WingMaker นิยายวิทยาศาสตร์แนวจิต + มนุษย์ต่างดาว

    จาก
    http://www.palungjit.com/board/showthread.php?s=&postid=4984#post4984

    จากคุณ : NaCl - [ 6 ส.ค. 46 08:47:54 ]

 
 

        ความคิดเห็นที่ 1

        Wingmakers : Introduction and Chapter 1

        บทนำเรื่อง

        ในปี 1940 เกิดอุบัติเหตุจานบินตกหลายต่อหลายครั้ง รัฐบาลจึงมีนโยบายจัดตั้งองค์การลับขึ้นเพื่อเหตุนี้โดยเฉพาะ เป็นศูนย์วิจัยสำหรับโครงการพิเศษ มีหน้าที่ในการกอบกู้, เก็บรักษา และวิจัยเทคโนโลยี ต่างดาวจากยานที่กู้มาได้ ซึ่งถูกปิดเป็นความลับสุดยอดยิ่งกว่าศูนย์วิจัยใดๆทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา.

        ศูนย์วิจัยแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินหาดทรายใกล้เขตปาล์มสปริงส์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สถานที่แห่งนี้มีการปิดกั้นอย่างแน่นหนา ภายในบริเวณโดยรอบถูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่านักวิจัยระดับหัวกะทิที่ทำงานในศูนย์วิจัยแห่งนี้ ซึ่งแต่ละคนจะถูกจัดระดับรักษาความปลอดภัยไว้มากน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของบุคคลนั้นๆ

        ปี1950 ช่วงสงครามโลก โครงการใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับต่างดาวถูกจัดเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและชาวโลก ดังนั้นองค์การ ACIO (Advanced Contact Intelligence Organization) จึงมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องตรวจสอบ,วิจัยทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่อเค้า ว่าจะเป็นเทคโนโลยีของต่างดาวและค้นหาวิธีที่จะนำเทคโลยีนั้นมาประยุกต์ใช้ในการผลิตอาวุธจรวดมิสไซล์, ระบบนำวิถี, เรดาร์ เครื่องบินรบ, เครื่องสื่อสารเพื่อใช้ในการรบและการสอดแนม ในช่วงกลางปีนั้นมีการกู้ซากจานบินตกหลายครั้ง และมีการค้นพบมนุษย์ต่างดาวที่รอดชีวิตหลายรายด้วย

        เหตุการณ์จานบินตกไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ในสหภาพโซเวียต และอเมริกาใต้ก็มีอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆเช่นกัน ที่ประเทศโบลิเวียมีชายคนหนึ่งค้นพบซากจานบินและได้ถอดอุปกรณ์นำทางของมันมาด้วย นายเปาโล เนรูด้า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้า ACIO ได้รับชิ้นส่วนนั้นจากเขา ทางองค์การรู้สึกทึ่งในความสามารถของเขาจึงมอบตำแหน่งการงานใน ACIO ให้เขาเป็นการตอบแทนในทันที

        เปาโล เนรูด้ากับเจมิสสัน,ลูกชายอายุ 4 ขวบของเขา เปลี่ยนสัญชาติมาเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกาในปี 1955 เปาโลได้รับตำแหน่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน ACIO ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1977 ลูกชายของเขา เจมิสสัน ได้เข้าร่วมใน ACIO หลังจากที่พ่อเขาเสียชีวิตไปไม่นาน และได้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์ เขาช่ำชองในเทคโนโลยีการแปลและถอดรหัสลับต่างๆ เนรูด้าหนุ่มมีพรสวรรค์และรอบรู้ในเรื่องภาษา - คอมพิวเตอร์ - สิ่งมีชีวิตต่างดาว และมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนหัวใจหลักในการทำงานกับ ACIO

        จากการค้นพบมนุษย์ต่างดาวที่รอดชีวิตในปี 1950 ทาง ACIO ได้สร้างแผนงานใหม่ที่มีชื่อว่า Technology Transfer Program (TTP) ขึ้นมา มันเป็นโครงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับมนุษย์ต่างดาว 2 เผ่าพันธุ์ เซต้า เรติคูลี่ (Zeta Reticuli) และ คอร์เทียม (Corteum) เทคโนโลยีบางอย่างจากมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ ทาง ACIO ได้ใช้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับองค์กรอื่นๆในรัฐบาล สำหรับความช่วยเหลือและสิทธิพิเศษต่างๆ ACIO ได้รับความไว้วางใจ และอิสระในการจัดการกับเทคโนโลยีทุกชนิด ที่มาจากการโครงการดังกล่าว แผนงานในครั้งนี้เน้นไปในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เพื่อการผลิตอาวุธสงครามเหมือนที่ผ่านมา และบางส่วนได้ถูกนำไปเผยแพร่เพื่อสาธารณะประโยชน์ เช่น วงจรไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงและเลเซอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำยุคในตอนนั้น ก็เป็นผลงานจากโครงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีของ ACIO เช่นกัน.





        จากคุณ : NaCl - [ 6 ส.ค. 46 08:48:07 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 2

        บทที่ 1

        การค้นหาในทะเลทราย


        ทฤษฎีวิวัฒนาการของพวกท่านมีแบบแผนมาจากกลไกจักรวาลที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคเล็กๆมากมายกลายเป็นรูปธรรมทั้งหลายที่พวกท่านสามารถรับรู้ได้ผ่านโดยผ่านทางอวัยวะหรือเครื่องมืออื่นๆ. เราจะบอกความจริงเกี่ยวกับจักรวาลแก่ท่านว่าสิ่งที่ท่านเรียกว่า'ความเป็นจริง'ที่ท่านรับรู้อยู่ในขณะนี้ยังไม่ถูกต้องตามแบบที่มันเป็น เพราะความเป็นจริงนั้นมิสามารถรับรู้ได้โดยอวัยวะหรือเครื่องมือใดๆก็ตามที่ท่านรู้จัก มีเพียงแต่ประสัมผัสในตัวท่านที่รู้สึกถึงความเป็นสากลและเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้นที่จะทำให้ค้นพบ 'ความเป็นจริง 'นั้นได้. แต่ในขณะนี้ท่านยังมิสามารถรับรู้ถึงความเป็นสากลได้ เพราะท่านยังมิได้เรียนรู้เกี่ยวกับจักรวาลหลายมิติซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน. เมื่อเครื่องนำทางสู่ความเป็นสากลได้เปิดเผยตัวเองออกมาในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้. ท่านจะได้ลบล้างความเข้าใจเดิมและรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของท่าน, และเมื่อถึงเวลานั้นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์จะเผยออกมา ราวกับสายธารแห่งแสงที่ไหลออกมาจากเมฆหมอกอันมืดมน.

        คัดลอกและแปลมาจากบทปรัชญาตอน 'เครื่องนำทางสู่ ความเป็นสากล' จากห้องที่ 12 ของ วิงเมคเกอร์ส


        หลายครั้งที่เจมิสสัน เนรูด้ารู้สึกประหลาดใจกับงานของเขา ภายใต้แสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะมีวัตถุลึกลับชิ้นหนึ่งวางอยู่ มันถูกค้นพบในแถบทะเลทรายใกล้ หุบเขาชาโคแคนยอน ทางตอนเหนือของนิวแม็กซิโกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา และตอนนี้หลังจากสามวันอันแสนเหน็ดเหนื่อยจากการวิจัย ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเจ้าวัตถุชิ้นนี้ไม่ได้มาจากโลกนี้อย่างแน่นอน

        เนรูด้าได้รวบรวมบันทึกทั้งหมดที่เกี่ยวกับเจ้าวัตถุประหลาดนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว นักเรียนสองคนซึ่งเป็นผู้ค้นพบวัตถุชิ้นนี้ระบุลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของมัน คือ เมื่อถือหรือแตะมันเพียงเล็กน้อยจะเกิดอาการเพ้อเห็นภาพหลอน ซึ่งพวกเขาประสบมาด้วยตนเอง แต่สำหรับเนรูด้า ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร เขาก็ไม่ได้เห็นภาพหลอน หรือมีอาการดังกล่าวเลย เขาเดาว่าเด็กสองคนนั้นอาจจะเสพยาเสพย์ติดเข้าไปเลยมีอาการดังกล่าว ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมดข้อสงสัยเรื่องภาพหลอน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครกล้าแย้งเรื่องที่ว่าวัตถุชิ้นนี้มาจากโลกอื่น

        เวลาประมาณตีสองแล้ว ดวงตาดำขลับของเนรูด้าเริ่มหรี่ลงเพราะอดหลับอดนอน หลังจากการเปรียบเทียบเครื่องหมายไฮโรกลิฟฟิค
        บนวัตถุกับเครื่องหมายของโบราณของชาวสุเมเรียนและตัวหนังสือแบบ ลิเนียร์ บี แต่ก็ไม่มีแบบไหนคล้ายเครื่องหมายที่ว่านั่นเลย หลังจากสามวันในการเปรียบเทียบตัวอักษรเหล่านี้ เขาลงมติเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้ได้เพียงอย่างเดียวว่า : มันไม่ได้มาจากโลกนี้

        มติดังกล่าวเป็นหัวข้อหน้าแรกในรายงานของเขา...

