ความคิดเห็นที่ 1 ด้วยเทคโนโลยี ตอนนี้ Vector ทำได้แค่ผ่านสายตาของจิตรกรเท่านั้น (ส่วนถ้าจะเป็นแบบ Vector เอามา Compress รูป ก็เห็นมีงานวิจัยแต่ยังเอามาใช้จริงไม่ได้) จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 23:43:02 A:58.11.230.13 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 2 เทคโนโลยีการถ่ายภาพ มันเป็น bitmap ครับ เก็บรายละเอียด จุดต่อจุด เป็น pixel บนเซนเซอร์รับภาพ vector มันคือค่าคณิตศาสตร์ ที่แสดงออกมาเป็นรูปทรง จะย่อขยาย ก็มาจากค่าเดียวกันที่เอาไปคำนวนใหม่ มันเป็นคนละประเภทกัน ถ้าเอาภาพ bitmat มาแปลงเป็น vector เอาแค่หยาบ ๆ ไม่มีรายละเอียดชัดเจนจำนวนสีในภาพเยอะเป็นล้านสีเท่าภาพถ่ายปกติ เวลาเปิดไฟล์ หรือขยับ ย่อแต่ละที เครื่องอาจค้างได้เลย เพราะคำนวนจุดกันไม่ทัน จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 23:58:19 A:171.6.136.237 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะทำ sensor รับภาพให้เป็น vector ไม่ได้นะสิ จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 55 23:58:56

ความคิดเห็นที่ 4 คำจำกัดความของ Vector กับ Raster มันต่างกันมากนะครับ แถมใช้กันคนละจุดประสงค์ด้วย ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน มันอยู่ในความเข้าใจ เคยทำงานนิตยสาร, โปสเตอร์ หรือ งานอาร์ทใหญ่ๆ ไหมครับ Vector .ai ไฟล์นึงเป็นหลักร้อย MB ถึง 1GB ก็มีนะครับ ในขณะเดียวกัน export มาเป็น .jpeg ไฟล์ไม่กี่ Mb เอง เค้าใช้เพื่อดูครับ ภาพมีไว้เพื่อ"ดู" และดูเท่าที่จำเป็น สะดวกต่อการใช้งานครับ จากคุณ : Kadaj17 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:00:24

ความคิดเห็นที่ 5 ผมคิดว่าอนาคตอาจทำได้ แต่ตอนนี้ ใช้ bitmap ไปก่อนนะ Vector ใช้วาดการ์ตูน เราซูมๆๆๆๆ เข้าไปมันก็ยังคม แต่ รายละเอียดที่ระดับนั้นไม่มีอีกแล้ว ถ้าเอามาทำภาพถ่ายได้ หมายความว่า หากการ sampling vector ทำได้ไม่ละเอียดพอ มันก็ไม่ต่างจาก bitmap หรอก มีดีก็ตรงว่ามันอาจช่วยให้การบีบอัดภาพ ทำได้ดียิ่งกว่านี้ จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:08:55

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเอาเทคโนโลยีปัจจุบัน อยากให้ภาพ zoom เข้าไปเยอะมากก็ไม่แตก มีค่าแสง เงา ส่วนเว้า ส่วนโค้งของวัตถุเป็นข้อมูลทางคณิตศาสตร์ ก็คงต้องเป็น 3D software (กล้อง 3D ก็มีแล้ว) เวลาดูจากคอม ตอนตกแต่ง เลือกมุม ก็จะต้องแสดงหยาบ ๆ ไม่ realist เหมือนภาพถ่ายจริง ๆ เพราะการคำนวนออกมาให้เป็นภาพจริง ๆ หรือที่เรียกว่า render มันใช้เวลาภาพนึงนานมาก ๆ แบบที่ สั่งเรนเดอร์แล้วนอนได้เลย ตื่นเช้าค่อยมา save ภาพที่เป็น final จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:16:37 A:171.6.136.237 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 7 ยากครับ เพราะ Vector ใช้หลักคำนวนเส้นด้วยวิธีคณิตศาสตร์มั้งครับ ส่วน bitmap จะเป็นจุดสี pixel หลายๆสีหลายโทนสีเรียงต่อกันจนเป็นภาพ กล้องดิจิตอลจึงถึงได้อัพ pixel เพิ่มขึ้น จากแต่ก่อน 3-6ล้านpixel ปัจจุบัน เป็น 10-20+ล้านpixel ภาพถ่ายสมัยนี้จึงดูเนียนตากว่ายุคก่อน เพราะมีจุดสีที่ละเดียดขึ้น แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 55 00:20:32 จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:17:47

