ความคิดเห็นที่ 1 ตามที่ผมเข้าใจนะครับ สี คือรูปแบบหนึ่งของความยาวคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การที่เราเห็นสิ่งต่างๆเป็นสีสันที่หลากหลาย ก็เป็นผลมาจากการแปลสัญญานของคลื่นที่มากระทบจักษุประสาท วัตถุต่างๆนั้นไม่มีสีในตัวมันเอง และแสงคือตัวกลางในการสังเกตุ เราสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ เพราะแสงไปตกกระทบวัตถุต่างๆ และสะท้อนเข้ามาสู่สายตา โดยที่สีของวัตถุคือแสงสะท้อนในช่วงความยาวคลื่นที่ไม่ได้ถูกวัตถุนั้นดูดซับ ผมว่าทั้งผมและคุณคงต้องรอฟังความเห็นของอีกหลายๆท่านที่จะเข้ามาให้ความกระจ่าง เพราะผมเองก็ยังสงสัยสิ่งต่างๆที่ผมเข้าใจอยู่เหมือนกันว่ามีความถูกต้องเพียงใด จากเรื่องแสงนี้ ทำให้เราได้ทราบอย่างหนึ่งว่า ระบบผัสสะที่เรามีก็เป็นหนึ่งในสิ่งลวงทั้งหลายที่บิดเบือนความเป็นจริงตามแบบที่มันเป็น การที่เรามีระบบผัสสะเป็นแบบแยกส่วนก็อาจจะทำให้เราเห็นความจริงไปได้หลายลักษณะ และอาจจะทำให้การเรียนรู้ของเราเป็นแบบแยกส่วนด้วยครับ จากคุณ : emanuelle - [ 18 พ.ย. 47 14:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สี - ความถี่ - พลังงาน สัมพันธ์กันหมดครับ ต่างความถี่ ต่างสี พลังงานก็ต่างกัน แสงไม่มีสี ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร ขอแยกแบบนี้แล้วกัน visible light คือแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไล่ตามความถี่ไป ตั้งแต่ม่วงถึงแดง เมื่อเอาทุกสีรวมกันก็จะได้แสงสีขาว invisible light คือแสงที่มนุษย์มองไม่เห็น ตั้งแต่ เหนือม่วง Ultra Violet ขึ้นไป และ ใต้แดง Infra Red ลงมา ที่เราเห็นวัตถุมีสีต่างๆ เนื่องจากความสามารถในการดูดกลืนแสงที่ความถี่ต่างๆ ความถี่แสงที่ไม่ถูกดูดกลืนก็จะสะท้อนออกมาให้เราเห็นภาพ เช่น วัตถุสีขาว สะท้อนทุกความถี่ออกมา วัตถุสีดำ ดูดกลืนแสงไว้หมด เราจึงเห็นสีดำ วัตถุสีเขียว ก็จะสะท้อนเฉพาะความถี่สีเขียว ความถี่อื่นจะถูกดูดกลืนไว้ ps. ผมอธิบายผิดตรงไหนช่วยแย้งด้วยนะครับ จากคุณ : รองเท้าเปื้อนฝุ่น (dirty shoe) - [ 18 พ.ย. 47 14:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอถามต่อนะครับ แล้วสีบนโลกนี้มีมากกว่าที่มนุษย์มองเห็นด้วยตาหรือเปล่าครับ เช่นสุนัขจะเห็นภาพเป็นขาวดำ ส่วนมนุษย์จะเห็นเป็นสีต่างๆมากกว่า แล้วจะมีสัตว์อื่นสามารถมองเห็นสีได้มากกว่ามนุษย์หรือเปล่าครับ ไม่ต้องตอบเชิงวิชาการก็ได้นะครับ แค่ตามความรู้สึก จากคุณ : ริมน้ำปิง - [ 18 พ.ย. 47 15:25:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถามต่อคุณ #2 แล้วที่วัตถุมันดูดกลืนไป มันดูดกลืนอะไรไป แล้วใบไม้สีเขียว กับ กระดาษสีเขียว สีเมจิก ทั้ง ๆ ที่คนละสสาร ทำไมดูดกลืนแสงสีเดียวกัน งง ไหมล่ะ จากคุณ : jaminonez - [ 18 พ.ย. 47 15:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วัตถุมันดูดกลืนทุกสียกเว้นสีที่สะท้อนออกมาให้ตาเห็นไงครับ สีดำดูดกลืนทุกสี ใส่เสื้อดำแล้วจะร้อน สีขาวไม่ดูดกลืนซักสี จึงสะท้อนออกมาหมด สรุปแสงมีสีขาวครับ ส่วนสีเขียวของใบไม้ กับสีเขียวของปากกา มันก็มีคุณสมบัติดูดกลืนสีใกล้เคียงครับ ดูดได้มากหน่อยก็จะเป็นเขียวเข้ม น้อยหน่อย ก็จะเป็นเขียวอ่อน จากคุณ : false - [ 18 พ.