        เนรูด้านวดตาเบาๆก่อนที่จะมองลงไปในกล้องจุลทรรศน์อีกครั้ง เขาตรวจสอบดูพื้นผิวโลหะที่เป็นสีเงิน และรอยเครื่องหมายสีทองแดง วัตถุชิ้นนี้บรรจุเส้นริ้วบางๆนับพันเส้นเกาะรวมกันคล้ายกับ เส้นประสาทที่นำมาร้อยรวมกันเป็นก้อน มีรูปอักขระเล็กๆต่างกัน 23 ตัว ติดอยู่ ขนาดของมันเท่าๆกับกล่องรองเท้าของเด็กเล็ก แต่น้ำหนักของมันหนักกว่าแตงโมพันธุ์บลูริบบอนเสียอีก มวลความหนาแน่นของมันใกล้เคียงกับตะกั่ว แต่มันก็ไม่ใช่ตะกั่วอีกนั่นแหละ...

        คงจะเป็นลวดลายอักขระหรืออาจเป็นเพราะเส้นริ้วบางๆเหล่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกหลงใหลในตัวมัน เขาไม่เคยพบเห็นรูปอักษรที่ดูซับซ้อนเช่นนี้มาก่อนเลย

        " เราพบอะไรบางอย่างแล้วค่ะ. "

        เอมิลี่ ดอว์สัน ยื่นหน้าของเธอเข้าไปในห้องทำงานของเนรูด้า มือกำถ้วยกาแฟอุ่นๆเอาไว้แน่นเพื่อคลายความหนาวเย็น ผมยาวสีน้ำตาลที่เคยรวบไว้เรียบร้อยตามปกติ กลับดูยุ่งเหยิง บ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยที่เธอเผชิญอยู่ได้ดียิ่งกว่าดวงตาอันอ่อนล้าคู่นั้นเสียอีก

        " ที่นี่ไม่มีใครได้หลับได้นอนกันบ้างเลยหรือไงนะ? " เนรูด้ากระเซ้าพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างกวนๆ

        " ก็ได้ค่ะ, ถ้าคุณไม่สนใจว่าเราค้นพบอะไรแล้วล่ะก็... " เธอหรี่เสียงลงจนเหมือนกระซิบ

        เนรูด้าอมยิ้มอย่างรู้ทัน เขาชอบบุคคลิกที่ดูเงียบขรึมของเอมิลี่ มันดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด รวมทั้งนิสัยที่ไม่ชอบขัดใจใครๆของหล่อนนั่นก็ด้วย

        " เอาล่ะ, คุณพบอะไร? "

        " คุณต้องตามฉันมา. แอนดรูว์กำลังเช็คดูอยู่ ว่าเขาคำนวณถูกต้องหรือเปล่า, แต่ฉันรู้สึกว่า เขามั่นใจ 100% ว่ามันถูกต้องแน่นอน. "

        " แล้วมันคืออะไรกันล่ะ? "

        " แอนดรูว์สั่งไว้ว่า ห้ามฉันบอกคุณจนกว่าคุณจะไปที่แล็บเองค่ะ -- "

        " แอนดรูว์คงลืมไปแล้วว่า ผมเป็นผู้ดูแลของเขา ที่จริงเขาก็ลืมไปสองครั้งแล้วเมื่อเช้านี้ และผมก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดียิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะตอนที่ผมทั้งเหนื่อยและหิวแบบนี้. "


        " ไม่นานหรอกค่ะ มาเถอะ. " เธอพักจิบกาแฟเล็กน้อย " ฉันจะทำกาแฟร้อนๆกับขนมซินเนมอนมาให้คุณเอง " เธอยื่นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธให้เขา เนรูด้ายิ้ม พร้อมกับผละตัวเองออกมาจากโต๊ะทำงาน

        " อ้อ, เอาเจ้านั่นไปด้วยนะคะ " เธอบอก " แอนดรูว์ต้องการมันด้วย "

        ผมของเนรูด้าตกลงมาปิดตาขณะที่เอื้อมตัวลงไปหยิบก้อนวัตถุ เขาหนีบมันไว้ใต้แขนเหมือนลูกฟุตบอล แต่ด้วยน้ำหนักของมันทำให้เขาเซไปครู่หนึ่ง

        เนรูด้าเป็นชาวโบลิเวียน เขามีรูปลักษณ์ใบหน้าอันโดดเด่นที่ดูสง่า อ่อนโยน ผมยาวเหยียดตรงและดกดำ นัยน์ตาเขาคล้ายบ่อน้ำอันลึกลับภายใต้แสงจันทร์ ที่ไม่อาจหยั่งความลึกได้ จมูกและริมฝีปากของเขาราวกับงานแกะสลักของไมเคิล แองเจโล ทุกๆอย่างในตัวเขาล้วนแต่ปลุกความรู้สึกอันแรงกล้าแก่ผู้พบเห็น

        ขณะที่ทั้งสองเดินออกไปยังประตู, เอมิลี่ปัดผมของเขาออกไปด้านข้างดังเดิม " เดี๋ยวฉันเอากาแฟไปให้คุณที่แล็บนะคะ. "

        " ขอครีมชีสบนขนมของผมด้วยนะ. " เนรูด้าบอก, พร้อมกับเดินบ่นอุบอิบไปที่ห้องแล็บของแอนดรูว์ ผู้ช่วยจอมยุ่งคนสำคัญของเขา

        ทางเดินใหญ่ห้องโถงของ ACIO ในตอนนี้ดูสะอาดสะอ้านและเงียบกริบ กำแพงคอนกรีตสีขาว และพื้นหินอ่อนสีขาว ดูเงางามภายใต้แสงไฟฮาโลเจน กลิ่นหอมจากนำยาทำความสะอาดกรุ่นอยู่ในอากาศ เนรูด้าได้ยินเสียงท้องเขาร้องก้องไปในความเงียบกริบตามทางเดิน
        เขาลืมทานมื้อเย็น.อีกแล้ว.

        " ในที่สุด! " แอนดรูว์โพล่งขึ้นทันทีที่เนรูด้ามาถึง เขาติดนิสัยไม่เคยสบสายตากับคนที่เขาพูดด้วย เนรูด้ารู้สึกชอบพฤติกรรมนั้นลึกๆ มันทำให้เขารู้สึกเป็นกันเองอย่างประหลาด

        " เจ้าก้อนบ้านี่มันเหลือเชื่อจริงๆ. "

        " หมายความว่าไง? " เนรูด้าถาม

        แอนดรูว์ไม่ละสายตาไปจากแผนผังที่อยู่ตรงหน้าเขา " ผมหมายถึง ผลจากการวิจัยพื้นผิวของมันแสดงว่า มันถูกสร้างขึ้นมาและสร้างอย่างประณีตมากซะด้วย ตรงเส้นที่เห็นยุ่บยั่บนั่นจริงๆแล้วเป็นลวดลายของมัน คุณเห็นมั้ยครับ? เราไม่เคยตั้งจุดบนแผนผังให้ละเอียดเพื่อที่จะดูลวดลายพวกนี้ให้ชัดๆมาก่อน บ้าจริง! พวกเราเดินผิดทางมาตลอดเลย "

        " แล้วลวดลายพวกนั้นเป็นอย่างไรล่ะ? " น้ำเสียงของเนรูด้าข่มความรู้สึกใจร้อนเอาไว้

        แอนดรูว์แสดงภาพแผนผังใหญ่ตรงหน้าเขา มันดูเหมือนแผนที่ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศแถบเชิงเขา

        เนรูด้าเริ่มมองเห็นลายเหล่านั้น " นี่เป็นพื้นผิวทั้งหมดโดยรอบของวัตถุหรือ? "

        " ครับ. "

        " คุณแน่ใจนะ? "

        " ผมตรวจสอบดูสองครั้งแล้วครับ แถมเครื่องคอมพิวเตอร์ก็แสดงผลออกมาเหมือนกันเดี๊ยะ. "


        จากคุณ : NaCl - [ 6 ส.ค. 46 08:48:43 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 3

