ความคิดเห็นที่ 1 ......ตาของมั่งจิก็เช่นเดียวกับแม่ คือเป็นคนแก่ที่ทันสมัย ไม่เชื่อเรื่องงมงาย เมื่ออายุ 19-20 ตาเคยไปเป็นทหารอาสา สงครามโลกครั้งที่ 1 ไปประจำการที่ฝรั่งเศส หลายปี ช่วงก่อนไปเป็นทหารไม่นาน ตากำลังวัยหนุ่มฉกรรจ์ ซึ่งเป็นคนไม่กลัวผี (คุณสมบัตินี้ตกทอดมายังแม่ และพี่น้องมั่งจิเช่นกัน) แต่ไปเจอเปรตมาด้วยตัวเอง วันที่เกิดเหตุตากับเพื่อนๆ 3-4 คนไปเที่ยวจีบสาวต่างบ้าน สมัยก่อนไปไหนต่อไหนก็ใช้เดินเอา ไม่มีรถ ไม่มีจักรยาน กลับออกจากบ้านสาวกลับบ้านก็คงประมาณ 1 ทุ่ม เดินลัดทุ่งนามา กว่าจะถึงหมู่บ้านตัวก็คงประมาณ 3-4 ทุ่ม ระหว่างทางผ่านดงตาลที่ชาวบ้านปาดตาลทำน้ำตาลไว้ [บ้านนอกกลางทุ่งนาจะมีต้นตาลปล่อยให้ขึ้นไว้เป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 3-5 ต้น ไว่สำหรับใช้เป็นร่มเงาพักร้อน ใช้ใบมาทำ ประโยชน์ และทะลายตาลอ่อนใช้ผลิตน้ำตาลปึก สมัยก่อน น้ำตาลทรายยังไม่มี มีแต่น้ำอ้อย น้ำตาลปึก น้ำตาลปีบ] [วิธีการทำน้ำตาลคือเลือกงวงตาลอ่อนที่จะผลิตดอกและ ผลในอนาคตมานวดให้ช้ำ ใช้มีดปาดที่ปลาย น้ำตาลใสๆ จะไหลออกมา ก็เอากระบอกไม้ไผ่ผูกเชือกรองรับไว้ ปล่อยไว้เช่นนั้นทั้งคืน เช้าขึ้นจึงมาปลดออกไปเคี่ยว ทำเป็น น้ำตาลปึก คนผ่านไปมาสามารถ "แอบจิบ" น้ำตาลสดใน กระบอกที่แขวนๆ พวกนี้ได้ กระบอกละเล็กละน้อย เจ้าของ ไม่รู้ หรือรู้แต่ก็ไม่ว่ากัน "ขอกันกิน"] ในตอนนั้นเพื่อนคนหนึ่งก็ออกความคิดขึ้นมาว่า "...เรามาหาน้ำตาลสดกินเอาแรงก่อนกลับบ้านกันดีกว่า..." ตกลงตามนั้นแล้วหนึ่งในสมาชิกก็อาสาขึ้นปีน อีก 3 คนนอนรอใต้ต้นตาล ระหว่างที่เพื่อนอยู่บนยอดตาลนั้นเองก็ได้ยินเสียง ...หริ่งๆๆๆๆ..... ดังแว่วมาแต่ไกล ......แล้วเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาๆๆๆๆๆๆ จนดังสนั่น ปวดแก้วหู ทุกคนในสถานที่นั้นได้ยินเหมือนกันหมด แต่ได้แต่ มองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วทุกคนก็มองเห็นสิ่งของอะไรอย่างหนึ่งที่กลางนาใน ความมืด มันค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหามองดูตะคุ่มคล้ายต้นตาลเตี้ยๆ แต่เคลื่อนไหวได้ ระหว่างที่เสียงดังขึ้นๆๆๆๆ เจ้าสิ่งนั้นก็ยืดตัวสูงขึ้นๆๆๆๆ เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนสุดท้ายมีความสูงเท่าๆ ต้นตาลที่พวกเขากำลังนั่งรอเพื่อนปีนไปเอาน้ำตาล ทีเดียว (ความสูงต้นตาลราว 5-7 เมตร) ทั้งภาพทั้งเสียงที่เห็นทำให้ 3 คนที่อยู่ใต้ต้นตาล หันหลังวิ่งแน่บไม่คิดชีวิตโดยไม่รอปรึกษากัน ตาเองแม้เป็นคนไม่กลัวผีแต่เจอแบบนั้นแถมเพื่อนวิ่ง ตาก็วิ่งเช่นเดียวกัน....ด้วยอาการที่เรียกว่า "วิ่งป่าราบ" น่าสงสารก็คนที่อยู่บนยอดตาลรายนั้นวิ่งไม่ออก นั่งจับเจ่าบนยอดตาลจนสว่าง!!! คนเฒ่าคนแก่ขยายความให้ฟังว่านั่นคือ เปรต มีคนเคยเห็นและได้ยินอยู่บ่อยๆไป ============================ พี่สาวก็ได้ฟังเรื่องเปรตที่แม่เล่าให้ฟัง และลงความเห็นว่าที่พี่ได้ยินก็คงเหมือนที่ตาเล่าเช่นกัน หลังจากนั้นมาพี่สาวก็ยังคงได้ยินเสียงแบบที่ว่าเป็น ครั้งคราว  บางครั้งกลางที่ประชุมครูที่นั่งกันอยู่ 30 กว่าคน แต่พี่สาวกลับได้ยินอยู่คนเดียว จนย้ายโรงเรียนตามสามีไป โรงเรียนต่างจังหวัดถึงเลิกได้ยินเสียงดังกล่าว บุคคลที่ 3 ที่ได้ยินเรื่องเรื่องนี้ต่างพูดเป็นเสีียงเดียว กันว่า ".....เขามาขอส่วนบุญ..." โดยเน้นที่พี่สาวคนเดียวเพราะอาจเป็นเจ้ากรรม นายเวรเก่ากันมาแต่ชาติภพก่อน แต่ความที่พี่เราเป็นครูวิทยาศาสตร์และพื้นฐาน การเลี้ยงดูที่ไม่เชื่อในสิ่งเหลวไหลพี่สาวก็ไม่ได้ ทำบุญไปให้จนทุกวันนี้ ============================= เพื่อนๆ คิดเห็นว่าอย่างไร ....หูแว่ว....จินตนาการ...สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์.... ...เสียงสัตว์อื่นๆ...ฯลฯ ?????? แล้วมีประสบการณ์เรื่องเปรตมาเล่าสู่กันฟังบ้างไหมคะ? แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 46 16:02:19 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 46 15:42:58 จากคุณ : มั่งจิ... (ศูนย์สองหก) - [ 4 ต.ค. 46 15:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ************************************************** ผมไม่เคยเจอเปรตเลยไม่ค่อยเชื่อครับ คุณมั่งจิ คิดว่าเป็นเรื่องเปรียบเทียบมากกว่า ชีวิตหลังความตาย... ภพภูมิตามคำสอน พุทธศาสนา มีอยู่ห้าแห่ง นรก เปรต เดรัจฉาน มนุษย์ และสวรรค์ ทำแต่ความชั่ว...ก็มักไปที่ชั่ว เรียกว่าทุคติ ทำความดี ก็ต้องไปอยู่ที่ดี เรียกว่าสุคติ หรือเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเก่า ถ้าทำดีมาก ก็ไปเกิดบนสวรรค์ วิถีมนุษย์ปุถุชน ก็มัก วน...เวียนว่ายตายเกิด ไม่พ้นวัฏสงสาร แต่อีกมิติของธรรมะสูงขึ้นไป...