ย. 47 15:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แสงไม่มีสี มีแต่พลังงาน แล้วพลังงานในแสง (หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทุกชนิด) มันเป็น "ก้อน" พลังงาน ซึ่งขนาดพลังงานของแต่ละก้อนสัมพันธ์กับความยาวคลื่นซึ่งสัมพันธ์กับความถี่อีกที เจ้าปริมาณพลังงานของแต่ละก้อนนี่แหละที่ทำให้แสงที่ความถี่ต่างๆกัน มีคุณสมบัติต่างๆกัน เช่น รังสี X ทะลุทะลวงดี คลื่นวิทยุไปได้ไกล ฯลฯ รวมทั้งทำให้เรา "เห็น" แสงเป็นสีต่างๆ สีที่เห็นเกิดจากการที่เซลรับแสงบนกระจกตาถูกกระตุ้นเมื่อเจ้าก้อนพลังงานนี้มากระทบ เซลรับแสงก็มีอยู่ 3 ชนิด แต่ละชนิดจะไวต่อแสงที่ความถี่ต่างๆกันไป พอถูกกระตุ้น จะทำให้เห็นสี แดง เขียว น้ำเงิน (RGB ไง) ส่วนสีอื่นๆเกิดจากที่แสงมันกระตุ้นเซลตัวนั้นนิดตัวนี้หน่อย สมองก็ผสมออกมาเป็นสีให้เรา เช่น กระตุ้นแดง กะ เขียว เท่าๆกันก็เป็นสีเหลือง เหมือนกับเวลาปรับสีใน photoshop ไง อธิบายอีกแบบก็คือ แสงสีเหลืองจะกระตุ้นทั้งเซลรับสีแดง และเซลรับสีเขียว ส่วนสีขาว ก็เกิดจากกระตุ้นมันทั้งสามตัวเลย เหมือน R255 G255 B255 ใน photoshop ก็ได้สีขาว แสงแต่ละความถี่ก็จะมีขนาดก้อนพลังงานไม่เท่ากัน แล้วก็เลยกระตุ้นเจ้าเซลทั้งสามนี้ไม่เท่ากัน ผสมไปผสมมาเลยเห็นเป็นสีสรรสวยงามไง แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 47 16:43:31 จากคุณ : alan the lamb - [ 18 พ.ย. 47 16:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ #6 แล้วทฤษฎี ที่ว่า แส่งเป็นอนุภาคล่ะ เพราะว่า ถ้าแสงไม่ใช่ อนุภาค เป็นพลังงาน จะรู้ได้ไง ว่า แสงเคลื่อนที่อ่ะ จะรู้ได้ไงว่า แสงจากดวงอาทิตย์ เมื่อ 8 นาทีที่แล้ว เคลื่อนที่มาที่ดวงตา แสงเคลื่อนที่ ได้จริงอ่ะ อ้างอิงจากอะไร จากคุณ : jaminonez - [ 18 พ.ย. 47 16:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การที่เซลรับแสงในตาเราเป็น RGB Model เจ้าจอภาพต่างๆถึงเป็น RGB ไปด้วย ทั้ง ทีวี มอนิเตอร์ จอโทรฯมือถือ ฯลฯ เราสามารถสร้างสีได้เยอะแยะจากการเล่นกับสามสีนี้แหละ โดยเอาแสงสีมากกว่า 1 แสงมาฉายทับกัน จะเกิดสีใหม่ เช่น ฉายแสงสีแดงกะสีเขียวทับกัน จะได้สีเหลือง จากคุณ : alan the lamb - [ 18 พ.ย. 47 16:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบ #4 ครับ มันดูดกลืนพลังงานเข้าไปครับ เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานความร้อน ลองเอาวัตถุชนิดเดียวกัน สีดำ กับสีขาว วางตากแดดไว้สักชั่วโมง แล้วลองมาจับดูสิ อันไหนร้อนกว่ากัน จากคุณ : รองเท้าเปื้อนฝุ่น (dirty shoe) - [ 18 พ.ย. 47 16:57:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 #7 แสงมันมีคุณสมบัติที่เรียกว่า duality มีคุณสมบัติของทั้งอนุภาคและคลื่น คุณสมบัติของอนถุภาค เช่น มีโมเมนตั้ม คุณสมบัติของคลื่น เช่น มีการสอดแทรก แต่ไม่ได้หมายความว่าแสงเป็นทั้งอนุภาคและคลื่น มันคนละเรื่องกัน **แสงไม่ใช่ทั้งอนุภาคและคลื่น** แสงเห็น quanta รู้ว่ามันเคลื่อนที่เพราะมันมีการส่งผ่านพลังงานไง พลังงานจากดวงอาทิตย์ถูกส่งมายังโลกผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี่แหละ วัดความเร็วได้ จากคุณ : alan the lamb - [ 18 พ.