ความคิดเห็นที่ 1 นั่นอ่ะโดนสิงแล้วนะเนี่ยอ่านดูก็รู้ เข้าวัดไปแก้เถอะครับไม่อย่างนั้นชีวิตคงจะประสปเคราะห์กรรมแน่ๆ หมายเหตุ อุปาทานแปลว่านึกไปเอง ส่วน อุปทานหมายถึงการผนวกจัดส่ง จากคุณ : โซ่อุปทาน - [ 8 ก.ย. 46 18:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านแล้วตื่นเต้นดีครับคุณ แม่ลูกตาล จะรอติดตามอ่านตอนต่อไปครับ จากคุณ : (ลุง)ถึก สไลเดอร์ - [ 8 ก.ย. 46 20:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 #4 ครับ ใช้วิธีเตะก้านคอได้ไหมคร้าบบบบบบ จากคุณ : hs0ypw - [ 9 ก.ย. 46 01:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 #3 ขอโทษที่postผิดหัวข้อ จากคุณ : hs0ypw - [ 9 ก.ย. 46 01:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาต่อจากเมื่อวานค่ะ คุณค.ห.1 คะ ใช่ค่ะ ที่จริงจะใช้คำว่าอุปาทานค่ะ ขอบคุณที่แย้ง เรื่องที่จะเล่าต่อ มันอาจจะยาวไปสักหน่อย แต่เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ ก็ขออภัยไว้ก่อนนะคะ ถ้ามันยาวไป ต่อค่ะ... อีกครั้งนึง เพื่อนซื้อกับข้าวมากินกลางวันกัน แต่ยังไม่ได้ซื้อข้าวมา เขาเลยออกไปซื้อข้าว แล้วให้เราอุ่นกับข้าวไว้ กลับมาจะได้กินเลย แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าเอากับข้าวไว้ไหน เราก็หาจนทั่วแล้ว (ที่ๆเขาเคยไว้) ยังไงๆก็หาไม่เจอ เพื่อนก็ไม่เอามือถือไปด้วย โทรถามก็ไม่ได้ ว่าจะรอจนกลับมา เพื่อนก็คงหิวจนตาลายแล้ว ก็เลยเอาน่า เรียกจิตเพื่อนมาถาม เขาก็บอกว่าอยู่ในลิ้นชักโต๊ะเขา เราก็ไปเปิดดู ก็เจอจริงๆ (ทุกทีเขาไม่เคยเอาไว้ในลิ้นชัก) เพื่อนคนนี้ตอนหลังเขารู้ว่าเราเป็นยังไง เหตุเพราะเพื่อนเขาถูกยิงตาย (ฆ่าตัดตอน) เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก เขารู้ว่าเพื่อนเขาทำอาชีพอะไร แต่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วย ทีนี้ญาติๆต้องไปรับศพตอน 4 โมงเย็น พอ 4 โมงเย็น ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เพื่อนเป็นคนรับ แต่ไม่มีคนพูด แล้วก็ไม่ได้วางสายด้วย หลายครั้งมาก เพื่อนเลยบอกว่า สงสัยเพื่อนเขามาตามแน่เลย เราก็ดันโพล่งไปว่า เพื่อนเธอไว้ผมแสกกลางหรือเปล่า เขาก็บอกว่าใช่ เราก็ว่า ผิวคล้ำๆ เขาก็ว่าใช่ เขาก็สงสัยเลยถามว่ารู้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยรู้จักเพื่อนเขา เราบอกก็เห็นน่ะ เขาเลยถามว่าเห็นจริงเหรอ เขามาเหรอ อยู่ตรงไหน เราก็บอกว่าอยู่ข้างๆเนี่ยแหละ เลือดเต็มตัวเลย เขาร้องไห้ด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ต้องเล่าให้เพื่อนฟัง จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 9 ก.