 10:05:58

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณทุกความเห็นครับ กิฟหมดแล้ว เลยแจกไม่ได้ (โดยเฉพาะของคุณพี่ Ao+) คห 14 - การยิงกระสุนส่องวิถีพิสูจน์กันไปเลยเนี่ย ผมอยากทำมากครับ มันเหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ขาดอยู่ ที่ผ่านมาทั้งรายงานกระทรวงวิทย์ ทั้งรายการไอทีวี ทั้งของคุณหมอมนัสเองก็ไม่เคยยิงทดสอบกัน (มีแต่ทหารในพื้นที่อีสาน ออกมาอ้างว่าไม่เหมือนแน่ๆ) ... คิดว่าถ้าสถานการณ์เริ่มเป็นเรืองราวใหญ่โตขึ้น จนฝั่งโน้นทนไม่ไหว อาจจะมีคนออกมารับท้าเรื่องยิงกระสุนก็ได้ ... แต่ผมคงไม่บิวต์อารมณ์ขึ้นไปขนาดนั้นหรอกในเสวนานี้ ฮะฮะ กลัวโดนตื้บ คห 23 - คิดอยู่เหมือนกันเลย ค่าตั๋วเครื่องบินก็สามพันกว่าๆ ก็อารมณ์เดียวกับซื้อทริปไปดูบั้งไฟที่อุบลเลยเฮะ :-) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 10:19:21

ความคิดเห็นที่ 25 อย่าไว้ใจความทรงจำของตัวเองนะครับ - หลายครั้งที่เราเชื่อว่าเราเคยเห็น มันเป็นการบิดเบือนของความสมอง - เพราะสมองไม่ได้จำแบบเดียวกับคอมพิวเตอร์ มันสามารถบิดเบือนได้ จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 10:48:26