การเวียนว่ายตายเกิด เป็นวงจรแห่งดวงจิต จิตมนุษย์ เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิดใหม่ไม่สิ้นสุด หากลงลึกถึงธรรมะขั้นนี้ ไม่มีใครพะวงสงสัย... นรก เปรต เดรัจฉาน มนุษย์ สวรรค์ แท้จริงแล้ว มีอยู่หรือไม่...ถ้ามีอยู่ที่ไหน... ที่แท้...สวรรค์ก็อยู่ในอก นรกก็อยู่ในใจ...นี่เอง ความสยดสยองแบบโอฬารพันลึก เช่นจับลงกระทะทองแดง ปีนต้นงิ้ว ที่อธิบายไว้ในนรก... สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงตั้งข้อสังเกตว่า เลียนมาจากการลงโทษคนคุก ด้วยเครื่องลงอาชญา 32 ประการ ในอาณาจักรสมัยโบราณ ส่วนเปรต...เหมือนคนไม่สมประกอบ มือใหญ่เท่าใบตาล สูงใหญ่เหมือนยักษ์ แต่ปากเท่ารูเข็ม...ฯลฯ อธิบายถึงจิตวิญญาณของผู้หิวโหย ไม่มีจะกิน หรือมีกินก็ไม่รู้จักอิ่ม ************************************************* ไม่เชื่อแต่ไม่ลบหลู่นะครับ จากคุณ : .............................. (ninja2000) - [ 4 ต.ค. 46 17:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ย่าของข้าพเจ้าก็เคย ตอนนั้นย่าออกไปเดินป่าสมัยก่อนมีป่าเยอะ ผ่านไปแถวๆจอมปลวกขนาดใหญ่มาก ปกติจอมปลวกนี้เขาจะไหว้บูชากันแต่รู้สึกว่าย่าจะไม่ได้ไหว้นะ ต่อมาก็เห็นควันโพยพุ่งขึ้นมาจากจอมปลวกเป็นรูปคนใหญ่มากๆ จากนั่นย่าท่านก็เลยพูดอะไรสักอย่างประมาณว่าขอขมาลาโทษ ควันก็เลยหายไป ชอบอ่านเรื่องผีแบบนี้มาขออีกหน่อยนะคุณเจ้าของกระทู้ (ถ้าเป็นไปได้) ลึกลับดี จากคุณ : envoy - [ 4 ต.ค. 46 17:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เล่ามั่งๆ สมัยโน้นอะ คนแถวบ้านตายไปคนนึง สามวันล่วงไปแล้ว ดึกสงัด ได้ยินเสียงหมาหอน หอนแบบไม่ใช่หอนหาคู่นะคะ หอนเสียงยาวยานจนน่าขนลุก แล้วก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน โหยมากเลยอะค่ะ ... แม่บอกว่า เป็นเปรต ... เปรตเป็นภพภูมิเดียวที่ต้องขอส่วนบุญจากมนุษย์ เทวดา อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน เสวยผลกรรมของตัวเอง ... แต่เปรตต้องได้ส่วนบุญจากคนอื่น เพื่อที่จะอยู่ได้อย่างไม่ทรมาน เขาถึงมีคำว่า "เปตพลี" อะค่ะ คือการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ... จริงๆ แล้ว เราแผ่ส่วนกุศลให้มนุษย์ด้วยกัน ให้สัตว์ ให้เทวดา ให้ผี เขาก็ไม่ได้รับค่ะ แต่เราได้บุญตรงที่เราให้ทานประเภทแผ่เมตตา การอนุโมทนาบุญ ก็เป็นบุญกิริยาวัตถุอย่างหนึ่ง คุณมั่งจิ พูดทำนองว่า ความเชื่อเรื่องเปรตเป็นเรื่องเหลวไหลอย่างนั้นแหละค่ะ ... ถ้าพิจารณาตามหลักวิทยาศาสตร์ให้ลึกลงไป มีเหตุมีผล มีความเป็นไปจริงๆ นะคะ เพียงแต่ว่า พี่สาวของคุณมั่งจิยังไม่เคยได้ค้นคว้าด้านวิทยาศาสตร์ในแง่มุมที่ลึกกว่าตำราเรียนก็ได้ (ไม่ได้ตั้งใจลบหลู่นะคะ เพียงแต่แสดงความคิดเห็น) เพราะตำราเรียนที่เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนทุกวันนี้น่ะค่ะ เน้นแต่เรื่องที่มีคำตอบอยู่แล้ว ไม่มีการค้นคว้าเพิ่ม และยังไม่มีอะไรใหม่ นักเรียนเรียนไปก็เพื่อได้คำตอบที่จะนำไปสอบ ... เพราะฉะนั้น .. จึงไม่แปลกเลยว่า ถ้าจะมีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์อยู่แค่ไหนแล้วไม่มีการงอกเงยขึ้นมา ก็รู้เพียงเท่านั้นแหละค่ะ จริงๆ แล้วก่อนจะมาเป็นศาสตร์ที่ชื่อว่า "วิทยาศาสตร์" คนเราพยายามศึกษาธรรมชาติ มีคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติ ถ้าพบปรากฏการณ์ที่น่าประหลาดใจเช่นนี้ ก็ควรมีการศึกษาวิจัย ค้นคว้ากันต่อไปว่า คืออะไร อย่าเพิ่งปักใจไม่เชื่อ อย่าเพิ่งไปเชื่อตามตำรา อย่าเพิ่งไปสรุปว่า ไร้เหตุผล เหลวไหล แล้วเราก็จะได้พบศาสตร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีก โดยไม่ยึดติดความรู้ที่เรารู้มา แหะ แหะ.. จากเรื่องเปรตเลยไปไกลเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ขออภัยนะคะ ถ้าการแสดงความคิดเห็นจะแรงไปสักนิด แต่ยังศรัทธาเรื่องกลไกของธรรมชาติและระบบของจักรวาลว่า ถูกออกแบบและวางระบบอย่างมีเหตุมีผลในตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่มีอะไรไร้เหตุผลหรอกค่ะ : ) หรือว่า คุณจะคิดเห็นประการใดบ้างคะ? จากคุณ : แดดเช้า - [ 4 ต.ค. 46 20:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ..........ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันค่ะ ขอบคุณพี่นินจา...คุณ envy...คุณแดดเช้า... มั่งจิยังเกร็งๆ อยู่นะเนี่ย ด้วยความที่ไม่ค่อยคุ้นกับธรรมเนียมที่นี่   ยิ่งได้อ่านบางข้อความจากกระทู้อื่นเขาว่าที่นี่ "เจ้าที่แรง" แถม ตัวเองยังโดนลบกระทู้ไปแล้ว 1 ครั้ง ก็ยิ่งเกร็ง ================= อ้างถึง...... ความคิดเห็นที่ 4 คุณมั่งจิ พูดทำนองว่า ความเชื่อเรื่องเปรตเป็นเรื่องเหลวไหล อย่างนั้นแหละค่ะ ... ================= .........