CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ประสบการณ์หลังจากไปเฝ้าคุณพ่อที่ต้องผ่าตัดเนื่องจากสาเหตุของ retinal detachment

    เมื่อวันจันทร์คุณพ่อของผมท่านไปตรวจตา เพราะรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ มอง
    เห็นเงาดำๆ คล้ายแมงมุม ปรากฏขึ้นตรงหน้า สมัยก่อนมีบ้างเล็ก ๆ น้อย แต่คราว
    นี้เห็นชัดมาก พอคุณหมอตรวจไม่ถึง 10 นาที ก็บอกว่า ต้อง admit แล้ว และ
    ต้องผ่าตัดด่วนในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากส่วนของเรติน่าด้านหลังของดวงตาหลุด
    ออกมา (ดูภาพประกอบด้านล่าง) โดยก่อนผ่าตัดคุณหมอให้คุณพ่อนอนหงาย
    เท่านั้นห้ามนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ detachment รุนแรงขึ้น ผมกับน้องชาย
    คนเล็กและคุณแม่จึงไปช่วยดูแลท่าน เพราะเห็นคุณพ่อไม่สบาย ผมจึงไปหา
    เอกสารอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการนี้ครับ หากคุณหมอหรือท่านผู้รู้มีข้อแนะ
    นำก็ขอความกรุณาด้วยครับ

    เรติน่า (retina) เป็นเนื้อเยื่อด้านหลังของดวงตา ทำหน้าที่คล้ายฟิลม์ของกล้อง
    ถ่ายรูป ทำให้เรามองเห็นได้ ส่วนกลางของเรติน่าเรียกว่าแมคคิวล่า (macula)
    ทำให้เราสามารถอ่านหนังสือ หรือแยกใบหน้าคนได้ ส่วนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบ
    ช่วยประกอบการมองเห็น (side vision)

    ในกลุ่มคนอายุระหว่าง 40-70 ปี ส่วนของเจลในลูกตาที่เรียกว่า vitreous นั้น
    จะหลอมตัวออกมาเป็นของเหลว แยกตัวออกจากเรติน่า (ถือเป็นเหตุการณ์ปกติ
    ในผู้สูงอายุ จำนวนมากครับ ในเมืองไทย เห็นคุณหมอบอกว่าเกิดรองจาก ต้อหิน
    ต้อกระจก และเบาหวาน) ทำให้เห็นจุด หรือเส้นดำๆ ขดไปมา ลอยอยู่  บางทีก็
    เห็นเป็นแสงวาบ เพราะเมื่อเจลในลูกตาหลอมตัวออกมาจะดึงเรติน่าทำให้เห็น
    แสงดังกล่าว ในกรณีรุนแรงจะมีเลือดออกด้วย เขาเรียกอาการเหล่านี้ว่า posterior
    vitreous detachment (PVD) ขั้นตอนที่ vitreous แยกตัวออกจากเรติน่า
    อาจทำให้เรติน่าฉีกขาด และของเหลว vitreous ไหลไปแทรกตัวอยู่ด้านใต้เรติน่า
    ที่น่ากลัวคือ ถ้าไม่รักษาเรติน่าก็จะถูกของเหลว vitreous เซาะออกมาจากดวงตา
    เรื่อยๆ ทำให้การมองเห็นถูกจำกัดลงเรื่อยๆ และถ้าส่วนแมคคิวล่าถูกเซาะออกมา
    จะเสียการมองเห็นที่สำคัญไปหมด ถ้าเรติน่าทั้งหมดหลุดออกมาจะทำให้ตาบอด
    ในที่สุด นอกจากนี้ ถ้ายังปล่อยให้ retina หลุดออกจากผนังด้านหลังดวงตาต่อไป
    จะทำให้มันเสื่อมสภาพและทำงานต่อไปไม่ได้ (คือมองไม่เห็นนั่นเอง) เพราะขาด
    แหล่งอาหารที่อยู่ตามผนังด้านหลังดวงตา

    การรักษาทำได้โดย

    1. scleral buckle (เป็นวิธีดั้งเดิม มีมากว่า 30 ปีแล้ว) ผสานการรักษาด้วยความ
    เย็นและซิลิโคน (scleral buckle) โดยเย็บซิลิโคนเข้าไปกับดวงตา (ขนาดพิมพ์
    ผมยังรู้สึกเสียวหน่อยๆ เลย >_<) เพื่อให้ดวงตาบุ๋มลงไปติดกับเรติน่าที่หลุดออกมา

