ความคิดเห็นที่ 1 มาติดตามอ่านเอาความรู้ครับ (ได้รับความรู้เพิ่มมากเลยครับ เพราะนอกจากสาขาที่เรียนแล้ว ความสนใจเพิ่มเติมของผมอยู่ที่ดาราศาสตร์อย่างเดียว) จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ วันสิ้นปี 11:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นที่ 230 ของคุณแมทท์ “ความฝัน ของ Charles Darwin, สำหรับผู้ที่มีความศรัทธา เลื่อมใส ใน ทฤษฏี ของ ดาร์วิน ก็มีกำลังใจที่จะ ศึกษาค้นคว่า ไป ส่วนผู้ที่ ไม่มีความเลื่อมใส ถึงแมืว่าจะศีกษา ในทฤษฏีของ ดาร์ วิน แล้วก็ตาม ก็ พยายาม ที่จะ หาเหตุผล มา ขัด แย้ง แต่ไม่ ใช่ เพราะ ความ โง่เขลา ของ ผู้ ที่ ไม่ เชื่อ แต่ เป็น เพราะ เหตุผลสนับสนุน ทฤษฏี คลุม เครือ และตั้งอยู่บน พี้น ฐานของสมมุติ ฐานที่ต้องการพิสูจน์ หาความ จริง ซึ่งกล่าวมา แล้ว เช่น...” คำโต้แย้ง ทฤษฎีวิวัฒนาการใช้อธิบายความจริงที่เกิดขึ้นครับ เทียบเท่ากับทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของ นิวตันทีเดียว แต่ที่ทฤษฎีวิวัฒนาการได้รับความสนใจ โต้แย้งมากกว่า เป็นเพราะมีผลพวง ไปถึงศาสนาและรากฐานความเชื่อด้วย ทฤษฎีวิวัฒนาการมีประโยชน์ มีนักวิทยาศาสตร์นำเอาความรู้จากทฤษฎีนี้ไปใช้ในการ การศึกษาเรื่องโรคระบาด, การควบคุมศัตรูพืช, การค้นพบยารักษาโรค และในสาขาอื่นๆ ด้วย อ่านเอกสารอ้างอิงสามชุดข้างล่างนี้เพื่อยืนยันครับ 1. Bull, J. J. and H. A. Wichman, 2001. Applied evolution. Annual Review of Ecology and Systematics 32: 183-217. 2. Eisen, J. A. and M. Wu, 2002. Phylogenetic analysis and gene functional predictions: Phylogenomics in action. Theoretical Population Biology 61: 481-487. 3. Searls, D., 2003. Pharmacophylogenomics: Genes, evolution and drug targets. Nature Reviews Drug Discovery 2: 613-623. http://www.nature.com/nature/view/030731.html ทฤษฎีวิวัฒนาการมีหลักฐานมากมายยืนยัน ไม่ใช่เป็นเพียงสมมติฐานแต่เป็นความจริงครับ ผู้สนใจอ่านหลักฐานเพิ่มเติมได้จากกระทู้ภาษาไทยเหล่านี้ครับ http://evidence-evolution-theory.pantown.com/ ทั้งในแง่วิทยาศาสตร์และกฎหมาย ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ใช่ความเชื่อหรือศาสนานะครับ เพราะพ่อแม่ของเด็กหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าลูกๆ จะถูกล้างสมองด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการ ไม่เชื่อในพระเจ้าถึงกับส่งเรื่องฟ้องศาล (ในสหรัฐอเมริกา) แต่ท้ายที่สุดศาลก็ยกฟ้อง “Assuming for the purposes of argument, however, that evolution is a religion or religious tenet, the remedy is to stop the teaching of evolution, not establish another religion in opposition to it. Yet it is clearly established in the case law, and perhaps also in common sense, that evolution is not a religion and that teaching evolution does not violate the Establishment Clause, Epperson v. Arkansas, supra, Willoughby v. Stever, No. 15574-75 (D.D.C. May 18, 1973); aff'd. 504 F.2d 271 (D.C. Cir. 1974), cert. denied , 420 U.S. 924 (1975); Wright v. Houston Indep. School Dist., 366 F. Supp. 1208 (S.D. Tex 1978), aff.d. 486 F.2d 137 (5th Cir. 1973), cert. denied 417 U.S. 969 (1974). [McLean v. Arkansas Board of Education 1982]” http://www.talkorigins.org/indexcc/CA/CA610.html จากคุณ : Practical x 2 - [ วันสิ้นปี 12:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความคิดเห็นที่ 230 ของคุณแมทท์ “ปัญหาที่ทำให้ นักวิวัฒนาการ ปวด ศรีษะ อยู่ ในเวลานี้ ก็คือ ผู้ที่คัดค้านทฤษฏี จะถามว่า, “ จะกำหนด Species ได้อย่างไร ในเมื่อ ยัง ไม่ ่ทราบ ว่า “ชีวิตมาจาก ที่ใด” , นักวิวัฒนาการ ก็จะ บอกว่า ถ้าคุณ มีความรู้ ความเข้า ใจ เกี่ยว กับ ทฤษฏีแล้ว คุณ จะ เห็น ว่า มัน คนละเรื่อง , แต่ผู้ ที่ไม่เชื่อ ก็ยังหัวดื้อ ยัง ที่จะ ยืนยัน เพื่อ ให้ได้มาซึ่ง คำตอบ ดังนั้น, นักวิวัฒนาการ เลย จำต้อง ตั้งทฤษ ฏี ต่างๆ เพื่อ ค้นคว้า หาคำตอบ เกี่ยว กับ ต้น กำเนิด ของ ชีวิต ซึ่งขณะนี้ ก็ยัง ไม่ได้ คำตอบ” คำโต้แย้ง ทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่มีหลักฐานสนับสนุนมากที่สุดทฤษฎีหนึ่งในวงการวิทยาศาสตร์ ครับ นักวิวัฒนาการไม่ปวดศีรษะแน่นอน หรือที่ว่า “Evolution is a theory in crisis” ก็ไม่จริง เลย ผู้สนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการมีมากขึ้นตามลำดับ เพราะก่อนที่จะประกาศทฤษฎีนี้ออกมานั้น นัก วิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกว่า 100% ล้วนแต่เป็นผู้ที่เชื่อในการสร้างสิ่งมีชีวิตโดยพระเจ้าทั้งสิ้น แต่ใน ปัจจุบันกลุ่มที่เชื่อในทฤษฎี creation มีน้อยกว่า 1% เสียอีก เหตุผลที่จำนวนลดน้อยลงมากเป็นเพราะ หลักฐานสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการมีเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จากการสำรวจนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรใน สหรัฐกว่า 13 ล้านคน ด้วย Gallup poll พบว่าน้อยกว่า 5% (ประมาณ 600,000 คน) เป็น creationist แต่ในจำนวนนี้เป็นผู้ทำงานในสาขาที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทางปฐพีหรือชีวภาพ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 480,000 คน ในจำนวนนี้ประมาณ 700 คน ยังเชื่อใน creation science (ไม่ได้ หมายถึงเรื่องการนับถือศาสนานะครับ) นั่นคือถ้าสุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎี วิวัฒนาการมา 10,000 คน จะมีเพียง 15 คนเท่านั้นที่ยังไม่เชื่อ ต่อมาในปีค.ศ. 1986 นักวิทยาศาสตร์ รางวัลโนเบล 72 ท่าน, นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องความสามารถในระดับมลรัฐ 17 ท่าน และ องค์กรวิทยาศาสตร์อีก 7 แห่งของสหรัฐ ได้ร่วมลงนามสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการส่งให้แก่ศาลสูงด้วย นอกจากนี้ NAS หรือ The National Academy of Sciences ยังได้จัดทำเวปไซต์สนับสนุน ทฤษฎีวิวัฒนาการออกมาเผยแพร่ ในปีค.ศ. 1999 ด้วย การเชื่อทฤษฎีนี้ไม่จำเป็นต้องดูจากจำนวนนักวิทยาศาสตร์ที่มีเสียงใดๆ เลยครับ แค่ดูจากหลักฐาน โดยปราศจากความลำเอียงก็เห็นชัดแล้ว แต่หลายคนที่ไม่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการมักเป็นเพราะมีความ เชื่อทางศาสนามาเกี่ยวข้องด้วยมาก (หรือศรัทธามากนั่นเอง) ไม่ใช่เป็นเพราะหลักฐานครับ เรื่อง abiogenesis ผมได้อธิบายไว้ละเอียดแล้วใน http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=4&action=view ครับ ขอเชิญท่านผู้สนใจติดตามอ่านครับ จะมีที่อยากเพิ่มเติมคือ ในวงการวิทยาศาสตร์ไม่ถือว่า abiogenesis เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีวิวัฒนาการครับ (อ้างอิงจากเอกสารบันทึกในศาล ระหว่าง McLean v. Arkansas Board of Education) เอกสารอ้างอิง NAS, 1999. Science and creationism. http://www.nap.edu/html/creationism/ NCSE, 2003. Project Steve, http://www.ncseweb.org/article.asp?category=18 Edwards v. Aguillard, 1986. U.S. Supreme Court amicus curiae brief of 72 Nobel laureates (and others). (Case 482 U.S. 578, 1987) http://www.talkorigins.org/faqs/edwards-v-aguillard/amicus1.html NCSE, n.d., Voices for evolution. http://www.ncseweb.org/article.asp?category=2 Robinson, B. A., 1995. Public beliefs about evolution and creation. http://www.religioustolerance.org/ev_publi.htm , citing Newsweek, 29 Jun. 1987, page 23. จากคุณ : Practical x 2 - [ วันสิ้นปี 12:07:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความคิดเห็นที่ 230 ของคุณแมทท์ “ความยากลำบาก ในการหา หลักฐาน ของระยะในการ เปลี่ยนแปลงรูปร่าง ของ สิ่งมีชีวิตจาก ฟอสสิล หายากมาก และเฉพาะ อย่างยิ่ง เท่าที่พบ เป็นการต่อเติม จาก จินตนาการ ของ “นักศิลปะ” ว่าส่วนที่ขาดหายไป ควรจะมีรูป ร่าง อย่างนี้ อย่างนั้น ไม่ แน่นอน” คำโต้แย้ง มีหลักฐานมากมายครับ และไม่ได้ใช้การจินตนาการของ “นักศิลปะ” ด้วย เราพูดถึงกันเฉพาะ ขนาดของสมอง รูปร่างของฟัน ซึ่งเป็นหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ เห็นกันชัดๆ ครับ ในกรณีนี้ ผมจะยกตัวอย่างเฉพาะกรณีของมนุษย์เพื่อแย้งความคิดเห็นนี้ เขาพบฟอสซิลการเปลี่ยนแปลง รูปร่างระหว่างมนุษย์สมัยใหม่และ Australopithecines และ hominids อื่นๆ มีนานแล้ว และ หลักฐานฟอสซิลแสดงการเปลี่ยนแปลงนี้ค่อนข้างละเอียดมาก ถึงขั้นที่จำแนกไม่ได้ว่าชนิด ไหนควรจะถือว่าเป็นมนุษย์และชนิดไหนที่ไม่ใช่มนุษย์ Intermediate และ missing links ของมนุษย์ที่พบในหลักฐานฟอสซิลได้แก่ Australopithecus afarensis อายุ 3.9 ถึง 3.0 ล้านปีก่อน (Ma). กะโหลกศีรษะของมัน คล้ายลิงชิมแปนซีมาก แต่มีฟันคล้ายมนุษย์ เดินสองขา Australopithecus africanus อายุ 3 ถึง 2 Ma; ขนาดของสมอง 420-500 cc มีขนาดใหญ่ กว่า A. afranensis และมีฟันที่คล้ายมนุษย์มาก Homo habilis (อายุ 2.4 ถึง 1.5 Ma), คล้ายคลึงกับ Australopithecines แต่ใช้เครื่องมือได้ และมีขนาดสมองใหญ่ขึ้น (โดยเฉลี่ย 650 cc) และหน้าไม่ยื่นออกเหมือนลิงแต่คล้ายมนุษย์มากขึ้น Homo erectus (อายุ 1.8 to 0.3 Ma); มีขนาดสมองเฉลี่ยประมาณ 900 cc สำหรับ H. erectus ยุคแรกๆ และ 1100 cc ในยุคถัดมา (ขนาดสมองของมนุษย์ยุคปัจจุบันประมาณ 1350 cc) White et al. (2003) กล่าวถึง intermediate ระหว่างฟอสซิลของมนุษย์ที่ค้นพบในทวีปแอฟริกา และฟอสซิลอื่นๆ Foley (1996-2003) ยังได้กล่าวถึงหลักฐานฟอสซิล intermediate อื่นๆ เพิ่มเติมด้วย หลักฐานทางพันธุกรรมแสดงให้เห็นแล้วว่ามนุษย์และลิงชนิดต่างๆ มีความเกี่ยวเนื่องกัน ตามที่ผมได้นำ เสนอไว้แล้วในลิงก์นี้ครับ (ความคิดเห็นที่ 4 และ 5) http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=2&action=view เอกสารอ้างอิง Avarello, R., A. Pedicini, A. Caiulo, O. Zuffardi, M. Fraccaro, 1992. Evidence for an ancestral alphoid domain on the long arm of human chromosome 2. Hum Genet 89(2): 247-249. Bermudez de Castro, J. M. et al., 1997. A hominid from the Lower Pleistocene of Atapuerca, Spain: Possible ancestor to Neandertals and modern humans. Science 276: 1392-1395. Drews, Carl, 2002. Transitional fossils of hominid skulls. http://www.theistic-evolution.com/transitional.html Foley, Jim, 1996-2003. Fossil hominids: The evidence for human evolution. http://www.talkorigins.org/faqs/homs/ Foley, Jim, 2002. Comparison of all skulls, http://www.talkorigins.org/faqs/homs/compare.html IJdo, J. W., A. Baldini, D. C. Ward, S. T. Reeders and R. A. Wells, 1991. Origin of human chromosome 2: an ancestral telomere-telomere fusion. Proceedings of the National Academy of Science USA 88(20): 9051-9055. http://www.pnas.org/cgi/reprint/88/20/9051.pdf Lilith, 2003. Alignment of Chimp_rp43-42n4 against Human chromosome 15. http://www-personal.umich.edu/~lilyth/erv/ See also Lilith, 2003 (Jun 3). Re: Evolutionary Misconceptions on Evolution. http://www.google.com/groups?as_umsgid=75200cbc.0306031846.50b2bda5%40posting.google.com Max, Edward E., 2003. Plagiarized errors and molecular genetics. http://www.talkorigins.org/faqs/molgen/ White, Tim D. et al., 2003. Pleistocene Homo sapiens from Middle Awash, Ethiopia. Nature 423: 742-747. Yunis, J. J. and O. Prakash, 1982. The origin of man: a chromosomal pictorial legacy. Science 215: 1525-1530. จากคุณ : Practical x 2 - [ วันสิ้นปี 12:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 230 ของคุณแมทท์ “ฟอสซิล จากโครงกระดูก ของ สัตว์ สองชนิด อยู่ปะปนกัน ทำให้เดิด การ เข้า ใจผิด ในการ จัด โครงสร้าง ของ โครง กระ ดูก ที่พบ ตัวอย่าง เช่น นกกิน หัว งู หมด เหลือ แต่ หางงู และ นก ท้องอืดตายอยู่ ตรงที่นั้น, เราจะพบ โครง กระดูก ของ นก อย่าง สมบูรณ์, มีแต่โครงกระดูกของหางงู เมื่อเอาฟอสสิล นั้น มาประติดประต่อ กลายเป็น Aves มี หาง เป็น , Reptile , นักวิวัฒนาการ ก็จะ กล่าวว่า Reptile ปรับตัวให้เข้ากับ สิ่งแวดล้อม เพื่อหนีอันตรายบนพื้นดิน จึงติดปีก เปลี่ยน เป็น นก และ ที่เห็น คือ Transition Form” คำโต้แย้ง จากหลักฐานฟอสซิลของอาร์คีออปเทอริกซ์คงไม่เป็นดังที่คุณแมทท์กล่าวมั้งครับ? ดูจะเป็นการแย้งที่จินตนาการมากไปสักหน่อย และไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆ ครับ ศึกษาภาพและหลักฐานสนับสนุนในความคิดเห็นที่ 3 ถึง 9 ของลิงก์นี้ครับ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=16&action=view ความคิดเห็นที่ 230 ของคุณแมทท์ การโต้แย้งเรื่อง cyanobacteria ผมอธิบายไปก่อนหน้านี้แล้วครับ คงไม่กล่าวถึงอีก “ทำไม Ape ถึงไม่กลาย เป็น คน ทั้ง หมด ถ้า Natural Selection คัดเลือก มนุษย์ ว่า แแข็ง แรง กว่า Ape” คำโต้แย้ง การมองอย่างผิวเผินทำให้ได้ข้อมูลที่ผิดพลาดครับ ในกรณีนี้ก็เช่นกัน ถ้าให้ลิงกอริลล่ากับมนุษย์มาสู้กัน (ตัวเปล่าห้ามใช้อาวุธ) ผมว่ามนุษย์ แพ้นะครับ และถ้าสิ่งมีชีวิตหนึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ มันอาศัยอยู่ได้ อัตราการเกิด mutation ย่อมน้อยกว่าในกรณีที่สภาพ แวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต คำตอบของข้อนี้คือสภาพแวด ล้อมครับ ทั้ง Ape และมนุษย์สมัยโบราณสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เป็น ปกติสุขในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นเลยที่ Ape ต้องวิวัฒน์ กลายเป็นคนทั้งหมด ความคิดเห็นในลักษณะนี้เหมือนกับถามว่า ทั้งชาวอเมริกันและออสเตรเลียน ต่างเป็นลูกหลานของชาวยุโรป ทำไมจึงยังมีชาวยุโรปอยู่เล่า? ความคิดเห็นที่ 230 ของคุณแมทท์ “มีคดีขึ้น ศาลเรื่อง การสอน และ ห้ามสอน อยู่ เสมอ เป็น เรื่อง ที่ ไม่มีข้อ สรุป” คำโต้แย้ง ในชั้นศาลมีข้อสรุปแล้วครับ คือให้สอนทฤษฎีวิวัฒนาการต่อไปได้ในโรงเรียน และไม่ให้มีการสอน creation science ในโรงเรียนด้วย นี่เป็นตัวอย่างกรณีข้อพิพาทการสอนทฤษฎีวิวัฒนาการในโรงเรียนครับ McLean v. Arkansas Board of Education Edwards v. Aguillard: U.S. Supreme Court Decision Epperson v. Arkansas: U.S. Supreme Court Decision Peloza v. Capistrano Unified School District Daniel v. Waters Wright v. Houston I.S.D. เอกสารอ้างอิง http://www.talkorigins.org/origins/faqs-debates.html จากคุณ : Practical x 2 - [ วันสิ้นปี 12:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 235 ของคุณแมทท์ “ถ้าเราสมมุติ ว่า โลกที่เราอาศัยอยู่ เป็น ร่างกายของ คนเรา สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายในปัจจุบัน เปรียบ เหมือน El(e)ments ของ เลือด ภายใต้ พี้นดิน เปรียบ เหมือน ไข กระดูก (Bone Marrow) ดังนั้น เมื่อ เรา ขุด ชั้น หิน ที่ใด ก็ตาม เราจะ ต้อง พบ Transition forms ของสัตว์ ชนิด ต่างๆ อยู่ ทั้วไป หรือ อาจจะ พบ transition forms 1-2% ที่มีชีวิตอยู่ ปะปน กับ ชีวิต ต่างๆ ในปัจจุบัน ประชากร ของ สิ่ง มีชีวิต บนผิวโลก, ไต้ผิวโลก และ ในน้ำ มีจำนวน มาก กว่า เม็ดเลือด ของคนในร่าง กาย เมื่อ เทียบ ตาม สัด ส่วน ของ ร่างกายคน กับขนาด ของ โลก อันนี้แหละครับที่จะต้องทำให้ นักวิวัฒนาการ เหนื่อยหน่อย ในการ อธิบาย การหายไป ของ Transition form” คำโต้แย้ง ร่างกายของมนุษย์กับโลกไม่เหมือนกันเลยครับ รวมถึงการนำเรื่อง Transition forms และ พัฒนาการของเม็ดเลือด ซึ่งเป็นเรื่องของ blood cells development มาโยงเข้าด้วยกัน ก็ไม่ เหมาะสมเลยครับ เป็นการโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาเกี่ยวกัน (ถือเป็น creation science รูปแบบหนึ่งครับ) สำหรับเหตุผลอธิบายหลักฐานฟอสซิลที่ไม่ได้มีมากอย่างที่คุณแมทท์เข้าใจ ผมได้อธิบายไว้ แล้วใน http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=2&action=view ความคิดเห็นในเวป muslimthai.com จากลิงก์กระทู้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K3198578/K3198578.html#13 เรื่องการปลอมแปลงหลักฐานฟอสซิล มนุษย์พิลท์ดาวน์ (Piltdown man) โดย Charles Dawson นี่เป็นตัวอย่างที่ดี ที่แสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์มีการตรวจสอบตัวเองอยู่อย่างสม่ำ เสมอครับ ไม่ใช่ใครกล่าวอะไรขึ้นมาเป็นครั้งแรกแล้วต้องยึดติดอยู่ตลอดไป ปักใจ เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ใครอ้างหลักฐานพิสูจน์ก็ไม่ได้ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์เป็น ผู้ตรวจสอบหลักฐานฟอสซิลนี้นะครับ ไม่ใช่นักการศาสนา และตอนแรกที่มีการนำ เสนอหลักฐาน นักวิทยาศาสตร์หลายท่านจากยุโรปและอเมริกาก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และภายหลังพบว่าหลักฐานเป็นเท็จ เพราะมัน ไม่สอดคล้องกับหลักฐานฟอสซิล hominid อื่นๆ ที่ค้นพบกันก่อนหน้านี้ครับ การสร้างหลักฐานเท็จในหมู่ของ creationist ก็มีอยู่มากมาย อย่างเช่น Paluxy footprints, Calaveras skull, Moab, และ Malachite Man รวมถึงกรณีอื่นๆ อีกมาก ในวงการวิทยาศาสตร์พอทราบว่า Piltdown man เป็นหลักฐานเท็จก็เลิกใช้อ้างอิงถึงอีกต่อไป ในขณะที่ของกลุ่ม creationist นั้นยังมีกล่าวถึงอยู่เรื่อยๆ ราวกับเป็นเรื่องจริง เอกสารอ้างอิง Harter, Richard, 1996. Piltdown Man: The bogus bones caper. http://www.talkorigins.org/faqs/piltdown.html จากคุณ : Practical x 2 - [ วันสิ้นปี 12:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่ติดตามข้อมูลของคุณที่นำเสนอมาตลอด ก็เห็นอยู่ว่าทฤษฎีนี้ไม่สามารถอธิบายถึงขบวนการ(ทางวิทยาศาสตร์)ของการเกิดของสิ่งมีชีวิตแรกสุดได้ว่าเป็นเช่นไรกัน ด้วยสภาวะและปฏิกริยาอะไร ช่วงการเกิดของสิ่งมี่ชีวิตตามข้ออ้างของทฤษฎีนี้ก็นานเป็นล้านๆปีจนไม่มีใครบอกได้แน่ว่าในขณะนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และจนบัดนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์โดยการทดลองสร้างเซลล์สิ่งมี่ชีวิตขึ้นมาได้แม้ว่าได้ทำการศึกษามานานแล้ว ทำได้มากสุดคือการทดลองสร้างสารที่เอื้อประโยช์ต่อสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต นี่เเค่ขั้นเริ่มต้นของทฤษีก็ยังตอบไม่ได้แล้วจะให้เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ได้อย่างไร จากคุณ : นิรนาม - [ วันสิ้นปี 17:01:47 A:61.90.10.248 X: TicketID:048820 ]