        เนรูด้าวางก้อนวัตถุลงบนโต๊ะเสียงดังผลุ ข้างแผนผังของแอนดรูว์

        " มีโอกาสผิดพลาดหรือเปล่า? "

        " ไม่มีทางครับ. "

        " คุณตั้งความละเอียดไว้ประมาณเท่าไหร่? "

        " .0025 ไมครอน ครับ. "

        " แล้วความละเอียดระดับอื่น แสดงผลเหมือนกันหรือเปล่า? "

        " อันนั้นผมไม่แน่ใจ. ผมถึงได้เรียกให้คุณมาพร้อมกับเจ้าตัวประหลาดจิ๋วนั่นไง. ผมจะได้ลองตรวจในระดับอื่นดู เราจะได้เห็นว่ามีอะไรเพิ่มมาอีกมั้ย. "

        " คุณคิดว่ามันหมายความว่าอย่างไร? "

        " หมายความว่า... ไอ้ก้อนนี่มันไม่ได้มาจากแถวๆนี้ไงครับ " แอนดรูว์หัวเราะพร้อมกับหยิบก้อนวัตถุไปวางบนแผ่นโลหะของเครื่องตรวจสอบ

        อุปกรณ์ตรวจสอบชิ้นนี้ เรียกว่า เซอร์เฟส แม็ปปิ้ง โทโปกราฟเฟอร์(SMT) ใช้สำหรับสแกนภาพพื้นผิวของวัตถุต่างๆและแสดงผลออกมาทางจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดทุกตารางเซนติเมตร คล้ายๆกับเครื่องตรวจสอบลายนิ้วมือของกรมตำรวจ แต่เครื่องรุ่นนี้ของ ACIO สามารถแสดงผลออกมาเป็นภาพ 3 มิติ และสามารถใช้ตรวจอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากๆได้ด้วย

        เนรูด้าเอนตัวเข้าไปดูตารางแสดงผลขนาดเท่าแผ่นภาพโปสเตอร์ ขณะที่แอนดรูว์กำลังจัดตำแหน่งวัตถุให้เข้าที่เข้าทาง

        " ไม่ใช่ของพวกเซต้า หรือคอร์เทียมแน่นอน "

        " และมันก็ไม่ใช่ผลงานของมนุษย์ทั้งในอดีตและในปัจจุบันนี้ด้วย " แอนดรูว์พูดเสริม

        " แต่ลวดลายของมันนี่...ถ้าไม่ผิดล่ะก็. มัน.. มันต้องเป็นแผนที่ภูมิประเทศอะไรซักอย่าง. ไม่แน่มันอาจจะเป็นแผนที่สำรวจก็ได้. "

        " เอาเป็นว่า มันคือ วัตถุของต่างดาว, ไม่ใช่พวกเพื่อนๆต่างดาวที่เราเขียนการ์ดวันคริสมาสต์ไปให้หรอกนะ " แอนดรูว์ยิ้ม, " แต่เป็นมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนึงที่เคยมาเยือนโลกเมื่อนานมาแล้ว และต้องเป็นประเภทบ้าเขียนแผนที่ให้กับพรรคพวกที่อยู่ในโลกนี้ด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็คงเบื่อนิวแม็คซิโก -- แล้วก็ไม่ต้องการเจ้าแผนที่นี้อีก เลยทิ้งเอาไว้ -- ผมว่านะ. "

        " แต่มันถูกพบบนพื้นดินนะ, " เนรูด้าเตือน " บางคนหรือบางสิ่ง จงใจวางมันเอาไว้ที่นั่น, หรือไม่อย่างนั้นมันก็คงถูกฝังอยู่ใต้ดินไปแล้ว "

        " มันอาจจะขุดตัวเองขึ้นมาจาการถูกฝังก็ได้. " เสียงแอนดรูว์เบาลงจนเหมือนกระซิบ

        เนรูด้าเอนตัวไปข้างหลัง, รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง. เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ, ยื่นมือไปข้างหลังจนสุดแล้วยืดเส้นยืดสายอยู่พักหนึ่ง. แล้วนวดต้นคอ, เขาส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ " คุณว่าไม๊, บางทีพวกเขาอาจจะมีอารมณ์ขันก็ได้ "

        " หรือพวกเขาอยากจะแกล้งผู้รับเคราะห์ให้หัวปั่นเล่นๆ, " แอนดรูว์เสนอ " คุณจำเรื่องที่เราเคยเจอจากพวกเซต้าได้หรือเปล่า? "

        " แต่กรณีนี้มันต่างกันลิบลับเลยนะ. รูปแบบภาษาของเผ่าพันธุ์นี้ดูเหมือนพวกเขาใช้โทรจิตได้. แล้วทำไมพวกเขาต้องสร้างภาษาเขียนที่ซับซ้อนแบบนี้ขึ้นอีก? "

        " บางทีมันอาจจะไม่ใช่ทั้งภาษา หรือแผนที่. มันอาจจะเป็นงานศิลป์ชนิดหนึ่งของพวกเขาก็ได้ "

        " ไม่น่าจะใช่นะ. มันดูเหมือนกับพวกเขาพยายามสร้างภาษาสื่อสารหลายมิติ ที่เชื่อมโยงหลักทางคณิตศาสตร์ของพวกเขาเข้ากับตัวอักษร เพื่อใช้ในการสื่อความหมายที่แฝงอยู่ลึกๆ. มันไม่ใช่การแกล้งหรอก. ผมรู้สึกอย่างนั้น "

        " ช่าย, แต่พวกเราก็ยังเป็นเพียงไอ้หน้าโง่ที่ไม่สามารถเข้าใจมันได้ "

        " และเราก็เหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น. "

        " ใช่, แต่เมื่อวันแรกยังแย่กว่านี้อีกนี่ ตอนนั้นเรายังไม่มีเป้าหมายอะไรเลยด้วยซ้ำ "

        ประตูห้องแล็บเปิดออก เอมิลี่เดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟและขนม " ต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมคะคุณสุภาพบุรุษ ก่อนที่ฉันจะขอตัวไปพัก? "

        " ขอบคุณมากๆเลย, " เนรูด้าตอบ

        " ด้วยความยินดีค่ะ. แล้วคุณมีความเห็นว่ายังไงคะเกี่ยวกับภาพนี้ "

        " ทุกอย่างมันเริ่มยุ่งยากขึ้นกว่าเดิมอีก. "

        " คุณดีใจอย่างนั้นซิ, " เอมิลี่ล้อเขา

        " พวกเขาแฝงรูปแบบคำนวนทางคณิตศาสตร์บางอย่างเอาไว้ในตัวอักษรพวกนี้ หรือไม่เจ้าวัตถุชิ้นนี้ก็เป็นแผนที่ภูมิประเทศอย่างละเอียด. "

        เอมิลี่วางถาดใส่กาแฟไว้ใกล้ๆกับก้อนวัตถุ, โดยระมัดระวังที่จะไม่แตะต้องมัน. " ฉันสนับสนุนเรื่องที่ว่ามันเป็นแผนที่ค่ะ เพราะฉันไม่ถูกกับคณิตศาสตร์เอาเสียเลย. " เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสาที่สุด เนรูด้ารู้สึกเหมือนเธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ไปชั่วขณะ.

        เอมิลี่เป็นสมาชิกน้องใหม่ของ ACIO. เธอกลายเป็นจุดสนใจของเนรูด้าตั้งแต่ตอนที่เขาได้อ่านหนังสือรวบรวมวัฒนธรรมชาวสุเมเรียน,ที่เธอแต่งไว้ตั้งแต่ยังเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

        เธอต้องลาออกจากเคมบริดจ์ ในช่วงที่เธอป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดหนึ่ง เธอตกอยู่ภายใต้ความกดดันในระยะพักฟื้นจากรอยแผลที่โรคร้ายทิ้งเอาไว้ มันกัดกินทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ. เมื่อสองปีที่แล้ว, ACIO ได้ว่าจ้างเธอจากการสนับสนุนของเนรูด้า และเขาก็รับเธอมาดูแลในฐานะเป็นที่ปรึกษาของหล่อน.

