ความคิดเห็นที่ 1 สเต็มเซลล์ (stem cells) เป็นกลุ่มเซลล์ในเอมบริโอ (embryo) ที่มีความสามารถพัฒนาการ เปลี่ยนไปเป็นเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ได้ เราเรียกความสามารถนี้ว่า pluripotent นอกจากการนำไปใช้ปลูกฟันใหม่ตามที่ จขกท กล่าวถึงแล้ว อาจนำไปใช้รักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s), สร้างผิวหนังใหม่สำหรับผู้ประสบอุบัติเหตุแผลไหม้ หรืออาจทำให้ผู้ป่วยเป็น อัมพาตกลับมาเดินเหินได้อีกครั้งหนึ่ง จุดสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะทำให้สเต็มเซลล์ที่อยู่ในสภาวะ blank state เปลี่ยนรูปหรือพัฒนาไปเป็นเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เราต้องการได้ ภาพประกอบด้านล่างคือ กลุ่มของเสต็มเซลล์ครับ (ที่เห็นเกาะกันเป็นกลุ่มก้อน) Photo courtesy University of Wisconsin Board of Regents จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 11:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สเต็มเซลล์มีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์เรามาก เพราะมันสามารถกลายสภาพเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ได้กว่า 220 ชนิดในร่างกายของคนเรา ซึ่งต่างจากเซลล์ในร่างกายเราทั่วไปที่จะแบ่งเซลล์ได้เซลล์ชนิดเดียวกัน ออกมาเท่านั้น สเต็มเซลล์ยังมีความสามารถในการแบ่งตัวเองได้อีกด้วย เราอาจจำแนกสเต็มเซลล์ออกได้เป็นสองชนิดใหญ่ๆ คือ ชนิดที่มาจากเอ็มบริโอ (embryonic stem cells) และชนิดที่พบในผู้ใหญ่ (adult stem cells) พบได้ในหัวใจ สมอง ไขกระดูก (bone marrow) ปอด และอวัยวะอื่นๆ เปรียบเสมือนอะไหล่ในการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน เซลล์เก่า ที่เสียหายไปเนื่องจาก โรคภัย การบาดเจ็บ และการเสื่อมสภาพจากการใช้งานมานานๆ ในปัจจุบันนักวิทยา ศาสตร์พบว่าเราอาจนำเซลล์ตับมาเพาะเพื่อให้ผลิตอินซูลินอย่างที่เซลล์ตับอ่อนทำได้ด้วย เราเรียกความ สามารถนี้ว่า plasticity หรือ transdifferentiation ภาพข้างล่างแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกลายสภาพเป็นเซลล์ต่างๆ ของ สเต็มเซลล์ จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 11:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในช่วงต้นปี 1980s นั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาวิธีแยกสเต็มเซลล์จากเอมบริโอหนูออกมา แล้วนำไป เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ และในปี 1998 นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถสร้างสเต็มเซลล์จากเอมบริโอของ คนออกมาได้ ภาพข้างล่างแสดงถาดเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากเอมบริโอของคน ในห้องวิจัยของ Dr. James Thomson มหาวิทยาลัยวิซคอนซิน เมดิสัน (University of Wisconsin in Madison) ตัวผมเองก็มีประสบการณ์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นกัน (แต่ไม่ใช่สเต็มเซลล์นะครับ) เป็น เซลล์รังไข่ของหนูแฮมสเตอร์จีน (Chinese Hamster Ovary Cells หรือ CHO cells) ที่ University of New South Wales (UNSW) ออสเตรเลีย จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 11:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อีกวิธีหนึ่งที่เราอาจสร้างเอมบริโอขึ้นใหม่คือการใช้เทคนิค