ความคิดเห็นที่ 8 vector มันเป็นเรื่ื่องของ  paths and points  เส้นและจุด จากคุณ : jo guevara เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:27:29

ความคิดเห็นที่ 9 เปรียบเทียบให้งงเล่นก็ประมาณว่า raster เป็นเด็กที่คิดเลขแบบถึก ควายทุย จุดสีทีละจุด ทีละจุดเป็นแสนเป็นล้านจุด ประมาณเด็กทีพลิกแลพงโจทย์ไม่เป็น นั่งบวกนับนิ้วไปเรื่อยๆ ยิ่งเปลี่ยนโจทย์มาก ความวายวอดยิ่งบังเกิด ข้อดีคือ ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก ได้ผลลัพทธ์เท่าที่พอจะใช้ vector คือเด็กฉลาด คิดสมการณ์ซับซ้อน ป้าบๆ แป้บเดียวเสร็จ พลิกโจทย์เป็น ออกโจทย์มายังไงก็แก้ได้หมด ข้อดี คือถ้าให้ทำน้อยๆข้อเนี่ย รวดเร็ว สะดวก แต่ถ้าให้ทำเป็นแสนข้อ ล้านข้อเนี่ย ไม่มีใครทำไหวแน่ ใช้พลังสมองสูงมาก งงไหมครับ ผมก็งง จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:31:22

ความคิดเห็นที่ 10 ใครเป็นคนบอกคุณว่าคมชัดกว่า? และความคมชัดที่ว่า วัดยังไง มีหน่วยเป็นอะไร จะอธิบายง่ายๆ นะ Vector น่ะมันก็เหมือนโมเดลนั่นแหละ มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากการคำนวณ เหมือนเราสร้างโมเดล ขึ้นชิ้นนึง เราจะมองมันจากมุมไหนก็ได้ เดินเข้าไปดูใกล้เท่าไหร่ก็ได้ ไกลเท่าไหร่ก็ได้ เพราะโมเดลนั้นเราสร้างขึ้นเอง ส่วนการเก็บภาพ Bitmap มันเป็นคนละเรื่องเลย เราไม่ได้สร้างมันขึ้น แต่เป็นการเก็บรายละเอียดของมัน ในรูปแบบสองมิติเท่านั้นเองสองอย่างนี้มันสวนทางกัน จากคุณ : เทพอสูรจิ้งจอกเงิน เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:36:56

ความคิดเห็นที่ 11 ทำ จอภาพ(monitor) แบบเวคเตอร์ให้ดูหน่อยดิ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 00:53:00

ความคิดเห็นที่ 12 ต้องหัดทำกราฟฟิก จะได้เข้าใจว่าทำไม อ่านเฉยๆไม่เข้าใจหรอก จากคุณ : ิิิิปแอิปแอ (My-Gift-Is-My-Song) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 01:31:39

ความคิดเห็นที่ 13 เพราะคำนวณยากครับ ยังไงการรับภาพก็รับเป็นพิกเซลก่อนอยุ่ดี ทำภาพแบบเวกเตอร์คงต้องเอาพิกเซลมาแปลงเป็นสมการคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อะครับ ภาพ 1 ภาพจะมาคำนวณส่วนโค้ง ส่วนเส้นตรง ไหนจะสีอีก ประมาณขี่ช้างจับตั้กแตนนะ ยกเว้นซีพียูยุคหน้านู้นๆๆๆ จากคุณ : 4s with siri (4s with siri) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 01:57:32