ความคิดเห็นที่ 8 #7 อ่านความคิดเห็นใน #3 และลิงก์ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=4&action=view ครับ abiogenesis ไม่เกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ วันสิ้นปี 17:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับผม ยีนส์ (DNA) มันมีการ mutate อย่างช้า ๆ ตัวที่อยู่รอดได้ก็จะแพร่พันธุ์ ต่อไป และ mutate ต่อไป เรื่อย ๆ คนยุคสุดท้าย ไม่น่าจะมีหน้าตาเหมือนกับคนในยุค ปัจจุบัน . . - ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็มีแต่พวก mutate มาแล้วทั้งนั้นแหล่ะครับ :) จากคุณ : ตอบส่งท้ายปีครับ แหะ ๆ (อีคิวศูนย์) - [ วันสิ้นปี 18:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คือมันเปลี่ยนแปลง ช้ามาก ๆ จนเรานึกว่ามันไม่มีวิวัฒนาการ อาจใช้เวลาระดับ ล้านปี ขึ้นไป - ถ้าเราเชื่อว่า เรากำลังมีวิวัฒนาการไปข้างหน้า เราก็สามารถยอมเชื่อ ย้อนหลังไปจนถึงเซลตัวแรกได้ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ วันสิ้นปี 18:31:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเคยได้ยินว่า chalres darwin ได้จัดเป็นบุคคลที่ทำให้เป็นต้นเหตุให้เกิดการล้างเผ่าพันธุ์ยิวโดยฮิตเลอร์ได้นำแนวคิดทฤษฎีวิวัฒนาการไปใช้ ไม่ทราบว่ามีส่วนจริงเท็จแค่ไหน หรือเป็นเรื่องกล่าวอ้างโจมตีทฤษฎี เพราะถ้าจริงแล้ว ทฤษฎีนี้จะมีประโยชน์มากกว่าโทษหรือครับ วานผู้รู้วยชี้แจงด้วยครับ จากคุณ : Foucault lover - [ วันสิ้นปี 20:54:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 11 ของคุณ Foucault lover “ผมเคยได้ยินว่า chalres darwin ได้จัดเป็นบุคคลที่ทำให้เป็นต้นเหตุให้ เกิดการล้างเผ่าพันธุ์ยิวโดยฮิตเลอร์ได้นำแนวคิดทฤษฎีวิวัฒนาการไปใช้ ไม่ทราบว่ามีส่วนจริงเท็จแค่ไหน หรือเป็นเรื่องกล่าวอ้างโจมตีทฤษฎี เพราะถ้าจริงแล้ว ทฤษฎีนี้จะมีประโยชน์มากกว่าโทษหรือครับวานผู้รู้ ช่วยชี้แจงด้วยครับ” คำโต้แย้ง ข้อความที่คุณ Foucault lover กล่าว มาจากหนังสือเล่มนี้ครับ Weston-Broome, Sharon, 2001. Louisiana House Concurrent Resolution no. 74: CIVIL RIGHTS: Provides relative to racism and education about racism. HLS 01-2652 ORIGINAL. ฮิตเลอร์ไม่ได้ใช้ความคิดวิวัฒนาการของดาร์วิน แต่เป็นปรัชญา “สิทธิ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ที่เรียก “divine right” ดังคำกล่าวของฮิตเลอร์ต่อ ไปนี้ครับ “Thus, it [the folkish philosophy] by no means believes in an equality of races, but along with their difference it recognizes their higher or lesser value and feels itself obligated, through this knowledge, to promote the victory of the better and stronger, and demand the subordination of the inferior and weaker in accordance with the eternal will that dominates this universe. [Hitler 1927, 383]” นอกจากนี้ยังมีหลักฐานสนับสนุนว่าฮิตเลอร์เป็น creationist ประเภท “young-earth” ดังมีคำกล่าวอ้างอิงถึงพระเจ้าในหนังสือสนับสนุน ลัทธิ Eugenics (ชาวอารยันบริสุทธิ์อยู่เหนือชนเผ่าอื่นๆ) ในหนังสือ Mein Kampf ของเขา ต่อไปนี้ครับ “The undermining of the existence of human culture by the destruction of its bearer seems in the eyes of a folkish philosophy the most execrable crime. Anyone who dares to lay hands on the highest image of the Lord commits sacrilege against the benevolent Creator of this miracle and contributes to the expulsion from paradise. [Hitler 1927, 383]” และอีกตัวอย่างหนึ่ง “What we must fight for is to safeguard the existence and reproduction of our race and our people, . . . so that our people may mature for the fulfillment of the mission allotted it by the creator of the universe. [Hitler 1927, 214]” ฮิตเลอร์ยังอ้างอิงถึงคริสต์ศาสนาในการกวาดล้างพวกยิวอีกด้วยครับ “Hence today I believe that I am acting in accordance with the will of the Almighty Creator: by defending myself against the Jew, I am fighting for the work of the Lord. [Hitler 1927, 65]” "[T]he task of preserving and advancing the highest humanity, given to this earth by the benevolence of the Almighty, seems a truly high mission. [Hitler 1927, 398]” “A campaign against the "godless movement" and an appeal for Catholic support were launched Wednesday by Chancellor Adolf Hitler's forces. [Associated Press 1933]” บุคคลคนนี้เป็นภัยต่อทั้งศาสนาและชีววิทยาครับ การล้างเผ่าพันธุ์ (genocide) และการเหยียดสีผิว (racism) มีมาก่อนยุคของ ดาร์วินแล้วครับ ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ ได้แก่สงครามศาสนาหรือสงครามครูเสด (Crusades) และการบุกเข้ายึดอเมริกากลางของพวกสเปน โดยทำสงครามและ ฆ่ากวาดล้างผู้คนในนามของศาสนา ลัทธิ Eugenics ตรงกันข้ามกับทฤษฎีวิวัฒนาการเลยครับ ถ้าผู้คนทุกผู้ได้เรียน รู้ทฤษฎีวิวัฒนาการและเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วล่ะก็ เรื่องของ Eugenics จะไม่ เกิดขึ้นเลยครับ -_-“ ถ้ามองในแง่ปรัชญาแล้ว ทฤษฎีวิวัฒนาการ ทำให้มนุษย์มองสิ่งมีชีวิตอื่นในแง่มุม ที่ต่างไปจากเดิม จากที่อยู่ในฐานะเจ้าชีวิต สั่งเป็น สั่งตาย สิ่งมีชีิวิตอื่นได้ เป็นฐานะ เพื่อนร่วมโลก มนุษย์เกิดขึ้นจากกระบวนวิวัฒนาการอันยาวนานกว่า 3 พันล้านปี ทำให้เราเหมือนเป็นญาติห่าง ๆ กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ถ้าพิจารณาในระดับ DNA มนุษย์ต่างจากลิงชิมแปนซีเพียง 1.7%, ต่างจากลิงกอริลล่า 2.0%, ต่างจากลิง อุรังอุตัง 4%, ต่างจากลิงกิบบ้อน 4.9%, ต่างจากลิงโลกเก่า 7.7%, ลิงโลก ใหม่ 13.1%, และต่างจากลีเมอร์ 27.7%. มุมมองจากกลุ่มศาสนามักจะยกให้มนุษย์อยู่เหนือสัตว์ทั้งปวง เพราะถือว่ามี สติปัญญา คิดว่าเป็นของขวัญที่ได้รับมาเป็นพิเศษจากพระเจ้า ทำให้นำไปสู่ ความรู้สึก "self-importance" และ "arrogance" เหนือสิ่งมีชีิวิตทั้งปวง แต่ในความเป็นจริง สติปัญญาไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่ในมนุษย์ สัตว์อื่น ๆ ก็มี เช่นกัน ในระดับที่ให้เอาตัวรอดได้ในธรรมชาติที่ไม่ถูกมนุษย์รุกราน "การใช้สติปัญญาอย่างไม่เหมาะสมของมนุษย์ จะนำไปสู่ทางสิ้นสุดของมนุษย์เอง" เอกสารอ้างอิง Hitler, A., 1927 (1943). Mein Kampf. Trans. R. Manheim. Boston: Houghton Mifflin. http://www.stormfront.org/books/mein_kampf/ or http://www.crusader.net/texts/mk/ Associated Press, 23 Feb. 1933. Hitler aims blow at 'Godless' move, Lansing State Journal (Michigan). Reprinted at http://www.infidels.org/library/historical/unknown/hitler.html Wilkins, John, 2000. Evolutionists against eugenics; Post of the month: November 2000. http://www.talkorigins.org/origins/postmonth/nov00.html Klein & Takanata (2002). แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 48 00:23:22 จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 ม.ค. 48 00:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มนุษย์ ไม่ได้มีวิวัฒนาการมาจากลิง ไม่ได้มาจากต่างดาว มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมา โดยเฉพาะ และเจาะจง มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาให้ครองโลก และเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ที่ทรงอำนาจที่สุด และเหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆทุกเผ่าพันธุ์ เหตุที่มนุษย์ไม่สามารถตีโจทย์ ว่าตัวเองมาจากใหนได้ เพราะ............มนุษย์ ใช้........สมอง คิด และสมอง ก็คือ ก้อนไขมัน ที่มีประจุไฟฟ้าวิ่งไปมา ใช้พลังงานจากน้ำตาล หากมนุษย์ เอาชนะ เนื้อหนัง และก้อนไขมัน และเป็นอิสระจากพ้นธนาการของเนื้อหนังได้ มนุษย์ก็จะเป็นอิสระ และรู้ว่า ตัวเอง มีต้นกำเนิดมาจากใหน และผม รู้ดีว่า ผมเป็นมนุษย์ และรู้ด้วยว่าตัวเองมาจากใหน เพราะผมใช้........จิต คิด มิใช่ ใช้ก้อนไขมัน และเนื้อหนัง ....คิด หากวันหนึง มนุษย์ ที่ตกเป็นทาสของเนื้อหนัง เป็นอิสระโดยแยกจิตวิญญาณออกมาได้ เขาจะสามารถติดต่อกับสิ่งต่างๆทั่วจักรวาลได้อย่างอิสระด้วยเช่นกัน และยังมีสิ่งมีชีวิตอีกเยอะในจักรวาล มนุษย์ ยังคง ต่ำ และเถื่อนลงไปเรื่อยๆ......เหตุเพราะ เนื้อหนัง ที่ค่อยๆเสื่อมถอยลงไป และก็สุดท้าย............ตาย และก็จะเป็นอิสระในที่สุด เพราะงั้นทฤษฎีทั้งหลาย ที่เกิดจากการคิดของก้อนไขมันและประจุไฟฟ้า ย่อมไม่ใช่หนทางที่เป็นจริงแต่อย่างใด ปล. สิ่งมีชีวิตชั้นสูง ย่อมสื่อสารกันด้วยจิต และกระทำการผ่าน พลังจิต สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ย่อมขุดศพบรรพชนออกมาใส่ตู้โชว์แล้วบอกว่าเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์ และสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำย่อมค้นหาความเป็นเนื้อหนังผ่านทางดีเอ็นเอ จากคุณ : socialfobia - [ 1 ม.ค. 48 02:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คห13 เพ้อเจ้อไปรึเปล่า กลับสู่โลกแห่งความจริงหน่อยนะ ปล.หวังว่าคงไม่แรงไปนะ จากคุณ : เถ้าลอย - [ 1 ม.ค. 48 03:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบ คห8 ขอบคุณครับที่แนะนำให้ไปอ่านบทความที่คุณทำlink มาให้ ผมได้อ่านดูแล้วก็ไม่พบว่ามีอะไรที่จะตอบคำถามใน คห 7 ได้ อีกทั้งในข้อที่ยกมาอ้างก็มีแต่คำว่า " คาดว่า " อยู่มาก ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากการเดา จากคุณ : นิรนาม - [ 1 ม.ค. 48 12:09:58 A:61.90.71.134 X: TicketID:048820 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #15 เช่นกันครับ แล้วคุณคิดยังไงกับ creationist ครับ มีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างหรือเปล่าครับ หรือ "คาดว่า" มีผู้สร้างเหมือนกัน จากคุณ : sak (saknarak) - [ 1 ม.ค. 48 15:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 7 และ 15 ของคุณนิรนาม “เท่าที่ติดตามข้อมูลของคุณที่นำเสนอมาตลอด ก็เห็นอยู่ว่าทฤษฎีนี้ไม่สามารถ อธิบายถึงขบวนการ(ทางวิทยาศาสตร์)ของการเกิดของสิ่งมีชีวิตแรกสุดได้ว่า เป็นเช่นไรกัน ด้วยสภาวะและปฏิกริยาอะไร ช่วงการเกิดของสิ่งมี่ชีวิตตาม ข้ออ้างของทฤษฎีนี้ก็นานเป็นล้านๆปีจนไม่มีใครบอกได้แน่ว่าในขณะนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และจนบัดนี้ก็ไม่สามารถพิสูจน์โดยการทดลอง สร้างเซลล์สิ่งมี่ชีวิตขึ้นมาได้แม้ว่าได้ทำการศึกษามานานแล้ว ทำได้มาก สุดคือการทดลองสร้างสารที่เอื้อประโยช์ต่อสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้ แต่มันก็ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต นี่เเค่ขั้นเริ่มต้นของทฤษีก็ยังตอบไม่ได้แล้วจะให้เห็น ด้วยกับทฤษฎีนี้ได้อย่างไร” “ตอบ คห8 ขอบคุณครับที่แนะนำให้ไปอ่านบทความที่คุณทำlink มาให้ ผมได้อ่านดูแล้วก็ไม่พบว่ามีอะไรที่จะตอบคำถามใน คห 7 ได้ อีกทั้งใน ข้อที่ยกมาอ้างก็มีแต่คำว่า " คาดว่า " อยู่มาก ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากการเดา” คำโต้แย้ง ภาพด้านล่างเปรียบเทียบเซลล์เริ่มแรก (protobiont หรือ progenote) กับเซลล์ของแบคทีเรียยุคปัจจุบัน ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ใช่ทฤษฎีที่อธิบายได้ทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ เอาไป ใช้ในทางฟิสิกส์หรือทางดาราศาสตร์ไม่ได้ แต่สำหรับทางชีววิทยาแล้ว ทฤษฎีวิวัฒนาการสามารถอธิบายได้หลายสิ่งหลายอย่างทีเดียว ในเมื่อ abiogenesis ไม่เกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการ จะดึงดันให้ใช้ทฤษฎีวิวัฒนา การมาอธิบายมันย่อมไม่ถูก เหมือนใช้ “ส้อม” มาตักน้ำซุปดื่ม ย่อมไม่ เหมาะสมครับ แต่ทุกวันนี้เราก็ยังใช้ประโยชน์จาก “ส้อม” ได้หลาย อย่าง ที่กำลังแย้งๆ อยู่นี่เทียบได้กับกลุ่มไม่เชื่อทฤษฏีวิวัฒนาการกล่าว ว่า “ส้อม” ใช้ตักซุปไม่ได้ ดังนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ซึ่งเป็นข้อ สรุปที่ไม่ถูกต้องนะครับ เรื่อง abiogenesis ใช้ความรู้ทางชีวเคมีและชีวโมเลกุลอธิบายครับซึ่ง ความเข้าใจเรื่องเซลล์เพิ่งเริ่มเมื่อ 40 ปีก่อนนี้เอง และข้อมูลใหม่กำลัง เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ในปีค.ศ. 1998 เพิ่งค้นพบรหัสพันธุกรรมทั้งหมดของ แบคทีเรีย Escherichia coli (genome project) ตอนนี้ผ่านมา 6 ปีแล้ว เรายังไม่ทราบถึงหน้าที่ของยีนอีกกว่า 67% ของแบคทีเรีย ชนิดนี้ และพึงระลึกว่าเซลล์ของแบคทีเรียนี้สลับซับซ้อนน้อยกว่าเซลล์ ของมนุษย์มาก ไม่มีใครบอกได้แน่ชัด 100% หรอกครับว่าในอดีตที่ผ่านมาเป็นพันล้าน ปีมีอะไรเกิดขึ้นแน่ เพราะเราอยู่ในยุคปัจจุบันไม่ใช่ในอดีต แต่อดีตก็ได้ ทิ้งหลักฐานหลายอย่างที่เราตรวจสอบและแปลผลออกมาได้ ถ้าคุณนิรนาม อ้างเช่นนี้ ผมก็บอกได้ว่าความเชื่อที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นก็ไม่แน่ชัด อีกเช่นกันเพราะไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่ามีอะไรเกิดขึ้นดังนั้นจะให้ผู้คน ทั้งหลายมีความเชื่อเช่นเดียวกับกลุ่ม creationist ก็ย่อมไม่ได้ครับ คำอธิบายการเกิดสิ่งมีชีวิตแรกสุดใช้หลักฐานและการทดลองที่ดีที่สุด เท่าที่จะหาขึ้นได้ในตอนนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ “พระเจ้าสร้าง”อยู่ตลอดไป ทฤษฎีวิวัฒนาการเกิดจากการประมวลหลักฐานที่มี ไม่ได้เกิดจากความ เชื่อ สิ่งที่ creationist ไม่พอใจเป็นเพราะนักวิทยาศาสตร์ไม่แปลหลัก ฐานที่ค้นพบให้สอดคล้องกับสิ่งที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ทางศาสนาต่างๆ นั่นเอง เอกสารอ้างอิง http://www.talkorigins.org/ http://www.talkorigins.org/faqs/abioprob/abioprob.html จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 ม.ค. 48 16:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพประกอบความคิดเห็นด้านบน จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 ม.ค. 48 16:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เข้าใจว่าทำไม่กระทู้เก่า เรื่องนี้จึงล็อกให้อ่านได้แค่ไม่กี่ข้อความครับคุณPractical x 2 เสิร์ทหาข้อมูลเก่าก็โดนลบทิ้ง เหมือนเจตนาชงไว้แค่ความคิดเห็นตัวเอง ? ผมว่าถ้าไม่กล้าเปิดกว้างทางความคิดเห็นขนาดนี้ อย่ามาคิดตั้งกระทู้ดีกว่า เอาไว้แค่คิดหรือวิจัยหรืออะไร? สำหรับส่วนตัว แบบข้าาคือความถูกต้องใครอย่ายุ่งกับความคิดเห็นข้าอย่าเอามาเผยแพร่แบบนี้ถ้ากลัวความคิดต่าง ตาหลก ???55555 จากคุณ : อัดตา - [ 1 ม.ค. 48 19:03:43 A:61.90.100.63 X: TicketID:001922 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ต่างคนก็ต่างความคิดกันครับ แต่อย่ายึดติดว่าตัวเองคิดถูกจะดีมาก เชื่อได้แต่อย่ายึดติด ตราบใดที่ยังไม่บรรลุธรรมจนถึงขั้นอรหันต์ หรือ บรรลุเป็น พระเจ้า ก็ยังไม่รู้แ้จ้งแทงตลอดครับ จากคุณ : RT - [ 1 ม.ค. 48 19:46:03 A:202.57.173.194 X: TicketID:076578 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #19 & #20 ทุกท่านสามารถแสดงความคิดเห็นที่ต้องการได้เสมอ ครับ คาดว่ากระทู้เก่ามีปัญหาเพราะกระทู้ที่แตก ประเด็นออกมามีความคิดเห็นมากเกินไป bot ของพันธุ์ทิพย์จึงตัดความคิดเห็นก่อนๆ ออกโดย อัตโนมัติ คงต้องติดต่อทางพันธุ์ทิพย์นะครับ ใน http://evidence-evolution-theory.pantown.com/ ยังพอจะมีความคิดเห็นของกลุ่ม creationist เหลือ อยู่บ้างครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 1 ม.ค. 48 23:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับอาจารย์ Practical ตามที่อาจารย์ ติดประกาศว่า, “นักวิทยาศาสตร์พบ missing links หรือ intermediate form กันแล้ว แต่กลุ่มผู้ต่อต้านกลับบอกว่ายังไม่พบ!” ผมได้เข้าไปดูแล้ว อ่านแล้วอ่านอีก เพื่อจะให้เข้าใจว่าอาจารย์ ว่า เขาพบอะไร?  อย่างเช่นเคยครับ ผมไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันอะไรเลย ท่านสมาชิก ลองอาน ข้อความข้างล่างนี้ ให้เข้าในนะครับ Elomeryx armatus, which is here taken as a model for the extinct group of artiodactyls (Anthracotheriidae, s.l.) that we now think may have given rise to archaic whales. Pakicetus has a distinctive skull and lower jaw, but is not demonstrably different from early protocetids postcranially               จาก Subordinate clauseที่ว่า, “ that we now think may have given rise to archaic whales.” ประโยคนี้  เป็นประโยคที่แสดงการ “เดา”  มันไม่ใช่ ประโยคที่ใช้ยืนยัน อย่างมั่นใจ , ผมไม่ทราบว่า เรา จะใช้การคาด คะเน เช่นนี้  มาสรุปผล ทางวิทยาศาสตร์  ได้ อย่างไร?                   จากรูป B. ขุดพบแค่เพียงบาง ส่วน ของ ส่วน หัว ของ สัตวฺ ชนิดหนึ่ง แล้วก็ใช้ เครื่อง หมาย คำถาม วาด รูป ตาม จินตนาการ เพื่อ ให้ เห็น ว่า  บางส่วน ของ กระ โหลก นี้น  อาจจะเป็น ของเจ้าตัว  Eocene Pakicetidae,        แม้แต่ ว่าคนที่ทำการ วิจัยเอง ก็ ยังไม่แน่ใจ เลย ว่า บางส่วนของ กระโหลก ที่พบ นั้น เป็น ของ สัตว์ อะไรกันแน่ ส่วน ที่หายไป เป็น ส่วน ที่เป็นเครื่องหมาย คำถาม ต้องใช้ จินตนา การ ประติดประ ต่อ เอา เป็น ภาพ ให้ คล้าย คลึง กับ สัตว์ ตัวแรก  แล้วเชื่อมโยงคำอธิบาย ตาม รูป ที่เขียน ไว้,  เนื่องจากการพบ แค่บาง ส่วน ของ กระโหลก หัว ของ สัตว์ ชนิดหนึ่ง  และมาต่อตัว ด้วยเครื่องหมาย คำถาม เต็ม ไปหมด  เพราะ ไม่ แน่ใจ ว่า เป็นอะไรแน่, การหาหลักฐานเช่นนี้มายืนยัน  จึงไม่มีน้ำหนัก   รูป  B. Pakicetus skull from Gingerich et al. (1983). บางส่วนของ กระโหลก (หัว)ของระยะเริ่มแรกที่สุด ของ ระยะกลาง ของ   Eocene Pakicetidae แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 48 00:27:28 จากคุณ : แมทท์ - [ 2 ม.ค. 48 00:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สมมุติ ว่า ถ้าเราพบธนบัตรเก่าๆ ที่ขาดแหว่ง เหลือ แต่ ส่วน มุม, และนำไปชำระหนี้ ให้ธนาคารและบอกธนาคาร ว่า นี่คือ ธนบัตร ใบละ พันบาท ถ้าไม่เชื่อ เราจะ วาดรูปต่อ ให้ดู .ธนาคาร คงจะไม่รับเงินสมมุติ จากเรา ใช่ไหมครับ? นี่แหละครับ ที่เรียก ว่า missing links ซึ่งมันมีแต่ คำถามตามมา อีก อย่างมากมาย การอธิบาย ในเรื่อง วิวัฒนาการนี้ ยากมากครับ เพราะ ทุกๆ ครั้ง ที่ นำหลักฐานมา มัน มี ความไม่สมบูรณ์ อยู่เสมอ เต็ม ไป ด้วย ข้อ มูล ทาง วิทยาศาสตร์ ที่เข้า ใจ อยู่ ใน กลุ่มของ นักวิวัฒนาการ เท่านั้น รวมทั้ง ผู้ที่ไม่ต้องการ จะ ถูกเรียกว่า ไม่ทันต่อเหตุการณ์ หรือ ล้า หลัง ก็พยายาม หลอก ตัวเอง เห็น คล้อย ไป กับ นัก วิวัฒนาการ ด้วย กลุ่ม นักวิทยาศาสตร์ กลุ่มหนึ่ง ที่ทำงานทาง ด้าน ZOOLOGY และทาง PATHOLOGY , มาเป็น เวลา ช้า นาน ก็เรียกได้, นั่งคุยเรื่องนี้กัน, ยัง เห็น ว่า หลักฐาน ที่ เขียน วิจัย กัน ส่วนมาก มา จาก เทอม เปเปอร์ และ ยังมีรายงาน ที่ต้องการ การวิจัย ต่อ และยังไม่ สามารถ ที่จะ สรุป ได้ ว่า การแปรผัน ในGENE เป็น EVOLUTION ตามทฤษฏีของ “ดาร์วิน” ถ้า เรา จะมอง ในแง่นักวิทยาศาสตร์ ไปยัง กลุ่ม ของ นัก วิวัฒนา การ เราจะ เห็น ว่า กลุ่ม ที่ ศึกษา ชึววิทยา ในด้าน วิวัฒนาการนี้ เปรียบ เสมือน ผู้ ที่ เลื่อมใส “ลัทธิของดาร์วิน” ซึ่งเป็น “Scientific Cult ” ไม่ต่างไปจาก พวก Religious fanatic เนื่อง จากนักวิวัฒนาการ ไม่สามารถ ทำให้ นักวิทยาศาสตร์ ในสาขา อื่นๆ เชื่อ ใน “ทฤษฏีของ “ดาร์วิน” พวกเขาจึง พยายาม ที่ จะ สรุป การ สิ้น สุด ของ การ วิวัฒนาการ ว่า ในปัจจุบัน ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ได้ ถึง จุดยอด ของ การ วิวัฒนาการ แล้ว สัตว์ บาง อย่าง ก็ สูญ พันธ์ ไป ไม่มี การ ปฏิรูป อีก สำหรับ มนุษย์ นั้น หยุด การ วิวัฒนาการเรียบร้อยไปนานแล้ว, แต่ ถ้า เราจะ ทำนาย ว่า มนุษย์ ปัจจุบัน จะ Evolve เป็น “ตัว กิน รี กรือ กินรา” แล้ว จะ ต้อง ใช้ เวลา อีก 500, 000,000 กว่าปี แล้ว จะมีใครเล่า ที่ จะ มีชีวิตอยู่ คอย เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลง เช่น นั้น, นักวิวัฒนาการ มี คำอธิบาย อยู่ อย่าง หนึ่ง ที่ไม่มีใคร เถียงได้, นั้นก็คือ “เวลา” การ กำหนด เวลา เป็น หลาย ๆ ร้อย ล้าน ปี ในการ เปลี่ยน แปลง หรือ Evolution ทำให้ ผู้ อ่าน งง และ ไม่ อาจจะ ทำ การ คัด ค้าน อย่าง ไร จาก ข้อ ความ ข้าง ล่าง จะ เห็น ได้ ว่า เมื่อ ใกล้ จะ หมด คำอธิบาย และ ล้มเหลว ใน การ ตอบ คำถาม เกี่ยว กับ Origins of LIFE นัก วิวัฒนาการ พยายาม ที่ จะ หาทางออก โดย บอกว่า การวิวัฒนาการ นั้น หยุด แล้ว และ ยอมรับ ว่า ปรากฎการในการ วิวัฒนาการ ที่เห็น อยู่ ใน ปัจจุ บันนี้ เป็น เพียง แต่ การ ผันแปร ใน GENE ภาย ใน ชนิด ของ สัตว์ ต่างๆ เพียง เล็ก น้อย เท่า นั้น คือ ว่า เรา จะ ไม่ เห็น ว่า “วัว” เปลี่ยน เป็น “ปลาวาฬ” ได้ อีก Facts are facts; no new broad organizational plan has appeared for several hundred million years, and for an equally long time numerous species, animal as well as plant, have ceased evolving . ... At best, present evolutionary phenomena are simply slight changes of genotypes within populations, or substitution of an allele with a new one. Evolution of Living Organisms(1977), page 84 ตามที่ผมกล่าวมาตั้งแต่ต้น นานมา แล้วว่า การ เปลี่ยน แปลง ทาง GENE เช่น กรุป เลือด, การเปลียน สี ของ ดอกบานเย็น, การเปลี่ยน สี ของ นัยตา หรือสี ผิวหนัง ของ มนุษย์ ฯลฯ การ ที่งูมีสองหัว(แต่ไม่สามารถเปลี่ยน จาก งูเป็นนกได้) ทั้งหมด นี้ เป็น การ Mutate หรือ การ เปลี่ยน แปลง ภาย ในGENE (simply slight changes of genotypes within populations) ที่เราสามารถ เห็น และ ทดลอง ได้ แต่ไม่ใช่ EVOLUTION แต่นักวิวัฒนาการ พยายาม จะบอกว่า เป็น การ Evoluation เพื่อ รักษาหน้า เพราะ ไม่ สา มารถ ที่จะ พิสูจน์ ได้ว่า มีการ Evolution ใน อดีตได้ จากคุณ : แมทท์ - [ 2 ม.