therapeutic cloning โดยการนำเซลล์ จากผู้ป่วยที่ต้องการ การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ มาแยกเอาส่วนนิวเคลียสออก แล้วเอานิวเคลียสนี้ใส่เข้าไปใน เซลล์ไข่ (ได้จากรังไข่ของผู้หญิง) จากผู้บริจาค และอาจใช้วิธีการทางเคมีหรือทางไฟฟ้ากระตุ้นให้เกิดการ แบ่งเซลล์ ซึ่งสเต็มเซลล์ที่ได้จากวิธีการนี้มีประโยชน์ในการลดระดับการต่อต้านอวัยวะ ที่เกิดจากระบบ ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเอง เพราะเอมบริโอดังกล่าวมีรหัสพันธุกรรมของเซลล์ผู้ป่วยอยู่ด้วย แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 47 11:51:25 จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 11:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นักวิทยาศาสตร์จะแยกสเต็มเซลล์ออกจากเอ็มบริโอที่มีอายุประมาณ 3-5 วัน ที่อยู่ในระยะ blastocyst ซึ่งมีจำนวนเซลล์รวมประมาณ 100 เซลล์ สเต็มเซลล์จะอยู่บริเวณส่วนในของ blastocyst ซึ่งมีความ สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ได้ทุกเซลล์ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 11:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โอว แจ่ม ขอบคุณครับ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 12 ธ.ค. 47 12:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นักเทคโนโลยีชีวภาพจะนำสเต็มเซลล์ที่แยกออกมาจาก blastocyst ได้นี้ มาเลี้ยงบนจานอาหาร เลี้ยงเชื้อ (Petri dish) ที่มีอาหารเลี้ยงเหมาะสม เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามีจำนวนมาก พอแล้วก็แยกไปเลี้ยงในจานอื่นๆ อีก ในเวลาสองสามเดือนอาจได้จำนวนสเต็มเซลล์กว่าล้านเซลล์ และเก็บแช่แข็งไว้เป็นสต็อกที่เรียก stem cell line ซึ่งสามารถแบ่งแจกจ่ายไปให้ห้องปฏิบัติการ ต่างๆ ทั่วโลกใช้ได้ ภาพข้างล่างแสดงขั้นตอนการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ สาขาวิชาวิศวกรรมกระบวนการชีวภาพที่ผมศึกษามาจะมีประโยชน์ในตอนเพิ่มจำนวนเซลล์ขึ้นมากๆ นี้เอง ครับ โดยเราสามารถออกแบบเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการนี้ได้ (แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ในเมือง ไทย เรายังมาไม่ถึงขั้นที่จะผลิตเซลล์พวกนี้ให้ได้เป็นปริมาณมาก) แล้วแต่ขนาดที่ต้องการ 20 ลิตร? 100 ลิตร? 1000 ลิตร? จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 12:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นักวิทยาศาสตร์พบว่าการเลี้ยงสเต็มเซลล์จากผู้ใหญ่นั้นทำได้ยากกว่าที่สกัดได้จากเอมบริโอ นอกจากจะ หาได้ยากแล้ว ยังไม่ค่อยจะแบ่งตัวในสภาวะห้องปฏิบัติการด้วย อย่างไรก็ตามการควบคุมให้สเต็มเซลล์ที่ ได้จากเอมบริโอให้กลายสภาพเป็นเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เราต้องการก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ปัจจุบันนี้เรายังไม่ทราบว่าจะทำให้สเต็มเซลล์เปลี่ยนสภาพเป็นเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่เราต้องการได้อย่างไร (how to direct a stem cell to differentiate?) เช่น จะเปลี่ยนให้เป็นเซลล์สมอง เซลล์ตับ หรือฟัน ทำได้อย่างไร และยังไม่รู้ด้วยว่าจะควบคุมการเปลี่ยนสภาพนั้นได้อย่างไร (how to control