ความคิดเห็นที่ 1 http://www.thaiengineering.com/webboard/question.asp?QID=3103 จากคุณ : ตาบุ๋ย - [ 13 ต.ค. 47 22:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.thaiengineering.com/webboard/question.asp?QID=3103 จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 13 ต.ค. 47 23:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ้าว...ตอนนี้เค้าฮิตทำ link กัแล้วหรอ เดี๋ยวเอามั่ง http://www.thaiengineering.com/webboard/question.asp?QID=3103 จากคุณ : pok_dinpong - [ 14 ต.ค. 47 00:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 http://www.thaiengineering.com/webboard/question.asp?QID=3103 จากคุณ : appendix (สมภพ เจ้าเก่า) - [ 14 ต.ค. 47 00:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อีกหนึ่งความงามหน้า จากคุณ : appendix - [ 14 ต.ค. 47 02:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 No comment :-) จากคุณ : Punk - [ 14 ต.ค. 47 04:29:33 A:128.193.52.58 X:128.193.4.98 TicketID:039212 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สงสัยว่า คุณ appendix ไปทำอะไรให้คุณสมภพ เจ็บแค้นเคืองโกรธหรือครับ จากคุณ : uglyfatboy - [ 14 ต.ค. 47 06:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ทำไมคุณสมภพต้องปลอมตัวเป็น appendix ด้วยอ่ะ งง จากคุณ : สาวออฟฟิศ - [ 14 ต.ค. 47 09:35:06 A:203.146.127.20 X: TicketID:001154 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อืมน่าห่วง จากคุณ : rdo - [ 14 ต.ค. 47 10:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อะนะ .... ไม่ต้องกังวลไปหรอก มันก็จะเป็นไปตามกฏการคัดเลือกตามธรรมชาติ ใครที่แข็งแรงกว่า เอาตัวรอดได้เก่งกว่า ปรับตัวได้เก่งกว่า ก็จะอยู่รอดในสังคม มหาวิทยาลัยปิด ก็สร้างหัวกะทิของประเทศ ส่วนราชมงคล ราชภัฏ ก็สร้างมวลชนส่วนที่เป็นพื้นฐานของสังคม ซึ่งมีปริมาณมากกว่าหัวกะทิไม่รู้กี่เท่า มันก็น่าห่วงจริง ๆ ถ้าสถาบันไม่มีความพร้อมในการเปิดแล้วยังดันทุลังอีก สงสารเด็กที่จะจบออกไปอย่างไม่มีคุณภาพ แต่ถ้ามองอย่างกลาง ๆ ถ้าเค้ามีความพร้อมที่จะเปิดจริง ๆจะไม่ให้โอกาสเค้าพัฒนาตนเองบ้างเลยหรือ วัตถุดิบต่างกันจะให้ได้ผลิตผลออกมาเหมือนกัน คงเป็นไปไม่ได้ อย่างถ้าจะเอาพลาสติกมาทำตัวถังรถยนต์ก็คงไม่ทนทานเท่าเหล็ก แต่ถ้าเราเอามาทำภาชนะใส่ของต่าง ๆ อาจจะเหมาะสมกว่าเหล็กก็ได้ ถ้าราชภัฏจะผลิตวิศวกร ก็คงจะไม่ดีนักหากใช้หลักสูตรเดียวกับในมหาวิทยาลัยปิด ควรจะมีจุดเน้นที่แตกต่างออกไป วิชาพื้นฐานที่จำเป็นอาจจะเหมือนกัน แต่ควรจะเน้นในภาคปฏิบัติมากกว่า เพราะต้องอยู่ในภาคการผลิตมากกว่านั่งควบคุมในห้องแอร์ เด็กที่จะเข้าไปเรียน ถ้าเค้าเอนท์ไม่ติด เค้าจะไม่มีโอกาสสร้างความฝันของเค้าให้เป็นจริงได้เลยหรือ คงไม่ใช่เรื่องเท่ห์ ไม่เท่ห์ แต่มันเป็นชีวิตทั้งชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่จะเลือกทางเดินของตัวเองนะครับ ถ้าผลผลิตที่ออกมาไม่มีคุณภาพ ก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอกครับ อย่างที่บอกตอนแรกว่าเป็นไปตามกฏการคัดเลือกตามธรรมชาติ ไม่รู้ว่าจะไปกระตุกต่อมของคุณ appendix ว่าผมพูดทำเท่ห์อีกหรือเปล่า ผมก็แค่อยู่ที่ราชภัฏบ้านนอกแห่งนึงก็ขอแสดงความเห็นตามประสาคนบ้านนอก ยังงัยก็ขออภัยล่วงหน้าไว้ก่อนก็แล้วกัน จากคุณ : priori - [ 14 ต.