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องทำความเข้าใจถึงเรื่อง Real image กับ Graphic image กันก่อนนะครับ ผมทำงานด้านดีไซน์โดยตรง พวกที่เป็นเวคเตอร์จริงๆ แล้วเพิ่งเกิดมาได้ไม่นานนี้เอง ไม่เกิน 20 ปี vector image เกิดจากการคำนวณ ทางคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างรูปทรงขึ้น ขนาดจะถูกคำนวณ ตามสมการทางคณิตศาสตร์หรือแม้จะฟิสิกส์อย่างความคิดเห็นด้านบนได้เขียนไปแล้วนะครับ ส่วนภาพจริง แรกๆก็เกิดมาจากระบบอนาล็อก จนเปลี่ยนมาเป็นดิจิตอลแบบในปัจจุบัน ทั้งสองแบบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ แม้บางภาพจะทำเลียนแบบคล้ายกันได้ แต่โดยรายละเอียดแล้วไม่มีทางมาบรรจบกันได้ ถ้าเป็นในเรื่องของเทคโนโลยี ก็คงไปรวมกับแนวคิดคล้ายๆหนังเรื่อง Matrix แล้วละครับ Real image จะมีหน่วยเล็กที่สุดก็เป็นพวก นิวเครียส อะตอม ฯ และอะไรอีกหลายๆอย่างตามความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ส่วน เวคเตอร์ ไม่มีหน่วยเล็กที่สุด แต่เป็นเพียงสมการๆหนึ่งเท่านั้นครับ จากคุณ : เป็นไปไม่ได้หรือไม่ได้ทำ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 02:39:35

ความคิดเห็นที่ 15 ภาพแบบ Vector มีใช้เยอะมาก เช่น ใช้ในการออกแบบโลโก้ ภาพแบบ pixel ใช้ในการถ่ายทอดภาพจากโลกความเป็นจริงได้ง่ายกว่า โดยอาศัยหลักแค่ว่าสายตามนุษย์จะมองเห็นรายละเอียดได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลทั้งหมดในโลกของความเป็นจริงไว้ในไฟล์ เก็บรายละเอียดแค่ระดับหนึ่งก็สามารถทำให้เห็นเป็นภาพได้ ช่วงหลังมีการค้นพบอีกว่าสายตามนุษย์จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสีได้จำกัด ทำให้มีการหาวิธีลดขนาดรูปลงไปอีก เป็นไฟล์ภาพแบบ jpeg ทีเราใช้อยู่ทั่วไปในอินเตอร์เน็ตในทุกวันนี้ จากคุณ : ตอบโจทย์ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 05:20:32 A:124.120.185.141 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 16 ถ่ายรูปให้เป็นภาพ Vector ถ้ายังนึกไม่ออกว่าเป็นยังไงลองนึกถึงโปรแกรม Google Earth ที่ถ่ายรูปโลกทั้งใบ แล้วซูมลงไปได้ยันพื้นผิวโลก ไม่อยากจะคิดว่าขนาดไฟล์ข้อมูลมันจะมากมายขนาดไหน จากคุณ : จุ๋มจิ๋มเดินป่า เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 06:05:37

ความคิดเห็นที่ 17 vector เป็นการวาดรูปด้วยสูตรคณิตศาสตร์ อาศัยการระบุตำแหน่ง แล้วลากเส้น เติมสี - ข้อดีคือ ซูมเท่าไหร่ก็ไม่เบลอ ไม่แตก - ข้อเสียคือ ภาพมีความซับซ้อนต่ำ การวาดรูปที่มีความซับซ้อนสูงด้วย vector ทำได้ยาก จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 06:38:10

ความคิดเห็นที่ 18 รอควันตัมคอมพิวเตอร์กัน จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 09:07:28

ความคิดเห็นที่ 19 ลองเขียน ACAD แล้วซูมดูสิ นั่นนะ vector ลองซูมภาพ j-peg หรือ bitmap หรือ raw ฯลฯ ดูสิ จากคุณ : PONG NOO PUND เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 10:04:47

ความคิดเห็นที่ 20 Vector คือ ภาพที่ถูกสร้างขึ้น โดยการคำนวน ภาพนั้นไม่มีอยู่จริงในแบบรูปธรรม Pixel คือ การเก็บบันทึกภาพ ที่มีอยู่จริงในแบบรูปธรรม ให้เป็นดิจิตอล มันคนละเส้นทาง ยกตัวอย่างเช่น Vector คือ มาจากการผลิตสร้างสิ่งต่างๆจากโรงงาน Pixel คือ มาจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริงในธรรมชาติ Vector = ภาพการ์ตูน Pixel = ภาพถ่าย ตาม คหสต นะครับ จากคุณ : chan ty เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 10:35:27

ความคิดเห็นที่ 21 ยกตัวอย่างมาให้ดูสักภาพหน่อยครับ ไม่เคยรู้เรื่องเลย นึกว่าเป็นวิทยาทานเต้อะ จากคุณ : ไทอีสาน เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 11:05:59 A:110.77.164.243 X: TicketID:293540

ความคิดเห็นที่ 22 เข้าใจว่า bitmap คือจุด ส่วน vector จะแนวๆนี้ครับ จากคุณ : Moonui เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:14:29

ความคิดเห็นที่ 23 #21 http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/aa/VectorBitmapExample.svg จากคุณ : นฤมลประการ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:17:56

ความคิดเห็นที่ 24 เท่าที่อ่านมาน่าจะอยู่ที่การใช้งานนะครับ ภาพเวคเตอร์คมชัดจริง ย่อ ขยายได้แต่เปลืองทรัพยากรณ์ในการนำมาใช้กับภาพที่ที่ความซับซ้อนทั้งเส้นและสีอย่างภาพถ่าย เลยเอามาให้กับงานกราฟฟิคที่ไม่ซับซ้อนมาก เช่นภาพการ์ตูน โลโก้ ภาพพิกเซลอยากจะย่อ/ขยายให้ชัดๆ ก็ถ่ายมาให้มันใหญ่ๆไว้ก่อน ให้ครอบคลุมขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่คนส่วนใหญ่ใช้ก็โอเคแล้ว เทียบต้นทุนระหว่าง การสร้างอุปกรณ์ที่ถ่ายภาพแล้วคำนวนจากภาพถ่ายไปเป็นสมการ และซอฟต์แวร์+ฮาร์ดแวร์ที่ต้องคำนวนสมการดังกล่าวออกมาเป็นภาพนั้นใหม่ทุกครั้งที่เปิด/แก้ไข/ย่อ/ขยาย เทียบกับ การเพิ่มความจุภาพ ถ่ายแบบพิกเซลให้ใหญ่ๆเข้าไว้เผื่อย่อ/ขยาย หรือแก้ไขทีหลัง มันทำได้ในเชิงพานิชย์กว่าครับ และดูจะเหมาะสมกับการใช้งานมากกว่าด้วยครับเพราะคงจะไม่มีใครขยายภาพถ่ายจนเกินขนาดกรอปรูปที่มีครับ จากคุณ : JuNzOriGinaL เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 12:29:23

ความคิดเห็นที่ 25 ...สมมติ นะครับ ...ต่อให้ เรามี Technology ที่กล้องมี censor แปลงข้อมูลภาพเป็น Vector ได้ในอนาคตอันใกล้ ...มันจะมีประโยชน์อะไรกับ user ทั่วๆไปครับ ? ...ทุกวันนี้ แค่กล้องมือถือ ก็จะ start ไปที่ 5-8 M pixel กันแล้ว (กล้องใหญ่ไม่ต้องพูดถึง) ขณะที่ความเร็ว internet ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และราคาหน่วยเก็บข้อมูลก็ถูกลงแบบไม่น่าเชื่อ ...user ทั่วๆไป ถ่ายรูปมาส่วนใหญ่ก็ใช้แค่ดูในจอ (ต้องมาย่อให้เล็กด้วยซ้ำไป) หรือเอาไปอัดขยาย,  print อย่างมากก็ A3 หรือ 10x14" (ยังมีเหรอ ยุคนี้?) ...แม้แต่ดูในโทรทัศน์แบบ Full HD ก็ยังไม่เกิน 1920x1080 (=2M เอง) ...ผมยังไม่เห็น user ทั่วๆไป เอารูปในกล้องมา print อัดขยายเท่าฝาบ้าน หรือ เท่าตัวจริง ถึงต้องการรายละเอียดมากขนาดนั้น ...ข้อได้เปรียบของ vector (เทียบกับ bitmap) คือ file มีขนาดเล็กและเท่าเดิมตลอด ไม่ว่าจะ print ที่ขนาดนามบัตร หรือ billboard 100 เมตร โดยไม่เห็นเม็ด pixel เพราะมันเป็น program คณิตศาสตร์ล้วนๆ ...คือ ถ้าเป็นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว อาจจะมีประโยชน์นะครับ ...ยุคที่กล้อง digital แค่ 2 M (แถมคุณภาพแย่) ราคาเริ่มที่ 5-6 หมื่น เวลาอยากให้รูปใหญ่ๆ ต้องถ่ายเป็นส่วนๆแล้วเอามาต่อกัน ...และ Flash drive เก็บข้อมูลแค่ 128 MB ราคา 2 หมื่น !! (ถ่ายรูปกันระวังยิ่งกว่าใช้ฟิล์มอีก ลบแล้วลบอีก) ...ส่วน computer เจอรูป bitmap ใหญ่กว่า 10 M pixel ก็แทบนิ่งแล้ว (RAM แพง) แต่ถ้าเป็น vector ต่อให้ 100 M ก็ยังสบาย ...ทุกวันนี้ ข้อได้เปรียบของ vector มีอยู่แค่ แก้ไขได้ง่าย หรือกำหนดสีได้แม่นยำ (เวลาสั่งโรงพิมพ์) ...ส่วนเรื่องการ print รูปใหญ่แทบจะไม่ได้เปรียบอะไรอีกแล้ว ...แถมบางคนที่เซียน Photoshop จริงๆ และเครื่องมือพร้อม จะทำงานกับ bitmap ได้เร็วกว่า vector เยอะครับ โดย output ออกมาเหมือนกันเด๊ะ จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 13:37:48