อะไรทำให้คิดอย่างนั้นล่ะคะ ?!! มั่งจิว่ามั่งจิเล่าด้วยอารมณ์เป็นกลางนะคะ มั่งจิเป็นพวกเปิดกว้างค่ะ ไม่รับก็ไม่ได้ปฏิเสธ แบบที่เขาว่ากันว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" ถ้าไม่เชื่อมั่งจิจะเอาเรื่องนี้มาเล่าที่นี่หรือคะ ถ้าคุณแดดเช้าจะช่วยชี้แนะจะเป็นพระคุณยิ่ง แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 46 20:38:16 จากคุณ : มั่งจิ... (ศูนย์สองหก) - [ 4 ต.ค. 46 20:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ค่ะ ...แดดเช้าเข้าใจว่า คุณมั่งจิเล่าด้วยความรู้สึกเป็นกลาง เพียงแต่อยากแสดงความคิดเห็นสักนิดนึงอะค่ะ ตรงย่อหน้านี้อะค่ะ โดยเน้นที่พี่สาวคนเดียวเพราะอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรเก่ากันมาแต่ชาติภพก่อน แต่ความที่พี่เราเป็นครูวิทยาศาสตร์และพื้นฐาน การเลี้ยงดูที่ไม่เชื่อในสิ่งเหลวไหลพี่สาวก็ไม่ได้ทำบุญไปให้จนทุกวันนี้ คือ แดดเช้าไม่เห็นด้วยนะคะ ที่มองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเหลวไหล หรือคุณมั่งจิ คิดยังไงคะ? ไม่ได้ตั้งใจเบรคนะคะ เพียงแต่อยากแลกเปลี่ยนมุมมองกันเฉยๆ ด้วยความเคารพค่ะ : ) จากคุณ : แดดเช้า - [ 4 ต.ค. 46 20:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แดดเช้าก็เกร็งเหมือนกันแหละ เรื่อง "เจ้าที่แรง" ทั้งที่อยากจะให้บรรยากาศสบายๆ และก็จะได้เกิดอะไรใหม่ๆ ดีๆ ขึ้นมา ก็อดเกร็งไม่ได้  (เพราะตัวเองเคยเป็น หัวหมูประจาน กับ แพะรับบาป มาจากห้องข้างๆ แหะ แหะ เลยไม่ค่อยมีอิสระในการเขียนกระทู้สักเท่าไหร่ กลัวๆ เกร็งๆ อยู่บ้าง) เอาเป็นว่า .. แดดเช้าอยากเข้ามาแสดงความคิดเห็นเฉยๆ นะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะต่อต้านอะไร เรามาแลกเปลี่ยนกันดีกว่า เผื่อจะได้ความรู้อะไรใหม่ๆ เนาะ อ้อ ขอชมนิดนึงว่า คุณมั่งจิ เขียนหนังสือสำนวนดีนะคะ ลงรายละเอียดได้ดีจริงๆ ชอบอ่านค่ะ : ) ด้วยมิตรภาพค่ะ : ) แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 46 21:19:08 จากคุณ : แดดเช้า - [ 4 ต.ค. 46 20:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าว.... อันนั้นถ่ายทอดจากพื้นฐานของพี่สาวนี่คะ คนไหนเห็นแบบไหน ผู้สื่อข่าวที่ดีควรรายงาน ไปตามพื้นฐานความเชื่อของบุคคลนั้นๆ ไม่ใช่เหรอคะ ไม่งั้นยกตัวอย่างคดีห้างทอง คุณหญิงหมอ ไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่มีหลักฐาน มาคัดค้านเป็ฯทางการ ผู้สื่อข่าวมิต้องรายงานไปว่า "...คุณหมอเห็นว่ารอยกระสุนปืนเป็นการยิงจาก ด้านหลัง -ฆ่าตัวตาย-จากมุมที่มือผู้ตายเอื้อมไป ไม่ถึง .." ...........แบบนั้นเหรอคะ ........ด้วยความเคารพในความเห็น จากคุณ : มั่งจิ... - [ 4 ต.ค. 46 22:41:58 A:202.28.251.175 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 อิอิ คุยเรื่อง เปรต ต่อดีกว่า เบี่ยงประเด็นไปไกลแล้ว ขออภัยนะคะ : ) จากคุณ : แดดเช้า - [ 4 ต.ค. 46 22:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาววววววววววววววว แต่จะบอกว่า เชื่อเรื่องปรต เพราะได้ยินเสียงเปรต จากโรงแรมชั้นที่ 14 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไว้ หายเมาเมื่อไหร่แล้วจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้ มาววววววววววววววววววววววว จากคุณ : ~amily~ - [ 4 ต.ค. 46 23:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่เคยเห็นแต่เชื่อว่ามี เพราะมีบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก เขามาขอส่วนบุญน่ะครับ คงเคยมีเชื้อสายเป็นญาติกันมาก่อนในอดีต จากคุณ : ฟ้าห่มดาว(เชื่อว่ามีจริง) - [ 5 ต.ค. 46 02:05:14 A:202.133.132.168 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 บรื๋ออออส์ จากคุณ : .......(เจ็ดจุด) - [ 5 ต.ค. 46 11:43:04 A:68.40.243.240 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 หมายเหตุ เราแอบเห็นด้วยกะพี่มั่งจินะคะ ว่าก็นั่นเป็นการถ่ายทอดความคิดพี่สาวพี่มั่งจินี่นาคุณแดดเช้าขา ด้วยความเคารพเช่นกันค่ะ บวกงงหน่อยๆว่าคิดไปงั้นได้ไงอะ จากคุณ : .......(เจ็ดจุด) - [ 5 ต.ค. 46 11:44:53 A:68.40.243.240 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณเจ็ดจุด ทำไมเห็นด้วยกับพี่มั่งจิล่ะ คุณเจ็ดจุดกับคุณมั่งจิ ไม่ใช่คนเดียวกันหรือครับ คุณแดดเช้าเธอเป็นคนชอบถกปัญหาครับ มาถกปัญหากับคุณมั่งจิบ้าง คงสนุกนะ ก่อนหน้านี้ผมก็ถกปัญหาแบบนี้กับคุณแดดเช้ามาตลอด ตอนนี้ให้คุณมั่งจิ ถกปัญหากับคุณแดดเช้าบ้าง ห้องเรื่องลึกลับ จะได้ไม่เหงา ตอนนี้ห้องเฮฮาหว้ากอ ไม่ค่อยมีคนโพสต์แล้ว สงสัยประท้วงเรื่องบัตรผ่านแน่เลย ************************************* จากคุณ : .............................. (ninja2000) - [ 5 ต.