ความคิดเห็นที่ 26 ฝากพิจารณาเรื่องพวกนี้ด้วยครับ - ลาวเลือกใช้กระสุนส่องแสงฉลองวันออกพรรษาเพราะอะไร เช่น สวยงามดี หรือถูกกว่าซื้อพลุ ถ้าใช้แทนพลุทำไมต้องมายิงกระสุนส่องแสงเฉพาะแม่น้ำโขง งานอื่นๆเช่นลอยกระทง หรือเทศกาลอื่นเขาใช้กระสุนส่องแสงแทนพลุด้วยมั้ย ถ้าต้องการยิงเพื่อเฉลิมฉลองจริง ทำไมแต่ก่อนยิงน้อย แล้วเดี๋ยวนี้ยิงกันมากขึ้น ยิงกันเป็น 100-300 ลูก แม้แต่คนลาวอย่างคุณ august ก็ไม่รู้จักประเพณีนี้ กลับมีเพียงแค่คนยิงที่ต้องทำอย่างหลบๆซ่อนๆแล้วอ้างว่าทำเป็นประเพณีอยู่แล้ว - ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีกระสุนส่องแสงเขาเฉลิมฉลองกันอย่างไร - คนลาวรู้จักบั้งไฟพญานาคหรือไม่ (ก็เกิดที่แม่น้ำโขง คนไทยยังรู้จักกันมาตั้งหลายรุ่น คนลาวจะไม่รู้จักเลยเหรอ) ถ้าเป็นการเข้าใจผิดกันว่ากระสุนส่องแสงคือบั้งไฟพญานาค คนลาวเขาจะไม่บอกคนไทยให้รู้เลยเหรอ ขนาดคุณ august ไปพิสูจน์ปุ๊บยังมาบอกปั๊บเลย หรือเก็บเป้นความลับกันมาได้เป็นร้อยปีเชียวเหรอ ผมจึงมองว่าต้องมีการจงใจให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นบั้งไฟเพื่อค่าจ้าง หรือเพื่อแกล้งคนไทย(เหมือนแกล้งเป็นผีหลอกเพื่อน) เพื่อความสะใจ(ได้ยินเสียงเฮ) แต่คิดว่าน่าจะมาจากได้เงินมากกว่า เป็นไปได้น้อยที่จะลงทุนยิงฟรีๆเพียงเพื่อแกล้งได้ทุกปี - ถ้าหากว่าเป็นการจ้างกันจริง แปลว่าเลียนแบบจากของจริงที่มีอยู่ หรือว่าโกหกมาตั้งแต่แรกคือไม่เคยมีของจริงแล้วอุปโลกขึ้นมาว่านี่คือบั้งไฟพญานาค ? ถ้าพิจารณาจากคนลาวใช้ปืนอะไรยิง ปืน AKA ก็เพิ่งมีปี 2490 ประมาณ 50-60 ปีก่อน แล้วก่อนหน้านั้นใช้อะไร ? กระสุนส่องแสงแบบที่ส่องสว่างช้า (ตอนออกจากปากกระบอกยังไม่ลุกไหม้) มีมากี่ปีแล้ว ? แล้วที่บอกว่าบั้งไฟมีมาเป็นร้อยปี เขาเห็นอะไรก่อนหน้านี้ ในความเห็นผมน่าจะมาจากการเลียนแบบของจริง เพราะถ้าลาวรู้จักกระสุนส่องแสง ทหารไทยก็ต้องรู้จัก จะมาใช้สิ่งที่คนไทยรู้จักเพื่อหลอกว่ามหัศจรรย์คงเป็นได้ยาก แถมยังขึ้นตามห้วยหนองคลองบึง ไม่จำกัดเฉพาะแม่น้ำโขง (ที่คำชะโนดก็ขึ้น จากข้อมูลในเน็ตนะ) เขาคงไม่ลงทุนเดินทางมายิงในไทยหรอก - ดังนั้นถ้าเป็นการเลียนแบบของจริง แสดงว่าของจริงมีอยู่ ปัญหาคือ คณะคุณสมภพถ่ายไม่ติดของจริงเลยสักอัน เพราะอะไร เป็นไปได้หรือไม่ว่า 1. ตรงนั้นไม่มีบั้งไฟของแท้เลย 2. ทีมงานไม่รู้จักของจริง คนที่ไปดูก็ไม่รู้จักของจริง ก็เลยมุ่งไปสนใจกับกระสุนส่องแสงที่คิดว่าเป็นของจริงแทน (ที่บอกว่าเปิดหน้ากล้องไว้เมื่อมีแสงอะไรมาก็ต้องติดหมด อันนี้ผมไม่มีความรู้ ตกลงกล้องมันบันทึกเองหมดหรืออาศัยคนกด แล้วถ้าอาศัยคนกดแต่กดเฉพาะของปลอมขึ้น ของจริงไม่ได้กดเลย แม้จะถ่ายเป็น 2 พันภาพ แต่ไม่ถ่ายของจริงก็เปล่าประโยชน์) 3. บั้งไฟของจริงถ่ายไม่ติด (เพราะเท่าที่พยายามหาดูในเน็ตผมยังไม่เห็นลักษณะบั้งไฟของจริงเลย) ถ้าเช่นนั้นควรจะหาข้อมูลว่าบั้งไฟของแท้เป็นอย่างไร บางสถานที่บั้งไฟเป็นสีเขียวด้วยซ้ำเลยงงว่ามีหลายแบบ หรือของจริงอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจกันว่าต้องสีชมพูอมม่วง (แต่คิดว่าอาจเห็นหลายแบบเพราะมีคนยืนยันว่าเห็นสีชมพูอมม่วงขึ้นจากน้ำ) - ทำไมจึงไม่มีบั้งไฟของแท้เลยที่บริเวณนั้น ? อาจเป็นไปได้ว่าอยากให้คนมาเที่ยวอำเภอตัวเองทั้งที่อำเภอตัวเองไม่มีรึเปล่า ?? .... ถ้าจะถามกันจริงๆคงมีอีกมากมาย เอาเป็นว่าเรื่องรายละเอียดจะเป็นอย่างไรกันแน่ ใครมีข้อมูลก็เล่าสู่กันฟังหน่อย ทางที่ดีที่สุดตอนนี้คือ ร่วมกันคนละไม้คนละมือสำหรับผู้ที่เคยเห็นของจริง ยิ่งถ้าเคยเห็นแถวห้วยหนองคลองบึงฝั่งไทยที่ไม่มีคนลาวมายิงปืนแน่ๆยิ่งดี ใครอยู่ใกล้ที่ไหน หรือสะดวกไปที่ไหนก็ขอให้เก็บภาพ/อัดวิดีโอมา เพื่อยืนยันว่าของแท้มีอยู่ เพราะต่อไปถ้าหมดยุคของคนที่รู้จักของจริง ก็จะไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ จะเหลือแต่คนที่เข้าใจผิดว่ากระสุนส่องแสงเป็นบั้งไฟซึ่งก็จะไม่มีใครตามหาของจริงอีก บั้งไฟก็จะกลายเป็นเพียงตำนาน ปล. รบกวนฝากประชาสัมพันธ์กันด้วยนะครับ สำหรับผู้ที่เคยได้เห็นของจริง ช่วยตามหาบั้งไฟของจริงและเก็บหลักฐานมายืนยัน ถ้าพวกเราไม่ทำ ก็คงไม่มีใครทำได้แล้ว จะไปรอให้คณะคุณสมภพซึ่งไม่เคยเห็นของจริงและไม่เชื่อว่ามีของจริงเป็นผู้พิสูจน์คงไม่ได้หรอกนะครับ จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 10:51:57 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านของตัวเองแล้วงง สรุปเผื่อคนขี้เกียจอ่านหรืออ่านไม่เข้าใจ 1. ผมเชื่อว่าเป็นการรับจ้างมากที่สุด ถ้าเป็นประเพณีทำไมงานบุญอื่นไม่ทำ แล้วจำนวนมากขึ้นในยุคนี้เพราะอะไร ทำไมคนลาวอย่างคุณ august ไม่รู้จักประเพณีนี้ 2. จงใจทำเลียนแบบของจริง คือมีของจริงอยู่ก่อนแล้วทำเลียนแบบ (แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว คนเคยเห็นของจริงแยกแยะได้) คงต้องมีการไปสัมภาษณ์เชิงลึก แต่ถ้าเป็นการกระทำแบบไม่บริสุทธิ์ใจคงได้ข้อมูลจริงๆยาก ต้องอาศัยสร้างความสัมพันธ์ก่อน (ให้คนลาวอย่างคุณ august ไปถามน่าจะดีกว่า) ผมเชื่อว่ามีของจริงกับที่มนุษย์ทำขึ้นเพราะ 1. มีคนพบเห็นตามที่ต่างๆนอกจากที่แม่น้ำโขง 2. วันออกพรรษาของไทยจะมีบั้งไฟน้อยกว่าของลาว แสดงว่าคนลาวยังไม่ยิงก็เกิด 3. มีคนยืนยันว่าเห็นของจริง ซึ่งลักษณะต่างจากกระสุนส่องวิถี ซึ่งคงต้องอาศัยหลักฐานยืนยันจากผู้ที่เห็นของจริงอีกทีว่าของแท้เป็นอย่างไร หรือทีมงานควรต้องหาคนที่รู้จริงไปร่วมพิสูจน์ด้วย (ที่เฮๆกระสุนนั้นไม่ต้องก็ได้) จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 11:12:49 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 28 คำตอบของสารพัดคำถามข้างบน (อยู่ที่จะเปิดใจ ยอมฟังหรือเปล่า) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 11:30:03

ความคิดเห็นที่ 29 ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจจากคลิปข้างบน .... คำว่า บั้งไฟพญานาค นั้นอุปโลกกันขึ้นมาไม่กี่ปีนี้เอง จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 11:40:36