    2. vitrectomy (เริ่มใช้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว) ต้องผ่าดวงตาตรงจุดที่มีปัญหา
    และดูดเอา vitreous ออกมาก่อนจากนั้นใช้แสงเลเซอร์และซิลิโคนติดเรติน่าเข้า
    ไปใหม่อีกครั้ง

    3. pneumatic retinopexy (เริ่มใช้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว) ใช้วิธีฉีดฟอง
    ก๊าซ (เท่าที่ผมถามอาจารย์หมอ ดูจะเป็นพวกฟลูออโรคาร์บอนครับ) เข้าไปในลูก
    ตา (vitreous cavity) แล้วให้ฟองก๊าซนี้ดันเรติน่าเข้าไปติดกับด้านหลังลูกตา
    ใหม่อีกครั้งหนึ่ง มีประโยชน์คือลดอาการแทรกซ้อนหรืออันตรายอื่นๆ ที่อาจเกิด
    ขึ้นจากการผ่าตัดด้วยวิธีแรก แต่มีข้อเสียคือคนไข้ต้องทรมานกับการจัดท่าศีรษะ
    ให้เหมาะสม และความสำเร็จในการรักษาอาจไม่สูงเท่าวิธีแรก อาจต้องทำซ้ำ
    หลายๆ ครั้ง

    ดูเหมือนคุณหมอจะใช้วิธีที่สองและสาม ร่วมกันในการรักษาคุณพ่อครับ หลังผ่าตัดด้วยวิธี
    ที่สองเสร็จ คุณพ่อบ่นเจ็บตาพอสมควรครับ แม้คุณหมอจะฉีดมอร์ฟีนให้แล้วยังต้องต้องกิน
    ยาแก้ปวด (paracetamol) ตามไปอีกสองเม็ด ตอนนี้ยังนอนหงายได้ ต้องกินยาปฏิชีวนะ
    และหยอดตาทุกๆ 4 ชั่วโมง

    วันถัดมาคุณหมอก็ต่อด้วยวิธีที่สาม เพราะวิธีที่สองยังไม่ติดสนิท หลังฉีดแก๊สเสร็จคุณหมอ
    ให้นอนคว่ำหน้า 6 ชั่วโมง เพื่อให้แก๊สที่ฉีดเข้าไป ไปดันให้ retina กลับไปติดกับผนังด้าน
    หลังของดวงตาอีกครั้งหนึ่ง (ดูภาพ) ซึ่งค่อนข้างทรมานครับ เพราะไม่ถนัด คุณหมอบอกว่า
    นี่ยังเล็กน้อย ถ้าเทียบกับคนไข้อีกท่านที่อยู่ ward เดียวกัน ต้องนอนคว่ำหน้าอย่างนั้นถึง
    36 ชั่วโมง  ต่อจากนั้นก็ต้องนั่งต่อไปอีกหลายวัน (ให้ศีรษะทำมุม 90 องศา กับพื้นตลอด
    เวลาเพื่อไล่แก๊สที่ฉีดเข้าไปออก แต่ห้ามนอนหงาย เพราะแก๊สอาจไปทำให้เลนส์ตาเกิดเป็น
    ต้อกระจกขึ้นได้) ในรายที่ฉีดแก๊สต่างชนิดเข้าไปในปริมาณที่ต่างกัน ต้องนอนแบบนั่งนั้น
    ไปถึง 1 เดือนก็มี แต่กรณีของคุณพ่อนั้น คุณหมอบอกว่ายังไม่รุนแรงมาก ไม่น่าจะเกินสาม
    วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้

    ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าผ่าเสร็จครั้งเดียวแล้วจะหายเลย แต่ถ้าไม่หาย ก็ต้องกลับมาทำซ้ำ
    อีก วนลูปไปเรื่อยๆ ครับ บางคนทำซ้ำสามรอบก็มี ซึ่งจะทรมานมากครับ

    เอกสารอ้างอิง
    http://www.vrmny.com/detachment.jpg
    http://www.theretinasource.com/conditions/retinal_detachment.htm
    http://www.vrmny.com/retinal_detachment.htm

    ปล. ปีใหม่นี้ครอบครัวผมคงฉลองกันใน ward โรงพยาบาล นั้นแหละครับ
    นับว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศสำหรับปีนี้ครับ

     
     

    จากคุณ : Practical x 2 - [ 30 ธ.ค. 47 22:28:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป