ความคิดเห็นที่ 1 Bladerunner:1982    สุดยอดภาพยนตร์ "ไซไฟ-ไซเบอร์พังค์" ระดับมาสเตอร์พีซในตำนานของผกก. "ริดลี่ยส์ สก็อต"  ที่คอหนังไซไฟไม่สมควรพลาดด้วยประการทั้งปวง  และยังเป็นหนังไซไฟอันดับหนึ่งในใจผมตลอดกาลอีกด้วย  โดย "เบลดรันเนอร์" นั้นถือว่าเป็นต้นแบบของหนังไซไฟแนว "ไซเบอร์พังค์" ที่กลายเป็นตัวอย่างให้กับวงการภาพยนตร์แลอนิเมะทั้งในอเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่นในยุคหลังๆจำนวนมากครับ  แม้ในช่วงที่ออกฉายตัวหนังจะไม่ได้รับความนิยมจากผู้ชมในวงกว้าง  แต่ภายหลังนักวิจารณ์จำนวนมากต่างยกย่องให้มันเป็นหนังไซไฟชั้นดีที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง     โดยจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเป็นหนังไซไฟที่สะท้อนถึงความเสื่อมโทรมของสังคมในเมืองใหญ่ยุคอนาคตว่ามันไม่ได้สวยหรูเหมือนที่หลายคนคิดเสมอไป  อีกทั้งยังแอบเสียดสีถึงวัฒนธรรมความเป็นไปของอเมริกาในช่วงเวลาที่หนังออกฉายได้เป็นอย่างดี  เพราะในห้วงเวลานั้น(ต้นยุค80')ประเทศญี่ปุ่นกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายใหม่รองจากอเมริกาอย่างรวดเร็วปานติดจรวด  นักธุรกิจนักลงทุนชาวญี่ปุ่นต่างนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนและซื้อกิจการของบริษัทต่างๆในอเมริกากันอย่างเอิกเริก  อีกทั้งบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นก็กำลังครองความเป็นเจ้าตลาดในธุนกิจต่างๆอย่าเงป็นล่ำเป็นสัน       จนกระทั่งนักวิเคราะห์ทางการเงินในห้วงเวลานั้นถึงกับเคยคาดกันว่าต่อไป "เงินเยน" ของญี่ปุ่นอาจจะก้าวเข้ามามีบทบาทแทน "เงินดอลล่าห์" ของสหรัฐด้วยซ้ำ  ซึ่งในตัวภาพยนตร์ก็มีการเสียดสีเรื่องวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่แผ่สยายปีกมาครอบงำวัฒนธรรมความเป็นไปของชาวอเมริกันได้อย่างดี  ทั้งภาษาญี่ปุ่นที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย สินค้านวัตกรรมต่างๆที่เป็นผลผลิตของบริษัทญี่ปุ่น วัฒนธรรมการรับประทานอาหารญี่ปุ่นที่เข้ามาแพร่หลายแทนจั๊งค์ฟู้ดส์แบบดั้งเดิมของมะริกัน และคนญี่ปุ่นที่เข้าไปมีบทบาทในสายงานและอาชีพต่างๆครับ (May the Spoil bew ith you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 12:12:50

ความคิดเห็นที่ 2 blade runner เป็นหังไซไฟที่น่างวงมากกกกกกกกกกกกกกกกกก มเห็นใบปิดอย่าคิดว่ามันจะสนุก มัน ตลก หมือน the fifth element nah kha จากคุณ : tui_nuclear (Tui_nuclear) เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 12:24:45

ความคิดเห็นที่ 3 โพมีธีอุส ครับ ชอบเป็นการส่วนตัว ^^ จากคุณ : สู่ดินแดงเวิงว้างอันไกลโพ้น เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 12:25:43 A:119.46.231.67 X: TicketID:350417

ความคิดเห็นที่ 4 ***     ภาพยนตร์ในยุค80'ของผกก. "ริดลี่ย์ สก็อต" ที่มีธีมแนวเสียดสีประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ  นั่นคือ "Blackrain" (ฝนเดือด) ซึ่งนำแสดงโดย "ไมเคิล ดั๊กลาส" และ "แอนดี้ การ์เซีย"  โดยเป็นเรื่องราวของตำรวจนักสืบสองนายจากมหานครเอกของโลกตะวันตกอย่าง "นิวยอร์ค" ซึ่งต้องทำการส่งผู้ร้ายชาวยุ่นตัวเอ้กลับไปดำเนินคดียังประเทศญี่ปุ่น  ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อผู้ร้ายคนดังกล่าวสามารถหลบหนีไปได้เมื่อไปถึงสนามบินที่ญี่ปุ่น       จึงทำให้นักสืบชาวตะวันตกสองนายต้องตกกระไดพลอยโจนมาทำการสืบสวนคดีในมหานครเอกของโลกตะวันออกอย่างกรุงโตเกียว  ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดและไม่เข้าใจกันระหว่างหน่วยงานสอบสวนของสองประเทศที่มีวัฒนธรรมองค์กรต่างกันอย่างสิ้นเชิง  และการต้องกลายสภาพมาเป็นแกะดำในสังคมของชาวตะวันออก  ทั้งสองนายจะต้องทำเช่นไรจึงจะสามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับวัฒนธรรมอันแปลกแยกและจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ในที่สุด   (May the Spoil bew ith you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 12:26:51