ความคิดเห็นที่ 26 ซูมได้ละเอียดสุด ก็ที่ จุดเซลลรับแสง ที่นี้ ถ้าซูมดูอะไรที่อยู่ระหว่าง 2 จุดรับแสงจริง ก็จะได้จุดมั่วๆมา หรือโปรแกรมเฉลี่ยสีจุดมา ก็ไม่ยาก เหมือนเห็นแค่ระดับโมเลกุล แล้วอยากจะเห็นอะตอม จะทำไง ก็ได้แต่มั่วๆมา ทั้งๆที่ไม่รู้หรอกว่า อะตอมจริงๆจะเป็นไง มีควาก มีสตริงมั้ย ต่างจากแบบเวกเตอร์ มันระบุชัดแล้วว่า 2จุดนี้ เป็นจุดของ เส้นตรงหรือ เส้นโค้ง หรืออะไร มันใช้สูตรคำนวณ อยากซูมไป ถึงจุดเล็กขนาดไหน ก็ทำได้ เพราะกำหนดแพทเทิร์นมันไว้แล้ว สรุปง่ายๆ คือ เวกเตอร์ เป็นคณิต เป็นสิ่งสังเคราะห์ในจินตนาการ ซูมได้อนันต์ ส่วนบิทแมป เป็น ฟิสิกส์ กายภาพ ติดที่จุดรับแสง ถ้าคุณรับจุดแสงมาได้เล็กอนันต์ ก็คงจะซูมอนันต์ได้ (แต่วัตถุรับแสงและเก็บข้อมูลคุณ คงจะไม่ใช่ ดิจจิตตัลละ) จากคุณ : ฟฟ7 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 14:11:14 A:58.137.93.6 X: TicketID:375732

ความคิดเห็นที่ 27 เวคเตอร์คือภาพที่สร้างจากสมการคณิตศาสตร์ บิทแมปคือจุดหลายๆจุดมาเรียงต่อกัน อย่างเช่นเราวาดรูป3เหลี่ยม ในมุมมองของเวคเตอร์ 3เหลี่ยมคือจุด3จุดที่มีเส้นเชื่อมต่อกัน เกิดเป็นพื้นที่ในมุม3เหลี่ยม ในมุมมองของบิทแมป 3เหลี่ยมคือ การเรียงกันของจุดไปเรื่อยๆจนมันต่อเป็นเป็น3เหลี่ยม กล้องถ่ายรูปใช้วิธีรับแสงผ่านเลนส์ แล้วมาเรียงกันเป็นบิทแมปครับ ถ้าอยากให้รูปละเอียดสูงๆ ก็ต้องเพิ่มขนาดความละเอียกของภาพให้สูงๆ แต่ถึงจะสูงแค่ไหนก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดี จากคุณ : GrooVe_(t -_-)t เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 14:18:05

ความคิดเห็นที่ 28 เพิ่มเติมครับ เวคเตอร์เปรียบเสมือนฟิล์มถ่ายรูปอะครับ บิตเมพก็คือเซนเซอร์กล้องดิจิตอลในปัจจุบัน จากคุณ : 4s with siri เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 22:38:42

ความคิดเห็นที่ 29 มันเหมาะกับงานคนละแบบกันครับ จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 09:31:42

ความคิดเห็นที่ 30 อ่า... เออ ไปไกล จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 09:51:15 A:124.120.247.48 X: TicketID:250855