ย. 47 17:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 #10 แล้วรู้ได้ไง ว่า พลังงานจากดวงอาทิตย์ มาถึงโลก อาจจะเป็น พลังงานอย่างอื่น จากปฎิกริยาอื่น ก็ได้ แต่เราเห็นดวงอาทิตย์ใหญ่ที่สุด เลยสรุปไปว่า พลังงานแสง ที่เราเห็นมาจากดวงอาทิตย์ แล้วการเคลื่อนที่ของแสง ไม่ขัดกับกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน เหรอครับ มวลไปไหน ความเร่งล่ะ แรงอะไรมากระทำแสงล่ะ จุดเริ่มต้นของแส่ง เริ่มต้นมา เร็วเท่านั้นเลยเหรอ หรือว่า ค่อย ๆ เร่งมาให้เร็วขึ้นมา ปล..ผมสงสัยมากไปป่าวเนี่ย อย่ารำคาญผมนะ ถือว่าแชร์ความคิด ผมอาจเข้าใจผิด ก็ช่วยบอก ๆ ด้วยนะครับ จากคุณ : jaminonez - [ 18 พ.ย. 47 17:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แสงพอเกิดมาก็มีความเร็วแสงเลย ไม่ต้องมีความเร่ง เพราะแสงไม่มีมวล วัดที่ไหนวัดเมื่อไรใครวัด ก็ได้ความเร็วเท่าเดิม แสงไม่ได้เคลื่อนที่ไปแบบวัตถุ แต่เคลื่อนที่ไปแบบ propagate คือ แสงมันเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันมีพลังงานแม่เหล็กอยู่ 1 แกน พันกันไปกับพลังงานไฟฟ้า บนอีกแกน แต่ละแกนจะเหนี่ยวนำให้เกิดอีกแกนนึงไปเรื่อยๆ นึกถึงคุณกะแฟนคุณ เต้นรำแล้วจับแขนเหวี่ยงกัน คุณหมุนตัวเหวี่ยงแฟน แล้วแฟนคุณก็หมุนตัวเหวี่ยงคุณต่อๆกันไป รู้ได้ไงว่ามันมาจากดวงอาทิตย์ แสงเดินทางเป็นเส้นตรง อันนี้เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของการเคลื่อนที่ทุกชนิด ดังนั้นก็เล็งได้เลยว่าแสงที่เห็นมาจากไหน เป็นเส้นตรง กฎการเคลื่อนของนิวตัน เป็นกฎที่ใช้อธิบายโลกในขนาดใหญ่ และใช้อธิบายของที่เป็นวัตถุ มีมวล แต่แสงไม่ใช่วัตถุ ไม่มีมวล มันเลยไม่สนใจกฎนี้ วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะ ต้องไปรับลูกแล้ว สงสัยอะไรโพสไว้ พรุ่งนี้จะมาว่าต่อ สนุกดี จากคุณ : alan the lamb - [ 18 พ.ย. 47 17:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พลังงาน นี่ ต้องการ ตัวกลางในการเดินทางใช่ไหมครับ แล้วพลังงานเดินทางใน สุญญากาศได้ หรือเปล่าคับ แล้ว พลังงานไฟฟ้า นี่ยิ่งแล้วใหญ่ อันนี้ ต้องอาศัยตัวกลางแน่นอนเลย แล้วส่วนของไฟฟ้าในแสงเดินทางมาได้ยังไงครับ ในเมื่อ ไม่มีตัวกลาง เพราะต้องผ่านสุญญากาศ มา จากคุณ : jaminonez - [ 18 พ.ย. 47 18:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าครับ เมื่อมีไฟฟ้าจะเกิดแม่เหล็ก และเมื่อมีแม่เหล็กจะเกิดไฟฟ้าครับ อิเล็กตรอนมันเคลื่อนที่ใช่ปะ แสดงว่าเกิดไฟฟ้า และถ้ามีไฟฟ้าก็แสดงว่าเกิดแม่เหล็ก สลับไปเรื่อยๆเลยกลายเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าครับ จากคุณ : ผู้ไม่รู้เลย - [ 18 พ.ย. 47 19:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วสีบนโลกนี้มีมากกว่าที่มนุษย์มองเห็นด้วยตาหรือเปล่าครับ เช่นสุนัขจะเห็นภาพเป็นขาวดำ ส่วนมนุษย์จะเห็นเป็นสีต่างๆมากกว่า แล้วจะมีสัตว์อื่นสามารถมองเห็นสีได้มากกว่ามนุษย์หรือเปล่าครับ พวกแมลง มองเห็นรังสีในย่าน UV แล้วก็ถ้าจำไม่ผิด งูจะรับอินฟราเรดได้นะครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 18 พ.