ความคิดเห็นที่ 30 ผมสรุปจากคลิปให้เลยละกัน ถ้าตกหล่นก็โปรดชี้แนะ (บางตอนอู้อี้ไม่มีซีบอีก) จากในคลิป (ในวงเล็บคือที่ผมตั้งข้อสังเกต) - บั้งไฟผีเกิดมากว่าร้อยปี แล้วมาเปลี่ยนชื่อเป็นบั้งไฟพญานาคในภายหลัง ซึ่งบอกว่า 4-5 ปีมันหายๆไป ผู้ว่าจึงอยากให้คนรู้จักโพนพิสัย อยากให้รู้จักบั้งไฟพญานาคอีกครั้ง - ถามผู้ชายคนหนึ่ง บอกว่า เขาเคยคิดว่าขึ้นทั่วแม่น้ำโขง แต่จริงๆมีแค่กุดบงถึงภูกระแต บางครั้งบั้งไฟพญานาคอาจจะขึ้นให้เห็นมากว่านี้ อยากให้คนมาดูด้วยความสงบ ดูด้วยความเคารพ (ตรงนี้ยังสงสัยเพราะน่าจะมีที่อื่นด้วย) - ลอยกระทงบูชาพญานาคกับพระพุทธองค์ แต่ประเพณีนี้กำลังจะหายไป เพราะคนเฒ่าคนแก่หายไป คนสมัยใมห่ไม่สนใจ ทางททท.ต้องลงทุนเรือไฟให้ลำละเป็นหมื่น - คนลาวบอกว่าไม่ได้หลอกลวงคนไทยแต่เป็นประเพณีที่ทำสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน (เขาคงบอกว่าผมกะจะหลอก ผมอยากได้ตังค์หรอกมั้ง ผมจึงอยากให้ไปสัมภาษณ์เชิงลึก อย่างที่ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเป็นประเพณีทำไมจึงมีมากขึ้นกว่าเดิมในไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือเพียงเพราะเอาใจคนไทย ได้ยินเสียงเฮแล้วเป้นกำลังใจ) - สัมภาษณ์คนที่เคยเห็น +เด็กผู้หญิงไทยบอกเป็นดวงไฟขึ้นจากน้ำ ลูกไฟสีแดง +ชายไทยคนหนึ่งพ่อแม่ก็พามานั่งดู ขึ้นจากริมโขงครั้งละ 1-2 ลูก ไม่ใช่เป็นฝูงแบบปัจจุบัน แต่ก่อนไม่สูงขนาดนี้ ยอดโพธิ์เท่านั้นแหละ +นักวิทยาศาสตร์จากขอนแก่นบอกขึ้นเป็นแนวตรง ถ้าถ่ายด้วยกล้องอินฟราเรดจะเห็นควัน +ส่วนคนลาวที่ไปสัมภาษณ์บอกว่าไม่เคยเห็นมีแต่เพื่อนบอก ที่เขาเห็นมีแต่ขึ้นสูงๆซึ่งไม่ได้ขึ้นจากน้ำ แต่เขาเห็นแค่ลูกปืน (ทำไมไม่ไปสัมภาษณ์เพื่อนที่เคยเห็นก็ไม่รู้) + หัวหน้าทหารบ้าน ยิงมานานแล้ว หลายปีแล้วยิงตั้งแต่เขาเกิด ปืนคาร์บินก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นปืนอาก้า บูชาออกพรรษา (ปืนคาร์บินนี่ก็เพิ่งมีไม่ถึง 50 ปีไม่ใช่เหรอ??) มีแต่กลุ่มเขายิง(น่าจะหมายถึงทหาร) ทุกหมู่บ้านยิงหมด ส่วนใหญ่บนบกน้อยเพราะจะเก็บไว้ยิงบนเรือตอนไหลเรือไฟ(แล้วทำไมคุณสมภพไม่เห็นจากเรือเลย??) - สัมภาษณ์คนไทยอีกครั้งบอกว่าขึ้นจากหนองน้ำหรือปลักควายก็มี ไม่สูงมากประมาณไม่เกินยอดไม้ สรุป - ผมยังเห็นข้อมูลขัดแย้ง และก็ยังค้างคาใจอยู่ดีว่า 1. เดิมมีของจริงอยู่ แต่ปัจจุบันมีลักษณะแตกต่างไป ปัจจุบันที่เห็นจึงเป็นลูกกระสุนส่องแสง คำถามคือ - ถ้าลาวยิงมานานแล้ว ทำไมบั้งไฟที่เห็นในอดีตกับปัจจุบันจึงต่างกัน ไม่ใช่แค่จำนวน แต่ลักษณธก็ต่างกัน หรือปืนคาร์บินยิงได้ไกลแค่ยอดไม้ - อธิบายเรื่องที่บั้งไฟเกิดที่บริเวณอื่น(ไม่มีคนลาวยิง)ยังไง 2. ถ้าคนลาวชอบยิงตอนไหลเรือไฟ ทำไมคุณวมภพถ่ายมามีแต่จากป่า 3. ถ้าทำกันเป็นประเพณีมานานแล้ว การเลือกใช้กระสุนส่องแสงเพราะมันสวยดีแค่นั้นหรือ ทำไมงานบุญอื่นไม่มีหรือเพราะให้ความสำคัญกับออกพรรษา แล้วทำไมปัจจุบันยิงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า (หรือจงใจให้เกิดการเข้าใจผิดกันแน่ ซึ่งเขาคงไม่เปิดเผยง่ายๆ) 4. ปัจจุบันไม่มีบั้งไฟของแท้แล้วหรือ หรือท่านอื่นเห็นยังไง เพราะผมก็ไม่รู้จะเชื่อคนลาวหรือเชื่อคนไทยดี จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:30:08 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านไปอ่านมา ผมว่าตัวแปรที่สำคัญอีกตัวแปรหนึ่งคือคนลาวครับ น่าจะมีการพูดคุยซักถามสักหน่อย เค้ารู้สึกยังไง ทำไมคนลาวไม่เห็นตื่นเต้นกับลูกไฟเหล่านี้เลย (ผมทะเลาะกะแฟนไปเรียบร้อยแล้วเรื่องนี้) จากคุณ : LedZepp เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:32:00

