เทคโนโลยีจิ๋วแต่แจ๋ว Nanotechnology

    http://www.bangkokbiznews.com/scitech/2004/0401/news.php?news=p1.html

    หยาดพิรุณ นุตสถาปนา

    นาโนเทคโนโลยี อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวในสายตาของคนทั่วไป แต่ในแวดวงนักวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีนี้ถือเป็นความหวังที่จะนำพาประเทศไปสู่เส้นชัย ณ จุดเริ่มต้นที่หลายประเทศอยู่ไม่ไกลจากกันเท่าใดนัก

    เทคโนโลยีซูเปอร์จิ๋วระดับนาโนเมตร (หนึ่งในพันล้านเมตร) ที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมคนเราถึง 80,000 เท่า กลายเป็นทิศทางใหม่ที่บรรดาประเทศพัฒนาแล้วทุ่มเดิมพันกันสุดตัว เห็นได้จากเม็ดเงินสนับสนุนที่รัฐบาลแต่ละประเทศจัดสรรให้

    เริ่มจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศให้งบประมาณวิจัยและพัฒนาด้านนาโนเทคโนโลยีในปี 2546 เป็นเงิน 40,000 ล้านบาท สหรัฐ 32,500 ล้านบาท สหภาพยุโรป 30,000 ล้านบาท เกาหลีใต้ 9,000 ล้านบาท ขณะที่ไต้หวันและจีนก็ไม่น้อยหน้า จัดสรรงบประมาณ 5 ปี เป็นจำนวน 45,000 ล้านบาท และ 13,000 ล้านบาทตามลำดับ

    ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย เพิ่งเริ่มงานวิจัยพัฒนาด้านนาโนเทคโนโลยีได้ไม่กี่ปี และงบประมาณในด้านนี้ถือว่าน้อยกว่าสหรัฐและญี่ปุ่นหลายร้อยเท่า แม้จะมีงบอยู่อย่างจำกัด แต่ใช่ว่าขีดความสามารถของนักวิจัยไทยจะด้อยกว่าชาติอื่นๆ เพราะขณะนี้มีทีมวิจัยหลายชุดกำลังขะมักเขม้นผลิตชิ้นงานในศาสตร์แขนงนี้อย่างต่อเนื่อง

    ?เรารู้ว่าเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ซิลิคอน เราตามไม่ทันล่ะ เราตกขบวนรถไฟตรงนี้ไปตั้งนานแล้ว ขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มของเทคโนโลยีที่จะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ทางด้านสารอินทรีย์เข้ามา แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่รู้ว่ามันจะไปตรงไหน ดังนั้นทุกคนสามารถแข่งกันได้ ทุกคนเริ่มสตาร์ทประมาณที่เดียวกันทั่วโลกโดยที่ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเจ้านาโนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้ซิลิคอน มันจะเป็นอย่างไร? ผศ.ดร.ธนากร โอสถจันทร์ หน่วยสร้างเสริมศักยภาพทางนาโนศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว

    ไม่ต่างจาก รศ.ดร.จิติ หนูแก้ว หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยควอนตัมและสารกึ่งตัวนำทางแสง คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่เห็นว่าโมเลกุลอินทรีย์จะมีผลกระทบต่อคอมพิวเตอร์ในโลกอนาคตมาก

    ?ตอนนี้ในต่างประเทศยังทำชิพระดับนาโนไม่ได้ ยังอยู่ที่ระดับไมโครอยู่ แต่หลังจากนี้อีก 5 ปี สิ่งต่างๆ จะเริ่มชัดเจนขึ้น อย่างโซลาร์เซลล์ที่ทำจากอะมอร์ฟัสซิลิคอน ถ้าเทียบกับทำจากสารอินทรีย์ ต้นทุนจะต่ำมาก แต่ประสิทธิภาพเท่ากันไหม นั่นคืออนาคต ในตอนนี้หากเทียบประสิทธิภาพกับต้นทุนที่ผลิตจากสารอินทรีย์ เห็นเลยว่ามันเข้ากันได้พอดี ส่วนอะมอร์ฟัส ต้นทุนนับว่ายังสูงมาก?

    เกาหลีใต้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่หันมาจับตลาดด้านสารอินทรีย์ และประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ข้อดีที่เด่นชัดของเจ้าสารอินทรีย์ ก็คือเป็นสารที่สังเคราะห์ได้จากธรรมชาติ ไม่มีสารพิษเป็นส่วนประกอบ จึงย่อยสลายได้ง่าย ต่างจากสารอนินทรีย์ อย่าง ซิลิคอน ที่ย่อยสลายยากและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก แม้จะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความทนทาน แต่หากดูในเรื่อง "ต้นทุนต่ำ" แล้ว สารอินทรีย์ชนะขาดลอย

    ?ยกตัวอย่างเช่นการผลิตแอลอีดีสีน้ำเงินที่ญี่ปุ่นทำจากสารอนินทรีย์ ต้นทุนจะสูงมาก แต่พอเกาหลีใต้จับสารอินทรีย์ขึ้นมาทำ ก็เล่นเอาญี่ปุ่นจ๋อยไปเหมือนกัน ผมว่าจุดแข็งมันอยู่ที่เรื่องต้นทุนต่ำ ซึ่งเหมาะกับประเทศเรามากทีเดียว? ดร.จิติ เสริม

    จึงไม่แปลกที่นักวิจัยแทบทุกสถาบัน จะทุ่มความสนใจไปที่เจ้าอินทรีย์สารเป็นหลัก แต่ดูเหมือนว่า "จุดยืน" ของแต่ละทีมบนถนนสายนี้จะอยู่คนละเส้นทาง

    จากคุณ : sss - [ 5 เม.ย. 47 04:13:55 A:203.113.38.11 X: ]