        " คุณพอใจกับผลวิจัยจริงๆใช่มั้ยคะ? " เอมิลี่ถาม, ค่อนข้างจริงจัง

        " เอาน่า, หัวหน้า " แอนดรูว์พูดสอด " เผาผลาญไขมันส่วนเกินในตอนกลางคืน, ดื่มกาแฟ กินโดนัททุกมื้อ แล้วก็ไม่ต้องใส่แว่นกันแดดเลย.... อะไรจะดีไปกว่านี้อีก? "

        แอนดรูว์เป็นวิศวกรประเภทหลุดโลกขนานแท้ เขาทั้งเคร่งเครียด ทั้งใจร้อน แต่ฉลาดหลักแหลม พูดจาโฉงฉางเป็นนิสัย แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาดูโทรมๆอยู่เป็นประจำ เขาเลือกที่จะเอาเวลาไปทำงานใหญ่ และแก้ไขปัญหาในงานนั้นๆ มากกว่าที่จะไปทำกิจวัตรประจำวันที่ดูเสียเวลาเปล่า อย่างการแปรงฟันและหวีผมเผ้าให้เรียบร้อยเหมือนคนอื่นๆ.

        เนรูด้าจิบกาแฟพร้อมกับมองไปที่แผ่นตารางอยู่ครู่หนึ่ง เขายังคงข้องใจเรื่องลวดลายพวกนี้อยู่ มันดูสมบูรณ์เกินไป ถ้ามีใครจงใจซ่อนรหัสความหมายไว้ในภาษาพวกนี้ พวกเขาก็ควรจะออกแบบให้มันซับซ้อนน้อยลงกว่าที่เห็นอยู่ และที่สำคัญจุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไรกันแน่?

        " ผมว่าเราลองลดความละเอียดจาก .001 ลงไปเป็น .0005 ไมครอน ดูก่อน. แล้วบอกแฮนเดอร์สันให้เขาช่วยเอาแผนที่สำรวจภูมิประเทศมาด้วย. ไม่มีปัญหาใช่มั้ย แอนดรูว์? "

        " ได้ครับไม่มีปัญหา, แต่บอกผมก่อนได้ไหมว่าคุณตั้งใจจะค้นหาอะไร? "

        " ผมไม่รู้ " เขาตอบ แล้วจ้องดูที่แผ่นตารางต่อไป " ผมไม่รู้นะ บางทีมันอาจจะเป็นแผนที่จริงๆก็ได้ "

        " รอไว้ทำต่อตอนเช้าไม่ได้เหรอครับ? "

        " แหม กาแฟที่ดื่มก็เสียไปเปล่าๆเลยน่ะสิ? " เนรูด้าพูดพร้อมกับยิ้มกว้างๆ แล้วเขาก็บอกราตรีสวัสดิ์กับผู้ช่วยของเขาทั้งสอง ตัวเขาเองก็เหนื่อยเต็มทนเช่นกัน

        ขณะที่เดินออกไป เนรูด้าเห็นแสงไฟลอดออกมาจากห้องทำงานของ " ฟิฟทีน(Fifteen) " ผู้อำนวยการของ ACIO ผู้ได้รับสมญานามว่า นกฮูกราตรีและเป็นคนที่ติดงานอย่างหนัก แต่ว่าตอนนี้ตีสามแล้ว นับว่าดึกมากๆ เมื่อเทียบกับเวลาทำงานที่เขาทำอยู่เป็นประจำ

        เนรูด้าเคาะประตูเบาๆก่อนเปิดเข้าไปในห้อง ฟิฟทีนนั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์,ครุ่นคิดอยู่กับงาน. เขายกมือเป็นการส่งสัญญาณว่าเข้ามาได้ แต่แฝงความหมายว่ารอสักครู่ก่อน หลังจากเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดเงียบลง ฟิฟทีนจึงหันมามองเนรูด้า

        ด้วยอายุที่ย่างเข้าหกสิบ, ฟิฟทีนเป็นผู้นำที่ได้รับความเคารพจากทุกๆคน มากว่า 30 ปีแล้ว. เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานใน ACIO ต่างยกย่องว่าเขาเป็นผู้ที่มีความคิดฉลาดล้ำที่สุดในโลก.

        ฟิฟทีนได้รับสมญานามนี้จากระดับรักษาความปลอดภัยของเขา. ใน ACIO มีการแบ่งระดับรักษาความปลอดภัยที่พนักงานแต่ละคนจะได้รับต่างๆกันไปแต่ในละตำแหน่ง ระบบนี้ควบคุมเรื่องการรับรู้ข้อมูลต่างๆในองค์การซึ่งมีอยู่ 15 ระดับ ดังนั้นฟิฟทีนจึงอยู่จุดสูงสุดในการรับรู้ข้อมูลทั้งหมด

        ด้วยเหตุที่ว่า ACIO เป็นผู้พัฒนาความรู้วิทยาศาสตร์แขนงใหม่ล้ำยุค มีระบบข้อมูลต่างๆที่สำคัญมากมาย และด้วยสิทธิพิเศษในการใช้งานเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก ดังนั้นทุกๆข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์หลักขององค์การ ต้องได้รับการจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยเข้มงวดยิ่งกว่าทองใน ฟอร์ท น็อกซ์ เสียอีก. ฟิฟทีนจึงเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในโลกที่ได้รับสิทธิ์ปลอดการควบคุมการรับรู้ข้อมูลระดับ 15 ซึ่งทำให้เขาสามารถรับรู้เกี่ยวกับทุกๆเรื่องที่ดำเนินอยู่ใน ACIO ได้อย่างสมบูรณ์

        เนรูด้านั่งลงที่เก้าอี้หนังที่อยู่ตรงข้ามฟิฟทีน, รอสัญญาณที่จะอนุญาตให้เขาพูดได้. ฟิฟทีนจิบชา แล้วหลับตาลงไปครู่หนึ่งเพื่อให้สมองโล่งขึ้น จากนั้นจึงส่งแววตาดำขลับจ้องมายังใบหน้าของเนรูด้า
        " คุณอยากจะไปนิวแม็กซิโกใช่ไหม? "

        " ครับ, แต่ผมอยากแจ้งเหตุผลให้ท่านทราบก่อน -- "

        " คุณไม่คิดว่าผมรู้อยู่แล้วหรือ? "

        " ท่านอาจจะทราบแล้ว, แต่ถึงอยากไรผมก็อยากจะมาบอกท่านด้วยตัวผมเองมากกว่า "


        จากคุณ : NaCl - [ 6 ส.ค. 46 08:49:21 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 4

        ฟิฟทีนปรับระดับเก้าอี้ให้สบายขึ้น หลังของเขาไม่ค่อยดีนัก. เขาชาวสเปนโดยสายเลือด, ฟิฟทีนทำให้เนรูด้านึกถึงพลาโบ ปิกัสโซ่ อยู่บ่อยๆเวลามองเขาและที่ผมสีเงินยาวนั่นด้วย. เขามีหลายๆอย่างคล้ายปิกัสโซ่ เพียงแต่เขาส่วนสูงเขามากกว่าเล็กน้อย.

        " ว่ามาสิ. "

        " วัตถุชิ้นนี้ดูซับซ้อนเกินกว่าที่จะเป็นของพวกเซต้าหรือคอร์เทียม เราไม่สามารถตรวจสอบมันได้ชัดเจน จนเกือบจะหมดหวังแล้ว แต่คืนนี้พวกเราได้ค้นพบว่าตัวอักษรที่เป็นอักขระเมื่อมองธรรมดาในแบบสองมิติ กลายเป็นลวดลายคล้ายแผนที่เมื่อนำไปแปรรูปเป็นแบบสามมิติ.

        " รวมกับข้อมูลที่ได้จากรายงานของพวกเด็กๆที่ค้นพบมันว่า เจ้าสิ่งนี้สามารถสร้างภาพคล้ายภาพหลอนได้เมื่อจับต้อง และผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันได้ชัดเจนว่ามันต้องเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างแน่ๆ. "

        ฟิฟทีนถอนลมหายใจเบาๆ. " คุณคงรู้ดีว่า ทีมที่เราส่งไปตรวจสอบสถานที่ที่ค้นพบวัตถุ เป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และพวกเขาก็ไม่พบร่องรอยอื่นๆอีก - "

        " แต่ว่าท่านครับ! มันเป็นการตรวจสอบแบบอุบัติเหตุจานบินตก. วัตถุชิ้นนี้ไม่มีส่วนไหนบุบสลาย. ไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากรอยขีดข่วนเล็กๆเท่านั้น -- "

        " ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายมาซิว่า ทำไมเทคโนยีต่างดาวชั้นสูงแบบนี้ถึงถูกค้นพบง่ายๆโดยเด็กสองคน บนพื้นดิน. เราทั้งคู่ก็ได้อ่านรายงานจากคอลลินมาแล้วว่า ด้วยขนาดและน้ำหนักของมันสามารถทำให้มันจมลงไปในดินได้ภายในเวลาหกถึงแปดเดือน. "

        " บางทีมันอาจจะถูกวางทิ้งเอาไว้ไม่นาน. "

        " คุณว่าพวกมนุษย์ต่างดาวจะทิ้งบัตรเชิญเอาไว้อย่างนั้นหรือ? "

        " เป็นไปได้ครับท่าน. "

        " ลองเดาเหตุผลมาซิ? " ฟิฟทีนว่า.