ความคิดเห็นที่ 32 - จริงๆยังมีเรื่องที่ต้องพิจารณาอยู่หลายเรื่อง 1. ความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้ให้ข้อมูล 2. การเปลี่ยนชื่อไม่ได้แปลว่าอุปโลกเสมอไป เขาอาจไปผูกโยงกับบั้งไฟพญานาคที่มีอยู่เดิม แต่ไปสร้างความเข้าใจผิดว่าลูกกระสุนส่องแสงคือบั้งไฟเพราะขึ้นเยอะดี ต่างกับของจริงหาดูยาก 3. ขนาดททท.ยังต้องการอนุรักษ์ประเพณีไหลเรือไฟ ถึงกับลงทุนลำละหมื่น แล้วยิงกระสุนนี่จะเป็นการจ้างให้เลียนแบบหรือไม่ (มีใครอยู่วงในททท.พอจะรู้เบื้องลึกบ้าง) 4. อะไรทำให้บั้งไฟแบบเดิมหายไป (แต่ผมไม่คิดว่าหายไปทั้งหมดหรอก ยังไงก็จะตามหาของจริงให้พบ) จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:39:54 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 33 จากคลิปคนลาวที่เขาเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาคก็มี แต่เขาไม่ได้มาเฮลูกกระสุนแบบคนไทยครับ จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:41:05 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนใหญ่บนบกน้อยเพราะจะเก็บไว้ยิงบนเรือตอนไหลเรือไฟ(แล้วทำไมคุณสมภพไม่เห็นจากเรือเลย??) - บั้งไฟกระสุน ขึ้นจากเรือไฟ ถ่ายจากฝั่งลาว จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:41:38

ความคิดเห็นที่ 35 เคยพูดไว้แล้วอีกเหมือนกัน -------------------------- ความคิดเห็นที่ 29     คห 24 ผมว่าต้องแยกแยะระหว่างบั้งไฟที่ขี้นเพราะกระสุนส่องวิถีที่คนลาวแต่ละหมู่บ้านเค้ายิงกันตามประเพณี ไม่กี่ลูกเท่าที่หามาได้ (ไม่แพงหรอกครับ) กับกระสุนส่องวิถีที่ใครก็ไม่รู้ยิง ยิงทีเป็นหลายสิบลูกถึงร้อยลูก และก็อาจจะยิงเพราะมีเจตนาแอบแฝง (ก็ยังไม่แพงหรอกครับ ถ้าคิดถึงผลประโยชน์ที่ได้ตามมา) สังเกตมั้ยครับว่า หลายปีก่อนคนจะไปดูบั้งไฟ ต้องไปดูที่อำเภอโพนพิสัย ขึ้นมาหลายร้อยลูกเลย ตามที่ ททท. ไปจัดงานโปรโมต แล้วไม่กี่ปีนี้ อยู่ๆ จำนวนลูกไฟก็น้อยลงเหลือไม่กี่ลูกต่อคืน ขณะที่ ททท. ย้ายมาโปรโมตที่ อ.รัตนวาปีแทน ซึ่งคราวนี้ที่รัตนวาปีกลับกลายเป็นที่ที่มีลูกไฟขึ้นมากเป็นร้อยๆ ลูกต่อคืน ทิ้งประเด็นให้ถกเถียงกันต่อในสังคมนะ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 15:07:21   ถูกใจ : sao_in_bkk, Milky Power, ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:44:30

ความคิดเห็นที่ 36 ตกลงอาจารย์คิดว่ามีบั้งไฟของจริงหรือไม่ครับ หรือที่ผ่านมาร้อยกว่าปีเป็นฝีมือมนุษย์ทั้งหมด จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:48:51 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 37 คำสรุปสำหรับปีนี้ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:57:10

ความคิดเห็นที่ 38 คำเกริ่นสำหรับอนาคต จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:58:26

ความคิดเห็นที่ 39 ปืนคาร์บินที่มีประจำการในลาว คือ M1 Carbine มีใช้ 74,587 กระบอก (http://th.wikipedia.org/wiki/กองทัพประชาชนลาว) ปืน M1 Carbine มีประจำการในอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1942–1973 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:13:46

ความคิดเห็นที่ 40 ตารางที่อาจารย์นำมาให้ดูก้น่าสนใจ เพราะจากคลิป itv หัวหน้าทหารคนลาวบอกว่าเขายิงปืนกันทุกหมู่บ้านตลอดแม่น้ำโขง แล้วทำไมบางที่บางปีมี บางปีไม่มี ตารางผิดหรือคนพูดไม่จริง ?? จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:16:07 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 41 เรื่องปืนคาร์บินนั้นระยะยิงต่างจาก AK มั้ยครับ ถ้าระยะยิงต่ำแค่ถึงปลายไม้ก็อาจอธิบายสิ่งที่คนเขาเห็นลูกไฟสมัยก่อนได้ ปล. ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ แล้วกระสุนส่องแสงแบบส่องสว่างช้านี่มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:19:23 A:110.77.213.147 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 42 จากวิกิพีเดีย http://th.wikipedia.org/wiki/กระสุนส่องวิถี กระสุนส่องวิถีคือกระสุนชนิดพิเศษที่ฐานใต้หัวกระสุนถูกดัดแปลงให้รองรับสารเคมีที่ก่อให้เกิดประกายไฟ สารเคมีจะลุกไหม้ทำให้เกิดแสงจ้าเมื่อกระสุนถูกยิงออกไป ทำให้ผู้ยิงรู้ถึงวิถีกระสุน ว่ากระทบกับเป้าหมายหรือไม่ เพื่อปรับการเล็งให้เที่ยงตรง โดยทั่วไปแล้วกระสุนส่องวิถีจะถูกบรรจุแทรกกับกับกระสุนทั่วไปทุกๆ สี่ถึงหกนัด เพื่อทำการส่องวิถีในการรบเวลากลางคืน แต่บางครั้งหัวหน้าชุดยิงอาจจะบรรจุกระสุนส่องวิถีทั้งซองเพื่อชี้เป้าให้สมาชิกชุดยิงคนอื่นๆ ทำการระดมยิงใส่เป้าหมาย คนที่ถูกกระสุนส่องวิถียิงใส่จะเห็นว่ากระสุนแล่นมาด้วยความเร็วต่ำจากระยะไกล แต่เมื่อกระสุนแล่นเข้ามาใกล้ขึ้น ก็ดูเหมือนว่าความเร็วของกระสุนจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม มุมมองของผู้ถูกยิงนั้นเป็นภาพลวงตา สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ผลิตกระสุนส่องวิถีขึ้นมาใน ค.ศ. 1915 โดยกระสุนดังกล่าวเป็นกระสุนขนาด .303 ที่ถูกดัดแปลงให้สามารถส่องวิถีได้[2] ต่อมาสหรัฐอเมริกาก็ผลิตกระสุนส่องวิถีขึ้นเช่นเดียวกันในปี 1917 โดยกระสุนมีขนาด 30-06[3] ----------------------------- ราคากระสุนส่องวิถีสำหรับปืนอาร์กา 10 นัด 450 บาท (จาก http://www.firequest.com/tracer-ammo.html ) ----------------------------- ปล. ปืนอะไรก็ยิงกระสุนส่องวิถีได้ เพราะเอากระสุนปรกติมาทำ แต่ถ้าอยากได้ลูกไฟลูกใหญ่ๆ ก็ต้องใช้กระสุนอาร์กานี่แหล่ะใหญ่ดี ขึ้นไปได้สูง ถ้าของปืนสั้นปืนพก มันก็ลูกเล็ก ขึ้นไปได้ไม่สูง -------------------------------- Q: หัวหน้าทหารคนลาวบอกว่าเขายิงปืนกันทุกหมู่บ้านตลอดแม่น้ำโขง แล้วทำไมบางที่บางปีมี บางปีไม่มี A: กระสุนส่องวิถีที่คนลาวแต่ละหมู่บ้าน เค้ายิงกันตามประเพณี ไม่กี่ลูกเท่าที่หามาได้ (หรือหาไม่ได้ในปีนั้นๆ ) แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 13:48:49 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:46:55