ย. 46 10:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บรื้อยยยย ขนลุกอ่ะค่ะ จากคุณ : ครูนางฟ้า - [ 9 ก.ย. 46 10:10:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรามีเพื่อนที่เขามีกุมารทองเลี้ยงไว้ แล้วกุมารทองชอบมาเข้าทรงเขา เราเคยพาลูกชายไปหาเขา แล้วพอดีวันนั้น น้องกุมารทองมาทรงพอดี เขาก็ทักลูกชายเรา แล้วพูดถึงลูกชายคนแรกที่เราแท้งไป ลูกชายเราก็เลยถามถึงพี่เขาใหญ่เลย ก็เป็นเรื่องแปลกที่ว่าลูกชายชอบพูดถึงลูกคนที่แท้งไป ถ้าจะกินข้าวก็ต้องแบ่งใส่ถ้วย แล้วก็บอกว่าให้พี่กิน ถ้าไปไหนใครถามเราว่า มีลูกคนเดียวเหรอ เราก็บอกว่าคนเดียว แต่ลูกชายก็จะบอกทันทีว่า 3 คน (หมายถึงพี่เขา ตัวเขา แล้วก็หมาที่เลี้ยงไว้อีก 1 ตัว) จนเพื่อนเราที่เข้าทรงบอกว่า เขามีสื่อถึงกันกับพี่เขา พี่เขาก็อยู่กับน้องนี่แหละ ไม่ไปไหน คอยช่วยเหลืออยู่ หลังๆลูกชายก็รบเร้าให้เราพาไปหาเพื่อน เพื่อที่เขาจะได้คุยกับพี่ชาย เราก็ว่าไปรบกวนเขาเปล่าๆ แต่ลูกอยากคุยกับพี่มาก เราเลยว่า เอ้า งั้นแม่เป็นสื่อกลางคุยให้ก็ได้ แต่ห้ามพูดเรื่องนี้กับใคร แล้วอย่างมงาย เพราะแม่ยังคิดว่าแม่คิดไปเองเลย ก็ทำความเข้าใจกับลูกก่อน แล้วลูกก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องของเรา ครั้งหนึ่งลูกชายไปเยี่ยมปู่กับย่าที่ใต้ เราไม่ได้ไปด้วย วันนึงแฟนไปซื้ออะไหล่รถ เรานั่งรออยู่ในรถ รู้สึกเหงาๆ คิดถึงลูก ว่าจะโทรไปหา ก็คิดว่าคงยังไม่ตื่น (ลูกชายชอบตื่นสาย) เลยคุยกับลูกคนโต แล้วถามว่าน้องเป็นยังไง ตื่นหรือยัง เขาก็บอกว่า ตื่นแล้ว ไปกินโอวัลตินร้อน ไข่ดาว กับ ซาลาเปา เราก็ยังคิดว่า เราเนี่ยคิดไปเองแน่ๆ เพราะลูกชายคนเล็กไม่ชอบซาลาเปาสักเท่าไหร่ ไหนๆก็ไหนๆ ลองโทรไปดูซิ ก็โทรเข้ามือถือ ลูกชายรับพอดี เราก็ว่า อ้าว ตื่นแล้วเหรอ ลูกชายก็บอกว่า ตื่นตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ไปกินอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้ว เราก็เลยดักคอว่า ไปกินโอวัลตินร้อน ไข่ดาว กับซาลาเปามาใช่มั๊ยล่า เขาก็บอกว่า แม่รู้ได้ไง เขาไปกินมาจริงๆ เราก็บอกว่า พี่บอก เขาก็เข้าใจ จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 9 ก.ย. 46 10:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อีกครั้งเราไปหาแม่ช่วงเข้าพรรษา พาแม่ไปทำบุญ วันที่สองแม่หาฝาปิ่นโตไม่พบอีก1อัน เป็นฝาพาสติก แม่หาว่าเราเอากลับมาจากวัดไม่ครบ เราก็เถียงว่า เอามาครบทุกใบ เป็นคนปิดเองกับมือ แต่หายังไงก็ไม่เจอ สุดท้ายจนปัญญา ทำยังไงล่ะ จะไปวัดแล้ว เลยเนี่ยเลยก็แล้วกัน คนไม่เห็นใช่มะ พวกเทพ อาจจะเห็นก็ได้ ก็เลยถามพระภูมิที่บ้าน (ดูซิ ร้อนถึงพระภูมิท่าน 555) ท่านก็บอกว่า อยู่ในที่คว่ำจานนั่นแหละ หาดูเอาเอง เราก็ดูแล้วไม่เห็นมี จนหลานมาดู แล้วก็เจอมันไปติดอยู่กับก้นจานใบนึง ในที่คว่ำจานจริงๆด้วย อีกเหตุการณ์นึง เรานอนหลับ แล้วจู่ๆก็เหมือนมีใครเอาหินเขวี้ยงกระจกห้องนอนเรา เราตกใจตื่น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป (ก็โบราณบอกว่า ห้ามทักนี่) แต่เราก็มองไปที่หน้าต่างนะ มีม่านปิดอยู่ แต่เราเห็นเป็นผู้ชายยืนดำมืดอยู่ ตกใจก็ตกใจ แต่ก็ตั้งสติ แล้วก็สวดมนต์แผ่เมตตาให้ สักพัก เขาก็จางๆหายไป หลังจากนั้นก็ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา เราชอบคุยกับเจ้าที่ ที่บ้านบ่อยๆ (ตากับยาย) ก่อนนอน หรือเวลานอนไม่หลับ เพราะถ้าเราใช้พลังงานมาก เราจะเหนื่อย แล้วก็หลับได้ง่ายๆ (วิธีแก้อาการนอนไม่หลับของเรา) บางทีก็ไม่ได้อยากจะคุยหรือรับอะไรหรอกนะ แต่ก็มีเหมือนกัน ที่มันจะแวบผ่านเข้ามาในสมอง ให้เห็น อย่างเช่น วันหนึ่งเราเห็นผีเปรตเต็มไปหมด น่ากลัวนะ แต่มันเป็นการเห็นในจิต ไม่ได้เห็นแบบจริงๆ ก็เลยถามเจ้าที่ ท่านก็บอกว่า เขามาขอส่วนบุญ รุ่งเช้าก็เลยไปใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้ ตอนเรากรวดน้ำเสร็จ ก็ได้ยินพวกนี้ สาธุ ด้วย วันหนึ่งเราก็คุยกับเจ้าที่อยู่แหละ แต่อยู่ๆมันก็เห็นอาซิ้มแก่ๆคนหนึ่ง แต่งตัวแบบคนจีนนะ ยืนร้องไห้อยู่ เราก็เลยถามเจ้าที่ว่า ใครน่ะ ท่านบอกว่า อาม่าของเรา เราก็อึ้งกิมกี่เลย อาม่าไหนหว่า ท่านก็ว่าคุยเองแล้วกัน เราเลยได้คุยกับอาม่า เขาก็บอกว่าเป็นแม่ของก๋งเรา เขาอยู่เมืองจีน เขาอดอยากมาก ลูกหลานก็ไม่นึกถึง เขาหิว อยากให้เราทำบุญไปให้เขาหน่อย เรารับรู้เป็นภาษาไทยนะ เราก็คิดในใจเหมือนกันว่า ทำไมไม่พูดภาษาจีนหว่า เหมือนอาม่าจะรู้ ก็เลยพูดจีนมา เราก็ไม่เข้าใจ แปลไม่ออกอ่ะ ฟังแล้วเหมือนนิยายหนังจีนเล่มละ 10 บาทเลย เราก็ว่า ไม่รู้ว่าใช่แม่ของก๋งเราจริงหรือเปล่า ก็ไม่เคยเห็น เขาก็บอกว่า ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ก็ให้คิดว่าทำบุญให้คนอื่น เราก็ได้บุญไม่ใช่เหรอ เอ๊า..ไหนๆก็ไหนๆ สุดท้ายก็ได้ใส่บาตร อุทิศส่วนกุศลไปให้อีกล่ะ แล้วในที่สุดเวลาทำบุญทุกครั้ง อาม่าก็อยู่ใน list ของญาติเราที่เราต้องเอ่ยถึงทุกที เอ่อ..เบื่อกันหรือยัง ยังมีเรื่องเล่าอีกนะ ถ้าเบื่อก็จะพอแค่นี้ก่อนล่ะกัน จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 9 ก.ย. 46 10:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แบบว่าเราไม่เคยเจอนะค่ะแต่อย่าเจอจะดีกว่าค่ะ จากคุณ : หยิ๋งแป๋ม - [ 9 ก.