ค. 47 12:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ในสายงานเอกชนก็คงไม่มีปัญหาอะไร อยากได้ของดีก็แพง แต่ในสายงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจมันไม่มีการแบ่งเกรดมหาวิทยาลัย ปริญญาตรีสาขาหนึ่ง จบจากมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งกับมหาวิทยาลัยชั้นสองสามสี่ ก็มีศักดิ์ศรีเท่ากัน สอบแข่ง (หรือเส้น) เข้าไปก็ได้ตำแหน่งนายช่าง หรือวิศวกรเหมือนกัน จากคุณ : alan the lamb - [ 14 ต.ค. 47 12:30:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยังมีคนแบ่งแยกมหาวิทยาลัยอยู่อีกหรือนี่ เก่งไม่เก่งอยู่ที่การขวยขวายหาความรู้ของตัวเราเอง มหาวิทยาลัยเป็นแค่แหล่งชี้นำความรู้ แต่ประสบการณ์ชีวิตสำคัญต่อการทำงานมากกว่าใบปริญญาเพียงใบเดียว จากคุณ : @Momotaro@ - [ 14 ต.ค. 47 14:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สมภพ เจ้าเก่า กับ appendix คงไม่ใช่คนเดียวกันมี 2 login น่ะ เหอๆ จากคุณ : 3N - [ 14 ต.ค. 47 14:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เฮื่อๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ มีความสุขขขข จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 14 ต.ค. 47 16:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จบวิศวะที่ไหนก็ทำงานได้ครับ เด็กบางคนมันจบมหาลัยที่อ้างตัวว่าผลิตวิศวะเก่งๆออกมา เห็นมาทำงานไม่ได้เรื่องซักอย่าง   เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เค้าไม่เน้นสถาบันแล้วครับ เค้าเน้นที่ตัวบุคล ที่ไหนยังรับคนแล้วเน้นที่สถาบันเค้าเรียกว่าไม่มีการพัฒนาด้านการบริหารงาน คุณความเห็นที่ 11 ครับ คุณเคยได้ยินคำว่ากะทิเน่าหรือเปล่าครับ จบมหาลัยดังๆแต่โง่เป็นควาย ทำอะไรไม่เป็น มีถมไปครับ เดี๋ยวนี้การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยทั่วไปโดยเฉพาะหลักสูตรวิศวะ เค้าเอาโครงสร้างหลักสูตรมาจา ก.ว. กันเพราะถ้าไม่เรียนตามนั้นเด็กที่จบไปมันก็ไปสอบ ก.ว.ไม่ได้ (เดี๋ยวพวกบ้าพลังมันก็มาประท้วงเอา ก.ว. กันอีก) บางสาขาวิชานี่แทบหมดทางทำมาหากินเลยถ้าไม่มีไอ้ใบบ้าๆนี่ เมื่อหลักสูตรคล้ายกันมันต่างกันไม่เท่าไหร่ ทีนี้มันอยู่ที่คนเรียน กับ คนสอนละครับว่ามันจะดีแค่ไหน ถ้าคนสอนดีคนเรียนไม่ได้ความมันก็แค่นั้นแหละครับ แต่ถ้าเด็กมันเก่งมันอยู่ที่ไหนมันก็เก่ง ต่อให้มันอ่านหนังสือเองมันก็เก่งของมันได้   ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 47 16:42:50 จากคุณ : Implus - [ 14 ต.