ความคิดเห็นที่ 5 Matrix และ SAO (ไม่ใช่ภาพยนต์แต่เป็นอนิเมะเกี่ยวกับเกมส์ออนไลน์) ทั้งสองเรื่องนำไปสู่คำถามที่ว่า สิ่งที่เราเห็นและสัมผัสได้ มันมีอยู่จริงหรือที่แท้แล้วมันอยู่ในสมองของเราเอง (ใช้เป็นตัวอย่างอธิบายคำว่าประสาทหลอนได้ สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจ) จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 12:29:19

ความคิดเห็นที่ 6 ***     เรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างของภาพยนตร์เรื่อง "Blackrain" นั้นคือดนตรีประกอบ(Ost.)ซึ่งประพันธ์โดย "ฮาน ซิมเมอร์"  ซึ่งเป็นนักแต่งเพลงที่มีขื่อเสียงจากการประพันธ์เพลงให้กับภาพยนตร์ระดับบล็อคบัสเตอร์ของฮอลลีวู้ดตั้งแต่ยุค80'จนถึงปัจจุบัน  และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือธีมของเรื่อง "Blackrain" ซึ่งทำออกมาได้มีเอกลักษณ์มาก  จนสมัยก่อนมีบริษัทผลิตซีอิ๊วขาวยี่ห้อหนึ่งของบ้านเรานำมันมาใช้เป็นดนตรีประกอบโฆาณา  ก่อนจะลามปามไปถึงวงการละครของเราในเวลาต่อมา  แต่ทว่าผู้จัดละครของบ้านเรากลับชอบนำเพลงประกอบตัวนี้ไปใช้ในละครที่มีธีมออกไปในแนวทาง "เจ๊กๆ จีนๆ" เสียอยู่เรื่อย  ทั้งที่ผู้ประพันธ์นั้นต้องการสื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมขชองชาวญี่ปุ่นต่างหากครับ **คลิปของเพลง "Nick & Masa" อันมีชื่อเสียงซึ่งคาดว่าหลายท่านน่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง  โดยช่วงท้ายของคลิปนั้นอาจจะมีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญของหนังนะครับ** (May the Spoil bew ith you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 12:40:25

ความคิดเห็นที่ 7 Brazil : 1986    หนัง "ไซไฟ-ไซเบอร์พังค์" แนวเดียวกับ "เบลดรันเนอร์" ของผกก.สุดแนว"เทอร์รี่ กิลเลี่ยม"  ที่แหวกแนวในด้านของรูปแบบและการนำเสนอ  นั่นคือเขาสามารถจับเอาเทคโนโลยีแลพล็อตเรื่องในยุคอนาคตมาผสมปนเปกับศิลปะกรรมสไตล์ "อาร์ท เดคโค" ได้เป็นอย่างดี  และนั่นได้กลายมาเป็นต้นแบบให้กับบรรดาหนังไซไฟและอนิเมะจากทั้งอเมริกาและแดนปลาดิบในยุคหลังๆจำนวนมากมายทีเดียว  โดยเรื่องราวหลักๆของหนังจะเน้นไปที่ประเด็นเรื่องศีลธรรมอันง่อนแง่นและจิตใต้สำนึกอันบิดเบี้ยวของมนุษย์ในยุคอนาคต  ซึ่งสิทธิเสรีภาพต่างๆของประชาชนในห้วงเวลานั้นล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลางครับ ป.ล. "อาร์ทเดคโค" คือรูปแบบวัฒนธรรมและศิลปะกรรมของอเมริกาสมัยยุค1930-1940ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 12:55:30

ความคิดเห็นที่ 8 ***     ในการ์ตูนเรื่อง "The Animatrix" ซึ่งเป็นส่วนขยายจากภาพนตร์ "The Matrix" อันโด่งดังนั้น  เนื้อหาในตอนที่ชื่อว่า "A Detective Story" ก็ถูกสร้างขึ้นมาโดยได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง "Brazil" เช่นกันครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 13:00:27

ความคิดเห็นที่ 9 Minority Report จากคุณ : Homo Sapien MKII เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 13:02:58

ความคิดเห็นที่ 10 คุณเจไดหนุ่ม แต่แนะนำหนังแก่ เอาหนังที่ใครก็ดูได้เข้าประกวด  Back to the Future จากคุณ : AbsolutelyTop เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 13:06:55

ความคิดเห็นที่ 11 12 Monkeys : 1995     หนังไซไฟสุดแหวกแนวที่ทุคนน่าจะรู้จักกันดีของผกก."เทอร์รี่ กิลเลี่ยม" อีกเช่นเคยครับ  แม้เรื่องนี้จะมีเสียงค่อนแคะว่าขาดความเป็นไซไฟจ๋าซึ่งเป็นแนวทางของผกก.คนนี้และยังเจ๋งสู้บราซิลไม่ได้  แต่ผมว่ามันเป็นไซไฟอีกเรื่องนึงที่สามารถสร้างข้อสงสัยและการแตกประเด็นให้แก่คนดูได้เป็นอย่างดีเลย (ซึ่งเป็นสิ่งที่หนังไซไฟดิบๆทุกเรื่องควรจะมี)  และจากการมององค์ประกอบในภาพรวมรวมแล้วก็นับว่าสามารถดูได้ไม่ขี้เหร่เลยครับ  และอันที่จริงบอกตามตรงเลยว่าถ้าไม่ลุงอึด "บรู๊ซ วิลลิส" กับเทพบุตร "แบรด พิทต์" มาเล่นเป็นดารานำ  ตัวหนังอาจจะไม่ทำเงินแบบที่เป็นอยู่ก็ได้     โดยเรื่อง "12 Monkeys" นั้นจะกล่าวถึงโลกอนาคตในยุคอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าซึ่งถูกผลกระทบจากเชื้อไวรัสลึกลับที่แพร่ระบาดลุกลามไปทั่ว  จนทำให้ประชากรของมนุษย์ล้มหายตายจากไปมากกว่าครึ่งกระทั่งมนุษย์ที่เหลือทั้งหมดต้องอพยพย้ายลงไปอยู่อาศัยยังพื้นที่ใต้ดิน  ทว่าไวรัสชนิดนี้กลับไม่เป็นอันตรายต่อสิงสาราสัตว์ชนิดต่างๆจึงทำให้พวกมันสามารถกลับมาปกครองผืนพิภพได้อีกครั้ง  และในเวลาอันน่าหดหู่นี้เหล่านักวิทยาศาสตร์กลับสามารถประดิษฐ๋เครื่องไทม์แมชชีนขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ  จึงได้คัดอาสาสมัครจากเหล่านักโทษขี้คุกให้ทำการย้อนเวลาไปเก็บข้อมูลตัวอย่างเพื่อหาทางยับยั้งภัยพิบัติครั้งนี้ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 13:07:19

ความคิดเห็นที่ 12 Thirteenth Floor : 1999    หนังไซไฟสุดดิบจากเยอรมันอีกเรื่องที่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของคำว่าไซไฟได้เป็นอย่างดี  โดยถ้าใครลองสังเกตุดีๆจะพบว่าเนื้อเรื่องของตัวหนังนั้นแทบจะไม่แตกอะไรกับ "เดอะ เมทริกซ์" เลยในกรณีโลกเสมือนซ้อนโลกเสมือนครับ  แต่ทว่ากลับเป็นที่น่าเสียดายที่มันดันเข้าฉายเวลาเดียวกับ "เดอะ เมทริกซ์ ภาคแรก"  จึงต้องถูกพี่ "คีอานู รีฟ" สุดหล่อกระโดดตีลังกาทำท่าสโลโมชั่นดับเบิ้ลคิ้กเข้าใส่สองทีซ้อน  จนมีอันต้องกระเด็นหลุดออกนอกตารางฉายไปก่อนเวลาอันควร       โดยตัวหนังนั้นจะเน้นนำเสนอในประเด็นที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันหนึ่งคุณต้องมารับรู้ว่า  โลกต่างๆที่คุณเคยพบเห็นและใช้ชีวิตอยู่มาตั้งแต่เกิดนั้นมันไม่มีอยู่จริงแต่เป็นเพียงโปรแกรมที่มีต้นกำเนิดมาจากตัวเลขฐานต่างๆ  ซึ่งนี่เป็นข้อสงสัยซึ่งนำไปสู่ความกระสันต์จะเป็นพระเจ้าที่ทำให้ตัวเอกและเพื่อนพ้องร่วมมือกันสร้างเครื่องจำลองโลกเสมือนขึ้น  และนั่นทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปบังคับเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและความเป็นไปในโลกเสมือนที่พวกตนมีอำนาจดั่งพระเจ้าได้  แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาพบว่าตนเองไม่ได้เป็นเพียงผู้เดียวที่มีอำนาจนี้อยู่ในมือ ป.ล. ใครสนใจหนังไซไฟที่มีพล็อตแปลกๆแหวกแนว  ผมแนะนำให้คุณต้องไม่พลาดเรื่องนี้ครับ (May the Spoilo be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 13:14:33

ความคิดเห็นที่ 13 Mad Max Mad Max 2 : The Road Warrior Mad Max 3 : Beyond Thunderdome    หนังไซไฟไตรภาคระดับตำนานอันโด่งดังที่นำเสนอเรื่องราวของ "โลกในยุคมิกสัญญี" (Apocalypse) ที่อุดมไปด้วยความป่าเถื่อนโหดร้ายและตลบอบอวลไปด้วยอากาศซึ่งมีกลิ่นอายของน้ำมันเครื่อง  โดยเรื่องนี้ได้พระเอกจากแดนจิงโจ้ (เมล กิ๊บสัน) มารับบท "แม็กซ์" ตำรวจมือปราบที่ออกตระเวณล่าล้างทรชนไปทั่วดินแดนอันเสื่อมโทรมในโลกยุคหลังสงครามนิวเคลียร์      ซึ่งในสมัยก่อนนั้นหนังเรื่องนี้โด่งดังมากจนมีนักเขียนการ์ตูนจากแดนปลาดิบนำพล็อตเรื่องไปใช้จนก่อเกิดเป็นการ์ตูน "เคนชิโร่ ฤทธิ์หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ" ขึ้นมานั่นเองครับ (เคนชิโร่คือส่วนผสมของ Madmax + บรู๊ซลี + สตอลโลน)    โดยผมแนะนำให้หามาดูทั้งสามภาคครับแล้วจะไม่ผิดหวัง  ที่สำคัญคือตอนนี้ทางฮอลลีวู้ดกำลังสร้างภาค 4 อยู่ด้วยครับ("Mad Max: Fury Road")  แต่มีการเปลี่ยนพระเอกจาก "เมล กิ็๊๊๊บสัน" ที่แก่เหลาเหย่ไปเป็น "ทอม ฮาร์ดี้" ซึ่งเคยรับบท "เบน" จอมวายร้ายบ้าพลังจาก "แบทแมน เดอะดาร์คไนท์ไรซ์" ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 13:18:17

ความคิดเห็นที่ 14 Gattaca:1997    หนังไซไฟแนว "ไบโอพังค์" ระดับตำนานที่คอไซไฟทุกท่านควรจะหามาบูชาติดบ้านไว้ซักแผ่น  ทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลและเสริมบุญบารมีทางไซไฟให้โด่นมีสง่าราศรียิ่งขึ้นสืบไป  ด้วยเรื่องนี้ได้กลายเป็นหนังตัวอย่างระดับครูพอๆกับ "เบลดรันเนอร์" ซึ่งนักดูหนังหลายๆคนมักจะนำมาเปรียบเทียบเสมอเวลามีไซไฟแนว "ไบโอพังค์" เรื่องใหม่ๆออกฉายครับ    โดยตัวหนังจะกล่าวถึงเรื่องราวในยุคอนาคตที่เทคโนโลยีทางด้านพันธุวิศวกรรมของมนุษย์ชาตินั้นเจริญรุดหน้าจนถึงขีดสุด  ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถปรับแต่งพันธุกรรมของเด็กทารกที่จะเิกิดออกมาให้มีแต่ลักษณะที่ดีได้  และด้วยเทคโนโลยีนี้เองจึงทำให้มนุษย์ชาติถูกแบ่งชนชั้นกันด้วยความแตกต่างทางรหัสพันธุกรรม  ทำให้ผู้ที่เกิดมาจากการตัดต่อพันธุกรรมกลายมาเป็นผู้มีสิทธิมีเสียงทางสังคม  ขณะที่มนุษย์ซึ่งเกิดด้วยวิธีธรรมชาติแบบดั้งเดิมกลับกลายเป็นพวกต้อยต่ำทางสังคมไป  แต่มีหรือที่ความแตกต่างทางดีเอ็นเอจะมาหยุดยั้งจิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่ต้องการแสวงหาความยิ่งใหญ่และความสำเร็จในชีวิตได้     ซึ่งหนังเรื่องนี้ยังให้แง่่คิดที่ดีมากไม่ว่าจะมองในมุมของเรื่องเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมกับความสอดคล้องของศีลธรรมและความเสื่อมทรามของสังคม  เมื่อมนุษย์ในยุคอนาคตต่างต้องตกเป็นทาสของเทคโนโลยีที่ตนเองรังสรรค์ขึ้นมาอย่างเอกอุ  เพราะแทนที่มนุษย์ชาติจะเอาเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้เพื่อพัฒนารากฐานและชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น  แต่พวกเขากลับนำมันมาใช้เป็น "กรอบกั้น" และ "เส้นแบ่ง" เพื่อสร้างความแตกต่างทางชนชั้นวรรณะในสังคม  ทำให้มนุษย์ที่ควรจะเป็นนายของเทคโนโลยีกลับถูกความทันสมัยของเทคโนโลยีเข้าควบคุมให้กลายเป็นทาสเสียเอง  จนลืมเลือนไปซึ่ง "แรงกระตุ้น" อันเป็นพลังผลักดันในจิตใจของมนุษย์แต่ละคนซึ่งล้วนทรงพลังกว่าพันธุวิศกรรมอันดีเลิศเสียอีก       เหมือนที่ "วินเซ็นต์" ตัวเอกในเรื่องได้แสดงให้ผู้ชมดูว่าถึงแม้ตัวเขาจะเกิดมาเป็นพวกยีนส์ด้อย  และได้รับการดูถูกถากถางมาตั้งแต่ยังเด็กแม้กระทั่งพ่อแม่ของตนเองก็ไม่สนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ (พระเอกต้องการจะเป็นนักบินอวกาศซึ่งเป็นอาชีพที่สงวนไว้ให้พวกยีนส์เด่น) แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ต่อชาติกำเนิดเขาจึงยอมแม้กระทั่งไปสมัครงานเป็น "ภารโรง" เพื่อที่จะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศในศูนย์วิจัยทางอวกาศอันมีชื่อเสียง  และยอมเสี่ยงแม้กระทั่งใช้เงินซื้อพันธุกรรมของ "เจอโรม" ซึ่งเป็นอดีตนักว่ายน้ำโอลิมปิกซึ่งประสบอุบัติเสียขาทั้งสองขาจนต้องกลายสภาพเป็นคนพิการ       โดยการมาเจอกันของทั้งคู่นี้เปรียบเสมือนการเติมเต็มให้แก่กันและกัน  เพราะ "วินเซ็นต์" นั้นต้องการเอกลักษณ์และตัวอย่างพันธุกรรมของ "เจอโรม" เพื่อนำไปใช้เป็นใบผ่านในการเข้าทำงานกับสถาบันอวกาศระดับชาติ  ส่วน "เจอโรม" เองก็ต้องการเติมเต็มความฝันซึ่งแตกสลายของตนด้วยการให้ "วินเซ็นต์" นำชื่อและตัวตนของเขาไปสร้างชื่อเสียงให้คนทั้งโลกได้รู้จัก  และเมื่อทั้งสองต่างสามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้แก่กันได้เส้นทางสู่ความฝันของเจอโรมก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้อีกต่อไปแล้ว  ถ้าเผอิญไม่เกิดการฆาตกรรมอันอุกอาจขึ้นในศูนย์วิจัยแห่งนี้จนนำมาสู่การสืบสวนสอบสวน  ซึ่งมีโอกาสจะทำให้ตัวตนที่เข้าต้องการปิดซ่อนไว้ของ "วินเซ็นต์" เปิดเผยออกมา (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 13:57:40

ความคิดเห็นที่ 15 GATTACA หนังในดวงใจเลย จากคุณ : leito608 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 14:48:34

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบเรื่องนี้ครับ สนุกดี จากคุณ : เจ้าชายฟลุค เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 14:50:38

ความคิดเห็นที่ 17 คนเหล็ก 2 ตรงกับจินตนาการที่ว่าเหล็กไหลเก่งสุดๆ 555 จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 14:54:09 A:1.4.235.174 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 18 #14 ยังไม่เคยดูเรื่องนี้ แต่อ่านที่คุณเจไดเขียนแล้วนึกถึงสองอย่าง 1 Co-ordinator ในเรื่อง Gundam Seed 2 ภารโรงนาซ่า จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:19:25

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ^ ผมเคยจัดรอบฉายเรื่อง "Gattaca" ไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วครับถ้าสนใจก็ไปรับชมกันได้ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/06/X7948723/X7948723.html http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/10/X12767722/X12767722.html (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:55:35

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตครับ ส่วนตัว ชอบ กัตตาก้า กะ 13ฟลอร์ จากคุณ : zigma-x เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:17:13

ความคิดเห็นที่ 21 หลายเรื่อง ๆน่าสนใจมากครับ ยังไม่ได้ดู ต้องหามาดูบ้างแล้ว ตอนเด็กมีอีกเรื่องเคยดูแต่ผมจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร เนื้อหาน่าจะเป็นตอนสงครามเย็น จำได้ลาง ๆว่าคอมพิวเตอร์มันทรยศ มันส่งข้อมูลว่า รัสเซียจะโจมตีอเมริกา ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ จนอเมริกาต้องปรับระดับการป้องกัน และตัวคอมพิวเตอร์เอง ก็จะสั่งให้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีรัสเซียเหมือนกัน  ใครจำได้บอกชื่อเรื่องหน่อยครับ จะหามาดูอีกรอบ ... จากคุณ : Bound เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:30:39

ความคิดเห็นที่ 22 Supervolcano (BBC Docudrama) จากคุณ : Pomzazed เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:34:44

ความคิดเห็นที่ 23 total recall ครับ ไม่รู้วิทยาศาสตร์กี่เปอร์เซ็น จากคุณ : ฝุ่นอวกาศ เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:41:07

ความคิดเห็นที่ 24 Waterworld : 1995     หนังแอ็คชั่น-ไซไฟแนว "Apocalypse" (โลกในยุคมิคสัญญี) ของดารามากฝีมือในอดีตอย่้าง "เควิน คอสเนอต์" ที่นำเสนอพล็อตได้ดีเยี่ยมทีเดียวกับคำถามที่ว่า "มนุษย์จะทำอย่างไรเมื่อโลกถูกปกคลุมไปด้วยน้ำทั้งสี่ส่วน"  ทว่าแม้พล็อตจะดีเยี่ยมแค่ไหนแต่มันก็ต้องถูกจารึกว่าเป็นหนังเจ๊งกะบ๊งครั้งมโหฬารที่สุดของ "เควิน คอสเนอร์"  เพราะตัวหนังนั้นใช้ทุนสร้างมหาศาลแต่กลับทำรายได้แป๊กจนขาดทุนย่อยยับ       ทำให้เป็นหนึ่งในหนังที่เข้าข่ายถูกอาถรรพ์เกี่ยวกับน้ำและทะเลเข้าอีกเรื่องอย่างจังเบ้อเริ่ม  เพราะในช่วงยุค80-90'นั้นหนังฮอลลีวู้ดที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำหรือทะเลมหาสมุทรนั้นมักจะเจ๊งกะบ๊งแทบทุกรายไป  ต้องรอจนกระทั่ง "Pirate of the Caribbean" ที่ป๋าเด็ปส์แสดงนำเข้าฉายนั่นแหละครับจึงจะลบตำนานนี้ลงไปได้   ป.ล. เรื่องนี้ผมแนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยดูให้ไปหามาดูครับเพราะมีครบทั้งความเป็นไซไฟและแอ็คชั่นมันส์ๆ  ถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุกฆ่าเวลาได้เพลินๆครับไม่ว่าคุณจะเป็นคอไซไฟรึไม่ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:19:30

ความคิดเห็นที่ 25 นัวเนีย เอ๊ยนาเนียครับ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 55 17:22:36 จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:22:03

ความคิดเห็นที่ 26 Johnny Mnemonic : 1995     หนังไซไฟแนว "ไซเบอร์พังค์" ของพระเอกรุปหล่อขวัญใจสาวๆ "คีอานู รีฟ" นั่นเอง  กับไซไฟแนวไซเบอร์เนติคที่ว่าด้วยเรื่องราวในยุคอนาคตที่มีการนิยมใช้ "สมอง" ของมนุษย์เป็นสื่อเก็บข้อมูลดิจิตอล (ใครได้ดูหนังเรื่องนี้ในยุคปัจจุบันแล้วเห็น "ความจุขนาดมหึมา" ที่พระเอกมันโม้ไว้ในหนังคงจะฮาน้ำตาเล็ดแน่ๆ)  ซึ่งพระเอกของเรานั้นเป็นเจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลประเภทนี้  โดยจะเสนอบริการรับฝากข้อมูลสำคัญๆทุกอย่างโดยไม่เกี่ยวผู้จ้างวานเพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทนครับ  โดยเรื่องนี้เป็นไซไฟผสมกับแอ็คชั่นล้างผลาญซึ่งดูง่ายเหมาะสำหรับคอหนังทุกแนวครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:24:30

ความคิดเห็นที่ 27 Dark City : 1998     หนังไซไฟสุดแหวกแนวอีกเรื่องที่ได้รับแรงบันดาลใจเรื่องศิลปกรรมแบบ "อาร์ทเด็คโค" มาจาก "บราซิล" ของ "เทอร์รี่ กิลเลี่ยม"  ซึ่งตอนที่ฉายในบ้านเรานั้นดูจะไม่ค่อยได้รับความนิยมชมชอบจากนักดูหนังเท่าไหร่  แต่สำหรัีบใครที่ชอบพล็อตเรื่องแนวไซไฟ ฟิลม์นัวร์ แลลึกลับล่ะก็น่าจะลองหามาดูบ้างซักครั้งครับ  ซึ่งจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ผมคิดว่าไม่ใช่ที่พล็อตเรื่องแต่กลับเป็นการออกแบบและงานศิลป์ต่างๆที่ปรากฏในภาพยนตร์  อันทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปดูภาพยนตร์แนว "ฟิลม์นัวร์" ของฮอลลีวู้ดในสมัยก่อนครับ (นักสืบมีปม หญิงร้าย ชายโฉด พิศวาสฆาตกรรม) ป.ล. หลายคนอาจจะขัดใจตอนจบที่มันสรุปแบบห้วนๆ  และออกทะเลยันอวกาศมากไปหน่อย (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:28:03