ความคิดเห็นที่ 43 ผมจะ ติดต่อ คุณ ตาดำดำ ได้ไงครับเนื่ย พอดีมีข้อมูลบางอย่างจะแจ้งให้คุณทราบครับผม จากคุณ : N-Alchemy เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 14:02:58

ความคิดเห็นที่ 44 - ถ้ากระสุนส่องวิถีเริ่มมีในปี 1915 (ที่สว่างช้าอาจมีหลังกว่านั้นอีก) ต่อให้ M1 Carbine ผลิตตั้งแต่ 1942 ก็คงแค่ยิงกระสุนธรรมดา แล้วจะตอบคำถามเรื่องคนเห้นมากว่าร้อยปีได้ยังไง ปล. ติดต่อเรื่องอะไรครับ แปะ mail ไว้ละกัน จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:12:38 A:110.77.212.141 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าหัวหน้าทหารลาวไม่โกหก ผมว่าอาจเป็นวิธีการถามซึ่งผู้สัมภาษณ์เหมือนถามนำ แทนที่จะใช้คำถามปลายเปิด แถมยังเดินไปถามไป คนลาวก็เหมือนตอบแบบตัดรำคาญ ความน่าเชื่อถือข้อมูลเลยต่ำ ผมจึงอยากให้มีการไปสัมภาษณ์เชิงลึกซ้ำอีกครั้ง จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:16:54 A:110.77.212.141 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าไม่มีบันทึกเป็นเอกสารในพงศาวดารใดๆ เลยอย่างกรณีลูกไฟลึกลับนี้ ก็พิจารณาเชื่อตามได้ยากว่าเห็นกันมาเป็นร้อยปีจริง หรือพูดขยายกันปากต่อไปปากไปเรื่อยๆ อาจจะนับว่าแย่กว่ากรณีที่มีประจักษ์พยานมากมายที่บอกว่าเคยเจอสัตว์ประหลาดเนสซี่ที่ทะเลสาบล็อกเนส แถมมีเขียนไว้ในเอกสารบันทึกตั้งหลายร้อยปีก่อนเป็นทางการด้วย ... แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีสัตว์ประหลาดนี้จริง จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:31:14

ความคิดเห็นที่ 47 ต่อให้มีพงศาวดารอาจารย์ก็ไม่เชื่ออยู่ดีนั่นแหละ ขนาดพระไตรปิฎกอาจารย์ยังไม่เชื่อเลย ปล. ไม่เป็นไรผมก็เคยเป็นแบบอาจารย์มาก่อนเลยเข้าใจ เอาเป็นว่าแค่มาเตือนว่าอย่าสรุปอะไรเกินจริง อย่าเลือกเชื่อเพราะสิ่งนั้นตรงกับความคิดตัวเอง ความจริงยังไงก็เป็นความจริงวันยังค่ำ แค่ต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ ผมเชื่อมั่นอย่างงั้นนะ จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:40:19 A:110.77.212.141 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 48 ทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยนะ ห้องเนี๊ย!! จากคุณ : Jao_Nok_Noi เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:44:29

ความคิดเห็นที่ 49 ลงมือเลยครับลงมือ คนแรกที่พิสูจน์ได้ว่าบั้งไฟพญานาคของจริง "ยัง" มีอยู่จริง น่าจะได้รับการยกย่องอย่างสูงจากสังคมไทย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 16:56:50

ความคิดเห็นที่ 50 ประวัติศาสตร์ไทยไม่มี ไม่ว่ากัน  หากคนไทยไม่ค่อยจดบันทึก แต่ทราบใช่มั้ย  ว่าฝรั่งเศสรุกรานแม่น้ำโขงมาก่อนปู่ย่าตายายจะเกิดเสียอีก ? แล้วการที่คนลาวรู้จักกระสุนส่องแสงมากกว่าคนไทย  เกี่ยวกับการเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสหรือเปล่าครับ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 17:47:11

