ความคิดเห็นที่ 1 อย่างน้อยก็คือทำให้เครื่องในสุกจนกินได้ล่ะมั้งครับ อีกอย่างหนึ่งก็คือทำให้หัวใจวายได้ (มั้งนะ) จากคุณ : SCandium - [ 23 ก.ค. 47 16:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การตายเนื่องจากกระแสไฟฟ้านั้น หลักๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ตัวด้วยกันครับ คือ 1 ขนาดของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย 2 ระยะเวลาที่ไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย ดังนั้นจึงหมายความว่า ตามสูตร P=(I^2)R โดย P คือ กำลังไฟฟ้า ซึ่งในกรณีที่ไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายนี้ Pจะเป็นความร้อนที่เกิดขี้นในตัวเรา ส่วน I คือ ขนาดกระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นปัจจัยที่ 1 ด้านบน ซึ่งหากขนาด I มากก็จะทำให้เกิดความร้อนในตัวเรามาก สุดท้าย R คือความต้านทานที่ต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า ซึ่งทุกคนจะมีความต้านทานที่ค่าๆ หนึ่ง โดยที่แต่ละคนจะมีค่าไม่เท่ากัน แต่โดยปกติแล้ว ชาวยุโรป จะมีค่า R สูงกว่าชาวเอเชีย และผู้ชายจะมีค่า R สูงกว่าผู้หญิง แต่ไม่ต้องน้อยใจนะครับ ค่า R ของแต่ละคนนี้ไม่สำคัญมากนักหรอกหากถูกไฟดูด การเสียชีวิตโดยมากจะเกิดจากการที่ถูกไฟดูดแล้วเราไม่สามารถสะบัดตัวให้หลุดออกมาได้ จึงทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวเราเป็นเวลานานๆ จึงเกิดความร้อนภายในร่างการเรามากจนอวัยวะภายในเราทนไม่ไหวจึงเสียชีวิตครับ จากคุณ : นายหม่อง (newin) - [ 23 ก.ค. 47 17:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มันขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวเรา ถ้าปริมาณไม่มากก็แค่สะดุ้ง พอรู้สึกตัว ประสาทยังทำงานได้ ถ้าสูงเกินกว่า10mAบางคนจะเกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หายใจลำบาก ประสาทเริ่มสั่งการไม่ได้ทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อหรือเช่นมือ แขน ขาได้ เริ่มเกร็ง ถ้าสูงเกินกว่า50mAจะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ ความดันลดลง ผิวหนังเกิดแผลไหม้ ถ้าทิ้งไว้นานก็ตาย จากคุณ : วรพล - [ 23 ก.ค. 47 18:03:10 A:203.146.83.76 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทำให้เซลกล้ามเนื้อหดตัวรุนแรง ทำงานผิดปกติ ทำให้ระบบหายใจ ระบบเลือด ระบบสมองล้มเหลว จากคุณ : ช่างไฟ - [ 23 ก.ค. 47 19:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติ เนื่องจากใช้กระแสไฟฟ้าในการสั่งงานหัวใจ จากคุณ : นอแรด - [ 23 ก.ค. 47 20:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นไฟบ้าน 220 โวลท์ AC. ก็คงเป็นเพราะไฟฟ้าความถี่ 50 ็Hzทำให้เซลหัวใจมันหดตัวไม่พร้อมกัน (fibrillation) ทำให้มันไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ คล้าย ๆ กับหัวใจวาย ทำนองนี้มั้งครับ จากคุณ : old technician - [ 23 ก.ค. 47 21:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Ventricular fibrillation เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดครับ ถ้ารอดจากตรงนั้นมาได้ ก็อาจมีภาวะไตวายเฉียบพลันจากการที่มีการทำลายกล้ามเนื้อจำนวนมากจากกระแสไฟ จากคุณ : Dr.T - [ 23 ก.ค. 47 21:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณช่างไฟช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ยครับ ว่าระบบเลือดมันล้มเหลวยังไง เมื่อโดนไฟดูดน่ะครับ เพราะจะเอาไปทำรายงาน จากคุณ : อยากทราบ - [ 23 ก.ค. 47 21:46:54 A:161.200.255.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ง่า... คงประมาณ กล้ามเนื้อหัวใจไม่มีแรงบีบฉีดเลือด หลอดเลือดหดตัว เลือดเดินไม่สะดวก ประมาณนั้น มั่วเอาน่ะ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 23 ก.ค. 47 21:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คห 8 โพสมาจากจุฬา ก็เดินข้ามไปหอสมุดคณะแพทย์สิครับ เปิด harrison บทท้าย ๆ มีบอกหมดแหละ จากคุณ : Dr.T - [ 23 ก.ค. 47 21:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คคห 10 อะไรคือ harrison ครับ หนังสือเกี่ยวกับการรักษาคนโดนไฟดูดใช่มั้ยครับ ถ้าใช่ก็ดี ไม่ต้องไปค้นมาก ขอบคุณครับ จากคุณ : คคห 8 - [ 23 ก.ค. 47 22:19:37 A:161.200.255.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 Harrison เป็นชื่อตำราแพทย์มาตรฐานเล่มหนึ่งครับ จากคุณ : Dr.T - [ 24 ก.ค. 47 06:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หัวใจคนเรา"เต้น" 60-100 ครั้งต่อนาที การเต้นทุกครั้ง ต้องมีตัวให้จังหวะ (pace maker) ... ตัวให้จังหวะ จะสร้างกระแสไฟฟ้า แรงดันประมาณ 150 มิลลิโวลท์ และกระแสประมาณ 10 ไมโครแอมป์ (มั้ง .. ไม่ได้เปิด Garnon) และจ่ายไปตามจุดต่างๆ ให้เต้นตาม โดยเริ่มเต้นจากห้องบนขวา ไล่มาตรงกลาง ก่อนจะลงล่างขวา-ซ้าย จบหมด 1 จังหวะ ไฟฟ้าบ้าน แรงดันสูงสุด 310,000 มิลลิโวลท์ !!! (310v ... 2,000 เท่า) ผิวหนังคน และเนื้อเยื่อ มีความต้านทานราวๆ 1,000,000 โอห์ม .. ฉนั้น แรงดันนี้ สามารถดันกระแส 310/1000000 หรือราวๆ 300 ไมโครแอมป์ (30 เท่า) ให้ผ่านหัวใจ นี่ว่าแย่แล้ว ยังไม่เท่าเมื่อตัวเปียกชื้น ความต้านทานจะลดเหลือ 1,000 โอห์มด้วยซ้ำ (ลองวัดกับตัวเองเมื่อกี้) กระแสจะเพิ่มเป็น 300,000 ไมโครแอมป์ .. ไหวไหมหละ แถมไฟบ้าน ยังเต้นเร็ว 100 ครั้ง/วินาที (บวก และลบ) .. หรือ 6,000 ครั้งต่อนาที ม่ายรอด จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ก.ค. 47 08:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คอมเฟิร์มคุณแมวเหมียวพุงป่องครับ ตอบได้ตรงที่สุด เคยดูเรื่อง The Matrix ใช่มั้ยครับ ที่ว่าคอมพิวเตอร์ใช้มนุษย์เป็นแหล่งพลังงาน ก็คือระบบร่างกายของคนเราจะถูกสั่งการด้วยสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งมาจากสมอง เป็นโลจิก 0 และ 1 เหมือนกับในคอมพิวเตอร์นี่แหละ การทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายจะถูกควบคุมจังหวะด้วยสัญญาณกระแสไฟฟ้าที่ส่งมาจากสมอง ส่วนที่สำคัญที่สุด ก็คือ หัวใจ เพราะเป็นอวัยวะที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย รวมทั้งสมองที่สั่งการมันด้วย ถ้าหากมีกระแสไฟฟ้าที่มีแอมป์สูงๆ อย่างที่คุณแมวเหมียวว่า ไหลผ่านหัวใจ จะทำให้การทำงานของหัวใจถูกขัดจังหวะ จังหวะการทำงานก็ล่ม พอล่มหัวใจก็หยุดเต้น นอกจากนั้น กระแสไฟฟ้ายังเข้าไปรบกวนการทำงานของสมองอีกด้วย ทำให้สมองหยุดทำงาน ก็เปรียบเสมือนกับเครื่องคอมที่อยู่ๆซีพียูก็หยุดทำงานนั่นแหละ สรุปง่ายๆก็คือคนที่ถูกไฟดูดตาย ก็เพราะกระแสไฟฟ้าจากภายนอกเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบไฟฟ้าในร่างกายครับ แถมนิด เกี่ยวกับการป้องกันไฟดูด ถ้าหากเราไปเจอวัตถุตัวนำใดๆ เช่นโครงของเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เราไม่แน่ใจว่าจะมีไฟรั่วหรือไม่ วิธีตรวจสอบที่ดีที่สุดคือ ใช้ไขควงเทสต์ไฟแตะ แต่ถ้าไม่มี และอยากเสี่ยงเล็กๆน้อยๆตามประสาช่างไฟ ให้ใช้หลังมือ หรือนิ้วด้านหลังแตะนะครับ (ประมาณข้อนิ้วที่สอง) เพราะถ้าเกิดมีไฟรั่ว สัญชาติญาณจะทำให้มือเรากำเข้าทันที ทำให้หลุดออกมาได้ แต่ถ้าใช้หน้ามือแตะ ไฟดูดเข้ามือก็กำหมับเข้าให้ อาจจะไม่รอด จากคุณ : ฮิป - [ 24 ก.ค. 47 10:12:13 A:202.47.247.146 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอแก้ไขคุณ ฺฮิป นิดหนึ่งนะครับ สมองไม่ได้ "สั่ง" งานหัวใจโดยตรงครับ เพราะหัวใจมันทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะไม่อย่างนั้นคุณคงสั่งให้หัวใจ "หยุด" เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ได้ เหมือนเวลาคุณสั่งให้ปอดหยุดหายใจ (กลั้นหายใจ) ได้ระยะหนึ่ง หัวใจอาจจะถูกสั่งได้จากระบบประสาทอัตโนมัติ (ให้เต้นเร็วขึ้นหรือช้าลงเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของร่างกาย) แต่คุณบังคับมันไม่ได้เหมือนอวัยวะอื่น ๆ ครับ จริง ๆ แล้วยังมีอวัยวะอื่น ๆ ก็ทำงานแบบอัตโนมัติอยู่ครับ เช่น ลำไส้ ฯลฯ จากคุณ : old technician - [ 24 ก.ค. 47 10:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ปอดไม่ได้ทำหน้าที่หายใจครับ ถึงเราจะ "ควบคุม" ร่างกายให้หยุดหายใจได้ แต่ปอดไม่ได้ "หยุด" ทำงานไปด้วยนะครับ ขอแย้งกลับและขอยืนยันว่า หัวใจไม่ได้ทำงานได้ด้วยตัวมันเองครับ แต่ทำงานจากการควบคุมของสมอง โดยส่งมาเป็นสัญญาณไฟฟ้าไปตามเส้นประสาท การที่เรากลั้นหายใจ แล้วหัวใจเต้นเร็วขึ้นนั้น มันเป็นผลต่อเนื่องมาจากการที่สมองนั่นแหละครับ ตรวจจับระดับออกซิเจนที่ลดลงในเลือดได้ ก็เลยสั่งให้หัวใจทำงานเร็วขึ้น เพื่อจะได้ออกซิเจนที่เพียงพอ ระบบประสาทอัตโนมัติที่คุณว่า ก็คือการทำงานจากสมองนี่แหละครับ พูดถึงเรื่องประสาทอัตโนมัติ คือการทำงานของอวัยวะด้วยตัวของมันเองโดยไม่ผ่านการสั่งงานจากสมอง มีสัตว์อยู่ชนิดนึงที่มีคุณสมบัตินี้ (เท่าที่ผมรู้นะ) คือแมลงสาบครับ ขนที่ขาของมันจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับความสั่นสะเทือนจากอากาศ เมื่อมีความสั่นสะเทือน ระบบประสาทจะสั่งงานไปที่ขาของมันให้วิ่งแจ้นก่อนเลย โดยที่ไม่ต้องผ่านสมองในการตัดสินใจ แมลงสาบเลยอยู่รอดปลอดภัยมาได้จนทุกวันนี้ไงครับ (พูดแล้วขนลุก) จากคุณ : ฮิป - [ 24 ก.