ความคิดเห็นที่ 28 The Thing : 1982     หนัง "ไซไฟ-สยองขวัญ" ของผกก.ชื่อดังในอดีตอย่าง "จอห์น คาร์เพนเตอร์"  ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์มะริกันชนกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังทำงานวิจัยอยู่บริเวณแถบขั้วโลก  และได้พบเจอกับเชื้อไวรัสลึกลับจากนอกพิภพซึ่งจะกลืนกินทุกอย่างที่มันสัมผัสให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตสุดสะพรึง  โดยตอนที่เรื่องนี้ออกฉายใหม่ๆนั้นได้รับการยกย่องอย่างมากในเรื่องของเทคนิคพิเศษจากการรังสรรค์เจ้าตัวประหลาดสุดสยึ๋มชวนแหวะทุกครั้งที่ปรากฏตัวครับ ป.ล. ภายหลังได้มีหนังและซีรี่ย์จำนวนมากยืมพล็อตจากเรื่องนี้ไปใช้กันจนเกร่อเลยครับ  ประเภทนักวิจัยในสถานีอันห่างไกลไปพบไวรัสจากต่างดาวที่จะเปลี่ยนทุกอย่างซึ่งสัมผัสให้กลายเป็นตัวประหลาดไป  (ขนาดซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง "ดิ เอ็กซ์ไฟล์" ยังเคยยืมพล็อตนี้ไปใช้เลย) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:29:11

ความคิดเห็นที่ 29 2001: A Space Odyssey (1968)     หนังไซไฟ-อวกาศตัวพ่อระดับตำนานของผกก.สุดแนว "สแตนลีย์ คูบริก" ที่คอไซไฟทุกท่านห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง  ซึ่งความสุดยอดระดับตำนานของหนังเรื่องนี้มันมีมากมายจนผมไม่รู้จะยกนำมากล่าวอ้างได้เช่นไร  นอกจากคุณต้องลอมสัมผัสดูกับตาตนเองตั้งแต่ต้นจบจบเรื่องครับ  และคุณจะไม่เชื่อเลยว่าหนังเรื่องนี้ถูกสร้างมานานถึง 43 ปีแล้ว ป.ล. สำหรับผมแล้วหนัง 3 เรื่องซึ่งถือเป็นตำนานของวงการภาพยนตร์ไซไฟที่ไม่ควรพลาดจะมีอยู่ด้วยกันดังนี้คือ "Bladerunner" "Gattaca" และ "2001: A Space Odyssey" นั่นเองครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:30:14

ความคิดเห็นที่ 30 Back to the Futre : 1-3     สำหรับใครก็ตามที่มีอายุอานามตั้งแต่30ปีขึ้นไปและได้มีโอกาสดูหนังฝรั่งมาบ้างตั้งแต่เด็ก  ผมเชื่อว่าแทบทุกคนน่าจะเคยผ่านตาหนังเรื่องนี้กันมาแล้วกับ "เจาะเวลาหาอดีต"  ภาพยนตร์ไซไฟ-แฟนตาซีซึ่งอุดมไปด้วยความสนุกสนานและความตลกโปกฮาในเวลาเดียวกัน  ซึ่งความโด่งดังของเรื่องนี้จึงทำให้มันมีการสร้างออกมารวมทั้งหมด3ภาค  และได้กลายมาเป็นหนังแจ้งเกิดของดาราดังในอดีตอย่าง "ไมเคิล เจ ฟ็อกซ์" ไปโดยปริยาย  แต่ถ้าใครยังไม่เคยดูล่ะก็ผมแนะนำว่าอย่าได้พลาดเชียวครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:31:12

ความคิดเห็นที่ 31 Donnie Darko : 2001     หนังไซไฟที่มีพล็อตเกี่ยวกับการย้อนเวลาหาอดีตอันน่าจดจำอีกเรื่องหนึ่ง  ซึ่งถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง "The Butterfly Effect" มาก่อนคงจะคุ้นเคยกับพล็อตของเรื่องนี้ดี  ที่การย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตนั้นอาจจะไม่ได้ส่งผลดีต่ออนาคตที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นเสมอไป  โดยเรื่องนี้ก็มีแนวคิดแบบเดียวกันเพียงแต่ทำออกมาได้ดีกว่า "The Butterfly Effect" หลายขุมครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่ จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:31:55

ความคิดเห็นที่ 32 "Natural City" ("เบลดรันเนอร์"ฉบับแดนกิมจิ)    ตอนแรกที่ได้มีโอกาสดูหนังไซไฟจากแดนกิมจิเรื่องนี้จนจบ  ผมกลับมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาในสมอง  อย่างแรกคือไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ทางผู้สร้างเล่นลอกแบบแนวคิดและโครงเรื่องของ "เบลดรันเนอร์" มาแทบจะทั้งดุ้น  แต่อย่างที่สองกลับรู้สึกแอบพอใจอยู่ลึกๆ (แม้จะเป็นส่วนน้อย!) ที่ผู้สร้างจากแดนกิมจิได้ยัดเอาฉากที่เราอยากเห็น (บ้าง!) ในเบลดรันเนอร์ลงไปในหนังไซไฟจากแดนกิมจิเรื่องนี้      นั่นก็คือฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ประเภทระเบิดภูเขาเผากระท่อมแลยิงกันหูดับตับไหม้  อย่างไม่เสียดายค่ากระสุนและความยุ่งยากในการเขียนรายงานส่งผู้บังคับบัญชาของเหล่าตำรวจหัวปิงปองทั้งหลาย การตามล่าและต่อสู้กันอย่างถึงเลือดถีงเนื้อระหว่างมนุษย์เทียมและมนุษย์ผู้ล่า  ซึ่งถ้าใครเคยดู "เบลดรันเนอร์" มาแล้วและไม่ชอบในความเข้าถึงยากจนชวนง่วงหงาวหาวนอนของมันล่ะก็คุณอาจจะกลับลำมาลองดูเรื่องนี้ต่อก็ได้ครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:33:49