ความคิดเห็นที่ 51 ก็กระสุนส่องแสงมีมาภายหลัง(นอกจากใช้กระสุนส่องวิถีจากปืนใหญ่ ซึ่งไม่รู้เหมือนมั้ย) คนที่เห็นบั้งไฟแต่ก่อนก็บอกว่าจะกลายเป็นลูกไฟเมื่อขึ้นมาเหนือผิวน้ำระยะหนึ่ง ซึ่งตรงกับกระสุนชนิดส่องสว่างช้า ดังนั้นผมว่าก็น่าจะสัก 50 ปีนั่นแหละที่เริ่มใช้กระสุนส่องแสงกัน ก่อนหน้านั้นอาจยิงกระสุนธรรมดา หรือไม่มีการยิงมาก่อน ไม่ทราบเหมือนกัน จึงอยากให้ไปถามให้ชัวร์ (ลองสอบถามหลายๆคนว่าข้อมูลตรงกันหรือไม่) ปัญหาคือ - หัวหน้าทหารนั้นโกหกว่ายิ่งกันมาหลายรุ่นแล้ว หรือคนไทยโกหกว่าเห็นกันมาเป็นร้อยๆปีแล้ว จะเชื่อใครดี จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:08:01 A:110.77.212.141 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 52 การถามเริ่มจากสร้างความสัมพันธ์ ใช้คำถามปลายเปิด หาสถานที่คุยกันให้เป็นกิจลักษณะ ... หาพฤติการณ์ เหตุจูงใจที่เขายิงกระสุนส่องแสง (ถ้าบอกแค่สวยดี ผมว่างานบุญอื่นก็น่าจะยิง แต่ถ้าต้องการให้ความสำคัญกับวันออกพรรษาเป็นพิเศษก็น่าจะมีเหตุผล เพราะยิงตรงกันทุกหมู่บ้านเลย จะบังเอิญเลือกตรงกันเลยเหรอ) อาจใช้คำถามเจาะลึกในช่วงหลัง เช่น - รู้รึเปล่าว่าคนไทยคิดว่ากระสุนส่องแสงที่เขายิงเป็นบั้งไฟพญานาค - ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดรึเปล่า - มีใครมาติดต่อให้ยิงหรือไม่ - ทำไมช่วงหลังจึงยิงมากขึ้น .... ปล. จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เจอหน้ากันครั้งแรกจะไปถามอะไรได้ขนาดนั้น จึงต้องอาศัยการสร้างความสัมพันธ์และคนถามต้องมีไหวพริบในการพิจารณาว่าคำตอบนั้นน่าเชื่อถือแค่ไหน จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:24:06 A:110.77.212.141 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 53 จริงๆก็ต้องถามคนไทยในพื้นที่ว่ารู้มาก่อนรึเปล่าว่าคนลาวยิงกระสุนส่องแสง (ก็ในเมื่อถ้าเขาทำเป็นประเพณีจริง แต่ละหมู่บ้านก็ทำเหมือนๆกันไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหน แล้วทำไมไทยเราอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงไม่รู้ไม่เห็นมาหลายทศวรรษ) หรือจริงๆคนในพื้นที่ก็รู้ว่าลาวยิง แต่เขาแยกได้ว่าของจริงกับกระสุนต่างกันยังไง (จากในคลิปที่บอกว่าบั้งไฟสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกัน เขาคิดว่าเป็นเพราะอะไรถึงต่าง รู้ว่ามีการยิงกระสุนส่องแสงรึเปล่า) จริงๆเริ่มจากคนไทยกันเองดีกว่านะ (แต่ไม่มีเพื่อนอยู่หนองคาย ฝากใครไปถามที) ปล. มีหลายกระทู้เหลือเกิน ตกลงกระทู้ไหนคือกระทู้วางแผนพิสูจน์เนี่ย - -" จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:46:03 A:110.77.212.141 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบคุณ ตาดำดำ mail ผมนะครับ noteibanez@hotmail.com ผมคนในพื้นที่ ครับ คือไม่ได้มีความเอนเอียงไปทางเหตุผลฝ่ายไหนนะครับ จากคุณ : N-Alchemy เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 18:53:07

ความคิดเห็นที่ 55 เย้ มีคนในพื้นที่ด้วย - ไม่ทราบรู้มาก่อนมั้ยครับว่าคนลาวเขายิงกระสุนส่องแสงกันมานานแล้ว - ปัจจุบันยังมีผู้พบเห็นบั้งไฟของจริงมั้ย - พอจะบอกสถานที่ที่พบเห็นบ้างมั้ย - ลักษณะของจริงมีกี่แบบกันแน่ครับ จากคุณ : ตาดำดำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 19:06:48 A:110.77.212.141 X: TicketID:381061

ความคิดเห็นที่ 56 อาจารย์แน่ใจเหรอครับ ว่า #37 เป็นการสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง ? สำหรับงานด้านผม (Machine Learning) เราจะสรุปว่า ตัวอย่างที่เราเรียนรู้จำนวน n ตัวอย่าง  สมมุติฐาน H จะมี Probability ที่จะผิดพลาดไม่เกิน e% อยู่อย่างต่ำ delta ค่าเหล่านี้ต้องคำนวณตามทฤษฎี http://en.wikipedia.org/wiki/Probably_approximately_correct_learning ขอดูการคำนวณอาจารย์หน่อยครับ ว่า delta=99.99% มาอย่างไร นิยามต่างๆมาแบบไหน แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 55 10:23:27 จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 10:18:15

ความคิดเห็นที่ 57 ไม่ได้อ้างอิงสถิติใดๆ ครับ และก็ไม่ใช่การสรุปผลการวิจัยเพื่อตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการใดๆ ด้วย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 11:06:55

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ได้เอาไว้ตีพิมพ์ แต่เอาไว้ออกข่าว อิอิ จากคุณ : คุณปลาไฮโซ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 11:41:14 A:49.49.14.142 X: TicketID:340620

ความคิดเห็นที่ 59 ผมอีกคนที่คิดว่าเป็นกระสุนส่องแสงชัวร์ อิอิ จากคุณ : ข้าน้อยด้อยประสบการณ์ (ข้าน้อยด้อยประสบการณ์) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 15:27:26

ความคิดเห็นที่ 60 ว้ายยยย ไม่ได้ตีพิมพ์ ไม่ใช้สถิติ อ้าง 99.99% ตามใจ ไม่ได้ตีพิมพ์ ไม่ใช้สถิติ อ้าง 99.99% ตามใจ ไม่ได้ตีพิมพ์ ไม่ใช้สถิติ อ้าง 99.99% ตามใจ .... ไม่ได้ตีพิมพ์ ไม่ใช้สถิติ อ้าง 99.99% ตามใจ ว้ายยยย จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 20:31:02