ค. 46 12:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอาข้อมูลเกี่ยวกับเปรตมาให้อ่านนะคะ คือ เมื่อ 4-5 ปีก่อน แดดเช้าเคยค้นคว้า เรียบเรียง เพื่อทำหนังสือเกี่ยวกับเปรต ส่งสำนักพิมพ์หนึ่งอะค่ะ ก็เลยพอมีข้อมูลเก็บไว้บ้าง ในพระไตรปิฎกก็มีนะคะ แต่ยาวมาก เลยไม่ได้เอามา ข้อมูลส่วนนี้  เอาจากไตรภูมิค่ะ ... แล้วหลังจากโพสต์ข้อมูลแล้ว จะเล่าประสบการณ์เปรตๆ ให้อ่านอีก : ) แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 46 13:00:19 จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 12:58:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไตรภูมิพระร่วงได้เล่าถึงเรื่องราวของเปรต ไว้ดังนี้ -เรื่องของ ตรีเหตุปฏิสนธิ ตรีเหตุปฏิสนธิ คือ เปรตที่มีการหยั่งรู้พระจตุราริยสัจธรรม(อริยสัจ ๔) ๓ ประเภท อันได้แก่ ๑.เปรตที่อยู่กลางสมุทร เป็นเปรตที่มีปราสาทแก้วและกำแพงล้อมรอบ มีคูล้อมรอบดูงดงามมาก ๒.เปรตที่อยู่เหนือเขา เป็นเปรตที่มีช้างม้าและข้าทาสบริวารคอยแบกหามด้วยคานทอง ขี่เที่ยวไปในอากาศ มียศบรรดาศักดิ์สูงแต่ก็ไม่สามารถเทียบเทวดาบนสวรรค์ได้ ๓.เปรตที่อยู่กลางเขา เมื่อเดือนแรมจะเป็นเปรต เดือนขึ้นจะเป็นเทพยดา และเป็นเปรตนานนักถึงชั่วพุทธันดร นอกจากเปรตที่เป็น ตรีเหตุปฏิสนธิ ทั้งสามประเภทนี้แล้วยังมีเปรตที่รู้พระอริยสัจ ๔ อีกประเภทหนึ่ง ที่มีปราสาททิพย์เป็นเครื่องกันเหมือนเทวดา และนอกจาก เปรต ที่เป็น ตรีเหตุปฏิสนธิแล้ว ยังมีเหล่าผีเสื้อบางจำพวกที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้และก็กินข้าวเป็นอาหาร และเหล่าฝูงผีที่เรียกว่า ปีศาจซ่อนตนอยู่ตามรากไม้ที่คนทั้งหลายไม่สามารถเห็นตัวได้เลยอีกด้วย จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ก่อนเปรตจะตาย เมื่อเหล่าเปรตและเหล่าผีเสื้อทั้งหลายจะตายนั้น เขาจะกลายเป็นมดตะนอยดำ บางทีก็จะเป็นตะขาบหรือแมงป่อง แมงเม่า บ้างก็จะเป็นตั๊กแตน เป็นหนอน บ้างก็จะเป็นเนื้อและนกแสกน้อยเป็นฝูงราวกับฝูงนกกระจิบนกกระจาบ บางทีก็กลายเป็นเนื้อเถื่อน ก่อนที่จะตาย ร่างเปรตเหล่านั้นย่อมเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ก่อน อายุขัยของเหล่าเปรต เปรตบางจำพวกอายุยืนได้ ๑๐๐ ปี บางจำพวก ก็ ๑,๐๐๐ ปี บางจำพวกก็ยืนชั่วพุทธันดรกัลป์ ลักษณะของเปรต เปรตบางจำพวกตัวใหญ่ปากเล็กเท่าภูเขา เปรตบางจำพวกผอมแห้งมากแม้อาหารจะกินก็ยังไม่มี ไม่มีแม้เลือดเนื้อเห็นเพียงหนังหุ้มกระดูกอยู่ภายนอก หนังท้องก็เหี่ยวติดกระดูกสันหลังและดวงตาลึกกลวงเหมือนถูกควักหายไป ผมยุ่งรุ่ยร่ายรุงรังลงมาปกปาก ร่างเปลือยไร้เครื่องนุ่งห่ม ตัวมีกลิ่นเหม็นสาบน่ารังเกียจมาก มีอาการทุรนทุรายใจเพราะว่าไม่มีเรี่ยวแรงด้วยขาดอาหาร ต้องนอนหงายอยู่เสมอ เหตุแห่งการเป็นเปรต ๑.ผู้มีความริษยาอยู่ในใจเสมอเมื่อเห็นใครยากไร้ก็ดูถูกดูแคลน เห็นใครมีทรัพย์สินก็ใคร่อยากได้ หาอุบายที่จะเอาทรัพย์สินของเขามาเป็นของตน มักมีความตระหนี่ถี่เหนียวไม่ให้ทาน และมักห้ามปรามมิให้คนเขาให้ทานด้วย รวมทั้งฉ้อเอาทรัพย์สินสงฆ์มาเป็นประโยชน์แก่ตน ลักษณะของเปรตผู้ที่ต้องรับโทษกรรม เมื่อเปรตเหล่านี้นอนอยู่ หูของเปรตเหล่านี้ก็จะได้ยินเสียงคนร้องเรียกว่า "สูทั้งหลายเอ๋ยจงมากินข้าวกินน้ำ" และเมื่อได้ยินเสียงนั้นแล้ว ก็เข้าใจว่า มีข้าวมีน้ำจริง จึงลุกไปหาด้วยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง เมื่อลุกก็ต่างล้มไปล้มมา บ้างก็ล้มคว่ำบ้างก็ล้มหงาย แต่เปรตเหล่านี้จะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เช่นนี้นานนัก ล้มแล้วลุก ล้มแล้วลุก ฟัดกันไปฟัดกันมาและสิ่งที่ได้ยินนั้นก็ไม่มีจริงแต่อย่างไรเลย ยังคงต้องได้ยินเสียงเรียกเช่นนี้อีกนับเป็นพัน ๆ ปี เมื่อได้ยินเสียงแล้ว เปรตเหล่านี้ก็จะลุกขึ้นได้โดยการเอามือทั้งสองพาดเหนือหัวแล้วลุกแล่นด้วยความดีใจตามเสียงนั้นไป โดยการร่ำไห้อย่างแรงด้วยความทุกขทรมานยิ่งนั้น ต้องล้มลงนอนอยู่บนแผ่นดินและต้องลุกวิ่งแล่นไปตามเสียงเรียกอันแสนไกลนักนั้นเป็นชั่วกาลนาน ๒.ผู้ที่ได้บวชเป็นชีพราหมณ์หรือนักบวชที่มีศีลบริสุทธิ์ แต่มักมีนิสัยที่จะชอบกล่าวสบประมาทครูบาอาจารย์และผู้ทรงศีลอยู่เนือง ๆ ลักษณะของเปรตผู้ที่ต้องรับโทษกรรม เปรตจำพวกนี้จะมีตัวราวกับพรหมงามดังทองทา แต่ปากเป็นปากหมูอดอยากหิวโหยยิ่งนัก จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ๓.ผู้ที่ได้รักษาศีล แต่มักติเตียนยุยงสงฆ์ให้แตกแยกกัน ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เปรตจำพวกนี้มีตัวงามดังทอง แต่ปากนั้นมีหนอนบ่อนกินปากและมีกลิ่นเหม็นยิ่งนัก ๔.