ย. 46 11:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่จริงยังมีอีกหลายเรื่องราว แต่ว่าเยอะพอแล้วล่ะ เอาล่ะ เข้าเรื่อง อยากจะถามว่า ที่เราได้ยิน ได้เห็นน่ะ เขาเรียกว่าอะไร หรือว่าเป็นอุปาทานของเราเอง เข้าใจนะว่ามันพิสูจน์ยาก บางทีก็ยังคิดว่าตัวเองบ้าเลย จะให้คนอื่นมาเชื่อคงยาก แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะ เพราะว่ามันก็ไม่เคยก่อเรื่องเสียหายอะไรให้กับเรา อีกทั้งเราก็คอยระวัง และก็คิดไตร่ตรองอยู่เสมอ ไม่ได้ไปงมงายอะไร ยังนับถือพระพุทธศาสนาอยู่ โดยการหาเหตุและผล แต่ว่าก็ยังสรุปไม่ได้น่ะ ว่าเราอุปาทานไปเองหรือเปล่า ใครเคยเจออย่างเราบ้าง จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 9 ก.ย. 46 11:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรียนคุณ แม่ลูกตาล เขียนต่ออีกก็ดีครับ คิดว่า เรื่องนี้เป็นส่วนของธรรมทาน ส่วนคนที่อ่านก็ต้องใช้ วิจารณาญานกันไปตามแต่ที่อ่านครับ อย่างที่บอกครับ คงเป็น ผลของสมาธิ และ การทำสมาธิ อาการที่คุณ บอกว่า ติดต่อได้หรือไม่ ถ้าจิตคุณเป็นสมาธิ สังเกตดูนะครับ คือจิตตัดจากสิ่งต่างๆพอสมควร เมื่อจิตเป็นสมาธิ บางคนชำนาญ ตั้งใจทำหรือไม่จิตเป็นสมาธิเอง ทรงสมาธิเองได้ เมื่อจิตเป็นสมาธิพอสมควร เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องกล้วยๆของคนที่มีสมาธิครับ แต่ก็อย่าลืม สมาธิก็มี นิมิตหรอกมากนะครับ ต้องระวังอย่าให้ ฟุ้งนะครับ เอาเป็นว่า ถ้ามองเป็น ธรรม ก็ได้เปรียบ คือ เมื่อมีภพ และ ชาติ มันเกิดเพราะ อวิชชา ตัณหา อุปทาน ฉะนั้น อะไรที่เรียกว่า ความดี สงสัยต้องรีบโกยทำนะคร๊าบบบ ไอ้ส่วนความชั่วนะ ถ้าเรื่องนี้เข้าไปในใจแล้วมันจะไม่กล้าทำ ถ้าใจยังไม่ขยันทำบุญทำสมาธิ อันนี้เรียกว่า เสียประโยชน์ครับ ส่วนเรื่องทำบุญนั้น เป็นสิ่งที่ได้กับตัว อันนี้ เมื่อทำแล้ว อุทิศไปให้ เค้า หรือ ขณะที่เค้ามาขอ คุณนึกถึงบุญเก่าๆ แล้วให้เค้าก็ได้เลยนะครับ โดยเฉพาะ ความดีมากๆเช่น ทาน ที่ทำโดยความตั้งใจสูง ศีลที่รักษาโดยอดทนอดกลั้น และ กุศลที่เกิดจากการนั่งสมาธิภาวนา นึก ปุ๊ป เค้าโมทนา เค้าได้เลย นึกซ้ำก็ได้ครับ ถ้าสอนให้เค้านั่งสมาธิได้ก็ดี เค้าจะกลายเป็นเทพ ได้เพราะจิตที่เป็นกุศลของเค้า ไม่ต้องไปรอใส่บาตรตอนเช้าก็ได้ (แต่ใส่ถ้าจะใส่บาตรก็ดีเค้าเห็นครับว่าเกิดบุญเค้าจะได้อีกต่อ) อนุโมทนา ด้วยครับ ประเด็นคือ คุณ ควรหาเวลาทำสมาธิครับ เพราะดูท่าจะมีประโยชน์ต่อตัวคุณเองอย่างยิ่ง (คุณอาจมีของเก่าอยู่แล้ว) ลุงมหา(มารอฟังต่อ) = = = = = = = ปลง ปลง ปลง = = = = = = = ปล.