ค. 48 00:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 22 ของคุณแมทท์ “ตามที่อาจารย์ ติดประกาศว่า, “นักวิทยาศาสตร์พบ missing links หรือ intermediate form กันแล้ว แต่กลุ่มผู้ต่อต้านกลับบอกว่ายังไม่พบ!” ผมได้เข้าไปดูแล้ว อ่านแล้วอ่านอีก เพื่อจะให้เข้าใจว่าอาจารย์ ว่า เขาพบอะไร? อย่างเช่นเคยครับ ผมไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันอะไรเลย” คำโต้แย้ง สวัสดีครับคุณแมทท์ คุณแมทท์พิจารณาเฉพาะรูป B ที่พบหลักฐานฟอสซิลไม่สมบูรณ์ แต่ทำไม ไม่พิจารณาหรือกล่าวถึงรูป D ที่เป็นหลักฐานฟอสซิลสมบูรณ์แสดงถึง missing links เล่าครับ? จาก National Geographic ฉบับภาษาไทย พฤศจิกายน 2547 ครับ "ฟิลิป กิงเกอริช แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน หนึ่งในคณะ นักบรรพชีวินวิทยาที่แหล่งสำรวจในอียิปต์ พบโครงกระดูก เกือบสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตคล้ายวาฬที่เรียกว่า โดรูดอน (Dorudon) อายุ 40 ล้านปี สัตว์ดึกดำบรรพ์ตัวนี้มีกระดูก เชิงกรานที่แยกตัวออกมาใกล้กับส่วนท้ายของหาง (ดูรูป ส่วนกระดูกเล็กๆ ที่หาง) และขาเล็กๆ ที่ไร้ประโยชน์ ขา หน้าของมันมีกระดูกนิ้ว 5 นิ้วเช่นเดียวกับมนุษย์ ส่วนขา หลังมีกระดูกนิ้ว (ภาพบน) ที่ยังพอหลงเหลืออยู่ เป็น หลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่า วาฬสืบสายพันธุ์มาจากบรรพ บุรุษที่เป็นสัตว์ 4 ขา" นี่เองครับที่เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่ยืนยันการมีอยู่ ของ missing links ที่มีกล่าวไว้อย่างชัดเจนใน ความคิดเห็นที่ 1 http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=16&action=view คุณแมทท์อาจไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการนำเสนอภาพ B ซึ่งไม่ได้นำมาใช้ประกอบหลักฐานพิสูจน์การมีอยู่ของทฤษฎี วิวัฒนาการเลย หากแต่เป็นการนำเสนอขั้นตอนการวิวัฒนาการ จากหลักฐานที่มีขึ้นมาเป็นลำดับขั้น ในเมื่อมีแต่ส่วนหัว เขาก็ นำเสนอเฉพาะส่วนหัวครับ ส่วนที่เป็นเครื่องหมายคำถามก็บ่ง บอกว่ายังไม่มีการค้นพบโครงกระดูกของส่วนหัวนั้น ส่วนรูปร่าง ที่วาดก็เป็นแบบคร่าวๆ ว่าควรจะมีกระดูกสันหลัง มีหางและ มีขาเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าพิจารณาทั้ง A, C และ D จะเห็นได้ว่า B ควรจะมีโครงร่างเป็นเช่นนั้นด้วย เป็นการวาดโดยพิจารณา ตามแนวโน้มที่ควรจะเป็น ไม่ได้วาดแบบสะเปะสะปะครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 03:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 23 ของคุณแมทท์ “การอธิบาย ในเรื่อง วิวัฒนาการนี้ ยากมากครับ เพราะ ทุกๆ ครั้ง ที่ นำหลักฐาน มา มัน มี ความไม่สมบูรณ์ อยู่เสมอ เต็ม ไป ด้วย ข้อ มูล ทาง วิทยาศาสตร์ ที่เข้า ใจ อยู่ ใน กลุ่มของ นักวิวัฒนาการ เท่านั้น รวมทั้ง ผู้ที่ไม่ต้องการ จะ ถูกเรียกว่า ไม่ทันต่อเหตุการณ์ หรือ ล้า หลัง ก็พยายาม หลอก ตัวเอง เห็น คล้อย ไป กับ นัก วิวัฒนาการ ด้วย” คำโต้แย้ง เรื่องวิวัฒนาการไม่ยากเลยครับ ระดับม.ปลาย ก็ได้เรียนกันแล้ว ทำให้นักเรียน นักศึกษาเข้าใจวิชาชีววิทยามากขึ้น เพราะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม มีชีวิตเข้าด้วยกันได้ ระดับที่ยากขึ้นคือขั้นตอนของวิวัฒนาการต่างหาก การ เรียนชีววิทยาแล้วไม่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ ก็เหมือนเรียนวิชาเคมีแล้วไม่ เชื่อเรื่องตารางธาตุนั่นเอง เป็นนักชีววิทยาก็เหนื่อยหน่อยครับ เพราะแนวคิดบางอย่างไปขัดกับแนวความคิด ทางศาสนาเข้า เลยต้องอธิบายกันยาว แต่ถ้าเป็นนักฟิสิกส์จะสบายกว่าหน่อย เพราะไม่ค่อยขัดกับความเชื่อทางศาสนาเท่าไร สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือผู้วิจารณ์ทฤษฎีวิวัฒนาการหลายท่าน ยังวิจารณ์ได้ไม่ตรงจุด น่ะครับ อาจเป็นเพราะยังไม่ได้ศึกษาวิชาชีววิทยามาก่อนหรือไม่ได้ตั้งใจศึกษา หรือเหตุผลอื่นๆ โดยเฉพาะการยกเอาเรื่อง ไม่มี missing links มาแย้ง เป็นสิ่ง ที่ไม่ควรทำ เพราะมีหลักฐานสนับสนุนเยอะมากครับ -_-“ เอกสารอ้างอิง Dobzhansky, Theodosius, 1973. Nothing in biology makes sense except in the light of evolution. The American Biology Teacher 35: 125-129. http://people.delphiforums.com/lordorman/light.htm or http://www.2think.org/dobzhansky.shtml or http://www.pbs.org/wgbh/evolution/library/10/2/text_pop/l_102_01.html http://www.talkorigins.org/indexcc/CA/CA611.html จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 03:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 23 ของคุณแมทท์ “ถ้า เรา จะมอง ในแง่นักวิทยาศาสตร์ ไปยัง กลุ่ม ของ นัก วิวัฒนา การ เราจะ เห็น ว่า กลุ่ม ที่ ศึกษา ชึววิทยา ในด้าน วิวัฒนาการนี้ เปรียบ เสมือน ผู้ ที่ เลื่อมใส “ลัทธิของดาร์วิน” ซึ่งเป็น “Scientific Cult ” ไม่ต่างไป จาก พวก Religious fanatic” คำโต้แย้ง พื้นฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการมาจากหลักฐานที่สังเกตุเห็นได้ ซึ่งมีการ พบหลักฐานเหล่านี้มากมาย เมื่อใดก็ตามที่พบว่าหลักฐานพวกนี้ไม่ตรง กับข้อสรุปที่เคยให้ไว้ ข้อสรุปนั้นก็จะตกไป และมีข้อสรุปใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งต่างไปจากพวกคลั่งศาสนาโดยสิ้นเชิงครับ ความคิดเห็นข้างต้นยังบ่งให้เห็นว่า ยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับทฤษฏี วิวัฒนาการอยู่มาก อาจเป็นเพราะคนที่กล่าวข้อความเหล่านั้นไม่ได้อยู่ใน แวดวงวิทยาศาสตร์เลย ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน ถูกทบทวนและแก้ไขหลายครั้ง (และพร้อมจะยอมรับการเปลี่ยนแปลง ต่อไป ถ้ามีหลักฐานสนับสนุน) กว่าจะมาเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการในปัจจุบัน อันได้แก่ เรื่องของ Genetic drift, Neutral theory, Prions และ Lateral gene transfer จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 03:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 23 ของคุณแมทท์ “กลุ่ม นักวิทยาศาสตร์ กลุ่มหนึ่ง ที่ทำงานทาง ด้าน ZOOLOGY และทาง PATHOLOGY , มาเป็น เวลา ช้า นาน ก็เรียกได้, นั่ง คุยเรื่องนี้กัน, ยัง เห็น ว่า หลักฐาน ที่ เขียน วิจัย กัน ส่วนมาก มา จาก เทอม เปเปอร์ และ ยังมีรายงาน ที่ต้องการ การวิจัย ต่อ และ ยังไม่ สามารถ ที่จะ สรุป ได้ ว่า การแปรผัน ในGENE เป็น EVOLUTION ตามทฤษฏีของ “ดาร์วิน”” คำโต้แย้ง คุณแมทท์ครับ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้คือกลุ่มไหนครับ ขอ เอกสารอ้างอิงด้วยครับ ความคิดเห็นที่ 23 ของคุณแมทท์ “เนื่อง จากนักวิวัฒนาการ ไม่สามารถ ทำให้ นักวิทยาศาสตร์ ในสาขา อื่นๆ เชื่อ ใน “ทฤษฏีของ “ดาร์วิน” ได้” คำโต้แย้ง ผมแย้งไว้แล้วในความคิดเห็นที่ 3 ครับ ความคิดเห็นที่ 23 ของคุณแมทท์ “พวกเขาจึง พยายาม ที่ จะ สรุป การ สิ้น สุด ของ การ วิวัฒนาการ ว่า ในปัจจุบัน ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ได้ ถึง จุดยอด ของ การ วิวัฒนาการ แล้ว สัตว์ บาง อย่าง ก็ สูญ พันธ์ ไป ไม่มี การ ปฏิรูป อีก สำหรับ มนุษย์ นั้น หยุด การ วิวัฒนาการเรียบร้อย ไปนานแล้ว, แต่ ถ้า เราจะ ทำนาย ว่า มนุษย์ ปัจจุบัน จะ Evolve เป็น “ตัว กิน รี กรือ กินรา” แล้ว จะ ต้อง ใช้ เวลา อีก 500, 000,000 กว่าปี แล้ว จะมีใคร เล่า ที่ จะ มีชีวิตอยู่ คอย เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลง เช่น นั้น,” คำโต้แย้ง นักชีววิทยาให้คำจำกัดความของวิวัฒนาการว่า การเปลี่ยนแปลงยีนของประชากรเมื่อเวลา ผ่านไป ตัวอย่าง ได้แก่การดื้อยาฆ่าแมลงของแมลงหลายชนิดภายใน 2-3 ปี ของการ ใช้ยา นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของวิวัฒนาการที่สังเกตเห็นได้ ตัวอย่างอื่นๆ ที่ผมให้ไว้ อยู่ที่ลิงก์นี้ครับ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=6&action=view และเราไม่จำเป็นต้องสังเกตุเห็นกระบวนวิวัฒนาการโดยตรงเป็นล้านๆ ปีด้วย เพราะเราใช้ ทฤษฎีวิวัฒนาการทำนายรูปแบบหลักฐานฟอสซิล, การเปรียบเทียบทางกายวิภาค, สาย พันธุกรรม, การกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ของสปีชีส์ต่างๆ ได้ ซึ่งการทำนายเหล่านี้ก็ถูก พิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหลักฐานสนับสนุนการสังเกตก็มีมากมายเหลือเกิน ดังที่ผมได้ ยกมาก่อนหน้านี้แล้ว อีกประเด็นที่คุณแมทท์ยกมาว่าทำไมเราจึงไม่สังเกตุเห็นงูเปลี่ยนเป็นนก นี่ก็เป็นความเข้า ใจผิดในทฤษฎีวิวัฒนาการอีก เพราะถ้าเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นจริง ก็นำมาเป็นหลักฐาน แย้งทฤษฎีวิวัฒนาการได้แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 48 03:47:17 จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 03:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ข้อโต้แย้งในย่อหน้าสุดท้ายของความคิดเห็นที่ 23 เกี่ยวกับ micro & macroevolution ผมให้ไว้แล้ว ในลิงก์ข้างล่างนี้ครับ ความคิดเห็นที่ 14 http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=4&action=view จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 03:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มองภาพรวมการถกเถียงทฤษฏีวิวัฒนาการ หลังจากที่ถกเถียงมาหลายร้อยความคิดเห็น เพื่อนๆ จะเห็นว่าตอนนี้ หัวข้อกระจายออกเป็นหลายประเด็นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกำเนิดสิ่ง มีชีวิต, ศาสนา (ประเด็นนี้จะยังเกี่ยวเนื่องอยู่อย่างสม่ำเสมอครับ เพราะ คนที่แย้งทฤษฎีวิวัฒนาการว่าไม่เป็นจริงส่วนใหญ่ จะ เคร่งครัดในศาสนานับถือพระเจ้ามาก), การใช้ภาษา และลัทธิต่างๆ บาง ท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านใหม่ๆ อาจจะหลงและงงว่ากำลังถกเถียงเรื่องอะไร กันแน่และถกเถียงไปเพื่ออะไรกัน ถกเถียงไปเพื่ออะไรกัน ระยะนี้ได้มีการตั้งกระทู้ต่อต้านทฤษฎีวิวัฒนาการเพิ่มขึ้นมาก และใน หลายกรณีทำให้เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากการอ้างอิงข้อมูลและ หลักฐานที่บิดเบือน หรือขาดความรู้ความเข้าใจในทฤษฎีวิวัฒนาการ อีกทั้งผู้โพสต์หลายท่านไม่เคยศึกษาวิชาชีววิทยามาก่อน หรือไม่มี ความรู้ที่ดีพอ ถ้ามองในแง่ดีคือผู้โพสต์ต้องการทราบหลักฐาน รายละเอียดต่างๆ ซึ่งเราสามารถอธิบายให้ได้ครับ ไม่มีปัญหาแต่อย่าง ใด ทว่าการกระทำเช่นนี้ของหลายกลุ่มศาสนาในสหรัฐอเมริกามี จุดหมายสำคัญที่จะเพิ่มจำนวนผู้ต่อต้านทฤษฏีวิวัฒนาการ เพื่อเพิก ถอนการสอนทฤษฎีวิวัฒนาการในโรงเรียนออกจากหลักสูตร เนื่อง จากขัดต่อความเชื่อทางศาสนา และถึงขั้นฟ้องร้องถึงศาลสูงมาแล้ว ดีที่ว่าศาลยกฟ้องในทุกกรณีและอนุญาติให้สอนทฤษฎีวิวัฒนาการ ในโรงเรียนต่อไปได้ ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญในการให้และสร้าง แหล่งข้อมูลที่ถูกต้องเป็นภาษาไทย มีหลักฐานยืนยันให้ชัดเจน นักเรียนนักศึกษาหรือผู้ใคร่รู้ชาวไทยจะได้มีฐานข้อมูลในการค้นคว้า และทำการศึกษาต่อยอดในระดับที่สูงขึ้นได้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ของตัวเอง และป้องกันการฟังความข้างเดียวจากฝ่ายต่อต้านฯ ครับ ถกเถียงเรื่องอะไรกัน ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน ประเด็นหนึ่งได้กล่าวถึง การคัดเลือกทางธรรมชาติว่าในกลุ่มประชากรหนึ่ง (สมมติว่าเป็นกลุ่ม ก) มีปัจจัยที่ทำให้ประชากรส่วนหนึ่งแตกต่างไปจากกลุ่ม (สมมติให้เป็น กลุ่ม ก.1) และสมาชิกส่วนน้อยของกลุ่ม ก.1 (สมมติให้เป็นกลุ่ม ก.1.1) นี้สามารถเพิ่มจำนวนให้ลูกหลานได้มากกว่ากลุ่มประชากรตั้งต้น ก เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับการคัดเลือกทางธรรมชาติปัจจัยอื่นๆ ที่เสริม ตามมา ทำให้กลุ่ม ก.1.1 มีความแตกต่างจากกลุ่มประชากรตั้งต้น ก ไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดทำให้ กลุ่ม ก.1.1 กลายเป็นกลุ่ม ข ซึ่งเป็นสิ่งมี ชีวิตคนละชนิด ทฤษฏีวิวัฒนาการในปัจจุบัน (ซึ่งประยุกต์มาจากทฤษฎีวิวัฒนาการ ของชาร์ลส์ ดาร์วิน อีกทีหนึ่ง) ใช้อธิบายความคล้ายคลึง (สำหรับกลุ่มที่ เพิ่งแยกตัววิวัฒนาการออกมาได้ไม่นาน) และความแตกต่าง (สำหรับ กลุ่มที่แยกตัววิวัฒนาการกันออกมานานแล้ว) ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้ เช่นที่ว่า ลิงอุรังอุตังกับคน มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 14 ล้านปีก่อน สิ่งนี้เองหลายกลุ่มศาสนานับถือพระเจ้า ไม่อาจยอมรับได้ เพราะขัดกับสิ่งที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ แม้ว่าจะมีหลักฐานสนับสนุน มากมาย จนในปัจจุบันวงการวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าเป็นความจริง (fact) ไปแล้ว แหล่งข้อมูลหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการอยู่ที่นี่ครับ http://Evidence-Evolution-Theory.pantown.com ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน และทฤษฎีวิวัฒนาการในปัจจุบัน ไม่เหมือนกันนะครับ ต่างกันในรายละเอียดหลายประเด็น ดังที่ผมจะได้ กล่าวต่อไป จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 15:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แนวคิดทฤษฎีวิวัฒนาการมีมาก่อนชาร์ลส์ ดาร์วินเสียอีก โดยผู้นำเสนอ ทฤษฎีนี้คือลามาร์ค (Lamarck) ในปี ค.ศ. 1809 (ก่อนหน้าดาร์วิน 50 ปี) เขากล่าวว่าชนิดของสิ่งมีชีวิต (species) ถือกำเนิดมาจากสิ่งไม่มีชีวิต ซึ่งในชั้นแรกไม่มีความสลับซับซ้อน แต่ภายหลังสลับซับซ้อนเพิ่มขึ้นตาม เวลาขึ้นกับสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด เราเรียกวิวัฒนาการในลักษณะนี้ว่า orthogenesis ลามาร์กเสนอว่าการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตให้เข้ากับสิ่งแวด ล้อมสามารถส่งผ่านไปสู่ลูกหลานได้ ตัวอย่างทฤษฎีที่มีชื่อเสียงของเขา (ที่หลายคนสับสน และกล่าวว่าดาร์วินเสนอทฤษฏีนี้) คือยีราฟคอสั้นและ ยีราฟคอยาว เพราะยีราฟคอสั้นพยายามยืดคอกินใบไม้ในที่สูงจึงถ่ายทอด ลักษณะนั้นไปสู่ลูกหลาน มีชื่อว่าการสืบเชื้อสายของลักษณะที่ได้รับมา (inheritance of acquired characteristics) และลามาร์กยังเชื่อด้วยว่า สิ่งมีชีวิตไม่มีการสูญพันธุ์แต่เปลี่ยนรูปลักษณะใหม่ ซึ่งในปัจจุบันไม่ยอม รับความคิดของลามาร์กแล้วเพราะไม่ถูกต้อง ทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินเองก็ไม่สอดคล้องกับทฤษฎีพันธุกรรมค้นพบ โดยเมนเดล ในแง่ที่ว่า ในยุคของดาร์วินนั้น นักชีววิทยาเสนอ ทฤษฎีการสืบทอดแบบผสม (blending inheritance theory) ซึ่งกล่าวว่า ลักษณะของลูกหลานเกิดจากลักษณะของพ่อแม่เฉลี่ยกัน เช่น ถ้าพ่อตัวสูง แม่ตัวเตี้ย ลูกที่ได้ก็สูงปานกลางและถ่ายทอดยีนที่ทำให้ได้ลูกตัวสูงปาน กลาง ซึ่งพบว่าไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะถ้าเป็นดังนั้นการเปลี่ยน แปลงพันธุกรรมแบบใหม่ๆ ย่อมสูญหายออกจากประชากรส่วนใหญ่อย่างรวด เร็วไม่สามารถเพิ่มจำนวนสะสมลักษณะพันธุกรรมใหม่ออกมาได้ ความคิดนี้ จึงถูกเปลี่ยนแปลงไป และนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาได้ผนวกทฤษฎีพันธุกรรม ของเมนเดล เข้าร่วมกับทฤษฎีวิวัฒนาการด้วย นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นครับ ทฤษฎีวิวัฒนาการยังผ่านการตรวจสอบอีกหลายครั้ง กระทั่งกลายเป็นทฤษฎีที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นข้อความที่กล่าวหาว่า ทฤษฎี วิวัฒนาการไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงความคิดใดๆ เหมือนพวกคลั่งศาสนา ก็ผิดอีก เพราะผู้กล่าวไม่ได้ทราบหรือศึกษาถึงที่มาและการพัฒนาของทฤษฎีวิวัฒนาการเลย http://www.talkorigins.org/faqs/faq-intro-to-biology.html แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 48 17:56:19 จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 17:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 วัวเปลี่ยนเป็นปลาวาฬไม่ได้ งูเปลี่ยนเป็นนกไม่ได้ และ Streptococcus pneumoniae ก็เปลี่ยนเป็น Neiseria gonorrhea ไม่ได้ครับ เพราะถ้าเปลี่ยนได้ ทฤษฏีวิวัฒนาการก็ผิดแล้ว ! นี่เป็นข้อโต้แย้งที่เกิดจากความไม่เข้าใจทฤษฏีวิวัฒนาการ ที่ผมได้อธิบายไว้ครับ “การคัดเลือกทางธรรมชาติว่าในกลุ่มประชากรหนึ่ง (สมมติว่าเป็นกลุ่ม ก) มีปัจจัยที่ทำให้ประชากรส่วนหนึ่งแตกต่างไปจากกลุ่ม (สมมติให้เป็น กลุ่ม ก.1) และสมาชิกส่วนน้อยของกลุ่ม ก.1 (สมมติให้เป็นกลุ่ม ก.1.1) นี้สามารถเพิ่มจำนวนให้ลูกหลานได้มากกว่ากลุ่มประชากรตั้งต้น ก เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับการคัดเลือกทางธรรมชาติปัจจัยอื่นๆ ที่เสริม ตามมา ทำให้กลุ่ม ก.1.1 มีความแตกต่างจากกลุ่มประชากรตั้งต้น ก ไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดทำให้ กลุ่ม ก.1.1 กลายเป็นกลุ่ม ข ซึ่งเป็นสิ่งมี ชีวิตคนละชนิด” เมื่อให้ ก. เป็นบรรพบุรุษร่วมของวัวและปลาวาฬ และ ข คือ วัว ในกรณีของปลาวาฬ เราให้เป็น ค ครับ “การคัดเลือกทางธรรมชาติว่าในกลุ่มประชากรหนึ่ง (สมมติว่าเป็นกลุ่ม ก) มีปัจจัยที่ทำให้ประชากรส่วนหนึ่งแตกต่างไปจากกลุ่ม (สมมติให้เป็น กลุ่ม ก.2) และสมาชิกส่วนน้อยของกลุ่ม ก.2 (สมมติให้เป็นกลุ่ม ก.2.1) นี้สามารถเพิ่มจำนวนให้ลูกหลานได้มากกว่ากลุ่มประชากรตั้งต้น ก เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับการคัดเลือกทางธรรมชาติปัจจัยอื่นๆ ที่เสริม ตามมา ทำให้กลุ่ม ก.2.1 มีความแตกต่างจากกลุ่มประชากรตั้งต้น ก ไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดทำให้ กลุ่ม ก.2.1 กลายเป็นกลุ่ม ค ซึ่งเป็นสิ่งมี ชีวิตคนละชนิด” ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ได้บอกเลยครับว่า เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งมีชีวิตกลุ่ม ข จะกลายเป็นกลุ่ม ค แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 48 17:19:01 จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 17:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่อง cyanobacteria ก็เช่นกันครับ เราใช้ทฤษฎีวิวัฒนา การ อธิบายได้ มีสองทางเลือกคือ 1) cyanobacteria ในอดีตเมื่อ 3.5 พันล้านปีก่อนเหมือนกับ cyanobacteria ในยุคปัจจุบัน (คือเป็น ก อยู่อย่างเดิม) 2) cyanobacteria ในอดีตเมื่อ 3.5 พันล้านปีก่อน (ก) ต่าง จากcyanobacteria ในยุคปัจจุบัน (ข) ทั้งสองข้อนี้ขัดกับทฤษฎีวิวัฒนาการอย่างไรหรือครับ? “การคัดเลือกทางธรรมชาติว่าในกลุ่มประชากรหนึ่ง (สมมติว่าเป็นกลุ่ม ก) มีปัจจัยที่ทำให้ประชากรส่วนหนึ่งแตกต่างไปจากกลุ่ม (สมมติให้เป็น กลุ่ม ก.1) และสมาชิกส่วนน้อยของกลุ่ม ก.1 (สมมติให้เป็นกลุ่ม ก.1.1) นี้สามารถเพิ่มจำนวนให้ลูกหลานได้มากกว่ากลุ่มประชากรตั้งต้น ก เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับการคัดเลือกทางธรรมชาติปัจจัยอื่นๆ ที่เสริม ตามมา ทำให้กลุ่ม ก.1.1 มีความแตกต่างจากกลุ่มประชากรตั้งต้น ก ไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดทำให้ กลุ่ม ก.1.1 กลายเป็นกลุ่ม ข ซึ่งเป็นสิ่งมี ชีวิตคนละชนิด” แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 48 17:41:03 จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 17:39:45 ]