ค. 47 16:42:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกับ # 16 ครับ จากคุณ : iam~game69 - [ 14 ต.ค. 47 17:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ราชภัฏสวนสุนันทาเปิดสอนระดับปริญญาเอกแล้วด้วยครับ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 14 ต.ค. 47 18:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 ต.ค. 47 19:08:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จริง อยู่ อย่างที่ว่า คนเราจบมา เท่าเทียม กัน แต่ใน สังคม ผมเอง ยังมองว่า บริษัท ใหญ่ ๆ แทบจะทุก บริษัท ยัง ยึดติด อยู่กับชื่อเสียง ของสถาบัน เป็นตัว ตัดสิน ที่จะรับ ใคร ไม่รับ ใคร บางคนอาจจะมีความสามารถ แต่ เรียน อยู่ มหาลัย เกรด 2 หรือ 3 ซึ่งบางโรงงาน เค้า จะตัดตัวเลือกพวกนี้ออกไปเลย ตั้งแต่ยังไม่สอบ สัมภาษณ์ ถามว่าโรงงาน เค้า ผิดไหม ผมตอบแทนได้เลย ว่าไม่ผิด ทุกโรงงานย่อมต้องการ บุคคลที่มีความสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร แต่ทำอย่างไร ให้ได้ พนักงงานที่มีคุณภาพ ถ้าวัดกันที่ ประสบการณ์ อันนี้ผมเชื่อแน่นอน ว่า จบที่ไหนก็ไม่สำคัญ เพราะวัดกันที่ ประสบการณ์เป็นหลัก แต่ถ้าเป็น เด็ก จบใหม่ แล้ว ล่ะก็ วัดกันที่ เกรดและสถาบัน แน่ะ นอน มันก็คล้าย ๆ กับเวลาเราเลือกซื้อของน่ะครับ หากเราต้องการของดี เรา มักจะมอง หาสินค้าที่ ยี่ห้อ เพราะ ยี้ห้อของสินค้าบ่งบอกถึงคุณภาพของสินค้าได้ระดับหนึ่ง ผมจึงไม่แปลกใจว่า ยังมีการแบ่งเกรดของ มหาลัย อยู่ ถึง วันนี้ ราชภัฏ อาจจะถูกมองว่าเป็น ตัวเลือกอันดับสุดท้าย แต่ ถ้าวันหน้า ราชภัฏสามารถ พัฒนาจนสามารถก้าวเข้ามา อยู่ระดับหัวแถวได้ ก็ย่อมมี มหาลัย อื่น ตกไป อยุ่สภาวะเดียวกับที่ ราชภัฏ เช่นเดียว กัน ซึ่งเป็นวัฏจักร ไม่จบสิ้นอยู่ดี จากคุณ : Sudy - [ 14 ต.ค. 47 21:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดโบราณเป็นศักดินาเพราะไม่มีการประเมิน เอาแต่ความรู้สึกมาวัด ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ใครจะไปรู้ ทุกอย่างอยูที่ความตั้งใจจริง แต่ถ้ามีการประเมินหลักสูตรตามระบบมาตรฐานสากลนั่นอีกเรื่องหนึ่ง จัดอันดับคณะ มหาวิทยาลัย นั่นที่ไหนๆ เขาก็มี แต่ที่ไทยไม่มี เพราะดัดจริตตอแหลน่ะเก่งที่หนึ่ง พอจะเอาความจริงมาพูด จัด ก็หาว่า จะกระทบกระเทือนแบ่งพรรคแบ่งพวก ทั้งๆ มันก็แบ่งสี ชมภุ เหลืองแดง เขียว กัน เห็นๆกันอยู่ จากคุณ : Be Happy - [ 14 ต.ค. 47 22:05:15 A:161.200.130.127 X:161.200.255.163 TicketID:075603 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับ คคห.20 ครับ จากคุณ : Aszaultz - [ 14 ต.ค. 47 22:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับ 19 ครับ จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 14 ต.ค. 47 22:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จะเปิดไร สอนไร ทำไปแต่อย่ากระทบต่อสังคมส่วนรวมอย่าลืมว่าบางสาขาของวิศวะมันจะเกี่ยวกับชีวิตคนอื่นด้วยเช่นโยธา เครื่องกล อีกหน่อยก็คงเปิดคณะแพทย์ด้วยดีไหม? จากคุณ : weerahi - [ 14 ต.