        " บางทีพวกเขาคงจะทิ้งอะไรที่สำคัญเอาไว้ และเพื่อความแน่ใจจึงได้สร้างสิ่งนี้ขึ้นเพื่อที่จะกลับมายังจุดเดิมได้ถูกในภายหลัง. "

        " เครื่องนำทางอย่างนั้นหรือ? "

        " ครับท่าน. "

        " แล้วคุณรู้หรือเปล่า?ว่าแถวๆนั้นไม่ได้มีสัญญาณจากเรดาห์ตรวจจับสิ่งแปลกปลอมมาปีนึงแล้ว. "

        " ไม่ทราบครับ "

        ฟิฟทีนหมุนเก้าอี้กลับ, เคาะแป้นคีย์บอร์ดครู่หนึ่ง แล้วเริ่มอ่านข้อความจากจอคอมพิวเตอร์ : " เขต NM1257 เกิดเหตุการณ์พบเห็นยานบินของเซต้าสามครั้ง ระหว่างตรวจสอบข้อมูล. ในวันและเวลาดังต่อไปนี้ : เวลา 03.11 นาฬิกา วันที่ 7 พ.ย. ; เวลา 04.45 นาฬิกา วันที่ 10 พ.ย. ; และ เวลา 03.32 นาฬิกา วันที่ 21 พ.ย. ความเร็วของวัตถุบินดังกล่าวอยู่ที่ 1,800 กม. ต่อชั่วโมง ด้วยความเร็วคงที่ตลอดเวลาที่ปรากฎตัว. "

        ฟิฟทีนหันมามองเนรูด้าอีกครั้งด้วยสีหน้าอ่อนโยนเป็นการปลอบใจ.
        " เห็นไหม? วัตถุชิ้นนี้ไม่ได้ถูกนำมาวางทิ้งเอาไว้ มันน่าจะคลายตัวเองออกมาจากการถูกฝังมากกว่า. "

        เนรูด้ากระตุกเล็กน้อยที่ต้นคอ เพราะนึกขำเมื่อได้ยินประโยคหลังที่หัวหน้าพูด เขาเพิ่งได้ฟังความคิดเห็นทำนองนี้มาหยกๆเมื่อครู่นี้เอง.
        " หรือมันอาจถูกทิ้งไว้โดยนักเดินทางข้ามกาลเวลา " เนรูด้าพูด

        ฟิฟทีนพักการสนทนาลงครู่หนึ่ง ด้วยการจิบชาอย่างเร็ว เขาปรับเก้าอี้ลงนิดหน่อยด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะอาการปวดหลัง. " คุณเน้นว่าลวดลายจากภาพสามมิติดูคล้ายแผนที่อย่างนั้นใช่ไหม? "

        " ครับท่าน " เนรูด้าบอก, น้ำเสียงของเขาเริ่มหนักแน่นขึ้น. " ในความละเอียดที่ระดับ .0025 ไมครอน.
        และอาจจะเพิ่มขึ้นได้มากกว่านั้น. พวกเราจะลองดูอีกในวันพรุ่งนี้ครับ. "

        ฟิฟทีนถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เจือความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย " แล้วคุณตั้งใจจะทำอะไรต่อไป? "

        " ผมต้องการรวบรวมสมาชิกชุดสำรวจกลุ่มเล็กๆในตอนเย็นวันพรุ่งนี้และต้องการนำก้อนวัตถุไปด้วย. มันอาจจะเป็นเครื่องนำทางหรือแผนที่ไปสู่อะไรบางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ในอาณาเขตแถวๆนั้นที่มันถูกค้นพบ. ผมว่ามันคุ้มค่าที่จะลองดูก่อนที่เราจะนำก้อนวัตถุนี้ไปเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของนะครับ. "

        " คุณคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นของคอร์เทียมอย่างนั้นหรือ? "

        " ผมยังไม่คิดตัดสินใจอะไรแน่นอนในตอนนี้ครับ. "

        " เอาล่ะ. คุณจะได้รับการอนุมัติจากผม แต่ถ้าคุณจะนำก้อนวัตถุไปด้วย คุณต้องพาอีวานส์กับใครก็ตามที่เขาคิดว่าเหมาะสมไปด้วย. เข้าใจไหม? "

        " ครับท่าน. แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ผมรับผิดชอบเอง ดังนั้นผมต้องการจะเป็นผู้นำในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอนด้วยตัวเองครับ. " เขาหวังว่าประโยคที่เขาพูดออกไปฟังดูเป็นคำขาดมากกว่าที่จะเป็นคำขอ.

        " แล้วตารางแสดงผลจากก้อนวัตถุล่ะ, " ฟิฟทีนฉายแววสงสัยออกมาในน้ำเสียง " มันมีเครื่องหมายบ่งบอกตำแหน่งอะไรบ้างหรือเปล่า? "

        " เป็นไปได้ครับ, เมื่อตอนที่เราบรรจุอักขระลงไปในเครื่อง SMT เพื่อตรวจสอบนั้น เราเห็นจุดสองสามจุดที่อาจจะเป็นเครื่องหมายระบุตำแหน่ง. ผมได้สั่งให้ผู้ช่วยนำแผนที่ภูมิประเทศในบริเวณนั้นมาแล้ว. เราจะได้เห็นกันว่ามันถูกต้องหรือไม่จากการเปรียบเทียบกับตำแหน่งพื้นที่ภูมิศาสตร์จริงๆ. "

        ฟิฟทีนยืนขึ้นแล้วเหลือบมองดูที่นาฬิกาข้อมือ. " ก่อนที่คุณจะออกเดินทางพรุ่งนี้ ผมต้องการแผนงานปฏิบัติการสำหรับนำเสนอผู้บังคับบัญชาฝ่ายอื่นๆด้วย กำหนด เวลา 14 นาฬิกา ในห้องทำงานของผม ขอให้คุณเตรียมทุกอย่างให้พร้อมในการนำเสนอ ทั้งตารางแสดงผล SMT, แผนที่สำรวจพร้อมตำแหน่งจุดค้นหา -- ถ้าการเปรียบเทียบถูกต้องนะ -- แล้วก็อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตัวอักขระดังกล่าว. "

        เนรูด้าลุกขึ้นยืนและพยักหน้าแสดงความเข้าใจอย่างถี่ถ้วน แล้วจึงกล่าวขอบคุณฟิฟทีนที่สละเวลามาสนทนาด้วย เขาก้าวยาวๆออกไปจากห้องทำงานด้วยความรู้สึกหวั่นใจนิดๆ. ทำไมต้องพาอีวานส์ไปด้วยนะ? ฟิฟทีนคงจะรู้สึกอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ.

        เจมส์ อีวานส์ ผู้อำนวยการแห่งหน่วยรักษาความปลอดภัยของ ACIO เขาเคยเป็นผู้บังคับบัญชานาวิกโยธินหน่วยซีล มาก่อนเป็นเวลาหกปี ก่อนที่เขาจะถูกย้ายเพราะวิธีฝึกของเขาค่อนข้างรุนแรงเกินไป แม้แต่ในระดับการฝึกสำหรับหน่วยซีลก็ตาม. เขาถูกเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆตามสถานการณ์ จนสุดท้ายจบลงด้วยการปลดเกษียนอย่างมีเกียรติ.

        หลังจากนั้น องค์การ NSA ได้ติดต่อว่าจ้างเขาอย่างลับๆ. เขาทำงานอยู่ที่นั่นสามปี จนเมื่อเขากลายมาเป็นจุดสนใจของฟิฟทีนตอนโครงการร่วมมือกันระหว่าง NSA กับ ACIO. สำหรับเหล่านักวิทยาศาสตร์แล้ว อีวานส์กับแผนกรักษาความปลอดภัยของเปรียบเสมือนสิ่งชั่วร้ายที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้, แต่ความชั่วร้ายที่ว่ามันเป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น. พวกเขามีวิธีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และให้ความรู้สึกตึงเครียดตลอดเวลาเหมือนอย่างที่ฟิฟทีนเป็นอยู่ประจำ.

        จริงๆแล้วอีวานส์เป็นคนที่น่าคบคนหนึ่ง. ตำแหน่งของเขาเป็นหนึ่งในตำแหน่งทรงเกียรติที่สุด : ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการรับรองสิทธิแห่ง ACIO. เกี่ยวกับหน้าที่การงานแล้ว เขารู้สึกพอใจกับสิทธิในการรับรู้ข้อมูลระดับ 14 เทียบเท่ากับผู้อำนวยการอีกหกแผนก. ทั้งเจ็ดคนนี้เป็นพวกมือชั้นยอดของฟิฟทีน และเป็นพวกที่เขาจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องใหญ่ๆด้วยทุกครั้ง.

        สำหรับเนรูด้าแล้ว อีวานส์เปรียบเสมือนวายร้ายฝีมือดีคนหนึ่ง. ที่เขาดูเหนือกว่าผู้อื่นได้ก็เพราะเทคโนโลยีสะกดใจที่ทาง ACIO ได้รับมาจากพวกคอร์เทียม. ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสิ่งนั้นล่ะก็เขาคิดว่าอีวานส์น่าจะไปเป็นผู้แทนของรัฐไวโอมิ่งเสียดีกว่า หรือบางทีน่าจะเป็นผู้ทำการแนะนำชักชวนสมาชิกสภาของ NRA ก็เข้าท่าดี.

        ในช่วง12ปีที่เข้ามาทำงานใน ACIO อีวานส์ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วกว่าใครๆ. เขาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อนำมาเพิ่มประสิทธิภาพระบบรักษาความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ เช่น อุปกรณ์ติดตามตัวแบบฝังไว้ใต้ผิวหนัง ซึ่งพนักงานทุกๆคนใน ACIO ต้องได้รับการฝังอุปกรณ์ชิ้นนี้ไว้ที่ต้นคอ. มีเพียงแต่อีวานส์คนเดียวที่ไม่ต้องผ่านการติดตั้งอุปกรณ์ตัวนี้ รวมทั้งการตรวจสอบที่ยุ่งยากอื่นๆ นัยว่าเป็นการให้เกียรติแก่งานของเขา. ส่วนเนรูด้านั้น เขาไม่ถูกกับระบบรักษาความปลอดภัยพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่
        อีวานส์จะกลายเป็นคนที่เขาไม่ถูกชะตาด้วยเอาเสียเลย.

        เนรูด้าเดินเข้าไปในลิฟท์ เขาเงยหน้ามองจอภาพที่แสดงสภาพภูมิอากาศภายนอกอาคาร ที่ติดอยู่เหนือประตูลิฟท์. บนจอระบุว่า ขณะนี้เวลา 03.17 นาฬิกา. อุณหภูมิ 7 องศาเซลเซียส. ลมสงบ. ความสว่างของดวงจันทร์ประมาณ 12%. ทัศนวิสัยกระจ่างชัดในระยะ 120 กิโลเมตร. ความกดอากาศคงที่ระดับ 29.98 และความชื้นประมาณ 16.4%.

        ประตูลิฟท์เปิดออกก่อนที่เขาจะได้อ่านพยากรณ์อากาศในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะถึงอย่างไรพรุ่งนี้เขาคงจะอยู่ที่ชั้นใต้ดินตลอดเวลา อีกอย่างหนึ่งภูมิอากาศในแคลิฟอร์เนียใต้ค่อนข้างคงที่ทั้งวัน ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆเหมือนที่อื่น.

        ตัวอาคาร "ส่วนบน" ACIO เป็นตึกสูงประมาณ 45 เมตร หรือ ประมาณ 12 ชั้น ตั้งอยู่เหนือห้องฝ่ายบริหารและห้องทดลองของ ACIO. ทางด้านหน้าตึกชั้นบนนั้นดูแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง : ตึกคอนกรีตแถวเดี่ยวยาว มีเสาคล้ายๆเสาอากาศยื่นออกมา กับจานดาวเทียมที่ติดอยู่บนหลังคาตึก. ตรงประตูทางเข้าติดป้ายที่ดูธรรมดาๆว่า, ศูนย์ตรวจสอบสภาพอากาศของรัฐบาลสหรัฐ. จำกัด.

        แต่จริงๆแล้วส่วนสำคัญอยู่ที่ ACIO. ศูนย์ตรวจสอบสภาพอากาศที่ว่ามีหน้าที่ผลิตอุปกรณ์ตรวจสอบสภาพอากาศเพื่อใช้ในกองกำลังทหารของสหรัฐ, พัฒนาการพยากรณ์อากาศให้แม่นยำที่สุด หรือแม้แต่การ'ควบคุม' ภูมิอากาศทั่วโลก. ซึ่งเป็นงานอย่างหนึ่งของ ACIO เช่นกัน แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆเท่านั้นเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆที่กำลังดำเนินอยู่ งบประมาณและการวางแผนสำหรับงานส่วนนี้จึงไม่ได้มากมายนัก.

        จากจำนวนนักวิทยาศาสตร์ 226 คน มีเพียงสิบเอ็ดคนเท่านั้น ที่ไปพัฒนาเทคโนโลยีด้านภูมิอากาศ. เพราะส่วนใหญ่ๆไปวิจัยในโครงการที่ล้ำหน้ายิ่งกว่านั้น เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจการตลาด และ เทคโนโลยีแปลภาษาที่ซับซ้อนมากๆ เป็นต้น.

        องค์การ ACIO เปรียบเสมือน "อำนาจเร้นลับเหนือบัลลังก์" มาช้านาน. ความยิ่งใหญ่ขององค์การวิจัยอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนบุคคลนั้นมาจากพลังสมองและพลังความคิดของ ACIO เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันอย่างกว้างขวางในบรรดาศูนย์วิจัยต่างๆว่ามีองค์การลับที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างดาวอยู่จริง แต่มีเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่รู้จักตัวตนของมัน องค์การที่ว่าก็คือ ACIO นั่นเอง.

        เนรูด้าขึ้นมาถึงอาคารส่วนบนพร้อมกับเสียงท้องร้องโครกครากด้วยฤทธิ์ของคาเฟอีน. เขาคิดว่าจะทานกล้วยกับนมอุ่นๆสักหน่อยก่อนนอน ท้องไส้จะได้ดีขึ้น. สำหรับเขาแล้วการนอนเกือบจะเป็นเหตุผลเดียวที่เขาต้องกลับมาบ้าน เพราะเขาไม่มีครอบครัว และยังไม่คิดจะแต่งงาน แม้ตอนนี้เขาอายุ 46 ปี เข้าไปแล้ว แต่อนาคตการมีครอบครัวก็ยังดูห่างไกลเหลือเกิน. ช่วงชีวิตส่วนใหญ่ของเขาทุ่มเทให้กับ ACIO. เขาเริ่มช่วยงานพ่อมาตั้งแต่อายุ 16 ปี และก็ได้ ACIO เป็นที่พักพิง ,ที่ทำงาน และเป็นแหล่งสมาคมมาโดยตลอด.

        แสงดาวส่องมาถึงตัวเขาเมื่อออกมาภายนอก. อากาศในค่ำคืนนี้เย็นสบายและปรอดโปร่ง สภาพทัศนวิสัยในระยะ 120 กม.ที่พยากรณ์ไว้ดูจะน้อยกว่าที่เห็นจริงๆในตอนนี้เสียอีก. เขาขับรถไปประมาณ 6 กม. ก็ถึงบ้านของเขาในอาณาเขตปลีกย่อยส่วนบุคคลแห่งใหม่สำหรับพนักงานของ ACIO.

        หัวเขาถึงหมอนก่อนที่นมอุ่นๆจะได้แตะท้องเขา. กล้วยที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกวางอยู่ที่โต๊ะข้างๆเตียง.
        ร่างกายของเขาตอนนี้เหนื่อยถึงขีดสุด ตาหลับไปแต่ในใจก็ยังนึกถึงภาพเครื่องหมายบนก้อนวัตถุ.
        เขาศึกษาเกี่ยวกับอักษรโบราณมากว่า 30 ปีแล้ว แต่เขายังไม่เคยเห็นอักษรแกะสลักที่ดูเข้าใจยากเช่นนั้นมาก่อนเลย.


        จากคุณ : NaCl - [ 6 ส.ค. 46 08:50:34 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 5

        ในทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นแสงอ่อนๆ พร่ามัว ลอดเข้ามาในเปลือกตา. เขาลืมตาขึ้นทันทีราวกับมีสปริงติดอยู่ที่ตาของเขา. ภายในห้องยังคงเงียบกริบและมืดมิด. เขาหลับตาลง, คิดว่ามันคงจะเป็นภาพลวงตา พร้อมกับพลิกตัวและห่มผ้าขึ้นมาถึงคอโดยรอบแล้วโอบไว้แน่น จากนั้นจึงถอนหายใจเหนื่อยๆยาวๆ.

        สักพักหนึ่งแสงประหลาดกลับมาอีกครั้ง. คราวนี้เขาหลับตาสนิท มองดูแสงเปลี่ยนรูปร่างเป็นตัวอักขระเหมือนที่เขาเห็นบนก้อนวัตถุอย่างตื่นเต้น. มันลอยอยู่ในหัวเขาดูเหมือนแสงระยิบระยับลวงตาเป็นประกายสีทอง ขดตัวเหมือนรูปปั้นงู. เขาจ้องดูมันอย่างใจจดใจจ่อและต้องประหลาดใจเมื่อมันเริ่มเคลื่อนไหวอีก ครั้งนี้ไม่ใช่ตัวอักขระที่เคลื่อนไหว แต่เป็นภายในของมัน อะไรบางอย่างไหลเวียนอยู่ภายในตัวอักขระ ราวกับเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดใหญ่.

        เจ้าสิ่งที่ว่ามันเริ่มไหลเร็วขึ้น แรงขึ้นเรื่อย สักครู่หนึ่งเนรูด้าได้ยินเสียงหึ่งๆหมุนเวียนอยู่ คล้ายกับเสียงจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เพียงแต่เสียงนี้ละเอียดอ่อนกว่า. มันเริ่มจากเสียงฮัมเบาๆและเปลี่ยนเป็นเสียงถี่สูงจนเกือบจะไม่ได้ยิน ในขณะที่เนรูด้าคิดว่าเขาไม่ได้อะไรอีก เสียงก็เริ่มสั่นไปมา ในตอนแรกเป็นเสียงเต้นเบาๆเหมือนกับเสียงจากเครื่องตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ ฟังดูเหมือนมันมาจากที่ๆอยู่ไกลออกไปเป็นล้านไมล์ และแล้วมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง เสียงที่ได้ยินเริ่มเรียงตัวเป็นคำ. เขาคิดว่ามันคงไม่มีความหมายชัดเจนอะไรนัก แต่แล้วมันก็เริ่มกลายรูปเป็นภาษา. ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาจดจ่ออยู่ที่เสียงนั้น พยายามจะแยกมันออกเป็นคำๆ.

        ในที่สุดมันก็กลายเป็นภาษาจริงๆ. ภาษาอังกฤษ. ที่เขาสามารถเข้าใจได้โดยสมบูรณ์. " ท่านคือหนึ่งในพวกเรา, สหาย. อย่าตื่นกลัวไปเลย. จงผ่อนคลายแล้วฟังให้ดี. " คำพูดที่กล่าวมานั้นถูกต้องตามหลักไวยากรณ์โดยสมบูรณ์ แฝงด้วยวาทศิลป์เหมือนกับตัวละครของเชคสเปียร์. " สิ่งที่เราจะแจ้งแก่ท่าน จะถูกเก็บไว้ในจิตใจส่วนลึกของท่านจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องใช้ในภายหลัง. เมื่อท่านตื่นขึ้นมาแล้วท่านจะไม่สามารถระลึกถึงการพบกันของเราในครั้งนี้ได้อีก. เราเสียใจ แต่มันจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้. "

        เนรูด้ารู้สึกว่าในจิตใจของเขาคิดจะโต้แย้ง แต่ความคิดมันก็เลือนหายไปก่อนที่เขาจะได้กล่าวออกมา.
        " สิ่งที่ท่านปรารถนาคือการใช้งานเทคโนโลยีของพวกเรา. " เสียงนั้นกล่าวคล้ายเสียงสวดมนต์. " แต่ในตอนนี้ท่านไม่สามารถเข้าใจความหมายของเทคโลยีที่เราได้เก็บเอาไว้ในโลกของท่าน. จงอย่ากังวลไปความเข้าใจจะมาถึง แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย. จงพักผ่อนให้สบาย พวกเราจะคอยเฝ้ามองท่าน, รอคอยท่าน และจะรักษาความสนใจของท่านที่มีต่อพวกเราและภารกิจของพวกเรา. "

        เนรูด้ารับรู้ได้ถึงความรู้สึกในส่วนต่างๆของร่างกาย แต่เขาไม่สามารถขยับแขนขาหรือแม้แต่ลืมตาขึ้นมาได้เลย. เขาถูกครอบงำด้วยเสียงดังกล่าวโดยสิ้นเชิง. เขาพยายามกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากแล้วจึงลองพูดดู -- เขาไม่แน่ใจว่าพูดด้วยจิตใจของเขาหรือพูดด้วยน้ำเสียงที่เปล่งออกมา. " คุณเป็นใครกัน? "

        " เราคือสิ่งที่ท่านจะกลายมาเป็น. ท่านคือสิ่งที่เราเคยเป็นมาแล้ว. เราทั้งคู่ต่างเป็นจิตวิญญาณของมนุษย์. ชื่อของพวกเรา มีความหมายเดียวกับในภาษาของท่านว่า วิงเมคเกอร์ส. พวกเราได้หยั่งลึกถึงถึงแสงแห่งเฟิร์สซอร์ส. ท่านอาศัยอยู่ในแสงอันอ่อนแรง กว่าที่จะมาถึงท่านได้. เราได้นำภาษาแห่งความเป็นสากลมาสู่แสงที่อ่อนแอกว่านี้ ดังนั้นท่านคงพอจะเห็นได้ว่าท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งในความรู้ใหม่เรื่องจักรวาลที่งดงามและกว้างใหญ่อย่างที่ท่านไม่อาจจะจินตนาการได้. "

        ในใจของเนรูด้านึกไปถึงคำพูดของพ่อที่เคยกล่าวไว้: "...ความเชื่อทางจิตวิญญาณแขนงใหม่จะมีรากฐานมาจากจักรวาลศาสตร์ดังนั้นจงระลึกไว้เลยว่าจิตใจเราไม่สามารถจะเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง. "

        เขายิ้มกับตัวเองในใจและถามคำถามที่มาจากสิ่งที่พ่อเขาเคยกล่าวไว้. " ทำไม? ทำไมเราถึงไม่สามารถจินตการถึงมันได้? "

        " ท่านยังไม่สามารถเข้าใจภาษาแห่งความเป็นสากลได้ก็เพราะท่านยังไม่เข้าใจถึงความหมายของการเป็นสากล และท่านยังไม่เข้าใจในมหาจักรวาลส่วนที่ท่านอาศัยอยู่. "

        " พืชพันธุ์บนโลกต่างมีรากที่หยั่งลึกลงไปใต้พื้นดินและดื่มกินแร่ธาตุแห่งโลก. ด้วยเหตุนี้พืชทุกต้นจึงเปรียบเสมือนเชื่อมโยงกันอยู่. คราวนี้ลองจินตนาการดูว่าต้นไม้แต่ละต้นต่างมีรากลับอยู่หนึ่งเส้นที่ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่มีตัวตนอยู่ ซึ่งเชื่อมไปยังจุดศูนย์กลางของโลกและบรรจบเข้าหากันทุกต้น. ในจุดนี้พืชทุกต้นจึงเป็นหนึ่งเดียวกันและรับรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของมันก็คือจุดศูนย์กลางที่รากทุกรากมาเชื่อมโยงกันอยู่นั่นเอง และรากลับเส้นนี้ยังเป็นสายใยแห่งชีวิตที่ส่งขึ้นไปยังพื้นผิวโลกกลายเป็นไม้นานาพันธุ์ที่มีลักษณะต่างกันไป แต่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน. ในวิธีเดียวกันนี้. เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็มีรากลับที่เชื่อมโยงไปยังอาณาเขตอันไร้ที่สิ้นสุด ณ จักรวาลศูนย์กลาง ที่พำนักแห่งเฟิร์สซอร์ส. มันเหมือนกับสายสะดือที่เชื่อมโยงทารกน้อยไปสู่มารดาผู้สร้างที่คอยทะนุถนอมอยู่ตลอดเวลา. รากลับเส้นนี้เองที่บรรจุภาษาแห่งความเป็นสากลเอาไว้ และภาษานี้ก็คือสิ่งที่พวกเราต้องการจะมาสอนแก่พวกท่าน. "

        " ทุกชีวิตนั้นตรึงอยู่กับสิ่งที่เราเรียกว่าเครื่องนำทางสู่ความเป็นสากล. มันคือภูมิปัญญาที่แฝงอยู่ภายในส่วนลึกของท่าน ซึ่งจะพาท่านไปในฐานะเครื่องนำทางสู่ความเข้าใจของการเป็นสากลและเป็นหนึ่งเดียวกัน. มันเป็นนิรันดร์และจงรับรู้ไว้ว่ารากลับนี้มีตัวตนอยู่จริง ท่านอาจจะรู้สึกถึงมันได้ด้วยซ้ำ โดยผ่านประสาทสัมผัสแห่งมนุษย์ของท่าน. เครื่องนำทางสู่ความเป็นสากลเป็นพลังงานที่ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ที่นำประสบการณ์ชีวิตไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวของทุกชีวิตที่แตกต่างกัน. มันเป็นสะพานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงรูปเพื่อที่ทุกชีวิตจะได้ข้ามมันไปสู่จุดหมายปลายทาง. "

        " ยุคแห่งแสงสว่างคือยุคแห่งการใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลหลายมิติ และหยั่งรู้ถึงความเป็นสากลของมัน, รูปแบบการสร้างของมัน และความสมบูรณ์แบบ จากนั้นจึงหยั่งรู้ไปถึงร่างกายและจิตของท่าน สู่โลกของกาลเวลาและอวกาศ. นี่คือมุมมองจากเครื่องนำทางสู่ความเป็นสากล เป็นรอยประทับแห่งจุดมุ่งหมาย. เรามาที่นี่เพื่อจะนำทางสิ่งมีชีวิตเช่นตัวท่านไปสู่สิ่งนั้น และแล้วท่านจะได้พบกับจักรวาลหลายมิติอย่างที่มันเป็นจริงๆ -- มิใช่เพียงแต่รับรู้มันผ่านภาษาของพวกท่าน แต่รับรู้ด้วยภาษาแห่งความเป็นสากล อย่างที่ท่านเห็นจากอักขระเหล่านี้. เมื่อประสบการณ์เหล่านี้หลั่งไหลสู่ตัวท่าน ท่านจะเปลี่ยนไป. เครื่องนำทางสู่ความเป็นสากลจะนำพาตัวท่านที่เป็นตัวตนเดียวกันกับเฟิร์สซอร์ส. ตัวตนใหม่นี้จะปรากฎออกมาโดยผ่านเครื่องนำทางสู่ความเป็นสากล และมันจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งบนดาวดวงนี้ไปด้วย. เรามาที่นี่เพื่อจะช่วยร่นระยะเวลาที่ตัวตนใหม่นี้จะไปสถิตอยู่ในใจของมนุษย์ทุกผู้. "

        เนรูด้าฟังทุกน้ำเสียงแม้แต่ตอนที่เสียงลดไปจนกลายเป็นเสียงเต้นเบาๆของตัวอักขระ. รู้สึกเหมือนส่วนหนึ่งในตัวเขาถลาไปข้างหน้า พยายามที่จะอธิบายให้ตัวเองฟังว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากจินตนาการในใจเขา -- เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น. แต่เขารู้สึกถึงบางแห่งลึกลงไปภายในตัว ภายใต้ความรู้ทุกอย่างที่เขาศึกษามา ถึงความทรงจำอันเลือนลางที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง. รู้สึกถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกำลังตามเขา เหมือนดังเสือจากัวร์ที่ไล่จับเหยื่อ. รู้สึกถึงทุกๆสิ่งในจักรวาลแห่งนี้กำลังจับจ้องอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้. สายทุกคู่กำลังมองดูอยู่.

        มีคำถามหนึ่งลอยขึ้นมา. " ทำไมคุณต้องใส่ใจเรื่องที่มนุษย์ -- ตัวผม หรือใครก็ตามที่จะเผชิญในเรื่องนี้ด้วย? อะไรที่มันสำคัญนักเกี่ยวกับตัวตนใหม่ที่คุณว่านี่ จะต้องเกิดขึ้นให้เร็วที่สุดอย่างนั้นหรือ? "

        " ถ้ามนุษย์เข้าใจว่ารากลับที่ว่ามีตัวตนอยู่จริงและมันบรรจุภาษาแห่งความเป็นสากลไว้ด้วยแล้ว มนุษย์ก็จะกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ที่จะปกป้องทุกสิ่งตั้งแต่โลก, ระบบสุริยะและจักรวาลแห่งนี้. มนุษย์จะสามารถปกป้องจิตวิญญาณของตนเอง และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสิ่งพวกเราเป็นอยู่. พวกเราทั้งหมดไม่เคยคำนึงตำแหน่งของตัวเองบนเส้นทางแห่งการวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา ขึ้นไปตามขั้นบันไดแห่งจักรวาล. ซึ่งเป็นเส้นทางที่พวกเราต้องเดินตามไป. บางคนได้เริ่มต้นไปแล้วและจบลงเร็วกว่าใคร แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็จะได้เดินไปตามเส้นทางนี้. "

        " แล้วตอนนี้จะต้องทำอย่างไร? " เนรูด้าถาม.

        " ตามสิ่งที่ท่านค้นพบไป. มันจะนำท่านมาสู่พวกเรา. "

        เสียงเริ่มลดระดับลงไปเป็นเสียงเต้นจากตัวอักขระ. เสียงฮัมเบาๆกลับมาอีกครั้งและจิตของเขาก็เข้าสู่จุดที่ผ่อนคลายที่สุดในการนอนหลับลึก ลืมเลือนหมดทุกสิ่งทุกอย่าง.



        จากคุณ : NaCl - [ 6 ส.ค. 46 08:51:02 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 6

        Pongpanu
        THE GUARDIAN

        Registered: Apr 2003
        Location: Norway
        Posts: 216
        [ ข้อความที่ # 3 ]



        สาส์น จาก ผู้แปล.

        สวัสดีครับทุกคน ต้องขออภัยในความล่าช้าด้วย. คราวนี้คงจะเห็นกันชัดแล้วนะครับ ว่าทำไมผมถึงบอกว่าเรื่องนี้เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ที่อิงมาจาก *เรื่องจริง* ในบทนี้และบทต่อๆไปจะมีคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์มากมายชวนปวดหัวอยู่สักหน่อย แต่ถ้าเข้าใจได้ลึกซึ้งแล้วจะมีประโยชน์และเพิ่มรสชาติในการอ่านขึ้นมาก.

        ในบทนี้ตัวเอกของเรื่องเปลี่ยนไปซะแล้ว กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์หนุ่มใหญ่แห่งองค์การลับ ซึ่งเขาจะมีบทบาทที่สำคัญตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คอยติดตามกันต่อไปนะครับ.

        มีการกล่าวถึงคำว่า ความเป็นสากลและความเป็นหนึ่งเดียวกันบ่อยมาก
        สองคำนี้นับว่าเป็นศัพท์หลักๆในเรื่องนี้เลย ผมแปลมาจากคำว่า Wholeness กับ Unity ความหมายของมันก็ตรงๆตัว เพียงแต่คุณต้องเข้าใจให้ลึกสักหน่อยว่าเขาต้องการบอกอะไรกับเรา

        ถ้าใครสงสัยอะไรก็ถามกันได้เลยนะครับ...



        http://www.palungjit.com/board/showthread.php?s=&postid=4984#post4984


        จากคุณ : NaCl - [ 6 ส.ค. 46 08:51:33 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 7

        ตกลง..ให้ย้ายห้องไปเวปพลังจิตรึเนียะ
        ดีกว่าอยู่เงียบๆนะ
        ไปเลย....พวกเราอพยพกันเล๊ย


        จากคุณ : เหมียว - [ 6 ส.ค. 46 09:21:50 A:161.200.255.161 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 8

        จริงๆก็อยากกลับมาเล่นที่นี่นะคะ

        แต่พวกตัวป่วนมันเยอะ แต่งเรื่องเก่ง เสื่ยมเก่ง

        จะจัดการระบบ ลบๆ หรือพูดคุยกันเองก็ลำบาก

        เลยคิดว่าย้ายดีกว่า อีกอย่าง ที่นี่

        มันอืมมมมมมมมมมม

        ไม่พูดดีกว่า

        คือคนบางคน เขาอัตตาแรง ชอบคิดว่าตัวเองถูก
        ก็ให้เขาอยู่เป็นผี เฝ้าห้องลึกลับคนเดียวไปเถอะ

        ส่วนผู้ชายคนไหนที่หมั่นท่านจ้าวลัทธิเวบสโนว์
        ก็ ให้ไปเห่าที่นู้นดีกว่า จัดการง่ายหน่อย
        ที่นี่พูดแรงไป อาจจะโดนเล่นหลายทาง

        ทั้งจากผู้ใหญ่ๆเก่าแก่ที่เล่นที่นี่มานาน
        กับเวบมาสเตอร์อาจจะไม่พอใจ


        จากคุณ : Runar_run - [ 6 ส.ค. 46 13:13:06 ]