that differentiation?) ภาพด้านล่างเป็นความฝันของผู้ศึกษาเรื่องสเต็มเซลล์ทีเดียว ว่าจะทำอย่างไรจึงจะเปลี่ยน stem cell line ให้เป็นเนื้อเยื่อหรือเซลล์ชนิดที่เขาต้องการได้สมใจ จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 12:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 stemcell คงไปมีบทบาท ในการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะอื่นๆ ส่วนฟัน มันเป็นเหมือนอวัยวะที่ตายแล้ว แม้จะใช้ฟันปลอม มาปลูกถ่ายก็ไม่มีปัญหา เรื่องการปฏิเสธอวัยวะ แต่ปัญหา มันคือ เรื่องการยึดติด ซึ่งตอนนี้ ที่เราใช้กันก็คือการฝังรากเทียมด้วย Titanium ลงไปยึดติดกับขากรรไกร หลังจากนั้น ตัวฟัน ไม่มีปัญหา ครับ ใช้พวก พอร์ซเลน ครอบได้ ใช้งานได้ดี จากคุณ : -=Jfk=- - [ 12 ธ.ค. 47 12:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ยกตัวอย่างการบำบัดเรื่องโรคเบาหวานนะครับ เพียงแต่ผลิตเซลล์ที่จะสร้างอินซูลินขึ้นมาก็ยังไม่เพียงพอ เพราะเราต้องสามารถควบคุมปริมาณของอินซูลินที่สเต็มเซลล์จะผลิตออกมาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย หลังจากปลูกถ่ายเข้าไปในร่างกายคนแล้ว นักเทคโนโลยีชีวภาพพอจะทราบบ้างว่ายีนบางตัวมีความสามารถสร้างโปรตีนส่งคำสั่งให้สเต็มเซลล์บาง ชนิดเปลี่ยนสภาพไปเป็นเซลล์ชนิดที่ต้องการ แต่ดูเหมือนว่าต้องอาศัยสัญญาณบางอย่างที่จะกระตุ้นให้ สเต็มเซลล์ทุกเซลล์เปลี่ยนสภาพ เขากำลังค้นหาสัญญาณนั้นอยู่ครับ ภาพข้างล่างแสดงการเปลี่ยนสภาพของสเต็มเซลล์ไปเป็นเซลล์ประสาท (สีแดง) และ glial cells (สีเขียว) จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 12:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพข้างล่างแสดงให้เห็นว่าสเต็มเซลล์ที่เปลี่ยนสภาพเป็นเซลล์ประสาทแล้ว สามารถทำงานได้ เขาทดลองโดยฝังเซลล์ดังกล่าวเข้าไปในหนู (A) neuron cells และ (B) astrocytes ที่พบในสมองและกระดูกสันหลัง จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 12:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ... แม้ว่าการใช้สเต็มเซลล์ที่ได้จากผู้ใหญ่จะลดปัญหาต้านอวัยวะจากระบบภูมิคุ้มกัน ได้ดีกว่าที่ได้จาก เอมบริโอ และยังลดปัญหาการต่อต้านจากกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนด้วย แต่ความไม่สะดวกหลายๆ อย่าง ทำให้การใช้สเต็มเซลล์จากผู้ใหญ่ไม่เป็นที่นิยม จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 12:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอกสารอ้างอิง http://science.howstuffworks.com/ จากคุณ : Practical x 2 - [ 12 ธ.ค. 47 13:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ Practical x 2อธิบายเรื่องstem cell ได้แจ่มมากเลย ละเอียดดีครับ ตอบคุณเจ้าของกระทู้ เรื่องการนำstem cell มาใช้เรื่องทดแทนฟันเป็นไปได้ครับ ในตอนนี้สำเร็จในหนูทดลองแล้ว แต่การทดลองในคนยังมีปัญหาบางอย่าง(กว่าจะได้ทำทดลองในคนไม่ใช่เรื่องง่ายครับ) ขออธิบายแบบง่ายๆนะครับ คือในหนูทดลองได้ใช้stem cell นำไปปลูกในไตของหนูเอง (เนื่องจากเป็นorganที่มีเลือดมาเลี้ยงมาก และหนูตัวเล็กการผ่าตัดไตจากทางด้านหลังหนูง่าย) ต่อมาcellนั้นได้พัฒนากลายเป็นฟันมีรูปร่างหลายแบบจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทุกซี่หรอกครับ ก็คัดเลือกซี่ฟันที่พอดีกับช่องว่างและรูปร่างโอเคแบบที่ต้องการไปปลูกถ่ายในช่องปากหนู การทดลองนี้สำเร็จครับ คือได้ฟันที่มีชีวิตและมีเนื้อเยื่อตรงกับหนูเจ้าของ ฟันั้นมีชีวิตในช่องปากได้เหมือนฟันทั่วไป ที่คุณหมอJFK บอกว่าฟันเป็นเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว ไม่มีการปฎิเสธอวัยวะ ความจริงฟันมีเนื้อเยื่อที่มีชีวิตครับ คือในชั้นในสุดของฟันจะเป็นส่วนของเส้นเลือดเส้นประสาท มาเลี้ยงฟันซี่นั้น ถ้าขาดเส้นลือดมาเลี้ยง ฟันจะตาย เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ เปราะ แตกหักง่าย การทดแทนฟันโดยการปลูกถ่ายจากคนอื่นโดยให้คงสภาพความมีชีวิตของฟันจึงเกิดการต่อต้านได้  การปลูกถ่ายฟันจึงมักเป็นautotransplant คือปลูกถ่ายจากฟันตัวเองมากกว่าเอาจากของคนอื่น ส่วนเรื่องรากเทียมที่เป็นไททาเนี่ยม ร่างกายบางคนรับได้ แต่คนก็มีปฎิกิริยาต่อต้าน ตัวรากเทียมโยกหลุดเนื่องจากกระดูกคนเราเห็นมันเป็นสิ่งแปลกปลอมไม่ยอมยึดติด จึงได้คิดพยายามปลูกฟันของตัวเอง เพื่อใช้ปลูกถ่ายให้กับตัวเจ้าของเองครับ เทคโนโลยีด้านนี้เป็นไปได้ แต่ถึงสำเร็จจริงการทำในคนยังมีปัญหาหลักอีกอย่างที่สำคัญคือการทำที่ยุ่งยาก และค่าใช้จ่าย อย่างที่ทำในการทดลอง ค่าใช้จ่ายสูงมาก สูงกว่าการฝังรากเทียมหลายๆๆๆๆเท่าครับ แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 47 14:56:53 จากคุณ : Dr.ภพ - [ 12 ธ.ค. 47 14:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แฮ่ะๆ ฟันนี่ไม่ใช่อวัยวะตายนะครับ มีพวกเส้นเลือดและประสาทมาเลี้ยง แต่ผมบอกว่ามันเหมือนตาย คือต้องการเปรียบให้ทราบว่าส่วนของตัวฟัน นั้นปกติ ถึงเอาพวก ฟันปลอมพวก พอร์ซเลนมาใส่ ก็ใช้ได้ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 12 ธ.ค. 47 15:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อันนี้รูปแสดงองค์ประกอบของฟันครับ ข้างในฟันที่เรียกว่า pulp cavity คือส่วนที่มีชีวิตของฟัน มีเส้นเลือดเส้นประสาทมาเลี้ยงเหมือนอวัยวะอื่นๆของคน ฟันจึงมีความรู้สึกเสียวรู้สึกเจ็บปวดได้ และจะเห็นว่าฟันเป็นอวัยวะที่ยึดกับกระดูก โดยมีเยื่อยึด(ligament)สีชมพูๆในรูปยึดติด ดังนั้นอะไรที่แปลกปลอม ร่างกายก็ต่อต้านได้ครับ จากคุณ : Dr.ภพ - [ 12 ธ.ค. 47 15:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อืมม ขอบคุณฮะ จากคุณ : มิคังโหยว - [ 12 ธ.ค. 47 15:24:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่า เพิ่งเห็นหมอเจ ผมเข้าใจละ ว่าหมอคงหมายถึงส่วนผิวด้านนอกที่เป็นตัวฟันด้านบน ส่วนนั้นใช่ครับว่าเหมือนตาย ใช้พอร์ซเลนทดแทนได้ เหมือนกับใช้วัสดุอุดทดแทนฟัน พอดีผมมองอีกมุมนึง คือมองว่าปัญหาในการใส่ฟันปลอมติดแน่นจะเป็นเรื่องแกนที่ติดกับกระดูกมากกว่า ถ้าไม่มีแกนเป็นตัวยึด ส่วนตัวฟันจะติดอยู่ได้อย่างไร เลยเป็นที่มาของงานวิจัย เราต้องการรากฟันที่ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ โดยไม่ต่อต้าน ที่คิดจะใช้เนื้อเยื่อจากตัวเอง เพราะไททาเนียมยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้เต็มที่ครับ ขอบคุณหมอเจมากครับที่มาช่วยแสดงความคิดเห็น จากคุณ : Dr.ภพ - [ 12 ธ.ค. 47 15:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 ธ.