ผู้ที่ให้ยากแก่หญิงมีครรภ์กินเพื่อให้แท้งลูก ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นฝูงเปรตหญิงเปลือยกายมีกลิ่นเหม็น ทั่วตัวมีแมลงวันตอนและเจาะกินตัวอยู่ ตัวผอมแห้งไม่มีเนื้อมีเพียงเอ็นกับหนังหุ้มพอกกระดูกเอาไว้ มีความอดอยากทุกขทรมาน และต้องออกลูกครั้งละ ๗ คน และเมื่อกินลูกของตนลงไปก็ไม่รู้สึกอิ่มแต่อย่างไร เปรตพวกนี้ต้องฉีกเนื้อลูกของตัวเองกินทุกวัน วันละ ๑๔ คน ๕.ผู้ที่มักติเตียนสามีเมื่อเขาให้ทานด้วยผ้าผ่อนและอาหาร เกิดความขึ้งเคียดด่าทอสามีของตนด้วยคำแช่งว่า "ขอให้สิ่งที่:-)ทำบุญนี้ จงกลายเป็นของลามกอาจมและเป็นเลือดเป็นหนองให้:-)กินทุกคำ ผ้าผ่อนที่:-)ให้ทานขอให้กลายเป็นเหล็กแดงไหม้:-)ทุกแห่งด้วยเถิด" ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตที่มีลักษณะเปลือยกายหาความงามไม่ได้ และเมื่อเห็นข้าวและน้ำมาวางตรงหน้า เมื่อหยิบเอามากิน ข้าวและน้ำนั้นก็จะกลายเป็นก้อนอาจมเป็นเลือดเป็นหนอง และเมื่อเห็นผ้ามาวางอยู่ตรงหน้า ก็หยิบผ้านั้นมานุ่งห่ม ผ้าก็จะกลายเป็นแผ่นเหล็กแดงไหม้ทั้งตัวเขา ๖.ผู้ที่มีความตระหนี่ถี่เหนียวและไม่รู้จักการทำบุญให้ทาน ครั้นเห็นใครทำบุญให้ทานก็จะเข้าขัดขวางห้ามปรามไม่ให้ใครทำบุญให้ทานได้ ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตที่มีลักษณะลำตัวสูงเพียงต้นตาล ผมนั้นหยาบนัก และมีกลิ่นตัวเหม็นมาก อดอยากมากไม่มีแม้ข้าวสักเมล็ดหรือน้ำสักหยดที่จะได้ตกถึงท้อง ๗.ผู้ที่มักเอาข้าวลีบปนด้วยข้าวดีแล้วเอาไปลวงขายให้กับคนอื่น ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เปรตประเภทนี้มักเอามือกอบเอาข้าวลีบที่ลุกเป็นไฟมาใส่บนหัวตนเองอยู่ทุกเมื่อ และข้าวลีบที่ลุกเป็นไฟนั้นก็ไหม้หัวอยู่เสมอตามลักษณะโทษกรรมที่ได้เคยทำไว้กับคนอื่น จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ๘.บุคคลผู้ที่ได้ตีหัวพ่อแม่ของตนด้วยวิธีใดก็ตามไม่ว่าจะเป็น มือ ,ไม้,เชือก ก็ตาม ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เปรตจำพวกนี้มักเอาค้อนเหล็กแดงตีหัวตัวเองอยู่ทุกเมื่อไม่มีการว่างเว้น ๙.บุคคลที่เห็นคนมาขอข้าวจากตนและตนพอมีข้าวอยู่บ้าง และก็อำพรางว่า ไม่มีข้าวจะให้ทานแล้ว และขอทานนั้นก็ขอแล้วขอเล่า เขาก็ยังทนสบถสาบานว่า ถ้าเขามีข้าวแต่เขาบอกว่า ไม่มี ก็ขอให้เขาได้กินของลามกอาจมที่ระคนไปด้วยของเน่าและหนอนอันเหม็นนักด้วยเถิด ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตที่อดอยากนักหนาและเห็นข้าวน้ำเป็นของหวานของอร่อยยิ่งนัก แล้วก็หยิบเอามากิน เมื่อกินเข้าไปแล้วก็กลับกลายเป็นของสกปรกเน่าเสียเต็มไปด้วยหนอนเหม็น ๑๐.บุคคลผู้ได้เคยลักเนื้อของผู้อื่นมากินเป็นของตน แล้วเมื่อเจ้าของถามหาเข้าก็บอกว่า ตนมิได้ทำ แล้วทนสาบานต่อไปว่า ถ้าตนได้ลักเอาเนื้อของใครไปกินจริง ๆ แล้ว ขอให้เอาเล็บมือของตนขูดหนังขูดเนื้อตัวเองกินเถิด ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นฝูงเปรตหญิงที่มีเล็บมืออันใหญ่ยาวและแหลมคมราวกับมีดกรีดขูดเอาเนื้อหนังของตนเองกินอยู่ตลอดเวลา ๑๑.บุคคลผู้ที่เคยเป็นพราน กลางวันเข้าป่าล่าเนื้อ กลางคืนจำศีลภาวนา ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เมื่อเวลากลางวัน เปรตเหล่านี้จะมีหมาตัวเท่าช้างสารไล่ขบกินเนื้อทุกขทรมานมาก แต่ผลบุญที่เขาได้จำเริญศีลภาวนา จึงกลายเป็นเทพยดา มีนางฟ้าเฝ้าบำรุงบำเรอ เสวยสมบัติที่เป็นทิพย์ในยามกลางคืนทุกคืน เพราะด้วยกุศลผลบุญที่เคยได้บำเพ็ญมานั่นเอง จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ๑๒.ผู้ที่เคยเป็นนายเมืองและตัดสินความราษฎรด้วยความไม่เที่ยงธรรม มักกินสินบนและยุให้คนถูกให้เป็นคนผิด ยุให้คนผิดให้เป็นคนถูก ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม มีวิมานดังเทพยดา และมีเครื่องประดับสวยงามเป็นเงินและเป็นสีทองของแก้ว เครื่องประดับอาภรณ์นี้ล้วนแต่เป็นแก้วเจ็ดสีและมีนางฟ้านับหมื่นคอยห้อมล้อมเป็นบริวารของเปรตนั้น แต่เปรตนั้นมันจะหาอาหารกินไม่ได้ต้องเอาเล็บมือของตนที่ยาวแหลมคมดังมีดกรดนั้นมาข่วนมาขูดเอาเนื้อหนังของตนออกมากินต่างอาหาร ๑๓.