ความคิดเห็นที่ 61 #56 ที่อ้างมันไม่ใช่ delta นะครับ ถ้าจะอ้าง delta ต้องบอกว่า "ลูกไฟทั้งหมดที่ดูเป็นคนยิง" ด้วยความมั่นใจ 99.99% มันคือ Hypnosis Test (ทดสอบสมมติฐานว่าลูกไฟเกิดจากคนยิง) บน อัลฟ่า (ค่าความมั่นใจ) ค่าหนึ่ง แต่อันนี้บอกว่า 99.99% ของลูกไฟที่ดู น่าจะเป็นคนยิง ถ้าใช้คำว่าน่าจะ ก็ยังไม่ใช่ hypnosis test ครับ แถมยังไม่ได้บอกด้วยว่า "ทั้งหมด" คือไม่ได้ inductive จากข้อมูล sample ไปสู่ข้อมูลประชากร ไอ้ที่คุณว่ามามันไม่ได้เกี่ยวครับ จริงๆ ผมก็เห็นว่าตรงนี้อาจารย์เจษใช้ประโยคได้น่าเข้าใจผิดอยู่และไม่ค่อยเหมาะเหมือนกัน แต่ถ้าคุณไม่แขวะใน #60 ผมคงอยู่เงียบๆ ละ ถ้าจะเล่นแบบเอาคำต่อคำแล้วเล่นตัวบุคคล ผมก็ต้องบอกว่าถ้าคำต่อคำจริงๆ ก็ไม่ได้ผิดครับ ถึงแม้คำพูดจะชวนเข้าใจผิดอยู่บ้าง จากคุณ : Mariel เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 12:13:07

ความคิดเห็นที่ 62 สงสัยต้องลุยกันเองแล้วหละครับ งานนี้ อย่างๆเราก็สามารถทำได้ ไม่แพ้ นักวิทย์หรอกครับ เรียนวิทย์มา หรือ ไม่ได้เรียนหนังสือ ก็สามารถช่วยกันได้ กี่ปีก็ไม่สาย ไม่อยากดัง แต่อยากหาความจริง(ไม่ใช่แต่เรื่องบั้งไฟพญานาคนะครับ เรื่องอื่นก็ทำได้) อย่างน้อยก็กล้าบอกคนรุ่นหลังได้ว่า ความจริงมันคืออะไร จากคุณ : N-Alchemy เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 12:18:05

ความคิดเห็นที่ 63 #61 คุณพูดถูกครับ  แต่ว่าไม่ตรงประเด็น เพราะประเด็นที่ผมถามคือ ความคิดเห็นที่ 56 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน อาจารย์แน่ใจเหรอครับ ว่า #37 เป็นการสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง ? ทั้งหมดการคำนวณให้ดูเนี่ย เพื่อจะบอกว่าการจะพูดว่า 99.99% จะต้องมีการคำนวณทางสถิติมา  (ซึ่งในวิชาของผมคือใช้สูตรแบบนั้น แต่ในกรณีนี้ผมไม่รู้ เพราะไม่ใช่แนวตรง และผมไม่ใช่ดอกเตอร์)   ถูกของคุณครับ มันมีคำว่าน่าจะอยู่ในประโยค แต่ถ้าเช่นนั้นควรมี 99.99% ไม้  คุณเองก็รู้ดี คนพูดระดับ ดอกเตอร์นะครับ  ถ้าเป็นคนทั่วไปผมจะไม่ล้อเลย คนอ่านคนอื่นจะตัดสินเองครับ ว่าผมล้อไปเนี่ย  สมควรไม้  ไม่คำนวณมา พูดว่าน่าจะ แล้วใส่ 99.99% จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:34:45

ความคิดเห็นที่ 64 ผมว่าคุณคิดมากเกินไปครับ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 21:49:54

ความคิดเห็นที่ 65 ถ้าคุณ szworker คิดมาก ก็แสดงว่าอาจารย์คิดน้อยไปหรือเปล่าครับ ความจริงถ้าหากอาจารย์จำกัดขอบเขตสถานที่และเวลาให้ชัดเจน แทนที่จะบอกกว้างๆ ว่านี่คือที่ไปดูกัน แต่ไม่บอกว่าที่ไหน มัน ทำให้เข้าใจผิดได้ว่าหมายถึงริมฝั่งน้ำโขงทั่วทุกหนทุกแห่ง หรือถ้าหากเป็นการจั่วหัวจึงไม่ลงรายละเอียด ก็เข้าใจได้ แต่ถ้าจำกัดไว้สักนิดว่าจากที่ไปสำรวจมา ที่ไปดูมา ที่ไปถ่ายรูปมา (ที่ไหน บ้างค่อยลงรายละเอียดในงานเสวนาก็ได้ ไม่ว่ากัน) แล้วอาจารย์จะใช้ตัวเลข 100% เลย ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ แต่นี่บอกว่าที่ไปดูกัน... มันก็เหมือนเหมากลายๆ แล้วว่า ที่ตรงไหนๆ ก็จะเป็นแบบนี้นั่นแหละ แถมยังมี "น่าจะ" อีก ผมมาอ่านดูอีกทีก็เห็นอย่างที่คุณ szworker ว่า มีตัวเลขแล้วทำไมต้องมี "น่าจะ" อีก เหมือนอยากสรุปแต่ไม่ กล้าสรุปยังไงก็ไม่รู้ ระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่น่าใช้คำสรุปคลุมเครือแบบนี้ ก็อย่างที่คุณ szworker ว่า ถ้าเป็นชาวบ้านๆ จะไม่ว่าอะไรเลย แต่เอาเถอะ ไม่ได้เอาไปตีพิมพ์ที่ไหนนี่ ใครอ่านผ่านๆ แล้วเข้าใจว่าได้ไปพิสูจน์มาหมดคุ้งน้ำจนแจ่มแจ้งแล้วก็ไม่ใช่ความผิดเขา ก็ดีเหมือนกัน ปีหน้าจะได้ไม่พิสูจน์ซ้ำรอยเดิมอีก เพราะชาวบ้านคงแปลกใจกันว่า อ้าว..ก็ปีที่แล้วพิสูจน์ได้ตั้ง 99.99% แล้วนี่ จะพิสูจน์อะไรอีก จากคุณ : คุณปลาไฮโซ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 23:22:59 A:49.49.14.142 X: TicketID:340620