ความคิดเห็นที่ 33 The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy จากคุณ : Beautiful Eagle เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 19:34:57

ความคิดเห็นที่ 34 ยอดมนุษย์คอมพิวเตอร์ จากคุณ : ksk เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 19:43:41

ความคิดเห็นที่ 35 #21 War Games (1983) ผมเคยอ่านหนังสือและดูหนังเรื่องนี้เหมือนกันครับ http://www.imdb.com/title/tt0086567/ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 55 19:45:26 จากคุณ : Elittile เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 19:44:02

ความคิดเห็นที่ 36 #35  ขอบคุณครับ ... จากคุณ : Bound เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 19:47:15

ความคิดเห็นที่ 37 The Matrix: Reloaded จากคุณ : Peet Reloaded เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 20:12:16

ความคิดเห็นที่ 38 ลงชื่ออ่านกลัวหาย จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 21:03:04

ความคิดเห็นที่ 39 ลงชื่อ ผมชอบ Terminator 1-2-3 ตอนนี้กำลังเขียน นิยายsifi ที่ได้ไอเดียจากเรื่องนี้อยู่ล่ะ ปล. คุณเจไดหนุ่มจัดเต็มจริงๆ ^^  ไว้จะไปไล่หาดูนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : sillfai เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 22:50:17

ความคิดเห็นที่ 40 แนะนำหนังทีวีชุด Twilight zone มีเรื่องเกี่ยวกับ sci-fi เยอะ และดีๆทั้งนั้น ดูแล้วอึ้งหลายตอน จากคุณ : kakratoo เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 23:22:27 A:101.108.108.245 X: TicketID:350001

ความคิดเห็นที่ 41 The Matrix Trilogy  ครับ   อาจเป็นเพราะเรื่องนี้มีความเป็นปรัชญาแฝงอยู่ว่าด้วยเรื่องของมนุษย์ที่ถูกกักขังไว้ในโลกนึง  ซึ่งมีโลกที่แท้จริงอยู่นอกเหนือจากโลกที่กักขังมนุษย์ไว้ เพราะผมเคยอ่านเรื่องคล้ายๆ ทำนองนี้มาก่อนคือซีรีย์  "Ring - Spiral - Loop"  แล้วรู้สึกติดใจกับแนวคิดนี้  ประมาณว่าโลกที่เราคิดว่ารู้จักดี  แท้จริงยังมีโลกที่เรายังไม่รู้จักอยู่อีกมาก  ประมาณว่าทุกวันนี้เราอยู่ในโลก 3 มิติ  แต่บางทีอาจยังมีโลกมิติที่ 4 , 5 , 6 , ...  ไปอีกก็ได้   เคยได้ยินคำกล่าวประมาณว่า   "ทุกวันนี้เรากำลังถูกหลอกให้สับสน  ด้วยมายากลอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ"  (จำไม่ค่อยได้นะครับ  หากผิดรบกวนแก้ให้ด้วยครับ) จากคุณ : Dreammaker_Toon เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 00:06:41

ความคิดเห็นที่ 42 :::แชร์ มีภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์เรื่องไหนบ้างที่ตรงกับจินตนาการ ที่ว่ามาข้างบนดูแล้วทุกเรื่องละ่ แต่ไอเดียที่ว่า ชอบสุดๆ เป็น ตอนนึงของ demolition man เป็นบทรัก ว่างั้นเถอะ เป็นจินตนาการล้วนๆ  อยากมีเซกส์ กับใคร ก็สวมหมวก อิ อิ จากคุณ : juti เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 02:07:26

ความคิดเห็นที่ 43 คุณเจไดดูหนังคล้ายๆผมเลย แต่ผมไม่ค่อยชอบ Blad Runner เท่าไร ชอบ Gattaga Contact 2001 มาก จากคุณ : vijit_t เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 16:10:59

ความคิดเห็นที่ 44 ประทับใจ 2010 Odessey II มากที่สุด โพรมีธีอุส..เสียดายตังค์ หนังเกรดBชัดๆ จากคุณ : ลิงจุ่น เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 20:51:06

ความคิดเห็นที่ 45 ได้ดูหลายเรื่องที่คุณเจไดโพสต์ จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 11:47:46

ความคิดเห็นที่ 46 เจาะเวลาหาอดีตอีกเสียงค่ะ ดูตั้งแต่ตอนอนุบาล 555+ ปล.ตอนนี้อายุจะ 24 ละ จากคุณ : ~เด็กหญิงฟันหน้าสามซี่~ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 55 15:05:09