ค. 47 16:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้นี้เจ๋งดีครับ เข้ามาเก็บความรู้ด้วยคน จากคุณ : xcube (xcube) - [ 12 ธ.ค. 47 17:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอขอบคุณ ด้วยความจริงใจ ขอให้อาจารย์รักษามาตรฐานแห่งวิชาชีพเช่นนี้ตลอดไป เพราะบางครั้งผู้ถามหรือนักศึกษาก็ไม่รู้ว่าควรจะไปหาอ่านจากหนังสือเล่มไหน และหากว่าแปลผิดความเข้าใจก็เบี่ยงเบนไปอีก ขอบคุณDr.Jfk และ Dr.ภพ ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ..ด้วยความยินดี.. จากคุณ : Komi (komi_to) - [ 12 ธ.ค. 47 18:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากเลยค่ะ save และโหวตด้วยค่ะ จากคุณ : ไจโรสโคป - [ 12 ธ.ค. 47 21:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... เข้ามาดู จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 13 ธ.ค. 47 00:40:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สุดยอดหว้ากอ..กระทู้นี้ขอตบมือให้ทั้งสามท่าน คุณแพคติคอล หมอเจ ด็อกเตอร์ภพ โดยเฉพาะคุณแพคติคอล สุดยอดชอบการตอบแนวนี้จริงๆ เห็นภาพชัดเจน และอธิบายได้เคลีย เข้าใจง่ายดีคะ ขอบคุณในการเสียเวลาให้ห้องนี้มีคุณค่าขึ้นมากๆ จากคุณ : ฝนปลายฟ้า - [ 13 ธ.ค. 47 08:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบคุณมากครับทุกๆ ท่าน ที่ช่วยตอบกระทู้ผม ตอนนี้ฟันผมเพิ่งแตกมา เป็นฟันกรามบนขวา เพิ่งถอนฟันครั้งแรกในชีวิตรู้สึกเสียดายมาก เลยอยากภาวนาให้เทคโนโลยีทางด้านนี้ประสบความสำเร็จโดยเร็วจะได้มาใช้ได้ทัน ตอนนี้ผมเก็บฟันที่แตกมาไว้ในช่องแช่แข็งตู้เย็น เผื่อวันหน้าจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ จากคุณ : wrs - [ 13 ธ.ค. 47 10:04:48 A:10.128.20.22 X:202.44.14.194 TicketID:009184 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนแรกเมื่อวานอ่านไปได้ 2-3 ความคิดเห็นชักมึนๆ บวกกับง่วง ก็เลยพลัดมาเป็นวันนี้ โชคที่มาอ่านความรู้เพียบจริงๆ จากคุณ : ผู้ไม่รู้เลย - [ 13 ธ.ค. 47 19:26:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมก็เซฟไว้เหมือนกันครับ จากคุณ : Elrond - [ 13 ธ.ค. 47 22:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อเกือบ 8ปีก่อน ตอนผมเล่นคอมพ์ใหม่ๆ ตอนนั้น หัดเล่น ICQ ได้หลงเข้าไปกลุ่ม หมอฟันที่วิจัยเรื่อง Tooth Bud Implant อยู่ ได้พยายามเอาเรื่องนี้มาหยอดๆให้เพื่อนๆทันตแพทย์ฟัง แต่ก็ไม่มีคนสนใจ จนเมื่อปีที่แล้ว ได้มีการนำเสนอว่าได้ทำสำเร็จ (ก่อนหน้าที่จะสำเร็จ ยังมีe-mail ส่งถึงผมเป็นระยะๆ) เร็วๆนี้ ได้มีe-mail มาอีก (สงสัยนึกว่าผมเป็นนักวิทย์) ได้สอบถามเกี่ยวกับ สภาวะแวดล้อม เช่นระดับ ฮอร์โมนในระยะ การสร้างฟันแต่ละซี่ ระดับความเข้มข้นกรดนิวคลิอิก (ผมคิดว่าคงเริ่ม ขั้นตอนที่จะ ใช้สเต็ม เซลล์ แล้ว) อีกไม่นานหรอกครับ คงได้เห็น ส่วนฟันที่แตกของเจ้าของกระทู้ทิ้งไปเถอะครับ จากคุณ : weekest - [ 14 ธ.ค. 47 18:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องTooth Bud Implant ที่ว่า ไม่ใช่เอา ซี่8 มาใส่แทนซี่6 แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิด tooth bud ในสัตว์ทดลอง โดยใช้ cell ของเจ้าของฟัน เมื่อได้แล้วจึงนำไปฝังในขากรรไกร โดย ควบคุมสภาวะแวดล้อมขากรรไกร ให้อยู่ในภาวะที่tooth bud เจริญได้ (แบบlocalize) จากคุณ : weekest - [ 14 ธ.ค. 47 18:14:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณเจ้าของกระทู้ แผลถอนฟันหายเมื่อไหร่ควรใส่ฟันปลอมทดแทนก่อนนะครับ จะใส่แบบชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ป้องกันฟันข้างเคียงล้มเอียงเข้าหาช่องว่าง ป้องกันฟันคู่สบยื่นยาวลงมา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแล้วมาใส่ฟันภายหลังจะยุ่งยากมากกว่าเดิม จากคุณ : Dr.ภพ - [ 14 ธ.ค. 47 19:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกท่านที่ช่วยตอบครับ ตอนนี้รู้สึกรักฟันที่เหลืออยู่ และพยายามดูแลฟันที่มีชีวิตอยู่อย่างดีที่สุด หวังว่าเทคโนโลยีทางด้านนี้สำเร็จโดยเร็ว จากคุณ : wrs - [ 15 ธ.ค. 47 09:20:30 A:10.128.20.22 X:202.44.14.194 TicketID:009184 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถามท่านผู้รู้ว่า stem cell ที่ไตของหนูนี่มันรู้ได้อย่างไรว่าจะเปลี่ยนเป็นฟันทำใมถึงไม่กลายเป็นไตหรือหู จากคุณ : do_roty - [ 15 ธ.ค. 47 12:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สุดยอดมาก ผมก็เซฟครับ จากคุณ : :::::MeMFiStO::::: - [ 15 ธ.ค. 47 22:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านของจานแพรกฯแล้ว พวกที่โดนตัดให้เป็ดกินก็คงจะพอมีหวัง เอาสเต็มเซลของตัวเองไปปลูกแล้วเอามาแปะ ว่าแต่จะปลูกตรงไหนดี ซอกหูคงดีนะ เท่ดี จากคุณ : alan the lamb - [ 17 ธ.ค. 47 09:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โอ้ว เหมือนมีพระเจ้าช่วย ขอบคุณทุกท่านมากๆ เลย เราฟันกรามด้านซ้ายบนแตก หมอบอกว่าฟันร้าวเอามากๆ ปล่อยไว้จะปวดและอาจติดเชื้อได้ ต้องถอนออก หมอไม่ใส่ปลอกรัดฟันให้นะ เราก็ต้องยอมเสียฟันไปหนึ่งซี่ เป็นอุทาหรณ์ เวลากินอย่ารีบ เจอกระดูกก็คายออก อย่าริเคี้ยวกระดูกหมูหรือของแข็งอื่นๆ ไม่งั้นฟันท่านแตกแน่ ถ้ารีบให้หาอาหารอ่อน ห้ามของแข็ง จากคุณ : SNHL - [ 23 ธ.ค. 47 13:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 36 Sawasdee krab, I went to the talk presented by Drs. Baltimore and Gage this evening about HIV vaccine and Stem Cells hosted by Keck School of Medicine, USC-Los Angeles. I think it is not to bad to share some info with you guys. First, Dr.Baltimore didn't seem happy that Thailand is continuing the HIV vaccine after the failure has been proved (of course in US). Secondly, Dr.Gage gave a remarkable presentation about the future feasibility of using stem cells as a new tool for therapy. California has just approved stem cells research for up coming decade. Thailand, as the independent country, should keep eye on America and do what we can do to keep up with them and use our resources as effective as possible to make useful out of this stem cells issue (Much Cheaper!!!). I will definitely come back to Thailand this year and start my teaching career at the Suranaree University of Technology (SUT), so anyone want to keep in touch please feel free to contact me through this email ssnnkk@yahoo.com or accomplish9@hotmail.com na krab. จากคุณ : Aidam95 (aidam95) - [ 12 ม.ค. 48 12:56:35 ]