ค. 47 23:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ที่เอกชน คัดเอาแต่คนจบสถาบันดีๆ ชั้นนำ ไม่เห็นแปลกครับ ที่จะไม่มองคนที่จบจากสถาบันชื่อชั้นด้อยกว่า อย่างสถาบันที่ผมเรียน อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า "การเอ็นทรานซ์ อาจมีคนด้อยความสามารถไม่ถึงผ่านมาได้ หรือมีคนดวงดีผ่านมาได้ แต่สถาบันของเรา จะพัฒนาคนดวงดี และคนด้อยความสามารถนั้นอย่างเต็มความสามารถ และเราจะไม่ปล่อยให้คนเหล่านั้นจบออกไปทำลายชื่อเสียง ที่สถาบันได้สั่งสมมาอย่างแน่นอน เพราะมันจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสถาบัน" นี่ไงครับ ที่สถาบันชั้นนำเขาทำกัน ผมไม่กีดกัน ไม่รังเกียจ ที่ ม.รภ. จะเปิดวิศวะ แต่ อย่าให้คนที่ฉลาดไม่พอจะเป็นวิศวะจบมาได้มั๊ย ผมสอนหนังสือ ข้อสอบผมยาก เพราะผมต้องรับผิดชอบสังคมด้วยการไม่ให้คนฉลาดไม่พอ มาเป็นวิศวะ มาเพื่อทำลายชื่อเสียงของสถาบัน ถึงเด็กๆที่ ม.รภ. รับเข้ามา โดยมากจะเหลือเลือกจากเอ็น แต่ก็มีเวลา 4 ปี ในการพัฒนาให้เป็นวิศวกรได้นะ ผมว่า รามคำแหง ก็มีวิศวะ และก็สอบเข้าด้วย จากคุณ : โลหการ4 - [ 15 ต.ค. 47 00:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าการทำงานวิศวฯ จะจบที่ไหนยังไม่สำคัญเท่ากับ การมีจรรยาบรรณในวิชาชีพของคุณ จากคุณ : แวะมา - [ 15 ต.ค. 47 01:23:15 A:203.209.124.175 X: TicketID:039023 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยกับ คห.26 เป็นอย่างยิ่ง จากคุณ : ปออุ๊ก - [ 15 ต.ค. 47 01:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ประเทศเราเป็นประเทศที่ำกำลังพัฒนา ลองคิดดูนะว่าหากเป็นเพราะเหตุผลนี้แล้ว ถ้าคนต่างชาติกีดกันคนไทยทุกๆด้าน มองคนไทยว่าว่าไม่มีความสามารถ เพียงเพราะเรามาจากประเทศด้อยพัฒนา คุณว่ามันถูกต้องแล้วหรือ... ฉันใดก็ฉันนั้นครับ... ผู้ที่เรียนจบจากมหาลัยที่มีชื่อเสียง...ท่านเก่ง...นั้นไม่ผิดแปลกครับ ผู้ที่เรียนจบจากมหาลัยที่ไม่มีชื่อเสียง...แล้วเก่ง...นั้นเป็นเรื่องผิดแปลกอย่างนั้นหรือครับ จากคุณ : -VVV- RESISTER - [ 15 ต.ค. 47 06:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อจ.ที่สอนมหาวิทยาลัยราชภัฏ ก็อจ.คนเดียวกับที่สอนที่มหาวิทยาลัยของรัฐนั่นแหละครับ คนเดียวกัน เขามารับจ๊อบ เพียงแค่ลูกศิษย์อาจจะมีคุณภาพต่ำกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะฝึกปรือกันไม่ได้ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 15 ต.ค. 47 08:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีความจำเป็นขนาดไหน แล้วมีความพร้อมแล้วหรือ ทำไมถึงอยากจะเปิดบ้าง เพราะว่าอยากจะเท่ห์หรือเปล่า ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอยากจะเท่ห์ พอได้ชื่อมหาวิทยาลัยมานำหน้า ก็เลยอยากจะเท่ห์ ความจริงแค่ ราชภัฐเฉยๆมันไม่เท่ห์ไม่ดี กลัวไม่มีคนมาเรียนก็เลยต้องเอา มหา'ลัยมานำหน้า แม้ว่าการ ent จะไม่ให้วิธีการดีที่สุดในการคัดคน