ความคิดเห็นที่ 33 นอกเรื่องนิดหน่อย พอดีเพื่อนที่เป็นคริสต์ เคยเล่าให้ฟังว่า ก่อนตาย ชาร์ล ดาร์วิน เค้าบอกว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการของเค้าผิดทั้งหมดเลย จริงรึเปล่าครับ จากคุณ : RT - [ 2 ม.ค. 48 20:08:54 A:202.5.82.72 X: TicketID:076578 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ความจริงทฤษฎีวิวัฒนาการก็มีจุดด้อยตรงที่ว่า พอพิสูจน์อะไรให้จะแจ้งไม่ได้ ก็บอกว่า มันต้องใช้เวลา หลาย ล้าน ร้อนล้าน พันล้าน ปี บลา ๆ ๆ น่ะครับ ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าจริงรึเปล่า เพราะเราไม่สามารถทำการทดลอง ใช้เวลาเป็นล้าน ๆ ปีอย่างนั้นได้ จากคุณ : RT - [ 2 ม.ค. 48 20:11:26 A:202.5.82.72 X: TicketID:076578 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 33 ของคุณ RT “พอดีเพื่อนที่เป็นคริสต์ เคยเล่าให้ฟังว่า ก่อนตาย ชาร์ล ดาร์วิน เค้าบอกว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการของเค้าผิดทั้งหมดเลย จริงรึเปล่าครับ” คำอธิบาย ไม่เป็นความจริงครับ ลูกสาวของดาร์วิน (Henrietta) ที่อยู่ดูแลเขากล่าว ว่าดาร์วินไม่เคยกล่าวเลยว่าทฤษฎีวิวัฒนาการของเขาผิด อีกทั้งคนที่สมอ้าง หรือท่านผู้หญิงโฮป (Lady Hope) ที่ว่าได้ยินชาร์ลส์ ดาร์วิน กล่าวคำขอ โทษในทฤษฏีวิวัฒนาการ และเชื่อในพระคริสต์ ก็ไม่เคยไปเยี่ยมชาร์ลส์ ดาร์วิน ในช่วงที่เขาป่วยอีกด้วยครับ (Clark 1984, 199; Yates 1994) อีกประเด็นคือ ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ทฤษฏีวิวัฒนาการมีหลักฐาน สนับสนุนมากมายครับ เอกสารอ้างอิง Yates, Simon, 1994. The Lady Hope story: A widespread falsehood. http://www.talkorigins.org/faqs/hope.html Greig, Russell, 1996. Did Darwin recant? Creation 18(1): 36-37. http://www.answersingenesis.org/docs/1315.asp Clark, Ronald W., 1984. The Survival of Charles Darwin: A biography of a man and an idea. New York: Random House. จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 20:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 34 ของคุณ RT “ความจริงทฤษฎีวิวัฒนาการก็มีจุดด้อยตรงที่ว่า พอพิสูจน์อะไรให้ จะแจ้งไม่ได้ ก็บอกว่า มันต้องใช้เวลา หลาย ล้าน ร้อยล้าน พันล้าน ปี บลา ๆ ๆ น่ะครับซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าจริงรึเปล่า เพราะเราไม่สามารถทำ การทดลอง ใช้เวลาเป็นล้าน ๆ ปีอย่างนั้นได้” คำอธิบาย ต้องแล้วแต่กรณีนะครับว่ากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไรอยู่ คุณ RT ยกตัว อย่างมาดีกว่าครับ จะได้เห็นชัดเจน เพราะบางอย่างไม่จำเป็นต้องทด ลองให้เห็นเป็นล้านๆ ปีก็ได้ อย่างหลักฐานของ microevolution ในกรณีของผีเสื้อกลางคืน (peppered moth) ชนิด Biston Betularia ซึ่งมีบันทึกและศึกษากันในสมัยศตวรรษที่ 19 แล้ว ถึงแหล่งที่อยู่อาศัยของมันบนต้นไม้หรือก้อนหินซึ่งมีไลเคนส์สีอ่อน ปกคลุม ก่อนปีค.ศ. 1845 นั้น ตัวอย่างของผีเสื้อกลางคืนที่เก็บได้ ล้วนมีสีอ่อนทั้งสิ้น แต่ในปี ค.ศ. 1845 พบผีเสื้อกลางคืนสีดำในย่าน ศูนย์กลางอุตสาหกรรมของเมืองแมนเชสเตอร์เป็นครั้งแรก ในยุค ปฏิวัติอุตสาหกรรมของอังกฤษนั้น ควันต่างๆ ทำให้ลำต้นไม้ ก้อนหิน และพื้นเปลี่ยนเป็นสีดำ ในช่วงนั้นพบผีเสื้อกลางคืนสีดำมากขึ้นเรื่อยๆ และพบผีเสื้อที่มีสีอ่อนน้อยลงมาก และมักพบในที่ห่างไกลจากย่าน อุตสาหกรรมออกไป ปรากฏการณ์นี้ไม่พบเพียงผีเสื้อกลางคืน ชนิดนี้ แต่ยังพบในผีเสื้อกลางคืนชนิดอื่นอีกกว่า 170 ชนิด และผีเสื้อ อีกหลายชนิดด้วย นี่เป็นหลักฐานวิวัฒนาการอย่างหนึ่งครับ เพราะการเปลี่ยนแปลงสีของ ผีเสื้อกลางคืนจากสีอ่อนเป็นสีดำนั้น เป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่จากสภาวะแวดล้อมที่มีพื้นหลังเป็นสีดำ ทำให้ผีเสื้อกลางคืนสีเข้ม รอดชีวิตจากผู้ล่ามาได้ (พิสูจน์จากการทดลองของ H.B.D. Kettlewell โดยใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์จับภาพการเลือกกินผีเสื้อกลางคืนสีต่างชนิด กันในช่วงปลายของยุค 1950s) ภาพประกอบนี้นำมาจาก Curtis & Barnes (1989) หน้า 963 แสดงให้ เห็นผีเสื้อกลางคืนสีเข้มและสีอ่อน (ดูในภาพให้ดีครับ แต่ละภาพมีผีเสื้อกลาง คืนสองตัว) ในสภาพแวดล้อมที่มีสีพื้นหลังแตกต่างกัน จากคุณ : Practical x 2 - [ 2 ม.ค. 48 23:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ซาลามครับ สันติจงประสบแด่ท่าน ของคุณ practical มีเหตุผลดีนะครับ จากคุณ : ตา o - [ 3 ม.ค. 48 05:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คัดจากกระทู้นู้นนะครับ ไม่ใช่ตอบคุณ practical นะครับ ความคิดเห็นที่ 6 ถึงเจ้าของกระทู้ครับ ผมเป็นมุสลิมนะครับ แต่ว่ายังคงยอมรับว่าทฤษฎีิวิวัฒนาการ(ของสัตว์นะ)ก็มีเหตุผล และอาจเป็นไปได้ แต่การที่นักทฤษฎีวิวัฒนาการบางคนนั้นพยายามดันทุรังทำให้ทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นที่ยอมรับ บางคนนั้นก็ทำหลักฐานเท็จครับ แต่เราอย่าไปมองตรงนั้น เรามองที่ว่าคนอื่นๆที่เขานำเสนอหลักการแนวคิดและเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา ผมก็ว่าเขาเสนอสิ่งที่มีน้ำหนักนะครับ แต่เนื่องจากไม่มีนักวิทยาศาสตร์ซักคนเลยที่มีความสามารถรอบด้าน บางคนชำนาญจุดนี้ ก็บกพร่องจุดอื่น เพราะฉะนั้นความขัดแย้งกันเองระหว่างนักทฤษฎีวิวัฒนาการก็มีอยู่มาก ในหมู่พวกเขาเองที่เชื่อ ก็มีการถกเถียงไม่ลงรอยกันว่า ในเมื่อมันวิวัฒนาการแล้ว มันวิวัฒนาการแบบไหน อย่างไร? ตรงนี้ต่างหากครับ ที่ทำให้พวกเขาหาบทสรุปไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรับฟังเขาด้วยนะครับ เพราะเรื่องวิวัฒนการมันไม่ขัดความเชื่อศาสนา ยกเว้นมนุษย์เท่านั้นแหละัครับที่เราเชื่อว่าไม่มีวิวัฒนาการ แล้วนักวิทยาศาสตร์เองก็มีหลายทฤษฎีและยังสรุปไม่ลงตัวครับในเรื่องนี้ จากคุณ : ตา o - [ 27 ธ.ค. 47 03:44:42 ] จากคุณ : ตา o - [ 3 ม.ค. 48 06:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คห 13 น่าจะจริงนะครับ ที่เราไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน เพราะเราใช้สมองคิด งั้นเราก็ต้องใช้จิตคิด แล้วจิตนี่อยู่ใกล้ๆกับสมองหรือว่ามันอยู่ตรงไหนเหรอครับ ผมจะได้ลองคิดมั่ง จากคุณ : pizza hell - [ 3 ม.ค. 48 10:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สวัสดึครับอาจารย์ .. อาจารย์ว่า .เป็นนักชีววิทยาก็เหนื่อยหน่อยครับ เพราะแนวคิดบางอย่างไปขัดกับแนวความคิด ทางศาสนาเข้า เลยต้องอธิบายกันยาว แต่ถ้าเป็นนักฟิสิกส์จะ สบายกว่าหน่อย เพราะไม่ค่อยขัดกับความ เชื่อทางศาสนาเท่าไร ? ผมว่า .เรื่องศาสนาพักไว้ก่อนครับ .เพราะผมต้องการทราบความคิดเห็น ของ นักวิวัฒนาการ ในเรื่องนี้ ในแง่ วิทยาศาสตร์ เท่านั้น เพราะถ้าผม จะนำเรื่อง ศาสนามามาเปรียบเทียบ กับ Evolution ก็เหมือน เอา ผลส้ม มา เปรียบเทียบกับ ลูกมะพร้าวครับ, เพราะ Evoluation เป็น ทฤษฏี ที่ตั้งขี้น ในสมัยที่ นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่รู้จัก Micro organism หรือ ยังไม่เข้าใจ ว่า Micro organism เกิด มาได้อย่างไร? และยังเข้าใจว่า ชีวิตมาจาก สิ่งไม่มีชีวิต ได้แก่ สิ่งสกปรกต่างๆ, แต่ความเชื่อตามความศรัทธาทาง ศาสนานั้น เมื่อ บัญญัติ ในคัมภีร์ กล่าวไว้อย่าง ไร เราก็ต้อง เชื่อ และปฏิบัติ ตาม อย่าง ไม่ ต้อง สงสัย เนื่อง จาก ความ ศรัทธาของเรา, ส ำ หรับ นักฟิสิกส์ ก็ยังมีปัญหาอีกมาก ในการเกิด ของ จักวาล ซึ่งเป็น เรื่อง ใหญ่มาก, ดัง นั้น ผมจึงอยาก ให้ อาจารย์ อธิบาย ตาม หลักการ ทาง วิทยาศาสตร์ แต่ เพียง อย่าง เดียว , ไม่ว่าทาง ศาสนาเขา จะว่าอย่างไรเรา อย่า ไปสนใจในขณะนี้ อาจารย์ว่า ทฤษฎีวิวัฒนาการมีประโยชน์ มีนักวิทยาศาสตร์นำเอาความรู้จากทฤษฎีนี้ไปใช้ในการ การศึกษาเรื่องโรคระบาด, การควบคุมศัตรูพืช, การค้นพบยารักษาโรค และในสาขาอื่นๆ ผมว่า . ในเรื่องนี้ นักวิวัฒนาการ จะ Take credit เพื่อสนับสนุน ดาร์วิน เสียมากกว่า โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง โรคระบาด และ การ ค้นพบยารักษาโรคในสาขาอื่นๆ เอกสารอ้างอิงมาจาก กลุ่มนัก วิวัฒนาการ เสีย ส่วน มาก , ถึงแม่ว่า ไม่ มี ดาร์ วิน Alexander Fleming, Ernst Chain และHoward Florey ก็สามารถที่จะ พบ เพนนิซืฃิลินได้ เพราะว่า การค้นพบ เพนนิซิลิน เป็นการพบโดยบังเอิญ ในขณะที่ Culture แบคทีเรีย ชนิด อื่น อยู่, เพื่อให้ ผู้ อ่าน อื่นๆ ที่ ไม่ ทราบเข้าใจดังนี้ , เพนนิซิลิน เป็น เชื้อราชนิด หนึ่ง ที่ Contaminated บน media ที่ใช้เลี้ยง แบคทีเรีย, Alexander Fleming, Ernst Chain และHoward Florey สังเกตุเห็น ว่า บริเวณที่มีการ ลุกลาม ของ เชื้อ รา ไม่มี แบคทีเรีย เกิดขึ้น และแบคทีเรีย ตาย เพราะ เชื้อรา ในที่สุด เขาทั้ง สาม ก็ เป๊น ครั้ง แรก ที่ ให้กำเนิด ของ ยา ปฏิชีวนะ, ส่วน เรื่อง การต้านยาของ แบคทีเรียนั้น นัก microbiologist ค้นพบ ว่า แบคทีเรีย ที่มีชิวิตอยู่ ได้ นั้น เพราะมันสามารถที่จะ สร้างผนังเซล มาใหม่ ถ้าระยะเวลา ใน การ ใช้ ยา นั้น นาน พอสมควร เนื่อง จาก การ แปรผัน ของ GENE แต่ ไม่ใช่ ว่า “แบคทีเรีย เปลี่ยน เป็น รูป ร่างเป็น อย่าง อื่น อาจารย์ว่า ..1) cyanobacteria ในอดีตเมื่อ 3.5 พันล้านปีก่อนเหมือนกับ cyanobacteria ในยุคปัจจุบัน (คือเป็น ก อยู่อย่างเดิม) 2) cyanobacteria ในอดีตเมื่อ 3.5 พันล้านปีก่อน (ก) ต่าง จากcyanobacteria ในยุคปัจจุบัน (ข)ทั้งสองข้อนี้ขัดกับทฤษฎีวิวัฒนาการอย่างไรหรือครับ? ผมว่า ...มันจะขัดกันได้อย่างไรละครับ อาจารย์, ก็ อาจารย์ เล่น เปิด ประตู ไว้ ทั้ง สอง อย่าง คือ ว่า ถ้า มัน คงรูป อยู่ ก็ ถูก, และ ถ้า มัน เปลี่ยน แปลง รูป ร่าง ก็ ถูกอีก, ตามทฤษฏี วิวัฒนาการ มัน ต้อง ถูกทั้ง ขึ้น ทั้ง ล่องแหละครับ, แต่ ที่ ทฤษฏี ไม่ ได้ อธิบาย ไว้ ก็ คือ ทำไม มัน ถึง ไม่เปลี่ยน รูปร่าง และ ที่ เปลี่ยนรูป ร่าง มี หรือ ไม่และ เพราะ เหตุ ใด? สำหรับเรื่อง Cyanobacter นี้ เมื่อ 850 ล้านปี เป็น อย่าง ไร ปัจจุ บัน ก็ ยัง เป็ น เช่นนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่ง นัก วิวัฒนาการ ไม่ สามารถ จะ อธิบาย ได้ เพราะ ว่า ไม่ สามารถ ที่ จะ หา missing links ของ แบคทีเรีย ชนิด นี้ ได้ ในชั้น หิน ในระดับ ต่างๆ ทุกๆ ชั้น ไป นัก วิวัฒนาการ ไม่ สามารถ ที่ จะ หาคำ อธิบาย อื่น ใด ได้ นอก จาก ว่า มัน สามารถ ที่ จะ ทนทาน ต่อ สิ่ง แวด ล้อม ได้ การ อธิบาย ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ ใช่ ว่า ฟัน ธง ว่า ผู้ ที่ ไม่ เชื่อ ทฤษฏีวิวัฒนาการ ไม่ มีความรู้ ทาง วิทยาศาสตร์ แต่ ในทาง ตรง กัน ข้าม, ถ้า ผู้ ที่ มี ความ รู้ ทาง วิทยา ศาสตร์ โดยเฉพาะ ใน ทาง Applied Sciences แล้ว ยาก ที่ เขา จะ เชื่อ ทฤษฏี วิวัฒนาการ โดยเฉพาะ ผู้ ที่ ศึกษา ทาง Physiology & Anatomy ทั้ง ของ คน และ สัตว์ ฯลฯ เนื่องจาก โครงสร้างของ สาร โปรตีน,และ Enzymes ต่างๆ สลับซับซ้อน เกิน กว่า ที่ นัก วิวัฒนาการ จะ อธิบาย ได้, ในการอธิบาย เรื่อง การ เกิด ของ Amino acid ก็ไม่ ชัด เจน และ ไม่ สามารถ ที่ จะ อธิบาย ได้ ว่า สารโปรตีน สามารถที่จะ ทนความร้อน ที่สูง ใน ขณะ Combustion ได้อย่างไร? แต่สำหรับ ผู้ ที่ ศีกษา ใน ทาง ชีวะ วิทยา โดย เฉพาะ จะ ฝัน เคลิ้ม ไป กับ ความมหัศจรรย์ ของ ทฤษฏี วิวัฒนาการ เหมือน กับ ดู หนัง “รามเกียรย์” ลิง ผสม กับ ปลา ออกมา เป็น คริ่งลิง ครึ่ง ปลา , นก ผสมกับคน เป็น ครึ่ง นก ครึ่ง คน ฯลฯ ผู้ที่จะเชื่อ ทฤษฏีวิ วัฒ นาการ อย่าง 100 % นั้น จะต้อง มี ความ เชื่อ อย่าง ศรัทธา เลื่อม ใส นักวิทยาศาสตร์ ที่แท้จริง ต้อง แบ่ง รับเป็น บาง ส่วน เพราะ ว่า “ทฤษฏีนี้ ยัง ไม่ สมบูรณ์ “ เนื่อง จาก ว่า มี การ แก้ ไข อยู่ ตลอด เวลา ทั้ง นี้ เพื่อ จะ พยายาม หา เหตุ ผล มา อธิบาย “ลัทธิ” ของ ดาร์ วิน การ ที่ ทฤษฏีวิวัฒนาการ ต้อง ปรับ ปรุง อยู่ เสมอ นั้น เพราะ ว่า ไม่ สามารถ จะ พิสูจน์ หรือ หา ควา มจริง มา สนับ สนุน สมมุติฐาน ตั้งแต่ เริ่ม ต้น ได้ อาจารย์ว่า.............ร่างกายของมนุษย์กับโลกไม่เหมือนกันเลยครับ รวมถึงการนำเรื่อง Transition forms และ พัฒนาการของเม็ด เลือด ซึ่งเป็นเรื่องของ blood cells development มาโยงเข้าด้วยกัน ก็ไม่เหมาะสมเลยครับ เป็นการโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน มาเกี่ยวกัน (ถือเป็น creation science รูปแบบหนึ่งครับ) สำหรับเหตุผลอธิบายหลักฐานฟอสซิลที่ไม่ได้มีมากอย่างที่คุณแมทท์เข้าใจ ผมได้อธิบายไว้ แล้วใน etc. ผมว่า การอธิบาย เรื่อง การ กำเนิด ของ Blood Cells เป็น การ อธิบาย ตาม หลัก วิชา Hematology ซึ่ง เป็น วิทยาศาสตร์ การ แพทย์ สาขา หนึ่ง ไม่ถือ ว่า เป็น ถือเป็น creation science ตาม ที่อาจารย์ ว่า ในรูปแบบใดๆ เลย, เนื่อง จากผม ต้อง การ จะ สนทนา กับอาจารย์ ในเรื่อง ของ หลักการ ทาง วิทยาศาสตร์ เท่านั้น .เหมือนหรือไม่เหมีอน กันลองอ่านดูซิครับ, ถ้าทางกายภาพแล้วไม่เหมือนกันหรอก ครับ แต่ analogy ข้อ นี้ เป็น การ เปรียบ เทียบ แบบ สุ่ม Sample คือ ว่า อย่างนี้ ครับ การวิวัฒนาการ ของ Species ทั้ง หลาย มาจาก Ancestor เดียวกัน UNKNOWN (คาดว่า, เดาว่า, คิดว่า, เชื่อว่า) คนมาจาก ลิง, ปลาวาล มาจาก วัว , นกมาจาก งู โดยใช้เวลา ในการ ปฎิรูป เป็น เวลา นาน นับ เป็น ร้อยๆ ล้าน ปี ขึ้นไป (เชื่อว่า) ฯลฯ การวิวัฒนาการของ Blood Cells ทั้งหลาย มาจาก Ancestor ( Stem Cells) เดียวกัน KNOWN (ของจริงไม่มีการเดา) ถ้า Species ทั้ง หลาย มาจาก Ancestor เดียวกัน เช่น เดียว กับ ฺ Blood Cells ทั้ง หลาย มาจาก Ancestor เดียวกัน ( Stem Cells) เแล้ว เราจะต้อง พบ ระยะ การ เปลี่ยน แปลง ของ การ เจริญ เติบ โต จาก Species หนึ่ง ไป เป็น อีก Species หนึ่ง (Intermediate Form) ในหิน ชั้นต่างๆ เช่น เดียว กับ การ ที่ เรา พบ Blood Cells ในระยะต่างๆ และ ชนิดต่างๆ ในชั้นต่างๆ ของอวัยวะ ในร่างกายเรา และ ในการ เจาะ เลือด จาก อวัยวะ ต่างๆ และ ชั้น ต่างๆ ของ ร่างกาย มาตรวจ ก็จะ พบ เม็ดเลือด ในระยะ Intermediate Form ประมาณ 1-2% เสมอ แต่ ในการ ขุด ฟอสซิล ทำกันมาประมาณ 100 กว่า ปีแล้ว ยัง ขุด ไม่พบ Intermediate Form ที่แท้จริงเลย อาจารย์ จะ เห็น ว่า การ กำเนิด ของ เม็ดเลือด เป็น การ วิวัฒนาการ ที่แท้จริง ตาม ความหมาย ของ Evolution ที่ ประกอบ ไปด้วย การเปลี่ยน ทั้ง ทาง Macro และ Micro evalution ทั้ง สอง ชนิด นี้ มี อยู่ใน กระแส เลือด ตัวอย่าง เช่น ภาย ในเม็ดเลือด มีการ ผัน แปร ทาง Genetic ที่ กำหนด Blood Group และ Blood Types ต่างๆ และ มีการ mutation ของ Cell มีการ เปลียน ขนาด และ รูป ร่าง ของ เม็ด เลือด เนื่อง จาก สิ่ง แวด ลอ้ม และ การตาย และ หมด ไป ของ เม็ด เลือด, มีการ Survival หรือ Natural Selection ภาย ใน ระบบการ หมุนเวียน ของ เลือด, เม็ดเลือด บาง ชนิด กิน เม็ด เลือด ชนิด อื่น ฯลฯ ถ้าเราจะ เรียก การวิวัฒนาการ ของ Species ทั้ง หลาย มาจาก Ancestor เดียวกัน แล้ว ตัวอย่าง ของ การเกิด ของ Blood Cells จะเป็น ตัว อย่าง ที่ดี ที่สุด เพราะ ว่า เรา ย่อ ขนาด ของ โลก ให้ เล็ก ลง เท่า ร่าง กาย ของ เรา ความแก่ อ่อน ของ อวัยวะต่างไ เปรียบ เหมือน ชั้น หิน ต่างๆ เช่น ถ้า เรา ขุด ลึก ลง ไป ใน ร่าง กาย ถึง ไขกระดูก(Bone Marrow) เราจะพบ Primitive Cells มากกว่า ที่ จะ พบ ใน ชั้น ของ ใต้ ผิว หนัง, เช่น เดียว กัน กับ ชั้น หิน เรา ควร จะ พบ ฟอสซิล ของ Primitive Forms และ Intermediate Forms มาก ใน หิน ชั้น Cambian มากกว่า ในชั้น ตื้นๆ ขึ้น มา ที่กล่าวมานี้ เพียงแต่ เป็น การ เปรียบเทียบ เท่านั้น อาจารย์ว่า โดยเฉพาะการยกเอาเรื่อง ไม่มี missing links มาแย้ง เป็นสิ่ง ที่ไม่ควรทำ เพราะมีหลักฐาน สนับสนุน เยอะ มาก ครับ ผมว่า . ผมว่าเรื่อง missing links เป็น เรื่อง สำคัญที่จะไขปัญหา ในการ วิวัฒนาการ ของ สิ่ง มี ชีวิต ต่างๆ, หลักฐาน ที่อาจารย์ ว่า สมบูรณ์ นาย ฟิลิป กิงเกอริช คนทำ การวิจัย เอง, เขาบอก แต่ เพียง ว่า “เขาคิดว่า มันอาจจะเป็น” ซึ่ง เป็น การ คาด คะ เน เท่านั้น, การที่ว่าไม่ควรทำ เพราะ เป็น สิ่ง ที่ นักวิวัฒนา การ ไม่ สามารถ จะอธิบายได้ เป็นที่รู้กัน ใน วงนักวิวัฒนาการ ว่า เรื่อง “Origin of Species และ Missing Links เป็น เรื่อง ที่ ลูกศิษย์ ของ ดาร๋ วิน ไม่ สามารถ ที่จะตอบ ทาง วิทยาศาสตร์ ได้ นอกจาก ตอบอย่าง รวบรัด อ้อมแอ้ม ไปมา และการหา missing links ใน การเปลี่ยน จาก ลิง มา เป็น คน ยัง ไม่มี การ พบเลย ครับ( เอ.. Ape มีไส้ติ่งไหมครับ?) ถ้าจะ เริ่ม ตั้ง แต่ สมัย Pre-Cambrian เลย, เนื่องจาก สมัยนั้นเป็น สมัย ชั้นหินที่ เก่าแก่ที่สุด, เหนือขึ้นมา ก็เป็น ชี้น ของ Cambrian rocks ซึ่ง เป็นชั้น หิน ที่ ติด กับ Pre-Cambrian: ผมอยาก ทราบว่า ฟอสซิล ของ สิ่งมีชีวิต อะไรที่เราพบ ในชั้น Pre- Cambrian rocks? และ ฟอสซิล ของสิ่งมีชึวิต อะไรที่พบ ใน หิน ชั้น Cambrian นี้? ในชั้น ของ Pre-Cambrian นั้น มีสิ่งชีวิตอยู่มาก่อน หรือ ไม่? จากคุณ : แมทท์ - [ 3 ม.ค. 48 10:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อาจารย์ว่า การ เรียนชีววิทยาแล้วไม่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ ก็เหมือนเรียนวิชาเคมีแล้วไม่ เชื่อเรื่องตารางธาตุนั่นเอง? ผมว่า อาจารย์ เอา ผลส้ม มาเปรียบ กับ ลูกมะพร้าวอีกแล้ว ไม่มีกฎข้อใดบังคับว่า การเรียน ชีวะวิทยา จะ ต้อง เชื่อ เรื่อง การวิ วัฒ นาการ, ทั้งนี้ เนื่อง จาก หลักสูต ในวิชาชีวะวิทยา รวม เอา เรื่อง ของ วิวัฒนาการ เข้า ไป ด้วย, เปรียบเหมือน เรา เรียน เรื่อง สังข์ ทอง ตอน ตี คลี เราจะเชื่อ ว่า พระสังข์ เรียก เนื้อ เรียกปลา ได้ หรือ ไม่? ไม่ สำคัญ ขอให้ สอบผ่าน ได้ ก็ แล้วกัน เรื่อง ความเชื่อ กับ ความเข้า ใจ ในเนื้อเรื่อง ของ บทเรียน มัน ต่าง กัน ส่วน การเรียน เคมี นั้น เป็น การเรียน ถึง สิ่ง ที่เกี่ยว ข้อง ใน ชีวิต ประจำวัน ของ มนุษยฺ์ และ สัตว์ โดยตรง และ ทฤษฏี ทาง เคมี เป็น Scientific Theory ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากล่าวว่า ..น้ำ เกิด จา กไฮโดรเยน 2 อะตอม ทำปฏิ กริยา กับ อ๊อก ซิเยน หนึ่ง อะตอม (2H2+O2 = 2H2O) และ น้ำ อยู่ ใน 3 สภาวะ คือ ของ แข็ง, ของเหลว, และ แกส ซึ่ง ต้อง ขึ้นกับ อุณหภูมิ สมมุติฐาน ทั้งหมดนี้ สามารถที่จะ ทดสอบตามขบวนการวิทยาศาสตร์ ได้ แต่ผมยังไม่เห็นว่า สมมุติฐานของ ทฤษฏี ของ ดารฺ์วิน ทดสอบ ตามขบวนการวิทยาศาสตร์ ได้ หรือ ไม่? สำหรับ Periodic Table of the Elements (table) ในทางวิชาเคมีนั้น เรายังไม่ต้องเชื่อ แต่เรา จะต้อง จำ ให้ ได้ เช่น เดียว กับ เรา ท่อง สูตรคูณ เราจะ ต้อง จำ อักษรแทน ธาตุ ต่างๆ และ นำหนัก อะตอม และ น้ำ หนัก โม เลกุล ให้ได้ เพื่อใช้ ในทาง คำนวณ และ การวิ เคราะห์ ในทาง เคมีถ้าเรา กล่าว 2H2+O2 = 2H2O มันป็นความจริงที่สามารถจะพิสูจน์ ได้ โดย ไม่ต้องอาศัย แรงศรัทธา ในทาง วิวัฒนาการ ถ้า กล่าวว่า Species ต่างๆ มาจาก Ancestor เดียวกัน, เนื่องจาก การ Variation ของ GENE และ กฏของ Natural Selection ทำให้ เกิด เป็น Species ต่างๆ เช่น จาก Inorganic matter มาเป็น Organic matter มาเป็น Life (Micro organism) มาเป็น More complex structure organisms มาเป็น Vertibrate and Invertibrate มาเป็น Reptile, Aves, Mammals etc.รวบรัดตัดความ จาก Ape มาเป็น Human ทั้งขบวน การนี้ ใช่เวลา นับ เป็น ร้อยๆล้านปี ทฤษฏีที่มีสมมุติฐาน หรือ อาจจะเป็น ปรัชญา เช่นนี้ จริง อย่าง ที่อาจารย์ ว่า ผู้เรียน จะต้อง มี ความเชื่อ เสียก่อน หรือ เรียก อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ต้องมี ความศรัทธา เลื่อมใส เสียก่อน ถึงจะเรียน ได้ การสอนที่บังคับให้เชื่อ ในทฤษฏีก่อน การเข้าใจนั้น เป็นการสอนแบบ การสอนให้เชื่อ ใน ลัทธิต่างๆ ดังนั้น ในบางครั้ง เราจะ เห็นว่า มีการเรียก ทฤษฏี วิวัฒนาการ นี้ว่า "Darwinism" ซึ่งหมายถึง “ศาสนาหรือลัทธิของดาร์วิน” อาจารยฺ์ว่า .สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือผู้วิจารณ์ทฤษฎีวิวัฒนาการหลายท่าน ยังวิจารณ์ได้ไม่ตรงจุด น่ะครับ อาจเป็นเพราะยังไม่ ได้ศึกษาวิชา ชีววิทยา มาก่อน หรือไม่ได้ตั้งใจศึกษา หรือเหตุผลอื่นๆ ผมว่า เพื่อที่จะไม่ให้เป็นปัญหายืดยาว ถ้า อาจารย์จะแยก อธิบาย ลัทธิของ ดาร์วิน โดยเริ่มจาก การกำเนิดและวิวัฒนาการ ของสาร อินทรีย์ ซึ่งเป็น Origin of life เสียก่อน เอาตรงนี้ ให้ทุกคนเข้าใจโดย ไม่มีข้อสงสัย แล้วอธิบายถึง ระยะเวลาในการเปลี่ยน แปลง รูปร่างจาก ชนิดหนี่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง มีกำหนดเวลาอย่างไร? ช้าหรีอเร็วอย่างไร? รวมทั้ง การผัน แปรและการเปลี่ยน แปลง ในระบบ นิเวศน์และ ขอบเขต ของสภาพ ภูมิศาสตร์ ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างสิ่ง มีชีวิต อย่างไร? โดย ไม่ต้อง ใช้ความเชื่อ หรือความ ศรัทธาเข้า มาเกี่ยว ข้อง, ผมอยากจะฟัง ความ คิด เห็น ของ อาจารย์ เอง ไม่ใช่ ของ ใคร จาก ลิ้งค์ส ใดๆ ทั้งสิ้น, จากที่ผมกล่าวในข้อนี้ อาจารย์ ว่าผมเข้าใจ ความคิดของ ดาร์วินในเรื่องการวิวัฒนาการ ถูกต้องหรือไม่? กรุณาตอบด้วย เพื่อว่า ผมจะได้ไม่หลงทาง ผมว่า............“ทำไม Ape ถึงไม่กลาย เป็น คน ทั้ง หมด ถ้า Natural Selection คัดเลือก มนุษย์ ว่า แข็ง แรง กว่า Ape” อาจารย์ว่า..........การมองอย่างผิวเผินทำให้ได้ข้อมูลที่ผิดพลาดครับ ในกรณีนี้ก็เช่นกัน ถ้าให้ลิงกอริลล่ากับมนุษย์มาสู้กัน(ตัวเปล่าห้ามใช้อาวุธ) ผมว่ามนุษย์ แพ้นะครับ และถ้าสิ่งมีชีวิตหนึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ มันอาศัย อยู่ ได้ อัตราการเกิด mutation ย่อมน้อยกว่าในกรณีที่สภาพ แวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต คำตอบของข้อ นี้คือ สภาพแวดล้อมครับ ทั้ง Ape และมนุษย์สมัยโบราณสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เป็น ปกติสุขในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นเลยที่ Ape ต้องวิวัฒน์ กลายเป็นคนทั้งหมด ผมว่า...... ความจริงผมอยากให้ อาจารย์ อธิบายในแง่ วิทยาศาสตร์วิวัฒนาการ ทาง Natural Selection ไม่ใช่ตอบตามเรื่อง รามเกียรติ์, คำถามของ ผม เกี่ยวกับ transformation in time และ diversification in ecological and geographical space ของสิ่งมีชีวิต, ตามความเข้าใจของผม ถ้า Ape วิวัฒนาการ มาเป็น มนุษย์ แล้ว โดยธรรมชาติ จากการ ศึกษา ระบบการทำงานของสมอง ของมนุษย์ ในสมองของมนุษย์ เราต่าง จาก สัตว์ อื่นๆ ก็คือ ในสมอง มนุษย์ ขบวน การ ทำงาน ของ สมอง แบ่ง ออก เป็น 3 ขั้น, ขั้นแรก คือ การใช้ความ นึกคิด, ขั้นที่สองเกี่ยว โยงอ้างอิงถึงประสพการณ์ และ ขั้นที่3 แล้วไตร่ตรอง หาเหตุ และผล ขบวนการทำงานของสมอง เช่นนี้ ไม่มีในสัตว์, และนี้เป็นเหตุผลที่มนุษย์เรามีความเจริญ ในสังคมเหนือ สัตว์, หรือที่เรียกว่า มีความศืวิลัย สมองของ มนุษย์ ในสมัย Primitive ก็ ทำงานเช่นเดียวกับสมองมนุษย์ในปัจจุบัน, ดังนั้น มนุษย์ จึงสามารถ ที่จะ ทำลาย Ape สูญพันธ์ ไปได้ เช่น เดียว กับ ที่ มนุษย์ เรา ทำลาย พันธ์นกกางเขน จนเกือบสูญพันธ์ หรือ สูญพันธ์ ไปแล้ว ใน เมืองไทยเรา, มนุษย์ ในสมัยที่ศิวิลัย เช่น ในปัจจุบันนี้ ได้ทำลาย พันธ์ สัตว์ หลายชนิด จนสูญพันธ์ หมด ดังนั้น ผมจึงสงสัยว่า “ทำๆไมเมื่อมนุษย์ Transformed มาจาก APE แล้ว จึงยังคงมี Ape หลงเหลือ อยู่อีก 500 กว่า species “Ape และมนุษย์สมัยโบราณสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เป็น ปกติสุขในสภาพแวดล้อมเดิมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นเลยที่ Ape ต้องวิวัฒน์ กลายเป็นคนทั้งหมด” ผมว่าคำตอบเช่นนี้ เป็นการคาดคะเนมากกว่า นะครับ .. อาจารย์ ว่า.........คุณแมทท์ครับ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้คือกลุ่มไหนครับ ขอ เอกสารอ้างอิงด้วยครับ ผมว่า . ยังไม่มีการพิมพ์เป็นเอกสาร หรอกครับ . วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ แมทท์ จากคุณ : แมทท์ - [ 3 ม.ค. 48 10:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ทฤษฎีวิวัฒนาการเชื่อมโยงหลักการทางชีววิทยาต่างๆ เข้าด้วยกัน ดังคำกล่าวของนักพันธุศาสตร์ (geneticist) Theodosius Dobzhansky (1900-1975) ที่ว่า “Nothing in biology makes sense except in the light of evolution” เขาและนักวิทยาศาสตร์อีกสามท่าน ได้แก่ George Gaylord Simpson (1902-1984), Ernst Mayr และ Ledyard Stebbins ร่วมกันสร้างทฤษฎีวิวัฒนาการในปัจจุบัน โดยผสานทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินเข้ากับทฤษฎี พันธุศาสตร์ของเมนเดล เราเรียกทฤษฎีนี้ว่า “Synthetic theory of evolution” ซึ่ง ใช้กันมากว่า 50 ปี แล้ว ที่หลายท่านอาจรู้จักในนามของ “Neo-Darwinism synthetic theory” หลักฐานสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการมีมากมายทั้งในระดับ micro และ macroevolution ดังที่ ผมจะสรุปและชี้แจงเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ครับ A. Microevolution หรือ วิวัฒนาการในระดับสปีชีส์ ทำให้เราสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลง ของยีนในสิ่งมีชีวิตช่วงหนึ่งๆ ภายในช่วงเวลา ไม่กี่ปี หรือระหว่าง ร้อยถึงสองร้อยปี หลักฐาน ในกลุ่มนี้ได้แก่ A.1 การศึกษาผีเสื้อกลางคืน ชนิด Biston betularia A.2 การต่อต้านยาฆ่าแมลงของแมลงที่เคยได้ผลเกือบ 100% แล้วลดลงเหลือเพียง 78% ภาย ในเวลา 14 ปี A.2 การต่อต้านยาปฏิชีวนะของแบคทีเรีย และ B. Macroevolution หรือ วิวัฒนาการในระดับสูงกว่าสปีชีส์ ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิต ต่างชนิดกันขึ้นมา เช่น นก finches ที่ดาร์วินค้นพบ 13 ชนิดบนหมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos islands) สปีชีส์หรือชนิดของสิ่งมีชีวิตหมายถึงอะไร? ในทางชีววิทยาด้านอนุกรมวิธาน ชนิดของสิ่งมีชีวิต (species) หมายถึงการจัดจำแนกสิ่งมีชีวิต ในระดับย่อยที่สุด แต่ทางด้านวิวัฒนาการจะหมายถึง กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสืบพันธุ์กันให้ ลูกหลานได้ คำจำกัดความนี้ไม่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตที่สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ อย่างเช่น แบค ทีเรีย หรือพืชในจีนัส Eucalyptus อย่าง Eucalyptus oblique (ภาพขวา) และ Eucalyptus baxteri (ภาพซ้าย) ที่ยังสามารถผสมกันให้ลูกหลาน (ภาพกลาง) ได้ แม้จะต่างชนิดกัน เอกสารอ้างอิง Knox et al. (1995) Part 6 Curtis & Barnes (1989) Section 7 จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ม.ค. 48 11:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มีหลักฐานอยู่ใน 5 กลุ่มใหญ่ที่สนับสนุน Macroevolution ดังต่อไปนี้ B.1 จำนวนของชนิดสิ่งมีชีวิตและความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) ในอดีตที่นักชีววิทยา เชื่อใน special creation (ที่ว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหลายขึ้นนั้น) ที่เชื่อกันว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มีความแตกต่างกันชัดเจน แต่การค้นพบด้วงหลายชนิดที่มีความคล้ายคลึงกันมากเป็นสิ่งที่แย้งความคิดนี้ เพราะการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต ก.1.1.1.1.1 และ ก.1.1.1.1.2 ที่คล้ายกันมากๆ มีผลพวงมาจาก microevolution ที่เปลี่ยนแปลงในระดับยีน เราเรียกลักษณะของประชากรนี้ว่า variation ซึ่งต่าง ไปจากแนวความคิดของ creationist ที่ว่าสิ่งมีชีวิตถูกพระเจ้าสร้างขึ้นให้มีความสมบูรณ์ของมันเอง และ variation ถือเป็นความไม่สมบูรณ์หรือ imperfection ดาร์วิน และทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่ มีความเห็นตรงกันว่า ประชากรหนึ่งๆ ไม่มีกลุ่มที่มีความสมบูรณ์ หากแต่มี variation หลายหลาก ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและสภาพแวดล้อม จะเห็นว่าทฤษฎีวิวัฒนาการอธิบายการเกิด variation ได้ครับ ในขณะที่ creationist อธิบายไม่ได้ ภาพข้างล่างแสดงให้เห็นถึงกลุ่มของนกคิงเพนกวิน ซึ่งในมุมมองของคนเรา อาจจะบอกว่าไม่เห็นแตกต่าง กันเลย เหมือนๆ กันหมด แต่นกเพนกวินพวกนี้สามารถจำแนกคู่หรือลูกหลานของมันได้เอง แสดงให้เห็น ถึงหลักฐานหนึ่งของ variation ครับ Curtis & Barnes (1989) Section 7, p. 975 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 48 12:14:56 จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ม.ค. 48 12:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 44 B.2 ภูมิศาสตร์ชีวภาพ (biogeography) สมัยที่ชาร์ลส์ ดาร์วิน เริ่มออกเดินทางไปศึกษาสิ่งมีชีวิตในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกนั้น ได้เรียนรู้ หลักคำสอน creationist ว่า สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดถูกสร้างมาอย่างเฉพาะเจาะจงในสถานที่อันเหมาะ สมต่อการดำรงชีวิต เช่น จะไม่พบหมีขั้วโลกในแถบศูนย์สูตรเป็นต้น หลังจากการเดินทางนั้น ดาร์วินและ วาลเลซก็ตั้งคำถามขึ้นว่า ทำไมสถานที่ ที่มีภูมิอากาศ ภูมิประเทศ คล้ายคลึงกัน กลับมาสิ่งมีชีวิตต่างชนิด กันอาศัยอยู่ เช่น ทำไมในออสเตรเลียจึงพบแต่ marsupial (อย่าง wallaby, ตุ่นปากเป็ด และจิงโจ้) แต่ไม่พบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (mammals) ซึ่งพวก marsupial นี้แทบจะไม่พบเลยในบริเวณอื่นของโลก? เป็นไปได้ไหมว่าจิงโจ้ทั้ง 57 ชนิดที่พบในออสเตรเลีย ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นแล้วนำมาปล่อยในออสเตรเลีย ? หรือเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีบรรพบุรุษเป็น marsupial ร่วมกัน (มีการขุดค้นพบฟอสซิลของ marsupial ที่สูญพันธุ์ไปแล้วด้วย) อย่างในกรณีของหมู่เกาะกาลาปากอสนั้น (ดูภาพหมู่เกาะด้านล่าง ทางตะวันตกของเอควาดอร์ ไป 950 กิโลเมตร ที่เกาะต่างๆ แยกออกจากกันไกลพอสมควร) แต่ละเกาะล้วนมี นก (mocking-thrush, finches), เต่า และพืช ชนิดที่จำเพาะกับเกาะนั้นๆ เอง Curtis & Barnes (1989) Section 7, p. 1020 จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ม.ค. 48 12:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 45 B.3 หลักฐานฟอสซิล (fossil record) [พูดถึงในกระทู้อื่นๆ แล้ว] B.4 โครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน (homology) ของกระดูก จระเข้, นก, วาฬ, ม้า, ค้างคาวและมนุษย์ หรือ ความคล้ายคลึงกันในระดับโมเลกุลหรือ biochemical pathways ของสิ่งมีชีวิตต่างชนิด และรหัสพันธุ กรรม แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนเกี่ยวข้องกัน ในแง่ที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน B.5 การปรับตัวของสิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ (imperfection of adaptation) มีวิธีการปรับตัวของ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันหลายวิธี ไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ม.ค. 48 13:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 40 ของคุณแมทท์ครับ "แต่ ที่ ทฤษฏี ไม่ ได้ อธิบาย ไว้ ก็ คือ ทำไม มัน ถึง ไม่เปลี่ยน รูปร่าง และ ที่ เปลี่ยนรูป ร่าง มี หรือ ไม่และ เพราะ เหตุ ใด?" คำอธิบาย ปัจจัยที่ทำให้เกิดวิวัฒนาการคือ natural selection, mutation, gene flow, genetic drift, nonrandom mating ครับ cyanobacteria ชนิดหนึ่งๆ จะวิวัฒน์ไปได้มากน้อย ขึ้นกับการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมของมันเองครับ ถ้า cyanobacteria ชนิดนั้นสามารถดำรงชีพอยู่ใน สภาวะแวดล้อมของมันได้สบายอยู่แล้ว อัตรา วิวัฒนาการ (rate of evolution) จะไม่สูงมากครับ ในทางตรงข้ามถ้าสิ่งแวดล้อมเกิดเป็นพิษกับมัน อัตราวิวัฒนาการก็จะสูง จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ม.ค. 48 14:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 40 ของคุณแมทท์ "ในเรื่องนี้ นักวิวัฒนาการ จะ Take credit เพื่อสนับสนุน ดาร์วิน เสียมากกว่า โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง โรคระบาด และ การ ค้นพบยารักษาโรคในสาขาอื่นๆ เอกสารอ้างอิงมา าก กลุ่มนัก วิวัฒนาการ เสีย ส่วน มาก , ถึงแม่ว่า ไม่ มี ดาร์ วิน Alexander Fleming, Ernst Chain และHoward Florey ก็สามารถที่จะ พบ เพนนิซืฃิลินได้" คำโต้แย้ง ยารักษาโรคในเอกสารอ้างอิงด้านล่างที่ผมให้ไว้ก่อนหน้า นี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพนนิซิลลินนะครับ แต่เป็นการใช้เทคนิค "directed evolution" ทำให้เอนไซม์และโปรตีนวิวัฒนา การในหลอดทดลองเพื่อใช้รักษาโรค, ใช้ในการรักษาโรค ที่เกิดจากไวรัส เช่น เอดส์ หรือโปลิโอ, ใช้ในการสืบสวน สอบสวนอาชญากรรม ด้วย evolutionary trees 1. Bull, J. J. and H. A. Wichman, 2001. Applied evolution. Annual Review of Ecology and Systematics 32: 183-217. 2. Eisen, J. A. and M. Wu, 2002. Phylogenetic analysis and gene functional predictions: Phylogenomics in action. Theoretical Population Biology 61: 481-487. 3. Searls, D., 2003. Pharmacophylogenomics: Genes, evolution and drug targets. Nature Reviews Drug Discovery 2: 613-623. http://www.nature.com/nature/view/030731.html http://www.actionbioscience.org/newfrontiers/bull.html จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ม.ค. 48 14:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ความคิดเห็นที่ 40 "การอธิบาย เรื่อง การ เกิด ของ Amino acid ไม่ชัดเจน" ตอบ: ไม่ชัดเจนตรงไหนครับ? ต้องขอความกรุณาคุณแมทท์ชี้แจงด้วยครับ "สารโปรตีน สามารถที่จะ ทนความร้อน ที่สูง ใน ขณะ Combustion ได้อย่างไร?" ตอบ: โปรตีนโดยทั่วไปไม่ทนความร้อนสูงนะครับ เรื่องเปรียบเทียบการผลิตเม็ดเลือด กับการขุดหาซากฟอส ซิล ไม่เหมือนกันครับ เพราะขั้นตอนแตกต่างกันมาก (อ่านเรื่องการเกิดซากฟอสซิล) จากคุณ : Practical x 2 - [ 3 ม.ค. 48 14:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณอาจารย์ มากครับ   สำหรับความรู้ทางด้านวิวัฒนาการ ขอบคุณครับ แมทท์ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 48 17:07:04 จากคุณ : แมทท์ - [ 3 ม.ค. 48 17:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าอาจารย์ตอบตรงประเด็น แล้วก็เคลียร์มากแล้วครับ คุณแมทท์ก็เจ๋งครับ ทำให้อาจารย์ได้อธิบาย ผมก็ได้รู้ลึกไปเรื่อยๆครับ ถ้าไม่มีคุณแมทท์ ผมก็คงรู้เพียงคร่าวๆเหมือนเดิม... จากคุณ : Ont - [ 3 ม.ค. 48 21:58:48 A:61.90.86.150 X: TicketID:001332 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณอาจารย์ Practical x 2 , คุณแมทท์ คุณ Ont และทุกๆท่านที่เสนอความเห็นมากๆครับ ผมได้ความรู้มากมาย และขออนุญาต save ไว้เพื่อเผยแพร่ต่อไปด้วย จากคุณ : 447 - [ 4 ม.ค. 48 10:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สวัสดีครับอาจารย์ และเพื่อนสมาชิก:                                ผมว่า จะไม่พูดเรื่องศาสนา และได้ขอร้องอาจารย์ มาหลายหน แล้ว  เนื่อง จากอาจารย์  ทราบว่า ผม มีศรัทธา ในพระเจ้า และ มีความศรัทธา ในพระเจ้าองค์ เดียว เป็น อย่างยิ่ง,        อาจารย์ อาจต้องการจะเปลี่ยนจาก  Evolution VS Applied Sciences  มาเป็น  Evaluation VS. Creationists   ผมจึงมีความจำเป็น ต้อง Defense ความศรัทธาของผม ในเรื่องนี้,     ก่อนอื่น ผมต้อง อธิบาย ให้อาจารย์ ทราบก่อน ว่า ผมต้อง การ สนทนา กับอาจารย์  ในฐานะ นักวิชาการ ใน แขนง วิทยาศาสตร์  ที่ มีส่วนสัมพันธ์ แก่ ชีวิตมนุษย์ และ Micro organism,  ทั้งนี้ เพื่อผมจะได้ ศึกษาความเข้าใจของ นักวิวัฒนาการ เช่นอาจารย์ ว่า อาจารย์  มีความ เข้าใจและ เชื่อ ใน วิชา วืวัฒนาการ  ด้วย หลักฐาน หรือ ด้วย ความศรัทธา ใน ลัทธิของ ดาร์ วิน,  หรือเชื่อไปตามอัตโนมัติ  และอาจารย์ มีความเลื่อมใส ในคำสอน ของศาสนา ต่างๆ หรือ ไม่? และเพราะเหตุใด?  อาจารย์นับถือศาสนาอะไรหรือไม่? (ขออภัยด้วยครับ) ตอบอาจารย์ในเรื่องพระเจ้าผู้สร้าง อาจารย์ว่า . จากกระทู้ X3187922 “หลักฐานฟอสซิลที่ขุดค้นพบนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความเชื่อเรื่องอาดัมกับอีฟจากคัมภีร์ของกลุ่มศาสนาที่นับถือ พระเจ้าทั้งหลายสั่นคลอน เพราะเป็นซากของสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และแน่นอนว่าไม่มีบันทึกไว้คัมภีร์ ด้วย ฟอสซิลเป็นหลักฐานโดยตรงที่ชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต”       ผมว่า .ตามที่อาจารย์กล่าวว่า “ความเชื่อเรื่องอาดัมกับอีฟจากคัมภีร์ของกลุ่มศาสนาที่นับถือ พระเจ้าทั้งหลายสั่นคลอน” เพราะ ว่า  “หลักฐานฟอสซิลที่ขุดค้นพบ”   เหตุที่อาจารย์ กล่าวเช่นนี้ เพราะ ว่า  อาจารย์ ไม่เคย ศึกษา  “คัมภีร์อัลกุรอาน”  เรื่องการขุดพบ ฟอสซิล ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือ เรื่องที่จะทำให้ ความเชื่อถือในพระเจ้า ของผู้ศรัทธา ในพระองค์ สั่นคลอน ในทางตรง กันข้าม เรากับหวังว่าคง จะพบหลักฐาน ฟอสสิล ของ Species ต่างๆ อีกมากมาย,     โดยเฉพาะ ผู้ที่ศึษาและนับถือ ศาสนา อิสลาม จาก คัมภีร์ อัลกุรอาน ,  เนื่องจาก การกำเนิดของชีวิต บอกไว้อย่างแจ่มแจ้งที่สุด ใน “คัมภีร์อัลกุรอาน”  ในบทที่ 21 บัญญัติที่ 30                           “และเราได้สร้างชืวิตทุกๆชีวิตจากน้ำ, แล้วเขาเหล่านั้น (ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า) ยังมิเชื่ออีกหรือ?                     และใน ในคัมภีร์ อัลกุรอาน บทที่ 24 บัญญัติที่ 45  ยังบอกไว้อีกว่า  “และพระเจ้าได้สร้าง สัตวฺต่างๆ จาก น้ำ มีทั้งสัตว์ ที่เดินด้วยท้อง (สัว์ เลื้อยคลาน), สัตว์ที่เดินด้วยสองขา, และสัว์ ที่เดินโดยสี่ขา, พระเจ้าจะสร้างชีวิตใดก็ได้ ตามที่พระองค์ทรงปรารถนา, อย่างแน่แท้พระองค์ มีอำนาจ เหนือสิ่ง ทั้งหลาย”                         พูดอย่างรวบรัด  ครั้งหนึ่ง เมื่อโลกเริ่มเย็นลง จะมีน้ำ อยุ่ มากกว่า แผ่นดิน ซึ่งจะเห็นได้ ในปัจจุบัน กับทั้ง เมื่อมีน้ำท่วม โลกในยุคต่างๆ,   ได้กวาดเอา สิ่งมีชี วิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ บนบก รวม  ทั้ง ซากสัตว์บก ที่ตาย ลงไปในน้ำ ,   ฟอสสิลต่างๆที่ขุดพบ ยืนยันความ จริง ที่บัญญัติ ไว้ ในอัลกุรอาน  เพราะว่า  การพบฟอสสิล ในชั้นหินต่างๆ นั้น แสดงว่า การเกิดของ ฟอสสิล ต้อง อาศัยน้ำ  การตกตะกอน ที่ ทับถมกันเป็น เวลานาน จนกลายเป็นหิน เนิ่องจากการเปลี่ยนแปลง ของ ผิวโลก              พระเจ้า ได้บอกให้ มนุษย์ ทราบไว้ว่า การเกิด Species (Origin of Species) นั้น ไม่ได้ เกิด จาก  Macro Evolution  แต่พระองค์ ทรงสร้าง Species ต่างๆ ขึ้น มาพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน,   ซึ่งมี เหตุ ผล สนับสนุน ทาง ฟอสสิล ที่ขุดพบ ในชั้น หิน  Cambian  มีฟอส สิล ที่สมบูรณ์  ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ เป็นจำนวนมาก,   แต่จะไม่พบฟอสสิลของ สิ่งมีชีวิต ในระดับชั้นหิน  Pre-cambian เลย,  โดยเหตุนี้  นัก วิวัฒ นาการ จึง ไม่ สามารถที่จะพบ  Transition forms หรือ missing links ในระดับหินชั้นใดเลย เพราะว่า   Macro Evolution  ไม่เคย เกิด ขึ้น เลย  ถ้านักวิทยาการ  ทำการขุดค้นต่อไป อาจจะพบโคงกระดูกของ อดัม และ อีฟ  และเมื่อนั้น ทฤษฏีวิวัฒนาการจะ หมดความเชื่อถือ จากวงการ วิทยาศาสตร์ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 48 18:01:24 จากคุณ : แมทท์ - [ 4 ม.ค. 48 17:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 53 A.      บัญญัติของ พระเจ้าซึ่งเป็น Scientific Theory: อาจารย์ว่า .จะเห็นว่าทฤษฎีวิวัฒนาการอธิบายการเกิด variation ได้ครับ ในขณะที่ creationist อธิบายไม่ได้ อาจารย์ว่า .เพราะการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต ก.1.1.1.1.1 และ ก.1.1.1.1.2 ที่คล้ายกันมากๆ มีผลพวงมาจาก microevolution ที่เปลี่ยนแปลงในระดับยีน เราเรียกลักษณะของประชากรนี้ว่า variation ซึ่งต่าง ไปจากแนว ความคิด ของ creationist ที่ว่าสิ่งมีชีวิตถูกพระเจ้าสร้างขึ้นให้มีความสมบูรณ์ของมันเอง และ variation ถือเป็นความไม่สมบูรณ์หรือ imperfection         ผมว่า ........... ขอยกตัวอย่าง  การสร้างมนุษย์ ตามธรรมชาติ หลังจากพระองค์ได้สร้าง มนุษย์คู่แรกแล้ว,  ขบวนการนี้ ถูกสร้างและควบ คุม โดย พระเจ้าองค์ เดียวเท่านั้น ที่บัญญัติ ไว้ ในคัมภีร์ อัลกุรอาน ของ ศาสนาอิสลาม 1.พระองค์ทรงสร้างเจ้าไว้ในมดลูกของมารดาของเจ้า เป็นขั้นๆในความมืดของผนังสามชั้น (39:6)   (ผนังท้อง, ผนังมดลูก และ ผนัง ถุงน้ำคร่ำ) 2.แล้วเราวางมันเป็นหยดหนึ่ง(ไข่ที่ผสมแล้ว ) ไว้ในที่อยู่อย่างมั่นคง 23:13 3.แล้วเราก็สร้างหยดนั้นให้กลายเป็นโครงสร้างที่คล้ายตัวปริง 23:14 4.“แล้วเราก็ทำให้มันเจริญขึ้นเป็นร่าง(ชิวิต) ใหม่ขึ้นมา” 23:14 5.และจากก้อนเนื่อที่มีลักษณะคล้ายตัวปริง บางตัวก็สมบูรณ์และบางตัวก็ไม่สมบูรณ์”  22:5 (Genetic variation) 6.ดังนั้นเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่เจ้า, และเรากำหนด ให้เจ้าอยู่ในครรภ์ จนกระทั่งถึง เวลา ที่สมควร”  22:5 7.และพระองค์ได้ให้ เจ้าการได้ยิน, และสายตา และ ความรู้สึก และการเข้าใจ 32:9 ในข้อ 5  อาจารย์ จะเห็นว่า  การสร้างมนุษย์ ตามขบวนการที่พระเจ้าองค์เดียว  ได้กำหนดไว้  ไม่ได้ ประกันว่า  ทารก จะเกิดมา สมบูรณ์ เสมอไปก็หาไม่,   บางตัวอาจจะตายไป, หรือ พิการ ไม่สมประกอบ ภายในครรภ์ ของ มารดา  อาจจะมีการแปรผัน ในขบวนการ ปฏิสนธิ ของ Egg กับ Spermatozoa    บัญ ญัติ ทั้ง 7  ข้อ นี้ เรา สามารถ เอามา ตั้ง เป็น สมมุติฐาน  ของ ทฤษฏี ทางวิทยาศาสตร์  ได้ ,  เพราะ ข้อความของ บัญญัติ ทั้ง 7 ข้อนี้  เป็น Natural Data และ เป็น Facts และเป็น  Empirical  ซึ่งสามารถที่จะ ถูก Verify, Test  และ Falsify  ได้  (ดังจะเห็นจากการเกิด ของ ศาสน ทูต อีซา (Jesus) ซึ่งไม่ ครบ  ขบวนการของ การสร้าง ทั้ง 7 ข้อนี้) และ พระเจ้าอาจจะสร้างมนุษย์  ผู้ใดก็ได้  โดยใช้ขบวนการ ที่ต่าง ไป จาก นี้ แล้วแต่พระองค์ทรงปรารถนา ดังนั้น  การที่อาจารย์ว่า ในข้อนี้ จึงไม่ถูกต้อง ทีเดียว ในความเชื่อของผู้ที่ศรัทธาต่อพระเจ้าผู้สร้าง  ผมได้กล่าวมาครั้ง หนึ่ง ในห้องสมุด แล้วว่า  นักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ Applied Scientist  ยิ่งศึกษาวิทยาศาสตร์ มาก ขึ้นก็ ยึ่งใกล้ ชิด พระเจ้า มากยี่งขึ้น ผมอยากให้อาจารย์ ยกตัวอย่างว่า  Evaluation เป็น  Scientific Theory  โดย แสดง เหตุผลสนับสนุน ดังเช่น ที่ผมแสดง ให้ เห็น ในที่นี้ ถ้าเป็นไปได้ B. Philosophical  Statement: อาจารย์ว่า............ เป็นไปได้ไหมว่าจิงโจ้ทั้ง 57 ชนิดที่พบในออสเตรเลีย ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นแล้วนำมาปล่อยในออสเตรเลีย ? ผมว่า................แน่นอนทีเดียวเป็นไปได้ครับ,    เจ้า จิงโจ้ทั้ง 57 ชนิดที่พบในออสเตรเลีย นั้น  พระเจ้า ได้สร้างขึ้น และ กำหนด ให้มัน เหล่านั้น แพร่พันธ์ อยู่ ในทวีป ออสเตรเลีย                 ถ้าอาจารย์เชื่อ ว่า  “มนุษย์ Evoled มาจาก Ape”  เมื่อหลายร้อย ล้าน ปีมาแล้ว  เป็น ความเชื่อ ใน  Evolution ที่ไม่ ใช่ Empirical เพราะไม่สามารถที่จะ Observe  และ Test ได้,   ซึ่งไม่ต่างไปจาก ความเชื่อ ของผมในพระเจ้า ผู้สร้าง   ..ผมไม่ทราบว่า ทำไมอาจารย์ ถึงเชื่อ ใน  สิ่งที่ไม่สามารถที่จะ Observe และ Test by experiment ได้,   แต่ ผู้ที่มีศรัทธา ต่อ พระเจ้า จะเชื่อ ในอำนาจของ พระเจ้าไม่ได้. ซึ่งการเชื่อ ทั้งสองอย่าง ไม่ได้ เป็น  Empirical  เช่นกัน                         ปัญหาของ ทฤษฏี วิวัฒนาการ อยู่ที่ว่า “ขาดการ Observation เพื่อที่จะนำมา falsify   ตามหลักการของ  ทฤษฏี วิทยาศาสตร์ได้, ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถที่จะทำการ Test by  experiment ได้,   ดังนั้น ทฤษฏีนี้ จึงดูคล้ายกับเป็น ปรัชญา มากกว่า เป็น ทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์         สวัสดีครับ แมทท์ http://www.thaimuslimusa.com/webboard/default.asp แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 48 18:21:07 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 48 18:10:39 จากคุณ : แมทท์ - [ 4 ม.ค. 48 18:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผมยังตอบความคิดเห็นของคุณแมทท์ ในความคิดเห็นที่ 40 & 41 ยังไม่จบครับ จะกลับมาตอบต่อไปแน่นอน รวม ทั้งความคิดเห็นที่ 52 & 53 ด้วย แต่เดี๋ยวขอเตรียมสอนให้ เสร็จก่อนครับ (ต้องสอนวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ก็เกือบเสร็จ แล้วครับ ^_^) แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 48 20:57:42 จากคุณ : Practical x 2 - [ 4 ม.ค. 48 20:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ถึง no.39 จิตก็คือวิญญาณครับ เมื่อคุณตาย คุณก็จะกลับสู่ที่มาของคุณครับเหลือแต่จิต ไม่มีวิวัฒนาการอะไรทั้งสิ้น พวกโปรตีน พวกเซล หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เสื่อม และเน่าได้ มันย่อมสิ้นสุดวิวัฒนาการของมันในที่สุด เพราะมันไม่เป็นอมตะครับ อะไรก็ตาม ที่เป็น อมตะ  จึงจะสืบสานวิวัฒนาการต่อไปได้ และยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใหนที่เป็นอมตะเลยครับแค่มีการเปลี่ยนรูปแบบไป เหมือนลายนิ้วมือคนทั้งโลกที่ไม่ซ้ำกันเลยซักคนเดียว คุณว่ามันจะมีวิวัฒนาการอะไรหรือเปล่าละครับ เพราะมันคือรูปแบบของเนื้อหนัง ผมไม่ได้งมงายนะครับ แต่ผมเชื่อในจิต เพราะผมมีสัมผัสที่6 สัมผัสผมอาจจะช้ากว่าสัตว์โลก(กรณีคลื่นยักษ์สึนามิที่สัตว์ป่าหนีเอาตัวรอดก่อนมนุษย์ หลายชั่วโมง) การที่มนุษย์อุปโลกษณ์ศาสตร์ต่างๆขึ้นมา ส่วนใหญ่แต่งแต้มต่อเติมเอาทั้งสิ้น วันที่ดวงอาทิตย์เผาโลกจนเกรียม ก่อนแตกดับไป ถามว่าจะมีวิวัฒนาการมั๊ย  คำตอบก็คือ ไม่มีแล้วคับ เพราะเนื้อเยื่อและเนื้อหนังถูกเผาเป็นจุลไปนั่นเอง จะมีใครมาแย้งมั๊ยครับ ว่าซากคาร์บอน และขี้เถ้าจะก่อวิวัฒนาการเป็นมนุษย์ขึ้นมาอีก.......ขำซิครับ ถ้าเชื้อราละพอได้คับ   หรือจะมีคนมาแย้งอีกว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากเชื้อรา งั้นที่พวกคุณกินขนมปังกันทุกเช้า คุณก็รัปทานบรรพบุรุษคุณซิครับ สำหรับพวกที่คิดว่ามนุษย์มาจากลิง กรุณาปล่อยลิงออกจากสวนสัตว์ด้วยนะครับ คุณกำลังทรมาณบรรพบุรุษของพวกคุณอยู่ และเมื่อพวกคุณเจอลิงทุกครั้ง คุณควรจะยกมือไหว้ลิงด้วย เพราะลิงคือบรรพชนของพวกคุณ....... แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 48 02:36:16 จากคุณ : socialfobia - [ 5 ม.ค. 48 02:28:36 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สวัสดีครับอาจารย์       เผอิญนึกถึงปฏิกริยาเคมีอันหนึ่งเรียกว่า “condensation reaction” ที่เกิดขึ้น ในปฎิกริยาของการสร้าง “peptide bond”  มีดังนี้...                    ในขณะที่ amino acids   รวมตัว หรือ ต่อ กัน เป็น โปรตีนนั้น มันจะต้องเชื่อม ต่อกันด้วย“peptide bond” และในขณะที่ มีการสร้าง “peptide bond”.นี้ ปฏิยาเคมี จะปลดน้ำ  จำนวน 1 โมเลกุล  เนิ่องจาก ในการสร้าง สาร โปรตีน โดยการ  เชื่อม โยง ของ amino acids ด้วย “peptide bond”. จำนวน มากเช่นนี้  จะทำใให้ น้ำ ถูก ปลดปล่อย ออกมาเป็น จำนวนมาก เพื่อสร้าง โปรตีน                    เนื่องจาก ในวิชาเคมีเราทราบว่า  ปฏิกริยาเคมีที่มีการ ปลดปล่อย โมเกุลของ น้ำ ในขณะที่เกิดปฏิกริยานั้น หรือ ที่เรียกว่า “condensation reaction” ตามกฎของ “Le Châtelier”,  กฎนี้ กล่าวว่า “condensation reaction” จะไม่เกิด ขึ้น ใน สิ่งแวดล้อม ที่ เป็น “ น้ำ “  หรือ  มีโอกาศที่จะเกิดขี้น ในสิ่งที่เป็น น้ำ น้อยมากที่สุด หรือไม่มีเลย นอกห้องปฏิบัติการ                   ด้วยเหตุผลข้อนี้ตามที่นักวิวัฒนาการ กล่าวว่า “ชีวิตเริ่ม แรก เกิดขี้น ในน้ำ นั้น ย่อมจะไม่มีโอกาศเป็นไปได้เลย” เลย  นอกเสีย  จากว่า  ชีวิต ในน้ำ เหล่านั้น เกิดขึ้น มา พร้อมด้วย อวัยวะและ โครงสร้าง ทุกอย่าง ที่สมบูรณ์ แล้ว โดยการ สร้างของพระเจ้า ตาม ที่   “คัมภีร์อัลกุรอาน”   กล่าวไว้ว่า                         “และเราได้สร้างชืวิตทุกๆชีวิตจากน้ำ, แล้วเขาเหล่านั้น (ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า) ยังมิเชื่ออีกหรือ,   “และพระเจ้าได้สร้าง สัตว์ต่างๆ จาก น้ำ มีทั้งสัตว์ ที่เดินด้วยท้อง (สัตว์ เลื้อยคลาน), สัตว์ที่เดินด้วยสองขา, และสัตว์ ที่เดินโดยสี่ขา, พระเจ้าจะสร้างชีวิตใดก็ได้ ตามที่พระองค์ทรงปรารถนา, อย่างแน่แท้พระองค์ มีอำนาจ เหนือสิ่ง ทั้งหลาย” (21:30 และ 24:45) นอกจากนี้ ยังได้รับการสนุนจากคำกล่าวของ ชาลส์ ดาร์วิน ดังนี้..   ดาร์ วิน กล่าวไว้ ในเรื่อง “Origin of Species” ว่า   "There is grandeur in this view of life, with its several powers, having been originally breathed  into a few forms or into one; and that, whilst this planet has gone cycling on according to the fixed law of gravity, from so simple a beginning endless forms most beautiful and most wonderful have been and are being evolved (Gramercy Publishing, 540)." (ผมเอา Version ของอาจารย์ มาลง โดยไม่มีคำว่า  by the creator) เราลอง มาทำความเข้าใจ กับ คำกล่าว ของ  ดารฺ์ วินที่ว่า, "There is grandeur in this view of life, with its several powers, having been originally breathed  into a few forms or into one;”  คำว่า    Grandeur หมายความว่า   the quality or state of being grand, magnificence, หรือ the glory ซึ่งคำเหล่านี้ เป็น นาม ทีใช้กับ ผู้สูงส่ง เช่น “พระเจ้า”  โดยเฉพาะ ดาร์วินกล่าวว่า..                  “ ความคิดเห็น เกี่ยว กับ “ชีวิต” ในที่นี้  คิดว่า มีผู้ที่ สูงส่ง, ด้วยอานุภาพทั้งหลาย ของ เขา (ผู้ที่ สูงส่ง),   ได้ทำให้บังเกิด (สิ่งที่มีชีวิต) ในครั้งเริ่มแรกขึ้นโดยทันทีทันใด สองสามชนิดหริอ ทำให้เกิดขึ้น แต่เพียงชนิดเดียว .         ในที่นี้ ดารฺ์ วิน อธิบาย “Origin of Species” ว่า  การเกิด ของชีวิต แต่เริ่มแรกนั้น  เกิดขึ้นมาในพริบตาเดียว ด้วย อานุภาพ ของผู้สูงส่ง (ซึ่งจะเป็น ใครอื่น ไม่ได้ นอก จาก  องค์พระผู้เป็นเจ้า เท่านั้น),            คำกล่าวของ “ดาร์วิน” ประโยคนี้ แสดงให้เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นเลย ที่ นักวิวัฒนาการ  จะต้อง ไป ค้นคว้าทดลอง ในเรื่อง สาร Protein และ Amino Acids ให้เสียเวลา   เพราะ ดาร์ วิน ได้ ยอมรับแล้วว่า  “สิ่งมีชีวิตนั้น มีผู้สร้าง”             ถ้านักวิวัฒนาการเชื่อใน ทฤษฏีของ ดาร์วินแล้ว เขาเหล่านั้น ก็ ควรจะ เชื่อ ด้วยว่า  “ชีวิตนั้น มี ผู้ สร้าง" สวัสดีครับ แมทท์ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 48 15:57:07 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 48 12:01:15 จากคุณ : แมทท์ - [ 5 ม.ค. 48 11:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ###################################### หลักฐานของ missing links ที่มีการขุดค้นพบ ###################################### ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 40 ก่อนย่อหน้าสุดท้ายของคุณแมทท์ “การหา missing links ใน การเปลี่ยน จาก ลิง มา เป็น คน ยัง ไม่มี การ พบเลย ครับ” คำชี้แจง สำหรับ missing links ของคน ผมอธิบายไว้แล้วใน ความคิดเห็นที่ 7 ของลิงก์ที่ pantown นี้ครับ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=19&action=view ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 40 ก่อนย่อหน้าสุดท้ายของคุณแมทท์ “เป็นที่รู้กัน ใน วงนักวิวัฒนาการ ว่า เรื่อง “Origin of Species และ Missing Links เป็น เรื่อง ที่ ลูกศิษย์ ของ ดาร๋ วิน ไม่ สามารถ ที่จะตอบ ทาง วิทยาศาสตร์ ได้” คำชี้แจง นี่คือตัวอย่างหลักฐาน missing links ที่ค้นพบแล้วครับ Missing links ของปลากระดูกอ่อนเช่น ฉลามและปลากระเบน (จากปลาไร้ขากรรไกร) Cladoselache (late Devonian), Tristychius, Ctenacanthus, Paleospinax, Spathobatis, Protospinax Missing links ของปลากระดูกแข็ง (จากปลาไร้ขากรรไกร) Cheirolepis, Mimia, Canobius, Aeduella, Parasemionotus, Oreochima, Leptolepis Missing links ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ (จากปลากระดูกแข็ง) Cheirolepis, Osteolepis, Eusthenopteron, Sterropterygion, Panderichthys, Elpistostege, Hynerpeton, Acanthostega, Ichthyostega, Pholidogaster, Pteroplax Missing links ระหว่างกลุ่มสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ Pholidogaster, Dendrerpeton acadianum, Archegosaurus decheni, Eryops megacephalus, Trematops, Amphibamus lyelli, Doleserpeton annectens, Triadobatrachus, Vieraella, Karaurus Missing links ของสัตว์เลื้อยคลาน (จากสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ) Proterogyrinus, Limnoscelis, Tseajaia, Solenodonsaurus, Hylonomus, Paleothyris Missing links ระหว่างกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน Captorhinus, Scutosaurus, Deltavjatia vjatkensis, Proganochelys, Hylonomus, Paleothyris, Petrolacosaurus, Araeoscelis, Apsisaurus, Claudiosaurus, Planocephalosaurus, Protorosaurus, Prolacerta, Proterosuchus, Hyperodapedon, Trilophosaurus Missing links ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (จากสัตว์เลื้อยคลาน) Paleothyris, Protoclepsydrops haplous, Clepsydrops, Archaeothyris, Varanops, Haptodus, Dimetrodon, Sphenacodon, Biarmosuchia, Procynosuchus, Dvinia, Thrinaxodon, Cynognathus, Diademodon, Probelesodon, Probainognathus, Exaeretodon, Oligokyphus, Kayentatherium, Pachygenelus, Diarthrognathus, Adelobasileus cromptoni, Sinoconodon, Kuehneotherium, Eozostrodon, Morganucodon, Haldanodon, Peramus, Endotherium, Kielantherium, Aegialodon, Steropodon galmani, Vincelestes neuquenianus, Pariadens kirklandi, Kennalestes, Asioryctes, Cimolestes, Procerberus, Gypsonictops Missing links ของนก (จากสัตว์เลื้อยคลาน) Coelophysis, Deinonychus, Oviraptor, Lisboasaurus estesi, Protoavis, Archeopteryx Lithographica, Sinornis santensis, "Las Hoyas bird" or "Spanish bird", Ambiortus dementjevi, Hesperornis, Ichthyornis เท่านี้ก่อนครับ ยังมีอีกมาก ดูเอกสารอ้างอิงทั้งหมดที่นี่ครับ http://www.talkorigins.org/faqs/faq-transitional/part2c.html ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 15:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 40 ย่อหน้าสุดท้ายของคุณแมทท์ “ถ้าจะ เริ่ม ตั้ง แต่ สมัย Pre-Cambrian เลย, เนื่องจาก สมัยนั้นเป็น สมัย ชั้นหินที่ เก่าแก่ที่สุด, เหนือ ขึ้นมา ก็เป็น ชี้น ของ Cambrian rocks ซึ่ง เป็นชั้น หิน ที่ ติด กับ Pre-Cambrian: ผมอยาก ทราบว่า ฟอสซิล ของ สิ่งมีชีวิต อะไรที่เราพบ ในชั้น Pre- Cambrian rocks? และ ฟอสซิล ของสิ่งมีชึวิต อะไรที่ พบ ใน หิน ชั้น Cambrian นี้? ในชั้น ของ Pre-Cambrian นั้น มีสิ่งชีวิตอยู่มาก่อน หรือ ไม่?” คำตอบ ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่พบในชั้นหิน Pre-Cambrian ได้แก่ Spriggina ซึ่งมีลักษณะคล้าย trilobites ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่พบในชั้นหิน Cambrian และ Precambrian ได้แก่ Anomalocaris และ Opabinia มีลักษณะของพวกอาร์โทรปอด (arthropod) และ โลโบปอด (lobopod) อยู่ร่วมกัน ใช้เป็นหลักฐาน missing links เชื่อมต่อระหว่าง อาร์โทรปอดและโลโบปอด เข้าด้วยกันครับ (Conway Morris 1998, 184-185) ส่วนฟอสซิลของ Halkiera และ Wiwaxia ที่พบในชั้นหิน Cambrian เป็นหลักฐาน missing links เชื่อมต่อไฟลัม Mollusca, Brachiopoda และ Annelida เข้าด้วยกัน (Conway Morris 1998, 185-195) เอกสารอ้างอิง Conway Morris, Simon, 1998. The Crucible of Creation, Oxford University Press. ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 48 15:57:47 จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 15:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 41 สองย่อหน้าแรกของคุณแมทท์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “อาจารย์ว่า การ เรียนชีววิทยาแล้วไม่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ ก็เหมือนเรียนวิชาเคมีแล้วไม่ เชื่อเรื่อง ตารางธาตุนั่นเอง? ผมว่า อาจารย์ เอา ผลส้ม มาเปรียบ กับ ลูกมะพร้าวอีกแล้ว ไม่มีกฎข้อใดบังคับว่า การเรียน ชีวะ วิทยา จะ ต้อง เชื่อ เรื่อง การวิ วัฒ นาการ, ทั้งนี้ เนื่อง จาก หลักสูต ในวิชาชีวะวิทยา รวม เอา เรื่อง ของ วิวัฒนาการ เข้า ไป ด้วย, เปรียบเหมือน เรา เรียน เรื่อง สังข์ ทอง ตอน ตี คลี เราจะเชื่อ ว่า พระสังข์ เรียก เนื้อ เรียกปลา ได้ หรือ ไม่? ไม่ สำคัญ ขอให้ สอบผ่าน ได้ ก็ แล้วกัน เรื่อง ความเชื่อ กับ ความเข้า ใจ ในเนื้อเรื่อง ของ บทเรียน มัน ต่าง กัน ส่วน การเรียน เคมี นั้น เป็น การเรียน ถึง สิ่ง ที่เกี่ยว ข้อง ใน ชีวิต ประจำวัน ของ มนุษยฺ์ และ สัตว์ โดยตรง และ ทฤษฏี ทาง เคมี เป็น Scientific Theory ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากล่าวว่า ..น้ำ เกิด จา กไฮโดรเยน 2 อะตอม ทำปฏิ กริยา กับ อ๊อก ซิเยน หนึ่ง อะตอม (2H2+O2 = 2H2O) และ น้ำ อยู่ ใน 3 สภาวะ คือ ของ แข็ง, ของเหลว, และ แกส ซึ่ง ต้อง ขึ้นกับ อุณหภูมิ สมมุติฐาน ทั้งหมดนี้ สามารถที่จะ ทดสอบตามขบวนการวิทยาศาสตร์ ได้ แต่ผมยังไม่เห็นว่า สมมุติฐานของ ทฤษฏี ของ ดารฺ์วิน ทดสอบ ตามขบวนการวิทยาศาสตร์ ได้ หรือ ไม่?” ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คำชี้แจง การเรียนวิชาชีววิทยาโดยไม่มีเรียนรู้วิวัฒนาการจะไม่เรียกว่าชีววิทยาอีกต่อไปครับ แต่จะเป็น ประวัติศาสตร์ของธรรมชาติ (natural history) ไปแทน วิวัฒนาการเป็นขบวนการที่เชื่อมต่อ ข้อมูลประวัติศาสตร์ของธรรมชาติเข้าด้วยกัน ไม่ใช่แค่ให้รู้ แต่ให้เข้าใจ และทราบว่า ข้อมูลเหล่านี้มาจากไหนครับ ทฤษฏีวิวัฒนาการเพียงแต่อธิบายส่วนหนึ่งของธรรมชาติเท่านั้นครับ ไม่ใช่ความเชื่อหรือศาสนา ตามที่หลายท่านกล่าวมา ต่อไปนี้เราจะเปรียบเทียบศาสนากับทฤษฎีวิวัฒนาการครับ 1. ศาสนาอธิบายจุดหมายปลายทางของการมีชีวิตอยู่ ในขณะที่วิวัฒนาการเพียงแต่กล่าวถึง พัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และไม่ได้กล่าวถึงแม้กระทั่งต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต 2. ศาสนาอธิบายบทบาทของมนุษย์ต่อจุดหมายปลายทางของการมีชีวิตอยู่ ในขณะที่วิวัฒนาการ กล่าวแต่เพียงที่มาทางชีวภาพของเราและบทบาทของสภาวะแวดล้อมต่อสิ่งมีชีวิต 3. ศาสนามักจะมีเรื่องของความเชื่อหรือความเคารพนับถือในอำนาจเหนือธรรมชาติที่ไม่สามารถ อธิบายได้ ในขณะที่ทฤษฏีวิวัฒนาการไม่เป็นเช่นนั้น 4. ศาสนามีพิธีกรรม ในขณะที่การศึกษาทฤษฎีวิวัฒนาการไม่มีสิ่งเหล่านี้ (ยกเว้นพิธีจบการศึกษาครับ) 5. ความเชื่อทางศาสนายากที่จะเปลี่ยนแปลง ถ้ามีการเปลี่ยนคือตั้งศาสนาใหม่ ในขณะที่ความคิด ทางวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงอยู่สม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับหลักฐานใหม่ๆ ศาสนิกชนในหลายศาสนาเป็นผู้ที่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ แต่ไม่มีใครกล่าวว่าศาสนาของเขาคือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ ถ้าทฤษฏีวิวัฒนาการเป็นศาสนาจริงแล้วล่ะก็ คงเป็นเพียงศาสนาเดียวที่สาวก ต่างปฏิเสธความเป็นศาสนา ที่สำคัญศาลในสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินแล้วว่า “โดยสามัญสำนึกแล้วการสอนทฤษฎีวิวัฒนาการ ไม่ใช่ศาสนา และการสอนทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ใช่การสอนศาสนา” Epperson v. Arkansas, supra, Willoughby v. Stever, No. 15574-75 (D.D.C. May 18, 1973); aff'd. 504 F.2d 271 (D.C. Cir. 1974), cert. denied , 420 U.S. 924 (1975); Wright v. Houston Indep. School Dist., 366 F. Supp. 1208 (S.D. Tex 1978), aff.d. 486 F.2d 137 (5th Cir. 1973), cert. denied 417 U.S. 969 (1974). [McLean v. Arkansas Board of Education 1982] คุณแมทท์กล่าวถึงวิชาเคมีไม่ถูกต้องนะครับ H2 และ O2 เป็นโมเลกุลครับไม่ใช่อะตอม การเรียน วิชาเคมีไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของมนุษย์และสัตว์ก็ได้ เช่น การศึกษาโครงสร้าง ปิรามิดของโมเลกุลก๊าซมีเทน (methane, CH4), สถานะของน้ำไม่ได้ขึ้นกับอุณหภูมิ อย่างเดียวหากแต่ขึ้นกับความดันด้วย เอกสารอ้างอิง Dobzhansky, Theodosius, 1973. Nothing in biology makes sense except in the light of evolution. The