ค. 47 13:32:14 A:202.47.247.146 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ต้องขอโทษคุณฮิปครับ ที่อาจทำให้คุณไม่พอใจ แต่ผมจำได้ว่าตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง ผมผ่ากบเอาหัวใจออกมาใส่ในน้ำยา หัวใจมันก็ยังเต้นได้นี่ครับ ถ้าสมองเป็นตัวสั่งงานมันจริง ๆ แล้วเวลาไม่มีสมองต่ออยู่กับหัวใจ หัวใจน่าจะหยุดเต้นสิครับ? จากคุณ : old technician - [ 24 ก.ค. 47 13:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ที่คุณฮิปว่านี่ระบบ reflex ใช่ใหมครับถ้าใช่ละก็คนเราก็มีครับ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 24 ก.ค. 47 13:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นั่นน่ะสิครับ -"- จากคุณ : ฮิป - [ 24 ก.ค. 47 13:55:25 A:202.47.247.146 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 แล้วตอนนั้นได้ทดลองเอาไฟจี้ขากบด้วยหรือเปล่าครับ จากคุณ : ฮิป - [ 24 ก.ค. 47 14:00:44 A:202.47.247.146 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่่องทดลองเอาไฟจี้ขากบ ผมจำไม่ได้แน่ แต่รู้สึกว่าจะเคยทำตอนเรียน สรีรวิทยา ตอนปี 4 ที่ใช้กระดาษกราฟลนเทียนให้ดำมาต่อด้วยเพื่อดูรูปกราฟการหดตัวของกล้ามเนื้อ ป.ล. เรื่องหัวใจเต้นเร็วขึ้น เวลากลั้นหายใจ ผมว่าน่าจะเกิดจากภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดเพิ่มขึ้น มากกว่าภาวะออกซิเจนในเลือดลดลงนะครับ แต่อันนี้ไม่ยืนยันครับ เนื่องจากเอาความรู้คืนอาจารย์ไปเกือบหมดแล้ว คงต้องให้ผู้รู้ด้าน Physilogy มาช่วยยืนยันครับ จากคุณ : old technician - [ 24 ก.ค. 47 14:10:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าหัวใจต้องพึ่งสมอง จะมีกรณีสมองตายให้มานั่งถกเถียงกันหรือว่าตายหรือยัง เพราะการที่สมองตาย ไม่ได้แปลว่าหัวใจจะหยุดเต้นด้วย อัตราการเต้นของหัวใจถูกควบคุมจากสมดุลของระบบประสาท sympathetic และ parasympathetic ก็จริง แต่กระแสไฟฟ้าที่ทำให้หัวใจเต้นนั้นมีจุดกำเนิดจาก sinus node บริเวณห้องหัวใจด้านขวาบน (right atrium) ซึ่งมีคุณสมบัติ automaticity คือกำเนิดกระแสไฟได้เอง ไม่ต้องอาศัยสัญญาณประสาทมากระตุ้น sinus node ให้ปล่อยไฟอีกต่อหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 47 14:47:39 ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : Dr.T - [ 24 ก.ค. 47 14:45:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเข้าใจผิดไปเองครับ ขอบคุณ Dr.T มากครับ จากคุณ : ฮิป - [ 24 ก.ค. 47 16:06:59 A:202.47.247.146 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถามนิดครับ ฝนตก น้ำท่วม เถินผ่านเสาไฟฟ้า สายข้างบนก็เปลือย ทำไมไฟไม่ดูดเราครับ จากคุณ : Kz - [ 24 ก.ค. 47 16:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เอ้อ ...แล้วทำไมผมโดนฟ้าผ่าตอนเด็ก ๆ ทำไมไม่เป็นไรครับ แต่น้าผมอุ้มผมไว้ น้าผมสลบเลยครับต้องพยาบาลกันยกใหญ่ ผมกระเด็นหลุดจากอ้อมอกของน้าผมเลย แต่ทุกวันนี้ผมกลัวฟ้าผ่าที่สุดเลย มันฝังใจมั๊งครับ ช่วยอธิบายหน่อยครับแบบว่าอยากรู้น่ะ ขอบคุณครับ จากคุณ : มหาอุตม์ - [ 25 ก.ค. 47 00:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตามที่คุณ ฮิป ว่านั้นในส่วนสำคัญก็ถูกนี่ครับ -หัวใจไม่สามารถรับรู้ได้ว่า ร่างกายต้องการออกซิเจนเท่าไร่นี่ครับ การที่เมื่อใดหัวใจควรเต้นเร็ว เมื่อใดควรเต้นช้า สมองเป็นตัวสั่งการครับ เพราะหัวใจจะคิดเองได้ไง ถ้าคิดได้ก็แสดงว่า หัวใจก็คือสมองย่อยๆ - แต่ที่บอกว่าหัวใจเต้นได้เองโดยไม่ต้องพึ่งสมองอันนี้ก็จริงครับ จากคุณ : แสนแก้ว - [ 25 ก.ค. 47 00:04:08 A:203.113.80.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเคยดูรายการวิทยาศาสตร์ มีชายคนนึง ทนกระแสไฟฟ้าได้เป็น ล้าน โวล์ เค้าห้อยโหนสายเปลือยแรงสูงได้สบายๆ เอาไฟแรงสูงมาช๊อตตัวเองแล้ว ย่างปลาบนมือ ปลาดำสุกเลยครับ ร้อนนะแต่เค้าไม่ตาย -----ผมว่าขึ้นอยู่กับความอ่อนแอกับไฟฟ้าของแต่ละคนด้วยครับ พี่ชายผมเป็นช่างไฟ เค้าทนไฟบ้านได้ครับ 220 โวล์ เค้าบอกก็รู้สึกว่าไฟไหลๆผ่านเองครับ แต่เค้าไม่เคยทำโชวนะครับ เวลาเค้าทำงาน พ่อตาเค้ายังงงเลย สายไฟบ้านทองแดงเปลือยๆก็จับได้ไม่ตาย ---ใครมีความรู้เรื่องนี้ อธิบายทีครับ จากคุณ : แสนแก้ว - [ 25 ก.ค. 47 00:19:27 A:203.113.80.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 จำได้แว่วๆว่าเกี่ยวกับความต่างศักย์ หรือไงเนี่ยแหละครับ ผู้ใดแจ้ง วานแถลง จากคุณ : Kz - [ 25 ก.ค. 47 09:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องทนไฟ 220 โวลท์ อาจมีคนทนได้ โดยหัวใจไม่เกิด Fibrillation ไปเสียก่อน แต่ถ้าจะโหนสายไฟแรงสูง โดยไม่โดนไฟดูดตาย ไม่น่าทำได้นะครับ ยกเว้นเขาจะบินมาเหมือนนก แล้วไปเกาะสายไฟแรงสูงเส้นใดเส้นหนึ่ง โดยไม่ทำให้ครบวงจร (คือไม่เอาแขนขาไปแตะกับสายไฟเส้นอื่น หรือเสาไฟ ที่ทำให้ไฟฟ้าครบวงจรได้) ; P จากคุณ : old technician - [ 25 ก.ค. 47 10:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สาเหตุหลักเป็นอย่างที่ Dr.T กล่าวครับ จะลดความเสี่ยงในการจับวัตถุต้องสงสัยว่ามีไฟฟ้ารั่ว ท่านว่าให้ยืนด้วยขาขวาข้างดียว แล้วเอามือขวาจับครับ ตลกแต่จริงนะครับ เหตุผลหลักคือหลีกเลี่ยงการให้กระแสไฟไหลผ่านหัวใจครับ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 25 ก.ค. 47 22:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบ คคห.25 เป็นไปได้ครับ เนื่องจากตัวคุณไม่ได้ต่อลงดิน (เพราะน้าคุณอุ้มไว้อยู่) จึงทำให้กระแสไฟฟ้าไม่ผ่านตัวคุณ แต่ไปผ่านที่น้าคุณเต็มๆครับ ตอบ คคห.26 ครับ ถ้าสังเกตุดูให้ดี สายไฟจะไม่พาดโดยตรงกับเสาไฟนะครับ แต่จะพาดอยู่บนลูกถ้าย (สีน้ำตาลที่เราเห็นน่ะ) ซึ่งตัวนั้นทำหน้าที่เป็นฉนวน ทำให้กระแสไฟฟ้าไม่สามารถผ่านมาถึงเราได้ครับ จากคุณ : วิศวกรไฟฟ้า - [ 28 ก.ค. 47 16:40:40 A:202.57.156.144 X: ]