แต่มันก็พอที่จะสามารถแยกได้ว่า คนไหนมีความสามารถที่จะเรียนสาขาวิชาไหน ที่นี่ พอเอาคนที่ไม่มีความสามารถมาเรียน(90 % ที่ไม่มีความสามารถ ) มาเรียนมันก็เรียนไม่ได้ เอาคนไม่เก่ง ฟิสิกส์ คณิต มาเรียน วิศวะ มันจะไปเรียนได้ดีได้อย่างไร สุดท้ายก็ออกมาเป็นวิศวะที่ไม่ดี เป็นอันตรายต่อสังคมเปล่าๆ แล้วถ้าถามว่าแล้วจะให้คนพวกนี้ไปเรียนอะไรไปทำอะไร มันก็ต้องมาดูว่าเค้ามีความสามารถด้านไหน เช่น เก่งศิลปะ เก่งด้านภาษา เก่งทำอาหาร ก็ไปส่งเสริมด้านนั้น เปิดคณะด้านนั้น วิศวะ มันก็ไม่ได้เลิศเลอ อะไร บางอย่างมันก็ทำไม่ได้ ให้มาแข่งวาดรูปกับจิตรกรมันก็สู้ไม่ได้ มาทำอาหารแข่งกับกุ๊ก มันก็สู้ไม่ได้ แล้วจะไปดันทุรังให้คนที่ไม่มีความสามารถไปเรียนทำไม สุดท้ายก็ออกมาเป็นขยะสังคมเปล่าๆ จากคุณ : Thai - [ 15 ต.ค. 47 10:55:50 A:10.230.45.113 X:61.200.244.67 TicketID:075997 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่า ให้เค้าเปิดไปเหอะ ถ้าเค้าเปิดได้ มีความพร้อม ตามหลักโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนคุณภาพ มันจะเป็นยังไง ก้อช่างมันเหอะ ถ้ามันแย่ สู้ที่อื่นไม่ได้ เค้าก้อ จะพัฒนาเองแหละ เค้าคงไม่ปล่อยให้ เป็นเต่าตามหลังตลอดหรอก คนในสถาบัน ก้อคงอยากทำให้สถาบันตัวเองเด่นดัง .............. ส่วนเรื่อง ที่บริษัทใหญ่ ๆ รับแต่พวกพ้อง รับพวกเดียวกัน จากความรู้ที่ผมได้ร่ำเรียนมา เค้าบอกว่า ที่รับแต่พวกเดียวกัน เพราะว่า องค์กร มันมี วัฒนธรรม ที่เรียกว่า วัฒนธรรมองค์กร ดังนั้น ถ้ามี 2 คน ที่เก่งพอกัน เป็นตัวเลือก ผมก้อคงเลือก สถาบันเดียวกัน เพราะว่า อย่างน้อย ก้อเรียนมาที่เดียวกัน ความคิดอ่านก้อน่าจะไปทางเดียวกัน เรียกง่าย ๆ ว่า คุยกันง่าย ทำงานกันง่าย ผมคิดว่า เป็นอย่างนี้มากกว่านะ ถ้าหาก บางคนจบจาก มหาวิทยาลัยอื่น ๆ แต่อยากทำเครือปูน และพิสูจน์ ตัวเองได้ว่า เข้ากับวัฒนธรรมของเค้าได้ ผมว่า เค้าก้อคงรับแหละ ส่วนเรื่อง แบ่งแยกสถาบัน ประเภท จบจากที่นี่ กระจอก ผมว่า คงไม่มีหรอก.... ความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณ จากคุณ : jaminonez (jaminonez) - [ 15 ต.ค. 47 11:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนนี้วิศวะยังตกงานกันไม่พอเหรอครับ จะผลิตออกมาวิจัยฝุ่นเพิ่มอีกเหรอ จากคุณ : ขาวอวบ (ขาวอวบ) - [ 15 ต.ค. 47 11:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมรับคนดูที่ประสบการณ์ก่อน การรับพนักงานนะครับ จากใบสมัครเป็นสิบ ก็ต้องคัดให้เหลือสามสี่คน จะให้คุยทุกคนคงไม่ไหว ต้องคัดบางคนเพื่อเรียกมาสัมภาษณ์ ถ้าประสบการณ์เท่ากัน หรือไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน กิจกรรมอื่นๆก็ไม่ต่างกัน ถ้าต้อง short list ก็ยอมรับว่าคงดูสถาบันเป็นส่วนประกอบ เคยสัมภาษณ์คนที่จบราชมงคล เพราะเห็นว่าประสบการณ์ก่อนป.ตรี น่าสนใจ แต่พอคุยก็ซาบซึ้งถึงคำพูดที่ว่า "Technician learns how, Engineer learns why" แต่ขอยืนยันนะครับ ว่าไม่ได้ยึดถือสถาบันแน่นอน เพราะในที่ทำงาน ไม่มีใครจบที่เดียวกับผมเลย วิศกรทั้งหมด จบสถาบันอื่นๆทั้งสิ้น จากคุณ : สีด่างทับทิมจัดกลางหน้า (CT06516) - [ 15 ต.ค. 47 14:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 (นอกเรื่อง...) สถาบันราชภัฐกาฬสินธุ์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ในเรื่องของ "ผลประโยชน์และการเมือง" ถ้าใครเคยไปจะรู้ สถาบันการศึกษาอะไร ตั้งอยู่ในป่าและทุ่งหญ้า ที่ห่างใกลบ้านเมืองความเจริญอย่างที่สุด อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายสิบกิโลเมตร แล้วยังต้องเข้าไปในป่าอีกหลายสิบกิโลเมตร ไม่มีของกิน ไม่มีแหล่งค้นคว้า ร้านถ่ายเอกสารก็หายาก เพราะตั้งโด่เด่อยู่ในป่า สาเหตุที่ต้องเอาไปตั้งที่ตรงนั้น เพราะเป็นที่ของรัฐมนตรี ชงเองกินเอง......อิ่มพุง ที่ตรงนั้นจะตั้งเป็นสถานศึกษาได้ยังไงกัน รัฐมนตรีที่ว่า ก็คือคนจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ได้เป็น รมต.ศึกษาฯ (สมัยนั้น) เห็นแล้วอดสูใจในประเทศนี้.. จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ - [ 15 ต.ค. 47 16:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมรับเด็กไม่เลือกสถาบันอยู่แล้ว ไม่เน้นประสบการณ์ ดูตามความสามารถ ตามแววที่มี แล้วเอามาปั้น มาขัดเกลา ปัญหาที่มักเจอเวลารับเด็กจบใหม่ สายอาชีพ ป.ว.ส. ต่อ ป.ตรี จากสถาบันราชภัฏในภาคเหนือ เวลาสัมภาษณ์ก่อนเข้ามาทำงาน มักจะเรียกร้องขอเงินเดือนตามวุฒิ ดูทั้งผลการเรียน ทั้งความสามารถพิเศษก็แล้ว ความรู้ระดับนี้ เทียบเท่า ป.ว.ส. นั่นแหละ วิชาที่เรียนใน ระดับ ป.ตรีต่อเนื่อง ก็เหมือนวิชาพื้นฐานปี1ปี2 ไม่มีวิชาทีเด็ดอะไร ไม่มีความสามารถพิเศษตรงไหน แถมยังไม่สวยอีก อย่างนี้มันยกระดับการศึกษาตรงไหนกัน หลักสูตร 4 ปี ก็พอกัน จบวิทย์คอมแต่เขียนโปรแกรมไม่เป็นก็มี ขอร้องอย่างเดียว อาจารย์ทั้งหลายอย่ากลัวเด็กไม่จบ จนถึงกับต้องให้ทำรายงานส่ง แล้วชั่งกิโลให้คะแนนอย่างที่ผ่านมาเลย จากคุณ : นายเดชา - [ 15 ต.ค. 47 21:17:43 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เหตุเป็นเพราะหลายคนไม่ยอมรับว่าหลายคนโง่ จากคุณ : appendix - [ 16 ต.ค. 47 03:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า สอนวิชาเดียวกัน หนังสือเล่มเดียวกันให้กับเด็กช่างกลกับเด็กมหาวิทยาลัย เด็กช่างกลมาเรียกร้องว่าเรียนจบตรีเหมือนกัน หลักสูตรเหมือนกันทำไมไม่ได้เป็นวิศวะ (หลักสูตรอุตสาหกรรม) อาจารย์ท่านบอกว่าให้ไม่ได้จริงๆ เพราะถึงจะวิชาเดียวกัน แต่เด็กที่หนึ่งต้องสอนให้ท่องสอนแบบพื้นฐาน แต่เด็กอีกที่จะสอนให้คิด ออกแบบ แล้วจะให้เหมือนกันได้อย่างไร อย่าว่าแต่เด็กราชภัฏเลย เด็กมหาวิทยาลัยปิดแต่ละแห่ง คุณภาพยังไม่เท่ากันเลย แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องพิจารณาตัวบุคคลด้วย เชื่อว่าถ้าองค์กรที่คัดคน คงจะเลือกไม่ยากหรอก มันพอมองเห็นน่ะว่าคนไหนพอไปได้คนไหนไม่ไหว สถาบันเป็นองค์ประกอบพิจารณาพื้นฐานส่วนเล็กๆ ที่สำคัญก็ต้องอยู่ที่ความสามารถของตัวบุคคลอยู่ดี จากคุณ : DekNoi - [ 16 ต.