American Biology Teacher 35: 125-129. http://people.delphiforums.com/lordorman/light.htm or http://www.2think.org/dobzhansky.shtml or http://www.pbs.org/wgbh/evolution/library/10/2/text_pop/l_102_01.html McLean v. Arkansas Board of Education, 1982. http://www.talkorigins.org/faqs/mclean-v-arkansas.html Ruse, Michael, 2000. Creationists correct?: Darwinians wrongly mix science with morality, politics. National Post, 13 May 2000. http://www.members.shaw.ca/mschindler/A/eyring_2_2.htm Sober, Elliott and David Sloan Wilson, 1998. Unto Others: The evolution and psychology of unselfish behavior. Cambridge, MA: Harvard University Press. จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 16:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ส่วนอื่นๆ ของความคิดเห็นที่ 41 ผมได้ตอบแล้วใน ความคิดเห็นที่ 42-45 ครับ (โดยบังเอิญ ตอนที่ตอบ ผมยังไม่ได้อ่านความคิดเห็นที่ 41 ครับ -_-") จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 16:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 61 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 52 ของคุณแมทท์ “ผมว่า จะไม่พูดเรื่องศาสนา และได้ขอร้องอาจารย์ มาหลายหน แล้ว เนื่อง จากอาจารย์ ทราบว่า ผม มีศรัทธา ในพระเจ้า และ มีความศรัทธา ในพระเจ้าองค์ เดียว เป็น อย่างยิ่ง, อาจารย์ อาจต้องการจะเปลี่ยนจาก Evolution VS Applied Sciences มาเป็น Evaluation VS. Creationists” คำอธิบาย ในความคิดเห็นของผมนั้น Evolution กับ Applied Sciences ไม่เคยมีปัญหา กันอยู่แล้วครับ แต่ที่มีปัญหามาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันคือ Evolution กับ Creationists ครับ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- “อาจารย์ มีความ เข้าใจและ เชื่อ ใน วิชา วืวัฒนาการ ด้วย หลักฐาน หรือ ด้วย ความศรัทธา ใน ลัทธิของ ดาร์ วิน, หรือเชื่อไปตามอัตโนมัติ และอาจารย์ มีความเลื่อมใส ในคำสอน ของศาสนา ต่างๆ หรือ ไม่? และเพราะเหตุใด? อาจารย์นับถือศาสนาอะไรหรือไม่? (ขออภัยด้วยครับ)” คำอธิบาย ผมเห็นด้วยกับทฤษฎีวิวัฒนาการเพราะมีหลักฐานสนับสนุนชัดเจนครับ ผมมีความเลื่อมใสในคำสอนของศาสนาต่างๆ เพราะทุกศาสนาล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดีครับ แม้ว่าหลายๆ คนที่ผมเคยพบเจอจะไม่ได้คิดเช่นนั้น โดยพื้นฐานศาสนาที่ผมนับถือคือพุทธครับ โดยมีเงื่อนไขการใช้ “สามัญสำนึก” หรือ “common sense” เป็นสิ่งสำคัญเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตด้วย ประสบการณ์จากศาสนา อื่นเช่น คริสต์ (จากโรงเรียนที่เคยศึกษาอยู่ 12 ปี), อิสลาม (จากแฟนที่เคยคบกันอยู่ 1 ปี, ช่วงปี นั้นผมกินแต่ halal food เท่านั้นครับ ได้รู้ได้เห็น และมีประสบการณ์หลายอย่าง ทั้งที่ดีและไม่ดี เป็นมุมมองก่อนเกิด September 11, แฟนที่เคยคบกันนั้นไม่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการครับ), และ secular humanist ก็ได้นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยครับ จะเรียกว่า Pragmatism คงได้ครับ (ตามชื่อสมญา Practical x 2 ด้วย) -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 17:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 #52 มีการค้นพบหลักฐานฟอสซิลในชั้นหิน Pre-cambrian ดังที่ผมได้กล่าวไว้ในความคิดเห็นที่ 58 แล้วครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 17:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 63 # 53 ย่อหน้าต้นๆ ผมเคยทราบแล้วครับ จากแฟนและ หนังสือต่างๆ ที่เขาซื้อและหามาให้อ่าน ในหนังสือ "Understanding Islam" ที่เป็นปกสีเหลืองอ่อน และมีวงกลมสีเขียว อ่านหลายรอบเหมือนกันครับ ^ ^ คงเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นๆ ที่ยังไม่เคยอ่านนะครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 17:33:32 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ########################################### ทฤษฎีวิวัฒนาการ ประกอบไปด้วยลักษณะทั้ง 5 ของวิทยาศาสตร์ คือ ########################################### 1. มีความเกี่ยวเนื่องกับธรรมชาติ (naturalism) ทฤษฎีวิวัฒนาการใช้อธิบายความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุ เป็นผลกัน ซึ่งต่างจาก creationism ซึ่งเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่สามารถใช้ความคิดเห็นทางวิทยา ศาสตร์มาเกี่ยวข้องได้ ความเชื่อทางศาสนาส่วนใหญ่ถือเป็น supernaturalism ครับ 2. สามารถสังเกตเห็นได้ (empiricism) วิวัฒนาการไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ในอดีตแล้วจบไป หากแต่เป็นสิ่งที่ยังเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน สามารถทดลองให้เห็นได้ในห้องปฏิบัติการ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ peppered moth ดังที่ผมได้อธิบายไว้แล้วในลิงก์นี้ครับ ความคิดเห็นที่ 10 http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=2&action=view ส่วนความเชื่อในศาสนาส่วนใหญ่ถือเป็น Revelation ครับ ไม่ใช่ empiricism 3. ถูกพิสูจน์ให้ผิดได้ด้วยหลักฐาน (falsifiability) เช่น ถ้าเราพบหลักฐานฟอสซิลอยู่อย่างสะเปะ สะปะในชั้นหิน (geological strata) อย่างกระดูกหมาหรือแมว อยู่ในชั้นหินยุค precambrian แล้วล่ะก็ทฤษฎีวิวัฒนาการจะผิดแน่นอน แต่จากหลักฐานฟอสซิลต่างๆ ที่ผมเคยนำเสนอ ไม่มีหลัก ฐานฟอสซิลแม้แต่ชิ้นเดียวที่อยู่ผิดที่ผิดทาง เราไม่สามารถ falsify ความเชื่อทางศาสนาได้ครับ เช่น ถ้าผมกล่าวว่าผู้อ่านกระทู้นี้อยู่เพิ่งถูกพระเจ้าสร้างขึ้นมาเมื่อ 5 นาทีนี้ ท่านที่อ่านกระทู้อาจนึกตลก แต่แค่เพียงผมบอกว่า พระเจ้ามีอำนาจสูงส่งย่อมสามารถสร้างผู้อ่านกระทู้รวมถึงกระทู้นี้ขึ้นได้เมื่อห้า นาทีที่แล้วและใส่ความทรงจำอดีตต่างๆ ให้แก่ผู้อ่านกระทู้ทุกท่าน เท่านี้คุณก็พิสูจน์ว่าประโยคที่ผม กล่าวเป็นเท็จไม่ได้แล้วครับ (unfalsifiability) 4. ใช้ทำนายปรากฏการณ์ได้ (predictive power) ในความหมายนี้ไม่ได้หมายถึงการทำนายอนาคต ครับ แต่หมายถึงใช้ทฤษฎีในการทำนายว่าควรจะพบเห็นอะไร อย่างกรณีของผีเสื้อกลางคืน Xanthopan morgani praedicta ที่ดาร์วินทำนายไว้ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถ ในการทำนายของทฤษฎีวิวัฒนาการในแง่ natural selection ได้เป็นอย่างดี อ่านรายละเอียด เพิ่มเติมได้ในลิงก์นี้ครับ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=14&action=view 5. มีความเปิดกว้างยอมรับหลักฐานใหม่อยู่เสมอๆ (open-mindedness) มีการปรับปรุงทฤษฏี วิวัฒนาการให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา ด้วยหลักฐานและข้อมูลใหม่ๆ คนที่สนับสนุนทฤษฏีวิวัฒนาการไม่ มีใครเห็นว่าทฤษฏีนี้ผิดพลาดไม่ได้หรอกครับ หากแต่ต้องพูดให้ถูกประเด็น ไม่ใช่บอกถูกเป็นผิด หรือบิดเบือนหลักฐาน อย่างในหลายๆ กรณี ที่เห็นกันบ่อย จากกลุ่ม creationist ที่โจมตีทฤษฏี วิวัฒนาการครับ ความเชื่อทางศาสนาจะตรงข้ามกันเลยครับเพราะถือเป็นข้อบังคับ เรื่องกำเนิดของ สิ่งมีชีวิตก็เช่นกัน revelation กับ dogma เป็นสิ่งที่ควบคุมความคิดของกลุ่ม creationist แล้ว เปรียบเหมือนเทน้ำลงในโถแก้ว น้ำย่อมมีรูปร่างตามโถแก้วนั้นเอง เอกสารอ้างอิง http://www.infidels.org/library/modern/ken_saladin/saladin-gish2/saladin1.html จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 20:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ########################################### # 55 เชื่อว่าการมีบรรพบุรุษเป็นลิงเป็นการดูแคลนความเป็นมนุษย์ ########################################### สิ่งที่เราอยากให้เป็นไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนะครับ ความคิดในลักษณะ ถือเป็น excessive pride (หรือ hubris) อย่างหนึ่งครับ ผิดนักหรือที่มนุษย์มีความเกี่ยวพันกับลิง ตามประเพณีของชนเผ่าโยรูบา (Yoruba) ของแอฟริกา เชื่อว่าฝาแฝดสืบเชื้อสายมาจากลิงและนำมาซึ่ง โชคลาภ (Courlander, 1996, pp. 233-238) ความเกี่ยวเนื่องของ มนุษย์กับลิงไม่ได้ทำให้เราเป็นลิง หรือทำให้คุณมีความแตกต่างไปจาก สภาวะที่คุณเป็นอยู่อย่างใดครับ อีกประการหนึ่งวิวัฒนาการไม่ได้กล่าวว่ามนุษย์สืบเชื้อสายมาจากลิง หาก แต่ว่า มนุษย์และลิงมีบรรพบุรุษร่วมกัน ครับ เอกสารอ้างอิง http://www.talkorigins.org/indexcc/CA/CA640.html จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 20:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณแมทท์ลองช่วยวิจารณ์ ข้อ 3. และข้อ 5 ในความคิดเห็น 64 หน่อยสิครับ ผมว่าอาจารย์ และหลายท่านพูดแบบนี้บ่อยแล้ว แต่ยังไม่เคยมีใครแย้งได้ซักครั้ง ผมเห็นว่าคุณแมทท์มีศักยภาพกว่าท่านอื่นๆน่ะครับ เลยอยากฟังความคิดเห็น จากคุณ : Ont - [ 5 ม.ค. 48 21:36:55 A:61.90.122.234 X: TicketID:001332 ]

ความคิดเห็นที่ 67 Basic Chemistry อาจารย์ว่า .. คุณแมทท์กล่าวถึงวิชาเคมีไม่ถูกต้องนะครับ H2 และ O2 เป็นโมเลกุลครับไม่ใช่อะตอม การเรียน วิชาเคมีไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของมนุษย์และสัตว์ก็ได้ เช่น การศึกษาโครงสร้าง ปิรามิดของโมเลกุล ก๊าซมีเทน (methane, CH4), สถานะของน้ำไม่ได้ขึ้นกับอุณหภูมิ อย่างเดียวหากแต่ขึ้นกับความดันด้วย ผมว่า .  ชีวิต กับ เคมี  มีความสัมพันธ์ กันมา ตั้ง แต่ พระเจ้า สร้าง โลก และ สร้าง มนุษย์ คนแรกมาแล้วครับ, สว่น การศึกษา โครงสร้าง ปิรามิดของโมเลกุล ก๊าซมีเทน(methane, CH4), นั้นเป็นเรื่องของการวิจัย ซึ่ง สูงเกินไปสำหรับผม   แต่ผมต้องการจะ ทำความเข้าใจ Basic Chemistry เสียก่อน ถ้าเรากล่าวว่า ประโยคคำพูด “ น้ำ เกิด จากไฮโดรเยน 2 อะตอม ทำปฏิ กริยา กับ อ๊อก ซิเยน หนึ่ง อะตอม"                              แต่ว่า  Hydrogen และ Oxygen  ธาตุทั้งสอง นี้ เป็น Gas มันจะอยู่ ในสภาพ  Atom  ไม่ได้,  มันจะต้องอยู่ในสภาพ โมเลกุล เช่น H2  และ  O2 (เมื่อ มัน อยู่  “โดด เดี่ยว” หรือ เขียน โดดเดี่ยว) แต่ ในปฏิกริยา เคมี  เรา พูด ได้ ว่า       Hydrogen 2 Atom +Oxygen 1 Atom  จะ  ได้ น้ำ 1 โมเลกุล(H2O) หรือ เรา จะ กล่าว ว่า   Hydrogen 1 โมเลกุล + Oxygen 1 Atom จะได้   น้ำ 1 โมเลกุล(H2O) แต่ว่า นักเคมีเขาไม่พูดกัน  ตามปกติเมื่อเรา  เขียน  โมเลกุล ของ น้ำ เดี่ยวๆ  เรา จะเขียน ว่า  “  H2O “                         น้ำ  1 โมเลกุล  ประกอบด้วย    Hydrogen 2 Atom และ  Oxygen 1 Atom     แต่เขาไม่นิยมพูดอย่างข้างล่างนี้ว่า   น้ำ 1 โมเลกุล  ประกอบด้วย Hydrogen 2 โมเลกุล และ Oxygen 1  โมเลกุล เราจะเห็นได้ว่า  เมื่อ มันเป็น สาร ประกอบ  H2O  เราสามารถที่จะเขียน  Oxygen ในรูป ของ Atom ได้            1.   H2  +  O2    =     H2O  (H  2  atoms และ O  1 atom)              2.   เพื่อทำให้สมการสมดุลย์   2 H2 + O2    =   2H2O     แต่ถ้าอาจารย์ จะ กล่าวว่า   Hydrogen 2 โมเลกุล + Oxygen 1 โมเลกุล  จะได้ น้ำ 1 โมเลกุล( H2O)  ผมก็จะไม่คัดค้านอะไร และไม่ถือว่าผิด    แต่ว่า นักเคมีเขาไม่พูดกัน ลองอ่านข้อความข้างล่างซิครับ ว่า ในอเมริกา เขา อธิบาย  Chemistry กันอย่างไร “Water is an example of a compound substance, or chemical compound. Its molecule contains three atoms, two atoms of hydrogen, and one atom of oxygen. If a quantity of these two elements were mixed, the result would be a mechanical mixture of the molecules of the two. But if heat, or some other adequate cause were made to act, chemical action would follow and the molecules, splitting up, would combine atom with  atom. Part of a molecule of oxygen--one atom--would combine with part of two atoms of hydrogen--two atoms. The result would be the production of a quantity of molecules of water. Each water molecule contains one atom of oxygen and two atoms of hydrogen.” ดังนั้น ตามที่ผมกล่าวว่า,   “น้ำ เกิด จากไฮโดรเยน 2 อะตอม ทำปฏิ กริยา กับ อ๊อก ซิเยน หนึ่ง อะตอม   จึงไม่ต่างไปจาก ประโยคในภาษาอังกฤษที่ว่า            “Water  is an example of a compound substance, or chemical compound. Its molecule contains three atoms,  two atoms of hydrogen, and one atom of oxygen.” หรืออาจจะกล่าวย่อๆว่า            “Water contains   two atoms of hydrogen, and one atom of oxygen.” หรือ Each water molecule contains one atom of oxygen and two atoms of hydrogen. ผมหวัว่า อาจารย์คง เข้าใจการอธิบายของผมนะครับ   ผิดถูกอย่างไรขอความกรุณาด้วย แมทท์ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 48 21:57:00 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 48 21:46:29 แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 48 21:38:32 จากคุณ : แมทท์ - [ 5 ม.ค. 48 21:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ########################################### ความคิดเห็นที่ 56 ของคุณแมทท์ ########################################### "เผอิญนึกถึงปฏิกริยาเคมีอันหนึ่งเรียกว่า “condensation reaction” ที่เกิดขึ้น ในปฎิกริยาของการสร้าง “peptide bond” มีดังนี้... ในขณะที่ amino acids รวมตัว หรือ ต่อ กัน เป็น โปรตีนนั้น มันจะต้องเชื่อม ต่อกันด้วย“peptide bond” และในขณะที่ มีการสร้าง “peptide bond”.นี้ ปฏิยาเคมี จะปลดน้ำ จำนวน 1 โมเลกุล เนิ่องจาก ในการสร้าง สาร โปรตีน โดย การ เชื่อม โยง ของ amino acids ด้วย “peptide bond”. จำนวน มากเช่นนี้ จะทำใให้ น้ำ ถูก ปลดปล่อย ออกมาเป็น จำนวนมาก เพื่อสร้าง โปรตีน เนื่องจาก ในวิชาเคมีเราทราบว่า ปฏิกริยาเคมีที่มีการ ปลดปล่อย โมเกุลของ น้ำ ใน ขณะที่เกิดปฏิกริยานั้น หรือ ที่เรียกว่า “condensation reaction” ตามกฎของ “Le Ch&acirc;telier”, กฎนี้ กล่าวว่า “condensation reaction” จะไม่ เกิด ขึ้น ใน สิ่งแวดล้อม ที่ เป็น “ น้ำ “ หรือ มีโอกาศที่จะเกิดขี้น ในสิ่งที่เป็น น้ำ น้อยมากที่สุด หรือไม่มีเลย นอกห้องปฏิบัติการ" ########################################### ในฐานะที่ผมเคยเป็นติวเตอร์วิชาเคมี, เป็น Teaching Assistant วิชาชีวเคมี, ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเกี่ยวกับเรื่องของเอนไซม์ และ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิชาเอนไซม์ให้นักศึกษาปริญญาโท ต้อง ขอแย้งคุณแมทท์เรื่องการอธิบายการเกิด peptide bond โดยใช้ หลักของเลอชาเตอลิเย (Le’chatelier’s principle) ครับ การ เกิดปฏิกิริยา condensation ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัย ไรโบโซม มาเร่งปฏิกิริยาเคมีทำให้ปฏิกิริยา polymerization ของกรดอะมิโนเกิดเป็นโปรตีนขึ้นได้ ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวเกิดขึ้น อยู่ตลอดเวลาในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายซึ่งล้วนแต่มีน้ำเป็น องค์ประกอบครับ ดังนั้นที่ว่าปฏิกิริยานี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ใน สภาวะแวดล้อมที่เป็นน้ำจึงไม่ถูกต้องครับ กฎของเลอชา เตอลิเย กล่าวว่าถ้าสมดุลเคมีถูกรบกวน ระบบจะสร้างสภาวะ สมดุลเคมีขึ้นใหม่ในทิศทางที่จะลดการรบกวนนั้น โดย เปรียบเทียบ Q หรือ reaction quotient กับ K หรือ equilibrium constant ของปฏิกิริยานี้ เมื่อเริ่มปฏิกิริยา เราต้องพิจารณาค่า Q ก่อนครับ สมมุติ A และ B คือกรด อะมิโน, P คือสายโปรตีนและ W คือน้ำ เราเขียนปฏิกิริยา ได้ดังนี้ A + B <---> P + W Q = [P][W]/[A][B] เนื่องจาก ณ จุดเริ่มต้นมีแต่กรด อะมิโน และไม่มีสายโปรตีนหรือน้ำเลย ดังนั้น Q = 0 แน่นอนว่า หลังการเกิดปฏิกิริยาที่สภาวะสมดุลจะมี สายโปรตีนและน้ำเกิดขึ้น ทำให้ได้ ค่า K > 0 หรือ Q < K นั่นเอง จากกฏของเลอชาเตอลิเย ปฏิกิริยาเคมี ในลักษณะนี้จะไปข้างหน้าเสมอ หรือ A + B ----> P + W ครับ เอกสารอ้างอิงสามารถหาอ่านได้จากแบบเรียนวิชาเคมี ระดับอุดมศึกษาทั่วไปครับ (ระดับม.ปลายอาจมีด้วยครับ) ที่คุณแมทท์กล่าวมาจึงไม่ถูกต้องครับ นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างการประยุกต์ใช้กฏเลอชาเตอลิเย ที่สภาวะสมดุลที่ผมได้อธิบายไว้แล้วในเวปของ Practical x 2 ที่นี่ครับ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=practical-x-2&group=5 ########################################### จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 22:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 69 # 67 นิยามของอะตอมและโมเลกุล หาอ่านได้ทั่วไปครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 5 ม.ค. 48 23:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ########################################### ความคิดเห็นที่ 53 ของคุณแมทท์ ########################################### “ผมว่า ........... ขอยกตัวอย่าง  การสร้างมนุษย์ ตามธรรมชาติ หลังจาก พระองค์ได้สร้าง มนุษย์คู่แรกแล้ว,  ขบวนการนี้ ถูกสร้างและควบคุม โดย พระเจ้าองค์ เดียวเท่านั้น ที่บัญญัติ ไว้ ในคัมภีร์ อัลกุรอาน ของ ศาสนาอิสลาม 1.พระองค์ทรงสร้างเจ้าไว้ในมดลูกของมารดาของเจ้า เป็นขั้นๆใน ความมืดของผนังสามชั้น (39:6) (ผนังท้อง, ผนังมดลูก และ ผนัง ถุงน้ำคร่ำ) 2.แล้วเราวางมันเป็นหยดหนึ่ง(ไข่ที่ผสมแล้ว ) ไว้ในที่อยู่อย่างมั่นคง 23:13 3.แล้วเราก็สร้างหยดนั้นให้กลายเป็นโครงสร้างที่คล้ายตัวปริง 23:14 4.“แล้วเราก็ทำให้มันเจริญขึ้นเป็นร่าง(ชิวิต) ใหม่ขึ้นมา” 23:14 5.และจากก้อนเนื่อที่มีลักษณะคล้ายตัวปริง บางตัวก็สมบูรณ์และ บางตัวก็ไม่สมบูรณ์”  22:5 (Genetic variation) 6.ดังนั้นเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่เจ้า, และเรากำหนด ให้เจ้าอยู่ในครรภ์ จนกระทั่งถึง เวลา ที่สมควร”  22:5 7.และพระองค์ได้ให้ เจ้าการได้ยิน, และสายตา และ ความรู้สึก และ การเข้าใจ 32:9” ########################################### ไม่ควรตีความคัมภีร์ทางศาสนามาเปรียบเทียบกับวิทยาศาสตร์ครับ เพราะวัตถุประสงค์ของคัมภีร์ทางศาสนาคือสอนศาสนา ไม่ใช่วิทยา ศาสตร์ และหลายสิ่งหลายอย่างที่คิดว่ากล่าวไว้ถูกต้องอาจอธิบายได้ โดยการสังเกตธรรมชาติอย่างง่ายๆ หรือการเลือกตีความเฉพาะบาง จุด  อีกประการหนึ่งอาจทำให้ผู้คนมองคุณค่าของคัมภีร์ลดลงถ้าอ่าน แล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือไม่สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ และจะว่าไป คัมภีร์ของทุกศาสนาก็มีบางส่วนที่เข้ากับวิทยาศาสตร์ได้ ดังนั้น ทุกคัมภีร์จึงถูกหมด? ลักษณะของเอมบริโอที่กล่าวไว้ใน Qur’an สอดคล้องกับความรู้ ทางด้านเอมบริโอของกรีกโบราณในยุคนั้น ที่อธิบายไว้โดยหมอชาว กรีกที่ชื่อ Galen ครับ มีบันทึกไว้ตั้งแต่ ค.ศ. 150 แล้ว คำกล่าวใน Sura 23:12-14 สะท้อนถึงแนวคิดทางด้านเอมบริโอในยุคนั้นครับ อีกประการหนึ่งพระสหายขององค์ศาสดามูฮัมหมัดเป็นหมอ ที่ชื่อ Harith Ibn Kalada ศึกษาที่ Jundishapur ในเปอร์เซียครับ ซึ่งพระสหายท่านนี้ย่อมมีความรู้ในคำสอนของอริสโตเติล (Aristotle), ฮิปโปเครตีส (Hippocrates) และ กาเลน (Galen) เป็นอย่างดีครับ Qur’an ยังได้บรรยายที่มาของมนุษย์จาก พื้นดิน (earth) (11:61), ดินเหนียว (clay) (15:26), โคลน (mud) (23:12), ฝุ่น (dust) (30:20), น้ำ (water) (25:54), และ ความว่างเปล่า (nothing) (19:67) ด้วยครับ เอกสารอ้างอิง Dr. Lactantius, 1996, 1999. Embryology in the Qur'an. http://answering-islam.org.uk/Quran/Science/embryo.html Needham, Yusuf and Butrus Needbeer, 2003. Qur'anic embryology. http://www.geocities.com/freethoughtmecca/embryo.html แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 48 00:14:56 จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ม.