เคยมีเรื่องเล่าว่า ยังมีเจ้าพระยาผู้หนึ่งเป็นเจ้าเมืองเป็นผู้ทรงอุโบสถศีล(ศีล ๘) และเหล่าขุนนาง เจ้าขุนมูลนายต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เป็นผู้ทรงศีล แต่นายเมืองไม่ได้ถือศีลด้วย และนายเมืองกับบริวารของตนนั้นก็ได้ไปเฝ้าพระยา พระยาถามว่า "มิงจำศีลหรือไม่จำศีล?" เมื่อนายเมืองเกิดความละอายแก่คนทั้งหลายที่ไปด้วยนั้นจึงได้กราบทูลแต่เจ้าเมืองว่า "ข้าพระเจ้าได้จำศีล" แต่แล้วยังมีเพื่อนนายเมืองที่ไปด้วยนั้นเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจนายเมืองดีว่า นายเมืองเป็นผู้ที่ไม่ได้ถือศีลและไม่ได้รู้จักทำบุญให้ทาน เพื่อนของนายเมืองก็แอบไปถามนายเมืองหลังจากที่เข้าไปเฝ้าเจ้าเมืองแล้วว่า "เกลอน่ะ .. จำศีลจริงหรือ?" "ฉันไม่ได้จำศีลหรอก แต่ถ้าบอกความจริงว่าไม่ได้จำศีลก็จะละอายแก่คนทั้งหลาย จึงต้องกราบทูลว่า จำศีล" "ตั้งแต่วันนี้ไป พอถึงตอนค่ำ เกลอต้องอย่ากินข้าวเย็นเลย ต้องอดข้าวให้ถึงรุ่งเช้า ครั้นรุ่งเช้าแล้วค่อยกินข้าวก็จะได้บุญแก่เกลอ และเกลอก็ได้กราบทูลแก่เจ้าเมืองแล้วว่า เกลอได้จำศีล ใครจะกล่าวหาว่า เกลอไปกราบทูลเท็จพรางความก็จะไม่ได้ เพราะใคร ๆ ก็เห็นว่า นายเมืองอย่างเกลอก็อดข้าวเย็น" แล้วนายเมืองก็ทำตามคำแนะนำของเพื่อน วันนั้นจึงอดข้าวเย็น เหตุที่ไม่เคยอดข้าวมาก่อน ก็เลยเป็นลม เมื่อเป็นลมเข้าหนัก ๆ ไม่นานก็ตาย ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตที่อดอยากเป็นอย่างมากหาอาหารกินไม่ได้ และมักเอาเล็บมือของตนที่คมดังมีดง่ามแล่ขอดเอาเนื้อหนังของตนกินเองอยู่ตลอดเวลา เพราะบาปที่กินสินจ้างบังคับความโดยไม่ชอบธรรมนั่นเอง แต่ด้วยผลบุญที่ฟังคำมิตรให้โอวาทสั่งสอน ยอมถือศีลอดข้าวเย็นจนกระทั่งตัวตาย จึงเป็นเปรตที่มีวิมานและเครื่องประดับด้วยแก้วเจ็ดชนิดและมีนางฟ้านับหมื่นเป็นบริวาร ๑๔.บุคคลที่เคยเอาข้าว,อาหารและน้ำที่เป็นของเหลือไปถวายแก่พระสงฆ์ผู้ทรงศีล ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เปรตที่กินแต่ของเน่าเสียที่มีแต่น้ำเลือดน้ำหนอง และกินของสกปรกที่เหม็นน่าเกลียดอยู่ตลอดเวลา ๑๕.ผู้ที่เคยนำเนื้อสัตว์ที่ในพระพุทธศาสนามีวินัยต้องห้ามไว้ 10 อย่าง อันได้แก่ ๑)เนื้อคน ๒)เนื้อช้าง ๓)เนื้อม้า ๔)เนื้อสุนัขบ้าน ๕)เนื้องู ๖)เนื้อสิงโต ๗)เนื้อเสือโคร่ง ๘)เนื้อเสือดาว ๙)เนื้อหมี ๑๐)เนื้อสุนัขป่า มาถวายพระสงฆ์ และอำพรางให้พระสงฆ์ฉัน ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เหล่าเปรตจำพวกนี้มักจะต้องกินแต่น้ำเลือดน้ำหนองของหมาเน่าหมาขึ้นอืดอยู่เป็นเนืองนิจ จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ๑๖.ผู้ที่เคยด่าและสบประมาท รวมทั้งใส่ความพระสงฆ์ หรือ กล่าวคำโกหกแก่พระสงฆ์และผู้แก่ผู้เฒ่าที่มีศีล ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตที่มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากอกและลิ้นในปาก ลิ้นที่เป็นเปลวไฟนั้นก็จะลามไปไหม้ทั่วตัวอยู่ตลอดเวลา ๑๗.ผู้ที่เคยข่มเหงคนเข็ญใจอย่างหาความปรานีไม่ได้เลย เห็นของใครก็อยากจะได้ เห็นทรัพย์สินของใครก็อยากจะเบียดเบียนเอามาเป็นของตน ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตกระหายน้ำที่หายน้ำกินไม่ได้สักหยด เมื่อกระหายน้ำจนใจจะขาดก็แล่นไปข้างซ้ายข้างขวาเพื่อจะหาน้ำมากิน และได้เห็นน้ำใสงามปรากฏอยู่ตรงหน้า พอเอามือกอบน้ำนั้นจะดื่มเข้าไป น้ำนั้นก็จะกลายเป็นไฟไหม้ไปทั้งตัว ก็เกลือกกลิ้งร่างไปมาแล้วก็ตายลงไปในไฟนั้นเป็นนาน ๑๘.ผู้ที่เมื่อก่อนเคยจุดไฟเผาป่า และไฟนั้นคลอกเหล่าสัตว์จนตายไปเพราะหนีไม่ทัน ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตที่มีตัวเปื่อยเน่าและผอมนัก หลังก็ขดมือก็เน่าเท้าก็เปื่อย และก็มักเอาไฟมาคลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา ส่วนลำตัวนั้นเหมือนกับขอนไม้ที่กลิ้งอยู่ที่กลางไร่และก็กลิ้งไปกลิ้งมาทนทุกขเวทนานักเป็นเวลานานมาก ๑๙.บุคคลที่เคยเป็นนายเมืองและมักจะปกครองเมืองด้วยความไม่ชอบธรรม เห็นแก่สินจ้างและสินบนที่ไม่เป็นกลาง ผู้ที่ทำถูกก็ว่าผิด และมักจะแต่งความใส่ร้ายผู้ที่ทำความชอบเสมอ เป็นข้าราชการที่ชอบคอรัปชั่นโกงกินเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ลักษณะของเปรตผู้รับโทษกรรม เป็นเปรตที่มีลำตัวสูงใหญ่เท่าภูเขาและมีเส้นขนที่เรียวยาวเสียบแหลมนัก ทั้งเล็บมือเล็บเท้าก็ใหญ่เทอะทะคมเหมือนมีดกรดและหอกดาบ เมื่อเล็บตีนเล็บมือและขนนั้นกระทบกันเมื่อใด ก็จะได้ยินเสียงดังเหมือนเสียงฟ้าลั่นแล้วก็เป็นเปลวไฟลุกขึ้นไหม้ทั้งลำตัว เปลวไฟนั้นก็บาดตัวเหมือนขวานฟ้าผ่าทั่วทั้งตัว ไตรภูมิพระร่วง จึงกล่าวถึงที่มาแห่งการเป็นเปรตไว้ด้วยประการฉะนี้ . จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:02:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เล่าเรื่อง เปรต ต่อ คือว่า ตอนสมัยแดดเช้ายังเป็นสาวแรกรุ่น เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ก็จะไปเรียนพิเศษอะค่ะ แวะซื้อของข้างทางก่อน แล้วก็จะข้ามถนน ความเป็นคนที่มีความซุ่มซ่ามเป็นอุปนิสัย (sandan) ก็เลยเดินข้ามถนนแบบไม่มองรถเลย ประมาณว่า ข้าเป็นใหญ่ที่สุดกลางถนนแห่งนี้ รถมอเตอร์ไซค์สวนทางมา เสียงหวีดร้องดังขึ้น "อุ๊ย ... ไอ้เด็กเปรต ข้ามถนนไม่มองรถ" เป็นครั้งแรกที่แดดเช้า กลายเป็น "เปรต" 55555 ------ ขออนุญาต นอกเรื่องนะคะ ไหนๆ ก็เกี่ยวกะอะไรที่เป็น "เปรตๆ" เหมือนกัน จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แหะ แหะ เข้ามาปั่นกระทู้คุณมั่งจิ ซะแล้ว ... เปรตในพระไตรปิฎก ตั้ง 31 หน้า A4 ฟอนท์ Angsana 16 อะค่ะ เลยเอามาลงไม่ไหว แต่ถ้าใครอยากอ่าน จะลองก็อบมาลงในกระทู้ใหม่ดู  ดีไหมคะเนี่ย แต่มันยาวมากเลย เดี๋ยวหาวิธีก่อน เช่น อาจจะโหลดลงเว็บ แล้วทำลิงก์ให้เข้าไปอ่านกัน .... อิอิ  ขออภัยคุณมั่งจินะคะ ที่แดดเช้ามีพฤติกรรมชอบกวนประสาทชาวบ้าน แหะ แหะ คงงงอะดิ  ถก(ปัญหา นะ ไม่ได้ถกอย่างอื่นกัน) อะไรไปได้ขนาดนี้   ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  อย่าโกรธน้าาาาาา แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 46 13:38:42 จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 13:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 to #5 แวะมาแก้ envoy นะไม่ใช่ envy 55555 จากคุณ : envoy - [ 5 ต.ค. 46 14:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แหะ...แหะ....ขอโทษค่ะคุณ envoy มั่งจิตาถั่วอ่านเป็น envy แล้ว envoy แปลว่าอะไรคะ? ชื่อ envy ก็เก๋ดีนะ...จะบอกห้าย... ==================== พี่นินจาสับสนอีกละ ไร้ใจ-เจ็ดจุด-มั่งจิ.....คนละคนจ้า!!! จำผิดเข้าไปกอดข้างหลังแล้วจ๊ะเอ๋! ระวังโดนดึงหูยานนะ //หลิ่วตา จากคุณ : มั่งจิ... - [ 5 ต.ค. 46 14:36:28 A:202.28.27.2 X:10.33.250.100 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผีเปรตมีจริงครับ มีหลักฐาน ...ดังการสนทนาข้างล่างนี้ สาวสวยอายุ 16: ว้ายๆๆๆๆๆ ลุงมหา เมื่อวาน หนูเจอ ผีเปรตเจ้าค่ะ ลุงมหา: ไหนเหรอจ๊ะหนู ..ไม่ต้องกลัว เข้ามาใกล้พี่นะจ๊ะ พี่จะจับมันถ่วงน้ำเอง สาวสวยอายุ 16: มันมา ตะกาย อยู่หลังบ้านหนู จะเข้ามาที่หน้าต่างห้องหนู ลุงมหา: รูปร่างอย่างไรหนู สาวสวยอายุ 16: หัวล้าน แก้ผ้า น่าเกลียดมากเลยค่ะ หนูเลยไล่มันเจ้าค่ะ ลุงมหา: หนูไล่มันไปได้ไงละ สาวสวยอายุ 16: หนูคว้า กกน ยังไม่ได้ซัก คว้างไป มันคว้าได้ วิ่งหายไปเลย ลุงมหา: อิอิอิอิ <<เป็นไปตามเป้า อิอิอิ ได้อีกตัวละ อิอิอิ>> ลุงมหา(เอิ๊กๆๆๆๆๆ) = = = = = = ปลง ปลง ปลง = = = = = = ปล.ลุงมหาเนี่ย เค้ากำลัง ถกกัน มั่วตลอดเลย อิอิอิ จากคุณ : ลุงมหา - [ 5 ต.ค. 46 17:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คนในนี้ เล่าเรื่องผีได้ดีหลายคน สำนวนใช้ได้ เรื่องน่าสนใจ อยากจะเอามารวมเล่มจัง ... ทำหนังสือของชาวลึกลับ อิอิ (ไอเดียกระฉูดอีกแล้ว ยัยแดด) คุณมั่งจิ ว่างๆ เขียนเล่าอีกนะคะ จะตามอ่าน ชอบสำนวนคุณจัง : ) จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 21:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่แดดค่ะ ทำไมถึงห้ามพระสงฆ์ ทานเนื้อทั้ง 10 อย่างนั้นคะ จากคุณ : Out of reach - [ 5 ต.ค. 46 21:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สมัยนั้น พระสงฆ์อยู่ในป่า เวลาฉันเนื้อพวกนี้แล้วกลิ่นแรง สัตว์ป่าได้กลิ่น ก็คิดว่า เป็นสัตว์ป่าด้วยกัน เลยรุมทำร้าย ทำให้เกิดอันตราย จึงห้ามพระสงฆ์ฉันสัตว์ป่า 10 ชนิดนี้ค่ะ : ) แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 46 21:27:58 จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 21:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคุณแดดเช้าที่ให้กำลังใจค่ะ มั่งจิมีเรื่องลึกลับอยู่ไม่กี่เรื่องหรอกค่ะ เล่าไปแล้วก็เรื่องนี้เรื่องที่ 2 เอง คิดว่าหมดพุงแล้วค่ะ เอาไว้กลับบ้านนอกเจอคนเฒ่าคนแก่ จะไปเก็บเกี่ยวข้อมูลมาเล่าใหม่นะคะ แต่ข้อมูลคงไม่แน่นเหมือนเรื่องใกล้ตัว อันที่เล่าไปแล้วค่ะ ===================== สำหรับเรื่องเนื้อสัตว์ 10 ชนินั้น น่าจะลงโทษฆราวาสที่กินไปด้วยนะคะ หลายวันก่อนเห็นเขาขนสุนัขจากไทย รอนแรมไปขายถึงเวียดนาม รู้สึกสงสารมาก เนื้อสัตว์ขุนอื่นๆ มีเยอะแยะทำไมไม่กิน จากคุณ : มั่งจิ... - [ 5 ต.ค. 46 21:36:26 A:202.129.0.164 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 สุนัข นี่ก็เหมือนกัน ใครกินเข้าไป ถ้าพวกมันได้กลิ่นตัวนะ มันจะเห่าและอาจจะรุมกัด เพราะคิดว่า เป็นพวกเดียวกัน กลิ่นสุนัข นี่แรงนะ จะบอกให้ อันตรายอะ กินเนื้อสัตว์กลิ่นแรงๆ คุณมั่งจิ .. เขียนเรื่องแล้วเก็บรวบรวมไว้นะ ถ้าได้เยอะๆ แล้วบางทีอาจจะมีโอกาสได้พิมพ์รวมเล่ม อิอิ เสนอตัวเป็น บรรณาธิการ ให้เลย : ) จากคุณ : แดดเช้า - [ 5 ต.ค. 46 21:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32 งั้นพวกคนจีนที่กินหมา ก็โดนหมารุมกัดกันหมดเลยอ่ะสิครับ พวกเกาหลีด้วย เพื่อนผมบางคนมันกินหมา ไม่เห็นมันจะโดนเห่าเลย จากคุณ : ทายาท - [ 6 ต.