ค. 47 14:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เด็กภาควิชาเดียวกันุร่นเดียวกัน ก็มีคุณภาพไม่เท่ากัน.. จากคุณ : kamas - [ 17 ต.ค. 47 20:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สถิติ คะ สถิติ เรื่องเก่งๆ ไม่เก่ง สถาบันนั้น มหาลัยนี้ไรเนียะ สถิติ คะ จากคุณ : ANUTA - [ 18 ต.ค. 47 15:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตั้งแ่ต่ เรียนสูงๆ ขึ้นมา พบว่า ไม่มีคนโง่ อย่างแท้จริง มีแต่โง่ ในบางเรื่องเท่านั้น เห็นคนมากมาย ที่ ป.ตรี ติดโปร แต่ มาเรียนโท เขาเลือกในสิ่งที่เขาชอบ เขาได้ อันดับหนึ่ง ในชั้นเรียน และ ต่อปริญญาเอกได้ อะไร โง่ อะไร ฉลาด มันต้องพ่วงต่อด้วยว่า อะไร บางคน เอ็นติดวิศวะ (เมื่อก่อน) ด้วยคะแนน สามัญหนึ่ง ภาษาอังกฤษ และ เคมี แต่ ไปเรียนโยธา มันจะไหวไหม ที่จริง การวัดผลการเรียน มันยังอยู่แค่ การเรียนพื้นฐาน สุดท้าย ผลมันจะออกมาจริงๆ ตอนไหน ก็ว่ากัน (ปล. ยอมรับอย่างหนึ่งว่า เปอร์เซ็นต์ ของคนที่ เรียนไม่ดี ส่วนมากจะไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ และหัีวไม่ไวนัก) ในขณะที่ คนเรียนดี บางคน แค่ รับผิดชอบสูง แต่ไม่ฉลาด พวกนี้ ได้ แต่้ ท่องจำ ทำงานซ้ำๆ เท่านั้น อืมมมมมมมมมมมมมมมม จากคุณ : ช้างยิ้ม - [ 19 ต.ค. 47 10:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่างานอะไรที่มันเกี่ยวกับความปลอดภัย เกี่ยวกับชีวิตคนจำนวนมากๆ การที่จะผลิตบุคคลากรในสายงานนั้นๆ ควรจะเป็นดังนี้ 1 คัดเลือกบุคคลากรที่มีคุณภาพ สติปัญญาและความถนัดในงานนั้น 2 กระบวนการผลิตต้องดี มีหลักสูตรที่ชัดเจน ให้ผู้เรียนได้รู้จักคิด 3 สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบวัดผล ซึ่งก็คือการตรวจสอบคุณภาพก่อนปล่อยออกไปรับใช้สังคม ถ้าราชภัฏ ตอบคำถามสามข้อนี้ได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ แต่ถ้าตอบได้ไม่เคลียร์ ก็ต้องทำความเข้าใจกันหน่อย ใครเห็นด้วยกับผมมั่ง จากคุณ : - - [ 19 ต.ค. 47 23:31:57 A:203.151.225.21 X: TicketID:008645 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมเกลียดคำนวน แต่จบวิศวะแห่ง 1 ที่คะแนนเกือบสูงสุดของการเอ็น เพราะเลือกตามกระแส เอ็นติด เพราะคะแนน สามัญ1 กับ อังกฤษ สูงกระฉูด ชนิด เด็กสายศิลปยังอาย ตอนปี 1 วิชา นอกคณะเยอะ เกรด 3 กว่า ได้ใจ ไปเลือก ไฟฟ้า ตอนปี 3-4 เลยต้องลดความแรงลงเหลือไฟฟ้ากำลัง เพราะเรียนสายอื่นไม่ไหว ตอนนี้ทำงานด้านคอม ยังเสียดายอยู่เลย เสียเวลาไป 4 ปีกับสิ่งที่ไม่ได้ชอบ เสียดายแทนคนอื่นด้วย เค้าน่าจะเป็นวิศวกรได้ดีกว่าเรา เคยออกแบบไฟฟ้าให้หมู่บ้าน 2-3 แห่ง เรียกว่า ใบ กว ไม่สูญเปล่า แต่ก็ไม่ได้ต่ออายุมาหลายปีแล้ว อยากให้เปิดกว้างโอกาศทางการศึกษาเถอะครับ ปล. เห็นด้วยกับ 35 , 40 แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 47 15:43:58 จากคุณ : cdchd - [ 22 ต.ค. 47 15:38:24 ]