ย. 47 21:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #13 ความเร็วแสงไม่ขึ้นกับตัวกลาง แสงสามารถเดินทางผ่านสูญญากาศได้ แต่สูญญากาศจะมีผลกับพลังงานในรูปอื่น #15 ทำให้ผมกำลังคิดว่าวันหลังจะเอารีโมททีวีไปยิงงู อิอิ จากคุณ : รองเท้าเปื้อนฝุ่น (dirty shoe) - [ 18 พ.ย. 47 22:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความเร็วแสงขึ้นกับตัวกลางครับ แสงมีความเร็วสูงสุดในสูญญากาศ ในตัวกลางอื่นๆจะมีความเร็วลดลงไปตามคุณสมบัติของตัวกลางแต่ละชนิด พลังงานเดินไปไหนไม่ได้ พลังงานจะเดินทางต้องมี "อะไร" พามันไป อย่างพลังงานไฟฟ้า ก็ไปกับอิเลคตรอน อิเลคตรอนไม่วิ่ง ก็ไม่ไป พลังงานความร้อนก็ไปกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเกาะมวลวัตถุไป พลังงานจลน์ก็ไปกับวัตถุ ฯลฯ พลังงานแสงมันต่างจากพลังงานอื่นนิดนึง ตรงที่มันเป็นหนึ่งเดียวกับตัวที่พามันไป แยกจากกันไม่ได้ ไม่เหมือนพลังงานไฟฟ้ากับอิเลคตรอน ที่แยกจากกัน อิเลคตรอนก็มีคุณสมบัติของมัน อยู่เฉยๆก็ได้ ไม่วิ่งก็เป็น มีพลังงานมากพลังงานน้อยได้ วิ่งเร็ววิ่งช้าได้ แต่แสงที่ไม่มีพลังงานไม่มี แสง (photon) อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องวิ่ง แล้วโฟตอนตัวหนึ่งที่ความถี่หนึ่ง จะมีพลังงานเท่ากับโฟตอนอีกตัวที่ความถี่เดียวกันเสมอ แล้วก็วิ่งด้วยความเร็วเท่ากันเสมอ นั่นคือ แสงคือก้อนพลังงานบริสุทธิ์ แสงเดินทางในสูญญากาศได้ เพราะมันเป็นการ propagate ของสนามพลังงาน แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 47 10:36:16 จากคุณ : alan the lamb - [ 19 พ.ย. 47 10:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขยาย #12 ตอบ #13 แสงมันเดินทางโดยสนามไฟฟ้าบนแกนหนึ่งไปเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กบนอีกแกนหนึ่ง ซึ่งตั้งฉากกับแกนแรก แล้วสนามแม่เหล็กก็ไปเหนี่ยวนำให้เกิดสนามไฟฟ้า เกิดสนามแม่เหล็ก เกิดสนามไฟฟ้า ........ ไปเรื่อยๆ เดินทางไปในความว่างเปล่า ไม่ต้องใช้ตัวกลาง เดินทางไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ไม่ไปชนอะไร ไม่ช้าลง ไม่แผ่วลง เพราะไม่มีอะไรจะไปรบกวนมัน จากคุณ : alan the lamb - [ 19 พ.ย. 47 10:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สงสัยได้มีสาระครับ ผู้ตอบก็อธิบายได้ชัดเจนดีครับ ลุงหนอนแนะนำหนังสืออ่านเพิ่มเติมคือ ฟิสิกส์ ม.ปลาย คำถามคำตอบในหัวข้อนี้มีอยู่บ้าง แต่อาจไม่ละเอียดนัก อธิบายได้เข้าใจง่าย ลึกซึ้งพอประมาณ แม้จะไม่ได้เรียนสายวิทยาศาสตร์ก็อ่านเข้าใจได้ เอามาอ่านประกอบกับคำตอบในกระทู้นี้ก็จะชัดเจนครับ จากคุณ : ลุงหนอนกับน้องเปอร์โยต์ - [ 19 พ.ย. 47 15:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แสงที่ตกกระทบเรตินาตาแล้วจึงจะเกิดสี ... ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เลือง แสด แดง ... เรียงตามตามลำดับความถี่ของแสงนั้น ๆ จากคุณ : prasitstar - [ 19 พ.ย. 47 21:11:51 ]