ค. 46 08:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มั่งจิ - เจ็ดจุด - หนูจ๋อย - ไร้ใจ VS นินจา สมาคมคน จอ จาน ..... แบบพี่นิน คงไม่กล้าไปกอดใครข้างหลังร๊อก แค่สาวมาถูกตัวอาจจะวิ่งหนีไปตั้งหลักสามวัน แล้วค่อยมาโผล่ใหม่ เรื่องเนื้อกลิ่นแรง ต้องหยุดทานเนื้อซักพัก ถึงจะรู้ว่าเนื้อสัตว์กลิ่นแรง ทานเจแค่ 10 วัน ยังเหม็น เมื่อวานจะทานบะหมี่เป็ดย่างที่ MK ทนกลิ่นไม่ได้ .... จากคุณ : ใจไม่มีเจ้าของ - [ 6 ต.ค. 46 09:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แต่หนู มีกลิ่น หอมสบู่ ค่ะ สบู่ ธรรมชาติที่หนูทำเอง ********************************* คุณมั่งจิที่รัก หนูจ๋อยฟังเรื่องเปรต จากคุณยาย มาตั้งแต่เล็ก คุณตาเป็นพระ บวชที่วัด ต่างจังหวัด หนูจ๋อย เลยได้นอนวัด ตั้งแต่เด็กๆ แถมมีเหตุให้นอนวัดอีกหลายครั้ง หลายคราว ในวลาต่อมา  จำได้ว่า ตอนเล็กๆ หนูบอกคุณยายว่า ทำไมหนูมองเห็น คนตัวสูงเท่าต้นตาล ตอนนั้น เรียนอนุบาล คุณยายบอก ให้หนูแผ่เมตตา แล้วก็ เลย เล่าเรื่อง เปรต ให้หนู ฟังครั้งนั้น เป็นครั้งแรก นับแต่นั้น แม่ขับรถ ผ่านซากหมาตาย ถูกรถชน ตามถนน หนูต้องแผ่เมตตา ทุกครั้ง เพราะสงสาร เห็นรถ บรรทุก หมู ไก่ วัวควาย ก็ แผ่เมตตาไปเรื่อย จนโต แต่ภาพที่ติดตา ตั้งแต่เล็กๆ ก็คือ ภาพ คนที่ตัวสูงเท่าต้นตาล ที่มองออกไปเห็นนอกหน้าต่าง ครั้งที่ แปลกที่สุดคือ ตอนขับรถไปส่งแม่เข้ากรรมฐาน ที่วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง นอกเมืองอยุธยา ใกล้ๆ อ่างทอง หนูกราบแม่ แล้วขับรถกลับ บรรยากาศ วันนั้น นิ่งๆ วิเวกอย่างไรอธิบายไม่ถูก จำได้ว่า หันกลับไปมอง ที่บ้านไทย เก่าๆ หลังที่แม่ไปพัก เห็น foreground เป็น ต้นไม้เป็นแถว ด้านหลัง หนูจ๋อยเห็น ภาพ หัวผู้หญิง สูงลิบ ยืนเรียงๆ กันอยู่ เป็น ฉาก ข้างหลัง รีบ แผ่เมตตา แล้วขับรถกลับออกมา อีก 7 วัน ไปรับแม่ กราบลา แม่กับ พระอาจารย์ แม่เล่าว่า หลายคนได้ยินเสียงโหยหวน ตอนกลางคืน พร้อมกับภาพ ที่หนูจ๋อยเห็น โดยหนูยังไม่ได้เล่าให้ แม่ฟังด้วยซ้ำ ว่า วันที่มาส่งแม่ หนู เห็นอะไร แต่เราก็ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ อีก แม่ไม่ให้ไปใส่ใจ แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 46 10:33:40 จากคุณ : หนูจ๋อย - [ 6 ต.ค. 46 10:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่เคยเห็นเองค่ะ แต่ว่าแม่เคยเจอ แม่เล่าให้ฟัง บอกว่าตอนเจอน่ะ วิ่งไม่ออก ยืนขาแข็งแล้วก็ปัสสาวะราดเลยค่ะ ด้วยความที่กลัวมาก แม่ดิฉันน่ะ จะเจอผีเยอะนะคะ อย่างผีกระสือ เราก็ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่แม่และพวกญาติๆเขาก็เจอมาแล้ว แม่บอกว่า ถ้าเจอผีกระสือ ให้เหยียบไม้หาบสาแหรกให้หักกลางแล้วผีจะไม่ทำอะไร ตอนแม่เจอแม่เขาก็เหยียบจนหักนะคะ ก็แม่ดิฉันตัวใหญ่นี่นา ถ้าเป็นเราจะไปเหยียบหักได้ยังไงหว่า ไม้มันอันหนาๆใหญ่ๆ เรื่องกินเนื้อสัตว์แล้วมีกลิ่นตัวแรงน่ะจริงค่ะ เพราะช่วงที่กินเจ ถ้าเข้าใกล้คนที่กินเนื้อ จะได้กลิ่นเหม็นแรงมาก แทบอยากอาเจียนเลยค่ะ ตอนแรกเราคิดว่า เราผิดปกติ แต่ก็มานั่งนึก อาจจะเป็นเพราะว่า เราไม่กินเนื้อสัตว์ ก็เลยได้กลิ่นน่ะ ตอนนี้ออกเจแล้ว คงจะกลับมาเป็นปกติ ถ้าต้องกินเจตลอดนี่ สงสัยจะทำไม่ได้ ไม่ใช่เพราะทนกินอาหารไม่ได้หรอกนะ แต่เพราะว่ามันจะได้กลิ่นเหม็นจากคนที่กินเนื้อน่ะซี ได้กลิ่นทีไร จะอาเจียนทุกที เพราะฉะนั้น กลับมากินเนื้อให้เหมือนๆพวกเขาดีกว่า จะได้ไม่หลงฝูง หึ หึ จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 6 ต.ค. 46 12:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คงเหมือนคนไม่กินเหล้า มาเจอคนกินเหล้า ก็เหม็นเหล้า คนไม่สูบบุหรี่ มาเจอคนสูบบุหรี่ ก็ได้กลิ่น เหม็นบุหรี่ คนกินโค้ก ไปเจอคนกินเป๊ปซี่ ก็จะเหม็นไปด้วย (รึป่าว) คนไม่กินเนื้อ เจอคนกินเนื้อ ก็จะเหม็นสาป เค้าว่ากันว่า คนไม่กินเนื้อสัตว์อะ จะไม่มีกลิ่นตัว ส่วนคนกินเนื้อสัตว์จะมีกลิ่นตัว เหม็น จากคุณ : ~amily~ - [ 6 ต.ค. 46 19:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 หลงมาครับ ถ้าเปรต นี่ต้องวัดกู้ครับ เห็นจะๆกันไปเลย เล่นเอาชมรมคนรักเปรตยืดอกกันเป็นแถว "บอกแล้ว ว่ามีจริง บอกแล้วๆ" ตอนนี้เงียบกันไปแล้ว โดนตำรวจจับ ข้อหาฉ้อโกง โชคดีที่สมาชิกไม่โดนด้วย ข้อหา "เชื่อคนแปลกหน้า" จะเหลือก็แต่ "ไอ้เปรต" ที่พบได้ทุกวันครับ แล้วแต่กรรมเวรของแต่ละท่าน อ่านขำๆนะครับ อย่าซีเรียส กลัว "เจ้าที่" ครับ ลึกลับแต่ต้องพยายามอธิบายครับ ไม่งั้นจะเชื่อครับ จากคุณ : Double07 - [ 22 ต.ค. 46 13:18:23 ]