ความคิดเห็นที่ 66 #64 ผมขอแย้งว่าผมคิดน้อยไปครับ ระเบียบงานวิจัยทั่วไป จะต้องมีการนิยามกำหนดตัวแปรต่างๆ กรอบต่างๆ วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชัดเจน  เมื่อทำเสร็จ อย่างน้อยต้องตีพิมพ์วารสารในประเทศ เพื่อให้ผลวิจัยอยู่ชั่วลูกหลานมาอ่าน   ลองดูครับ ผมคิดมากไปหรือน้อยไป http://www.learners.in.th/blogs/posts/265887 จะเห็นว่าต้องกำหนดขอบเขต ต้องกำหนดปัญหา ต้องกำหนดสมมุติฐาน ต้องตอบได้ว่าข้อมูลตอบสมมุติฐานหรือไม่อย่างไร เยอะมาก นี่เป็นถึงดอกเตอร์  บอกจะไม่ตีพิมพ์ อย่างนี้ต่างจากคนธรรมดาอย่างไร? ไม่ตีพิมพื ไม่คำนวณสถิติ งั้น contribution ของอาจารย์อยู่ที่ไหน     อย่างนี้ผมว่าให้ credit คุณสมภพและแก๊งค์ดีกว่า   ถ้าตีพิมพ์ ก็จะมีดอกเตอร์ต่างๆมาสนับสนุนหรือแย้ง  นั่นคือวิธีทางวิทยาศาสตร์ ทำแบบนี้คนเขาเรียกว่าอาจารย์ ถ้าจะตีพิมพ์แต่ออกสื่อก่อน น่ะรับได้ แต่ถ้าจะไม่ตีพิมพ์ ไม่ได้ไปถ่ายรูปด้วย แต่ออกสื่อ  มันเหมือนคนโปรโมตตัวเอง จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 06:40:45

ความคิดเห็นที่ 67 จะออกไปพูดต่อหน้าสื่อ  ในนามของวิทยาศาสตร์ ก็ต้องใช้ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง แค่คำถามง่ายๆ ว่า อาจารย์แน่ใจเหรอครับ ว่า #37 เป็นการสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง ? ยังไม่มีคำตอบ เวลาถามถึงหลักวิทยาศาสตร์ให้อ้างอิง  ก็ไม่มี  ไม่ใช้หลักวิธีวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีการตั้งกรอบ สมมุติฐาน   แต่จะพูดในนามของวิทยาศาสตร์???????? จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 08:13:08

ความคิดเห็นที่ 68 -ขอลบทิ้งนะครับ- แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 55 13:08:16 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 55 09:07:58 จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 08:56:24

ความคิดเห็นที่ 69 -ขอลบทิ้งนะครับ- แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 55 14:38:21 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 55 14:38:03 จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 09:13:37

ความคิดเห็นที่ 70 หลักฐานที่บอกว่ามันมีจริง มีอะไรที่มันดีกว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างไหมล่ะครับ จากคุณ : SRJ mk V เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 55 14:56:55

ความคิดเห็นที่ 71 สรุปเป็นไงบ้างจารย์ๆๆๆๆๆๆๆๆ :) จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 20:24:24

ความคิดเห็นที่ 72 ยังหาข่าวไม่เจอเบยยยย ดูอันนี้ไปก่อน http://www.rd1677.com/rd_ubon/pv_ubon.php?id=94014 ผอ.รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แถลงข่าวการจัดเสวนา บั้งไพพญานาค เป็นกระสุนส่องวิถี หรือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ   วันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา นายแพทย์มนัส กนกศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เป็นประธานในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทั้งภายในจังหวัดและสื่อมวลชนจากส่วนกลางทั่วประเทศ เรื่อง การจัดเสวนา “บั้งไพพญานาค เป็นกระสุนส่องวิถี หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ” ณ ห้องประชุมคณะกรรมการบริหาร ชั้น 5 อาคาร 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ นพ.มนัส กนกศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ กล่าวว่า ตนเองในฐานะที่ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับบั้งไฟพญานาคมาหลายปี และได้มีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทราบถึงข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ สำหรับการเสวนาในครั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะบั้งไฟพญานาคเป็นมรดกทางด้านการท่องเที่ยวของชาติไทย และถ้าหากไม่มีการศึกษาวิจัยจะไม่สามารถตอบได้ว่าเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร และเราจะอนุรักษ์ไว้ได้อย่างไร ซึ่งความสำเร็จที่แท้จริงทางวิทยาศาสตร์ต้องเป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ มิใช่เกิดกับผู้ใดผู้หนึ่ง การเสวนาในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการหลบลู่ถึงความเชื่อของประชาชน แต่เป็นการหาข้อเท็จจริงระหว่าง กระสุนส่องวิถี กับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติเท่านั้น สำหรับการจัดเสวนาจะมีขึ้นในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา 13.00 -16.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคาร 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 22:19:07

ความคิดเห็นที่ 73 ดูเหมือนหมอมนัสเองก็กังวลเรื่องความเชื่อความศรัทธานี้เหมือนกัน  เพราะนักวิชาการไม่สามารถสรุปไปประเด็นเหนือธรรมชาติได้  จึงเหลือ 2 ประเด็นคือ การกระทำของมนุษย์ และ ปรากฎการณ์ธรรมชาติ แต่เหมือนคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ จะยอมรับเรื่องปรากฎการณ์ธรรมชาติได้อยู่แล้ว แต่การกระทำของมนุษย์  ดูจะ ไม่ยอม ๆ ๆ ๆ ๆ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 22:22:09

ความคิดเห็นที่ 74 สื่อมวลชนเยอะจริง  หวังให้วันนี้เยอะอย่างงี้นะ ^_^ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 22:30:54