ส่วนลูกชายที่แท้งไปถ้าคุยได้ ให้เค้านั่งสมาธิ ภาวนานะครับ พุทโธ ท่องไปเรื่องครับ จากคุณ : ลุงมหา - [ 9 ก.ย. 46 13:39:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณลุงมหามากนะคะ ที่มาให้คำตอบพร้อมทั้งกำลังใจ ดิฉันก็ชอบศึกษาเกี่ยวกับธรรมเหมือนกัน ทั้งในเรื่องนั่งวิปัสสนากรรมฐานด้วย อ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้บ่อยๆ ก็คิดว่าถ้ามีโอกาสจะไปที่วัด...ไปพบหลวงพ่อ....(ขอไม่เอ่ยนาม เกรงจะเกิดความเสียหายได้) เนื่องเพราะศรัทธาหลวงพ่อองค์นี้มาก ก็เคยได้คุยกับท่านทางจิตอยู่เนืองๆ ท่านจะสอน และว่ากล่าวตักเตือนอยู่บ่อยๆ ยิ่งถ้าไม่ได้สวดมนต์ ท่านก็จะว่า เราว่างเว้น ไม่ยอมสวดมนต์อีกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับท่าน เราสัญญาว่า จะพยายามสวดมนต์ทุกคืน แต่พักนี้ไม่ได้สวดมนต์ตอนกลางคืนเลย เกิดจากไม่สบายอยู่หลายวัน แล้วกลับบ้านดึกทุกคืน รู้สึกเหนื่อย เพลีย ก็เลยไม่อยากสวดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อหลวงพ่อ เพราะรู้ว่าตัวเองผิดสัญญา รู้สึกว่าบาปน่ะ แต่ก็รู้ว่าหลวงพ่อจะไม่ว่าอะไร ิดิฉันติดต่อกับหลวงพ่ออยู่นาน เวลาคุยกัน ท่านก็จะถามทุกทีว่า เมื่อไหร่จะมานั่งวิปัสสนาซักที ดิฉันก็ว่าถ้ามีโอกาส ดิฉันจะไปทันที ภายหลังดิฉันก็ได้ไปนั่งวิปัสสนาที่วัดนี้จริงๆ เหตุเกิดเพราะหมอดูจะให้ดิฉันไปสะเดาะเคราะห์ เรื่องลูกชายคนโตของดิฉัน เขาเรียกร้องค่าทำหลายพัน เพื่อที่จะส่งให้ลูกดิฉันไปเกิด แต่ดิฉันไม่เคยคิดจะทำ ถ้าจะต้องทำบุญให้เขาไปเกิด ดิฉันไปนั่งกรรมฐานดีกว่า ช่วงนั้นดิฉันมีความเครียดหลายเรื่อง อยากไปหาความสงบพอดี แล้วก็โชคดีได้ลางานได้ ก็เลยได้ไปนั่งกรรมฐาน พอได้ไปทำจริงๆแล้ว รู้สึกว่าสบายใจขึ้นมาก ตัดปัญหาทุกอย่างออกไปหมด ไม่ติดต่อใครเลยตลอดที่ไปนั่งวิปัสสนา หลังจากที่ทำกรรมฐาน ดิฉันเห็นลูกคนโตเปลี่ยนไป เขามาในชุดแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นแบบกุมารทองไปเลย แล้วก็เหาะไปสวรรค์ หลังจากนั้น เขาก็กลับมาอีก แต่ไม่ได้แต่งตัวแบบนั้นแล้ว มาแบบคนธรรมดา เราก็ถามว่า มาทำไม เขาบอกว่า ห่วงแม่ ห่วงน้อง แล้วก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะไปเกิด ขอกลับมาก่อนแล้วกัน เขาก็โตขึ้นทุกปีนะ จากเด็ก สู่ วัยรุ่นแล้ว หลังจากกลับจากวัด ดิฉันก็มานั่งวิปัสสนาที่บ้าน ได้ 2-3 ครั้ง ก็ไม่ได้ทำอีก เพราะมีปัญหามากมาย ทำให้เครียด ทำให้ไม่มีกะจิตกะใจนั่งหรอกค่ะ จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 9 ก.ย. 46 16:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยังมีหลวงพ่ออีกองค์หนึ่ง ที่ดิฉันศรัทธามาก และก็ยังไม่เคยพบท่านเลย การที่จะพบท่านได้นั้นลำบากมาก ต้องแจ้งล่วงหน้ากับลูกศิษย์ท่าน เพราะท่านมีกิจนิมนต์เยอะ ไปที่วัดก็ใช่ว่าจะได้เจอ ดิฉันก็ได้แต่เอารูปท่านมากราบไหว้ แล้ววันหนึ่งขณะที่คุยกับหลวงพ่อองค์แรก อยู่ๆเสียงท่านก็เปลี่ยนไป ภาพท่านก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ดิฉันก็เอ๊ะ ใคร หลวงพ่อก็บอกว่า หลวงพ่อเองไงหล่ะ ท่านลองแกล้งดิฉัน ดิฉันก็ว่าไม่ใช่ หลวงพ่อไม่ฉันหมากนี่ ท่านก็หัวเราะหึ หึ จากนั้นภาพหลวงพ่อองค์ใหม่ก็เข้ามา ดิฉันดีใจมากที่ได้เจอหลวงพ่อที่ศรัทธา อยู่ๆท่านก็เข้ามาทักในจิต ก็ได้คุยกับท่านพักนึง ท่านก็ไป เป็นเรื่องแปลก หลังจากนั้น 2-3 วัน ดิฉันไปหาเพื่อน (เป็นเจ้าของศูนย์พระเครื่อง) เขาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ เขาบอกว่า เสาร์นี้ให้ไปที่บ้านเขา เพราะหลวงพ่อจะมา ดิฉันดีใจมากเลย ที่อยู่ๆก็จะได้ไปเจอหลวงพ่อที่ดิฉันเคารพ ไม่ใช่ว่าจะได้เจอง่ายๆนะ ท่านอยู่ต่างจังหวัดด้วย แล้วดิฉันก็ได้เจอตัวจริงของหลวงพ่อ ท่านเป็นพระใจดี ผิวพรรณท่านยังดูสดใส ทั้งๆที่วัยของท่านมากแล้ว ดิฉันได้ชานหมากมาไว้บูชาด้วย หลวงพ่อท่านคายจากปาก มาให้กับมือดิฉันเลย จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 9 ก.ย. 46 16:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลุงมหาคะ ที่ลุงว่าสมาธิก็มีนิมิตหลอกกันน่ะ เห็นด้วยค่ะ ด้วยตัวดิฉันเอง ยังเคยคุยกับจิตตัวเองเลย ตลกดีนะ แต่ดูเหมือนจะมี ขาวกับดำค่ะ ด้านดำจะพยายามพูดให้ไขว้เขว พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือพูดให้เสียหายไปเลย ทีนี้อยู่ที่เราแหละค่ะ ว่าจะบังคับได้ไหม ต้องตัดให้ได้ค่ะ เวลาคุยกับคนอื่นเหมือนกัน บางทีก็หลอกดิฉันค่ะ ต้องคอยสังเกต อย่าวอกแวกเด็ดขาด จะได้ตามทัน ที่ดิฉันว่าดิฉันอุปาทานไปเองน่ะ เพราะว่าเวลาที่คุยกับใครแล้ว คนๆนั้นจะไม่รู้เรื่องที่ดิฉันคุยกับเขาหรอกค่ะ (หมายถึงพวกที่มีชีวิตอยู่นะคะ ไม่ใช่วิญญาน) ดังนั้นดิฉันก็จะพยายามบิดเบือนคำพูดที่ได้ยิน ได้รับ อยู่บ่อยๆ ว่าเราจะพูดอย่างนี้ ด้วยการที่จะหลอกตัวเองว่า จริงๆแล้ว เราก็พูดคนเดียวนี่แหละ บางทีถึงขนาดปิดสวิทส์เลย เหมือนกับการกลั้นหายใจเลย แต่ขอโทษ เหนื่อยมากค่ะ แล้วพอดิฉันหยุด เขาก็จะพูดมาใหม่ทันที ว่า เขาไม่ได้ต้องการจะพูดอย่างนั้นนะ แล้วทำไมต้องปิดไม่รับรู้คำพูดเขาด้วย ถ้าดิฉันทำจิตให้ว่างๆ สบายๆ ดิฉันก็จะรับรู้ข้อมูลได้ไหลลื่นดี ถ้าดิฉันขัดขืน แกล้งรับข้อมูลบิดเบือน เขาก็จะทำให้ดิฉันรับข้อมูลที่เขาจะสื่อสารให้ได้ เหมือนกับว่าดิฉันกำลังต่อสู้อยู่เลยค่ะ แล้วมันก็จะทำให้ดิฉันเหนื่อยมาก เหมือนคนหายใจไม่ค่อยออก ก็อย่างว่าแหละ ดิฉันก็ว่าตัวเองบ้า คุยอะไรกับใครก็ไม่รู้ เราต้องบ้าแน่ๆ 555 ก็เลยต้องพิสูจน์กันหน่อย บางทีก็อยากจะเชื่อ บางทีก็ว่าเหลือเชื่อ เป็นบ้าไปเองต่างหาก แต่ว่าการได้ยินแบบนี้ก็เคยช่วยชีวิตฉันไว้เหมือนกันนะ เพราะมีครั้งหนึ่ง ดิฉันขับรถไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัด แต่ดิฉันนอนดึก แล้วตื่นเช้ามาทำงาน พอตอนบ่ายก็ขับรถไป ระหว่างทางดิฉันง่วงนอนมาก แล้วก็ทำท่าว่าจะหลับใน ก่อนที่ดิฉันจะหลับไป ก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อดิฉัน แล้วก็บอกว่า ให้ตื่นตื่น กว่าดิฉันจะได้สติเต็มที่ก็ใช้เวลาอยู่นานทีเดียว เขาเลยชวนดิฉันคุยไปตลอดทาง เพื่อที่จะให้ดิฉันไม่หลับ แปลกไหมล่ะ จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 9 ก.ย. 46 17:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นไหมละครับ...ว่าคุณมีกระแสสมาธิ ที่สูงคนหนึ่ง ตอนแรกไม่ได้บอกว่า ทำสมาธิ...แต่จริงๆคุณทำอยู่ และที่บอกว่า ลูกชายคุณเป็นเทวดา(กุมารที่สวยขึ้น) นั้นธรรมดามากครับ เพราะอานิสงค์การทำจิตให้สงบ มีค่ามหาศาลมาก .......... มีคนเคยถามผีนะครับ ว่า อุทิศบุญนั่งสมาธิให้ โดยนั่ง 2 ชั่วโมงเนี่ย กับ ว่าลุงมหาสร้างพระประธาน (ตอนวัยรุ่นตั้งใจเก็บเงิน ตั้งแต่อายุ 25 - 29 สร้างพระประธานเป็นพระประธานในโบสถ์ โดยที่ตั้งใจตั้งแต่อายุ 25 ใช้เวลาเก็บเงินที่ละบาทสองบาท เป็น เวลา 4 ปี) ด้วยวิริยะ อุสาห์ ตั้งใจบูชาคุณพระพุทธเจ้า เป็นพระพุทธชินาราช ปิดทองทั้งองค์ 69 นิ้ว ทั้งพระอัครสาวก และ แท่นประทับ ยกขึ้นท่วมหัว 4-5 แสนบาท ขนาด เป็นคนออกแบบและทำการสร้างทั้งหมด (มีคนร่วมบุญด้วยมากอยู่) แต่ลุงมหา เป็น ประธานทำเองหาวัดเอง ทุกอย่าง ผีบอกว่า ได้บุญมากอุทิศให้ผี ผีเป็นเทวดาเลย แต่ ไม่เท่ากับนั่งสมาธิมีอานิสงค์สูงกว่า นั่น เห็นไหมครับ ทาน............ทำง่าย เพราะ บริจาคสิ่งของภายนอก ศีล............... ทำยากกว่า เพราะ ต้องกั้นใจไม่ให้ละเมิด ภาวนา...........ทำยากมาก เพราะ ต้องมีทั้งศรัทธา และ ความอดกลั้น ฝึกจิต ไม่ต้องออกทุนครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ทำให้ครบ เอามันให้หมด ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ส่วนวิธีรักษาสติ นั้น คุณคงทราบขั้นตอนอยู่แล้ว มี กาย เวทนา จิต ธรรม คิดว่า ท่านอาจารย์ที่สอนคุณ ท่านคงแนะอยู่แล้ว ลุงมหา ปกติเป็น ผู้พร่องต่อการรักษาสติ จึงไม่ขอออกความเห็นนะครับ การที่คุณมี สมาธิที่น่าชื่นชมอยู่ในตัว เรียกได้ว่า เป็น ทรัพย์ที่หายากและ จะนำไปสู่อริยทรัพย์ อย่างไรก็ดี ขออนุโมทนาด้วย และที่คุณมาแสดงในนี้ก็เป็น ธรรมทาน ซึ่งเป็น กุศลอันเลิศ สาธุ ลุงมหา(ผู้มากไปด้วยความเลว) = = = = == = ปลง ปลง ปลง = = = = == = จากคุณ : ลุงมหา - [ 9 ก.ย. 46 18:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลุงมหาสาธู๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนนี้ผมยังจนอยู่ แถมยังจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีก เฮ้อ~ เด๋วไปขอนอนศาลาที่ลุงสร้างล่ะกัน แต่เอ?... เจ้าศาลาที่ว่า เค้าเอาไว้สวดอภิธรรมศพไม่ใช่เหรอ? T_T จากคุณ : ::+::+::NotSoSad::+::+:: - [ 10 ก.ย. 46 01:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณลุงมหามากเลยค่ะ ที่มาช่วยชี้แจง เห็นด้วยกะลุงมหานะคะ ว่า ภาวนานี่เป็นสิ่งที่ทำยาก แต่ให้ผลเลิศ เมื่อตอนไปทำสมาธิที่วัด ครูผู้สอนก็บอกว่า พอทำเสร็จให้อุทิศส่วนกุศลแล้วก็แผ่เมตตาทันที นึกถึงใคร แผ่ให้ใคร คนนั้นได้ทันทีเลย แล้วได้จริงๆด้วย ดีกว่าการทำบุญแบบอื่น ก็คิดว่า ถ้ามีโอกาส จะไปอีกค่ะ แต่ครูผู้สอน ท่านก็เคยบอกไว้นะคะ ว่า ไปต้องไปทำที่วัดก็ได้ อยู่บ้านก็ทำได้ แต่ดิฉันว่าอยู่ที่วัดจะสงบกว่าที่บ้านค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร ปฎิบัติอย่างเดียว ทำให้เรามีสมาธิมากกว่าค่ะ ส่วนตอนนี้ก็ได้แต่ร้อง เย เย เย ไปก่อนค่ะ ฮิ ฮิ จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 10 ก.ย. 46 12:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เล่าอีกนะคะ น่าสนใจแล้วได้แง่คิดดีค่ะ เรื่องของจิตใจที่ต่อสู้กัน เชื่อว่าทุกคนมีประสบการณ์ด้านนี้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมน่ะค่ะ จากคุณ : zeasky - [ 10 ก.ย. 46 14:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชื่นชมลุงมหาค่ะ...สาธุๆ จากคุณ : ครูนางฟ้า - [ 10 ก.ย. 46 20:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบเรื่องที่คุณแม่ลูกตาลเล่านะคะ เห็นด้วยกับลุงมหา ในเรื่อง ทาน ศีล ภาวนา..... และชื่นชมที่ มีความมานะ อุสาหะ และมุ่งมั่น ในการสร้างพระประธาน และทำได้สำเร็จ..สมควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่าง จากคุณ : ยายเมี้ยน - [ 11 ก.ย. 46 13:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ว่าแล้วก็อยากนั่งสมาธิเหมือนกันค่ะ แต่ไม่รู้จะไปหัดที่ไหน ก็ให้เพื่อนทางเน็ตนี่หล่ะค่ะคอยแนะนำ แต่ก็อยากไปฝึกจริงๆ จังๆ เป็นเรื่องเป็นราวซักทีนึง ไม่รู้จะเริ่มยังไง เฮ้อออออออ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 46 12:54:09 จากคุณ : Out of reach - [ 16 ก.ย. 46 12:51:43 ]