ค. 48 00:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 71 สวัสดีครับอาจารย์ อาจารย์ว่า....... ในฐานะที่ผมเคยเป็นติวเตอร์วิชาเคมี, เป็น Teaching Assistant วิชาชีวเคมี, ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก เกี่ยวกับเรื่องของเอนไซม์ และ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนวิชาเอนไซม์ให้นักศึกษาปริญญาโท ต้องขอแย้งคุณแมทท์เรื่องการอธิบาย การเกิด peptide bond โดยใช้ หลักของเลอชาเตอลิเย (Le’chatelier’s principle) .. ผมว่า................เรื่องความรู้ของอาจารย์ ผมไม่เคยมีข้อสงสัยเลยครับ และไม่เคยแม้สักนิดเดียว ที่จะ ลบหลู่ เพราะ คนที่เป็นครูบาอาจารย์ เป็น ผู้ มีลักษณะ และน้ำ ใจเอื้อ อารี เป็น พิเศษ กว่า อาชีพอื่นๆ, ที่ผม Enjoy สนทนา กับ อาจารย์ ก็เพราะ ผม ได้ ทบทวน และ เรียน รู้ ของ ทั้งเก่า และ ใหม่ จาก อาจารย์ อีก มาก มาย แต่ ที่ สงสัย และ ยัง ไม่ เห็นด้วย ก๊ ต้อง ถาม และ แย้ง เป็น ธรรม ดา ลูกศิษย์ ที่สนใจ ในบางครั้ง ผมอาจจะรวบรัด เกิน ไป ทำ ให้ อาจารย์ ไม่ เข้า ใจ คำอธิบาย และ คำถาม ของ ผม ถ้า สนทนาในรายละเอียด ของ แต่ ละ วิชาที่เรา อ้าง อิง ก็ ไม่ สนุก เพราะ จะออก นอก เรื่อง จน เกิน ไป เช่น ในการ ศึกษา เคมี บางตรั้ง เรา จะ เอา ไป ต่าม คำจำกัด ความ ก็ ไม่ได้ เพราะ มัน ไม่ Make sense เช่น ผมเดิน ไป หน้าบ้าน เห็น น้ำ แข็ง ที่หน้ารถ กำลังละลาย เป็น น้ำ ด้วยแสงแดด ในขณะเดียว กัน ผม ก็ สังเกตุ เห็น มันกลายเป็น ไอ ลอยหายไป ในอากาศ ผมก็ พอจะเข้า ใจได้ ว่า น้ำ มัน มี อยู่ สามสถานะในสภาวะธรรมชาติ จริงๆ อย่าง ที่ ครูสอนมา คือ ของแข็ง, ของเหลว และ แก๊ส, โดยไม่ได้ มองดูบาโรมีเตอร์ ว่า อากาศ หน้ารถ นั้น มีความกดดัน เท่าใด ส่วนเรื่องกฎของ Le’chatelie ก็ เช่นกัน ผมว่า .เนื่องจาก ในวิชาเคมีเราทราบว่า ปฏิกริยาเคมีที่มีการ ปลดปล่อย โมเกุลของ น้ำ ในขณะที่เกิดปฏิกริยานั้น หรือ ที่เรียกว่า “condensation reaction” ตามกฎของ “Le Châtelier”, กฎนี้ กล่าวว่า “condensation reaction” จะไม่เกิด ขึ้น ใน สิ่งแวดล้อม ที่ เป็น “ น้ำ “ หรือ มีโอกาศที่จะเกิดขี้น ในสิ่งที่เป็น น้ำ น้อยมากที่สุด หรือไม่มีเลย นอกห้องปฏิบัติการ อาจารย์ ว่า .เกิดปฏิกิริยา condensation ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัย ไรโบโซม มาเร่งปฏิกิริยาเคมีทำให้ปฏิกิริยา polymerization ของกรดอะมิโนเกิดเป็นโปรตีนขึ้นได้ ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวเกิดขึ้น อยู่ตลอดเวลาในเซลล์ ของ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ซึ่งล้วนแต่มีน้ำเป็น องค์ประกอบครับ ดังนั้นที่ว่าปฏิกิริยานี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ใน สภาวะแวดล้อมที่เป็นน้ำจึงไม่ถูกต้องครับ ผมว่า..........ที่เรากำลังพูดกันอยู่ เราพูดถีง การ เกิดปฏิกริยา นอก เซล ของสิ่ง มีชิวิต ตอนนั้น ยัง ไม่มีสิ่งมีชีวิต เลยครับ ผมแย้งว่า โปรตีน จะ เกิดได้อย่างไร ใน น้ำ ซุบ ของ สาร Inorganic มาเป็น Organic เรากำลังพูด ถึง การ เกิด โปรตีน โดย ธรรม ชาติ จาก สภาวะสิ่งแวดล้อม ในน้ำ ซึ่งเป็น คำ อธิบาย Origin of Species ของ นัก Evolutionistห ที่ว่า ชีวิตเริ่มต้น จาก น้ำ ซุบ อะไร ทำ นอง นั้น ครับ ดังนั้น กฎของ Le Châtelier จึงสามารถ นำมา Apply ในที่นี้ได้ ซึ่งชี้ ให้เห็น ว่า การ “เดา และ คาด คะเน ของ นักวิวัฒนาการ ไม่ ถูกต้อง นะครับ เราจะไปคาดคะเน สภาวะแวดล้อม เมื่อ 1000 ล้านปีได้อย่างไร การเดา การ คาดคะเน ไม่ใช่ขบวน การทาง วิทยาศาสตร์ อาจารย?ว่า........... นิยามของอะตอมและโมเลกุล หาอ่านได้ทั่วไปครับ ผมว่า .........อาจารย์ ยังไม่ตอบผมเลยว่า คำอธิบายที่ว่า 1. Hydrogen 2 Atom + Oxygen 1 Atom จะได้ น้ำ 1 Molecule (H2O) (แมททฺ) 2. Hydrogen 2 Molecule + Oxygen 1 Molecule จะได้ น้ำ 1 Molecule (H2O) (อาจารย์) 3. Water contains two atoms of hydrogen, and one atom of oxygen(US High Scool Text.) ขัอ 1 2 3 ข้อใดที่เป็น ที่นิยมในการอธิบายวิชาเคมีเบื้องต้น ให้ นักศึกษาฟัง อาจารย์ ต้อง ชี้ แจง นะ ครับ ถ้า นักศึกษามาตามผม แล้ว สอบตก มันจะไม่ดีครับ ผมว่า เราลอง มาทำความเข้าใจ กับ คำกล่าว ของ ดารฺ์ วินที่ว่า, "There is grandeur in this view of life, with its several powers, having been originally breathed into a few forms or into one;” คำว่า Grandeur หมายความว่า the quality or state of being grand, magnificence, หรือ the glory ซึ่งคำเหล่านี้ เป็น นาม ทีใช้กับ ผู้สูงส่ง เช่น “พระเจ้า” โดยเฉพาะ ดาร์วินกล่าวว่า.. “ ความคิดเห็น เกี่ยว กับ “ชีวิต” ในที่นี้ คิดว่า มีผู้ที่ สูงส่ง, ด้วยอานุภาพทั้งหลาย ของ เขา (ผู้ที่ สูงส่ง), ได้ทำให้บังเกิด (สิ่งที่มีชีวิต) ในครั้งเริ่มแรกขึ้นโดยทันทีทันใด สองสามชนิดหริอ ทำให้เกิดขึ้น แต่เพียงชนิดเดียว . ในที่นี้ ดารฺ์ วิน อธิบาย “Origin of Species” ว่า การเกิด ของชีวิต แต่เริ่มแรกนั้น เกิดขึ้นมาในพริบตาเดียว ด้วย อานุภาพ ของผู้สูงส่ง (ซึ่งจะเป็น ใครอื่น ไม่ได้ นอก จาก องค์พระผู้เป็นเจ้า เท่านั้น), อาจารย์ว่า...???? อาจารย์ไม่ว่า????? ผมว่า อาจารยฺ์ ยังไม่ได้ ช่วยผมออกความเห็น เลย ว่า “ ชาลส์ดาร์ วิน “ มีความเห็น เกี่ยว กับ Origin of Species อย่างไร? แมทท์ จากคุณ : แมทท์ - [ 6 ม.ค. 48 02:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อาจารย์ว่า ..ไม่ควรตีความคัมภีร์ทางศาสนามาเปรียบเทียบกับวิทยาศาสตร์ครับราะวัตถุประสงค์ของคัมภีร์ ทางศาสนาคือสอนศาสนา ไม่ใช่วิทยา ศาสตร์ และหลายสิ่งหลายอย่าง ที่คิดว่ากล่าวไว้ถูกต้องอาจอธิบายได้ โดยการสังเกตธรรมชาติอย่างง่ายๆ หรือการเลือกตี ความเฉพาะ บาง จุด อีกประการหนึ่งอาจทำ ให้ผู้คนมองคุณค่าของคัมภีร์ลดลงถ้าอ่าน แล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือไม่สอดคล้อง กับวิทยาศาสตร์ และ จะว่าไป คัมภีร์ของทุกศาสนาก็มีบางส่วนที่เข้ากับวิทยาศาสตร์ได้ ดังนั้น ทุกคัมภีร์จึงถูกหมด? ลักษณะของ เอมบริโอที่กล่าวไว้ใน Qur’an สอดคล้อง กับความรู้ทางด้านเอมบริโอของกรีกโบราณในยุคนั้น ที่อธิบายไว้โดยหมอชาว กรีกที่ชื่อ Galen ครับ มีบัน ทึกไว้ ตั้ง แต่ ค.ศ. 150 แล้ว คำกล่าวใน Sura 23:12-14 สะท้อนถึงแนวคิดทางด้านเอมบริโอ ในยุคนั้น ครับ อีกประการ หนึ่ง พระ สหายขององค์ ศาสดามูฮัมหมัด เป็นหมอ ที่ชื่อ Harith Ibn Kalada ศึกษาที่ Jundishapur ในเปอร์เซียครับ ซึ่งพระ สหาย ท่าน นี้ย่อม มีความรู้ในคำสอน ของอริสโตเติล (Aristotle), ฮิปโปเครตีส (Hippocrates) และ กาเลน (Galen) เป็นอย่าง ดีครับ ผมว่า จาก การเขียนของอาจารย์ ข้างบนนี้ แสดง ว่า อาจารย์ ยังไม่เข้า ใจ วัตถุประสงค์ ของ คัมภีร์ อัลกุรอาน, และดูเหมือน กับว่า จะกล่าวไปในทำนองว่า หลักการ ทาง Embryo นั้น ลอกมาจาก นายอริสโตเติล ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด ของ อาจารย์ ผมให้อภัยครับ คัมภีร์ อัลกุรอาน ไม่ ใช่ หนังสือ ที่เอา ไว้ สำหรับ สวด, หรือ อ่าน เป็น ทำนอง เพลง ว่า เสียง ใคร จะ ไพเราะ กว่า กัน หรือ เพื่อ ใช้ ในการ ประกวด ชิงรางวัล ในการอ่าน, ในอัลกุรอาน เป็น การรวบรวม ศาสตร์ ต่างๆ, ความรู้ ความ เฉลียว ฉลาด, เป็นการ สอน ในการ ใชั อุปมา อุปมัย , นิทานสุภาษิตสอนใจ ผู้ที่ศึกษาและเข้าใจ จะได้ ความรู้ และ ความ เฉลียว ฉลาด ตาม ความ มุ่ง หวัง ของ พระ ผู้ เป็น เจ้า สอนให้ คนรู้ จัก ที่มาและจุด จบ ของ ชีวิต อัลกุรอาน เป็น วิทยาศาสตร์ ในเนื้อหา การนำความรู้ ในอัลกุรอาน แล้ว นำมา Apply ใช้กับ ชีวิตประจำวัน เพื่อ ให้ เข้า ใจ กฎธรรมชาติ คือ จุด ประสงค์ ของ องค์ พระ ผู้ เป็น เจ้า ที่จะให้เข้า ใจ ใน สภาวะแวดล้อม ที่พระองค์ ทรงสร้างไว้ ดังนั้น มุสลิม ที่ ศึกษาอัลกุรอาน แล้ว เข้า ใจ นำมาประ ยุกต์ ใช้ กับ ชีวิตประ จำวัน จะ เห็น ความจริง ใน ความมีอยู่ ของ องค์ พระ ผู้ เป็น เจ้า อย่าง แท้ จริง นี่คือวัตถุประสงค์ ที่แท้จริงของ อัลกุรอาน คืออ่านให่เข้าใจ เพราะ บรรจุความรู้ ไว้ หลาย สาขา ศีลธรรม, จรรยาธรรม, กฎหมาย, กติกาการสงคราม และ การปฏิบัติ ศาสนกิจ ฯลฯ ผู้ ที่เข้า ใจความมุ่ง หมาย และ ความรู้ ในอัลกุรอาน ไม่ จำเป็น ต้อง ตีความ บิด เบือน เพื่อ จะ ให้ ตรง กับ วิทยาศาสตร์ เพราะ ความ รู้ ทาง วิทยาศาตร์ บางสาขาที่ เรา เรียน อยู่ นี้ ก็ คือ การ ที่ จะ Falsify หรือ พิสูจน์ ว่า ไม่มีพระเจ้าผู้ สร้าง แต่ความรู้ ทาง วิทยา ศาสตร์ บาง อย่าง ก็ นำเอา ความรู้ จาก คัมภีร์ ที่ให้ ไว้ เป็น ข้อ คิด มา ค้น หา ความจริง เช่น วิชาการทาง วิวัฒ นา การ เป็น ต้น ความ รู้ ใน ด้าน การเกิดตัวอ่อน ในครรภ์ มารดานั้น เป็นความรู้ ที่พระเจ้า ให้ไว้ เพื่อ ให้ มนุษย์ เข้า ใจและรู้จักตัวเอง ความหมาย ชัดเจน ไม่ต้อง การตี ความอะไร คนธรรมดาก็ เข้า ใจได้ ไม่ต้อง เป็น หมอหรือ นัก ชีววิทยา การไม่มีศาสนา กับการ ไม่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียวหรือ พระผู้สร้างนั้นต่างกัน, ผู้ ที่มีศาสนา อาจจะ ไม่เชื่อ ในพระเจ้า ก็ ได้, แต่เขา อาจจะ มีความ เชื่อเรื่อง จิตวิญญาณ เช่น ใน ศาสนาพุทธและ พราหมน์, คำถามที่ว่า ผู้ที่ ประกาศตัวว่า ไม่ เชื่อ ถือ ในศาสนา (พุทธ, คริสต์, และ อิสลาม ฯลฯ)ใดๆ ทั้ง สิ้น, เขาจะเอาระเบียบ ของ จิตใจมาจากไหน? ทั้งนี้ เพราะ ทุกๆ ศาสนา มีการสอน ให้ คน รู้ จัก รักษา ระเบียบ ของ จิตใจ(เช่น หลัก ศีล 5 ของ พุทธศาสนา เป็น พี้นฐาน หลักสำตัญ ที่มีอยู่ ใน ทุกๆ ศาสนา) คำตอบก็คือ ผู้ที่ ประกาศตัวว่า ไม่ เชื่อ ถือ ในศาสนา เขาได้รับ ระเบียบ ทาง จิตใจ มาจาก สิ่ง แวด ล้อม, เช่น เดียว กับ การ ที่เรา เอา สัตว์ ป่า มาเลี้ยง เพื่อ ใช้ งาน เช่น ช้าง,ม้า, วัว, ควาย เอามาฝีกหัดให้ อยู่ ในระเบียบ ของ มนุษย์ สัตว์ เหล่า นี้ ก็ สามารถ ที่ จะปรับตัว ให้ เข้า กับ สัง คม มนุษย์ ได้ ดังนี้ เป็นต้น, แต่ ผู้ที่ไม่มีศาสนานั้น เขาจะพบความ ยากลำบาก ในรุ่นลูก รุ่น หลาน ที่เกิดขึ้น มา เพราะ มี พ่อ แม่ ที่ ไม่สามารถ ที่ จะอบรม ศิลธรรม และ จริ ยา ธรรม ให้ แก่ เขา, เด็กๆ เหล่า นั้น ก็ จะ เจริญ เติบโตมา โดยไม่มีจุดมุ่ง หมายของ ชี วิต, จะใช้ชีวิต ตาม ยถา กรรม และจะต้องพยายามปรับตัวเองไป กับสังคมมนุษย์เพื่อ ความ อยู่ รอด จากคุณ : แมทท์ - [ 6 ม.ค. 48 02:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ดาร์วินก็ผิดได้ครับ ถ้าหลักฐานมันค้าน ตามที่ได้ติดตามมา รู้สึกว่าดาร์วินจะผิดอยู่หลายอย่าง นักวิทยาศาสตร์ก็แก้ไขไปแล้ว ดังนั้น ที่ดาร์วินบอกอย่างนั้น ก็อาจผิด หรือถูกก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับหลักฐาน ...ผมว่าอย่าไปยึดมั่นถือมั่น เลือกเอาเฉพาะที่ดาร์วินพูดแล้วมันสอดคล้องกับความเห็นมาอภิปรายเลยครับ เรื่องลักษณะเอมบริโอมนุษย์นี่ ผมก็พอเดาได้ว่า สมัยนั้น น่าจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่แล้วครับ พอดีอาจารย์ได้เล่ามา ก็เลยคอนเฟิร์มเล็กๆครับ สารตั้งต้นในการเกิดน้ำเป็นโมเลกุลครับ แต่น้ำประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม ออกซิเจน 1 อะตอมครับ...ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กครับ... จากคุณ : Ont - [ 6 ม.ค. 48 08:48:31 A:61.90.122.114 X: TicketID:001332 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ########################################### ความคิดเห็นที่ 71 ของคุณแมทท์ ########################################### “ที่เรากำลังพูดกันอยู่ เราพูดถีง การ เกิดปฏิกริยา นอก เซล ของสิ่ง มีชิวิต ตอนนั้น ยัง ไม่มีสิ่งมีชีวิต เลยครับ ผมแย้งว่า โปรตีน จะ เกิดได้อย่างไร ใน น้ำ ซุบ ของ สาร Inorganic มาเป็น Organic เรากำลังพูด ถึง การ เกิด โปรตีน โดย ธรรม ชาติ จาก สภาวะสิ่งแวดล้อม ในน้ำ ซึ่งเป็น คำ อธิบาย Origin of Species ของ นัก Evolutionist” ########################################### การกำเนิดสปีชีส์หรือ speciation นั้นไม่จำเป็นต้องย้อนกลับ ไปในสมัย primordial earth ครับ ตามที่ผมได้กล่าวไว้แล้ว ในหลายๆ ลิงก์ที่ pantown.com นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งครับ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=6&action=view ส่วนเรื่องของ Abiogenesis หาอ่านได้ที่นี่ครับ http://www.pantown.com/board.php?id=8396&name=board1&topic=4&action=view ########################################### จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ม.ค. 48 08:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คุณแมทท์ครับ คุณยังไม่ได้แย้งอาจารย์เรื่อง ซากฟอสซิลที่พบในชั้นหินที่มีอายุน้อย เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนกว่าที่พบในชั้นหินที่อายุมากนะครับ ผมยังไม่เห็นมีใครแย้ง "หลักฐาน" ข้อนี้ได้เลย อาจารย์ว่า "ถ้าเราพบหลักฐานฟอสซิลอยู่อย่างสะเปะ สะปะในชั้นหิน (geological strata) อย่างกระดูกหมาหรือแมว อยู่ในชั้นหินยุค precambrian แล้วล่ะก็ทฤษฎีวิวัฒนาการจะผิดแน่นอน "... อาจารย์พูดเข้าใจง่ายนะครับ สามัญสำนึกมันก็บอกอย่างนั้นครับ จากคุณ : Ont - [ 6 ม.ค. 48 08:54:59 A:61.90.122.114 X: TicketID:001332 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ########################################### ความคิดเห็นที่ 71 ของคุณแมทท์ ########################################### “ผมว่า .........อาจารย์ ยังไม่ตอบผมเลยว่า คำอธิบายที่ว่า 1. Hydrogen 2 Atom + Oxygen 1 Atom จะได้ น้ำ 1 Molecule (H2O) (แมททฺ) 2. Hydrogen 2 Molecule + Oxygen 1 Molecule จะได้ น้ำ 1 Molecule (H2O) (อาจารย์) 3. Water contains two atoms of hydrogen, and one atom of oxygen(US High Scool Text.) ขัอ 1 2 3 ข้อใดที่เป็น ที่นิยมในการอธิบายวิชาเคมีเบื้องต้น ให้ นักศึกษาฟัง อาจารย์ ต้อง ชี้ แจง นะ ครับ ถ้า นักศึกษามาตามผม แล้ว สอบตก มันจะไม่ดีครับ” ########################################### ผมไม่ได้กล่าวข้อความใน 2. เลยครับ ลองย้อนกลับไปอ่านความคิดเห็นที่ 41 ของคุณแมทท์ครับ “น้ำ เกิด จา กไฮโดรเยน 2 อะตอม ทำปฏิ กริยา กับ อ๊อก ซิเยน หนึ่ง อะตอม (2H2+O2 = 2H2O)” ส่วนนี่เป็นข้อความของผมในความคิดเห็นที่ 59 “คุณแมทท์กล่าวถึงวิชาเคมีไม่ถูกต้องนะครับ H2 และ O2 เป็นโมเลกุลครับไม่ใช่อะตอม” ไม่ทราบว่าคุณแมทท์ตีความเป็น 2. ได้อย่างไร สงสัยคุณแมทท์อยากยกตัวอย่าง วิธีการตีความทฤษฏีวิวัฒนาการของ creationist หรือเปล่าครับ? ข้อความของคุณแมทท์ในความคิดเห็นที่ 41 ควรจะเขียนใหม่เป็น “น้ำ เกิด จา กไฮโดรเยน 2 อะตอม ทำปฏิ กริยา กับ อ๊อก ซิเยน หนึ่ง อะตอม (2H + O = H2O)” ครับ เพื่อสมการเคมีจะได้สัมพันธ์ กับข้อความที่เขียนก่อนหน้าวงเล็บ การเขียนในลักษณะความคิดเห็นที่ 41 อาจทำให้คนอ่านเข้าใจผิดคิดว่า H2 เป็นอะตอมไม่ใช่โมเลกุล ########################################### จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ม.ค. 48 08:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ########################################### ความคิดเห็นที่ 71 ของคุณแมทท์ ########################################### “ผมว่า เราลอง มาทำความเข้าใจ กับ คำกล่าว ของ ดารฺ์ วินที่ว่า, "There is grandeur in this view of life, with its several powers, having been originally breathed into a few forms or into one;” คำว่า Grandeur หมายความว่า the quality or state of being grand, magnificence, หรือ the glory ซึ่งคำเหล่านี้ เป็น นาม ทีใช้กับ ผู้สูงส่ง เช่น “พระเจ้า” โดยเฉพาะ ดาร์วินกล่าวว่า.. “ ความคิดเห็น เกี่ยว กับ “ชีวิต” ในที่นี้ คิดว่า มีผู้ที่ สูงส่ง, ด้วยอานุภาพ ทั้งหลาย ของ เขา (ผู้ที่ สูงส่ง), ได้ทำให้บังเกิด (สิ่งที่มีชีวิต) ในครั้งเริ่ม แรกขึ้นโดยทันทีทันใด สองสามชนิดหริอ ทำให้เกิดขึ้น แต่เพียงชนิดเดียว ในที่นี้ ดารฺ์ วิน อธิบาย “Origin of Species” ว่า การเกิด ของชีวิต แต่เริ่ม แรกนั้น เกิดขึ้นมาในพริบตาเดียว ด้วย อานุภาพ ของผู้สูงส่ง (ซึ่งจะเป็น ใครอื่น ไม่ได้ นอก จาก องค์พระผู้เป็นเจ้า เท่านั้น), อาจารย์ว่า...???? อาจารย์ไม่ว่า????? ผมว่า อาจารยฺ์ ยังไม่ได้ ช่วยผมออกความเห็น เลย ว่า “ ชาลส์ดาร์ วิน “ มีความเห็น เกี่ยว กับ Origin of Species อย่างไร?” ########################################### ผมไม่อาจทราบความคิดเห็นของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ว่าเขานับถือพระเจ้าหรือ ไม่อย่างไรครับ เพราะตัวเขาเองเท่านั้นที่จะทราบ ผมสนใจแต่ผลงานของ เขาครับ (นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้มอง ชาร์ลส์ ดาร์วิน เป็นศาสดาครับ) จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ม.ค. 48 09:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 # 72 ผมไม่ขอถกเถียงเรื่อง Qu'ran ในประเด็นนี้ต่อครับ เพราะ ทำกันอยู่เป็นประจำในห้องศาสนา ส่วนเรื่องการดำเนิน ชีวิตแบบไม่มีศาสนาเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันบ่อยเช่นกัน และสามารถหาอ่านได้จาก ลิงก์ข้างล่างนี้ครับ http://www.secularhumanism.org จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ม.ค. 48 09:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 79 หลักฐานการเกิดเปปไตด์จากกรดอะมิโนในน้ำ พิสูจน์ได้ แล้วครับ ดังที่เห็นในบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Science ฉบับนี้ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 48 11:03:31 จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ม.ค. 48 10:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมเห็นด้วยครับอาจารย์ เพราะ เราสนทนา กัน แบบก่อน ดีกว่า ได้ความรู้ ดีด้วย เรื่องของ ความศรัทธา ไม่ควรนำมาสนทนาในที่นี้ ในที่นี้ ถ้าอาจารย์ อ่านดูข้อความก่อนๆ ผม พยายาม หลีกเลี่ยงที่สุด ดังนั้น การตอบ ใน #64 ข้อ 3 ผมจึง จะ สนทนา ในเรื่อง ฟอสสิลเท่านั้น เรื่อง Falsify หลักการศรัทธา จะไม่พูด ถึง ตามที่ผมทราบ เข้าใจว่า ในชั้น Pre-cambian นี้ ไม่ปรากฏ ฟอสสิล ของ สิ่งมีช่วิตอยู่เลย แต่พบ ในชั้น Cambian เป็นจำนวนมาก จริงเท็จ เป็น อย่างไรฺ ? ผมลืมไป จุดมุ่ง หมาย ของ เรา จะ ไขปัญหาเรื่อง Origin of species ใช่ไหม? แมทท์ จากคุณ : แมทท์ - [ 6 ม.ค. 48 11:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 81 # 80 พบหลักฐานฟอสซิลในชั้น precambrian ด้วยครับ หาอ่านได้ในความคิดเห็นที่ 58 ครับ ส่วนประเด็นหลักที่ ถกกันอยู่คือ "หลักฐานสนับสนุนทฤษฏีวิวัฒนาการครับ" ส่วนประเด็นย่อยๆ ขึ้นกับแต่ละท่านเองครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 6 ม.ค. 48 11:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณสำหรับข้อมูล ที่ล่าสุด  ผมคิดว่า นี่ เป็น การ เริ่มต้น  แต่เขาอธิบายว่า ยังมีปัญหา ในการ demonstrate plausibly prebiotic polymerization reaction คือ ผลของการทด ลอง ยัง lack of consistency ใช่ไหมครับ แต่ผมว่า ก็ยังพอเห็นได้ ตามที่ Le’chatelier’s principle ว่า โอกาศของ ปฏิกริยา ในน้ำนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้  แต่น่าสนใจ ที่ปฏิกริยานี้ เกิด ใน  ambient temperature.   แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 48 02:42:36 จากคุณ : แมทท์ - [ 6 ม.ค. 48 11:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 83 จขกท.ครับ อย่าเชื่อในสิ่งที่คุณได้เห็น ได้ฟัง คนยุโรปและฝรั่งนั้น ทั่วโลกเขารู้ครับ ว่าเป็นชนชาติที่ โกหกได้แนบเนียนที่สุดในโลก ทุกอย่างถูกสร้าง และเรียกขานกันไป เพื่อให้สามารถสื่อความเข้าใจกันได้ อย่างเช่น ตารางธาตุ หรือชนเผ่าด้อยความเจริญที่คิดว่าคู่แฝดลิงอะไรนั่น เราห้ามเขาไม่ได้หรอกครบ ขนาดสัตว์เลื้อยคลานที่คนส่วนใหญ่รังเกียจ คนเอเซียยังยกให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลย(พญานาค) ถ้าไม่มี กระดาษที่เอามาแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ไม่มีตลาดหุ้น ไม่มีการตั้งให้เป็นอาจารย์ นายก ตำรวจ ทหาร พลเรือน ต่างคนก็ต่างอยู่ มนุษย์ก็เหมือนกันหมดครับ ไม่มีการเรียกขานชื่อให้กับ ทุกสรรพสิ่งเลย ทุกอย่างก็เป้นธรรมชาติของมันครับ ไม่มีโรงเรียน ไม่มีบ้านเรือน มีแต่น้ำกับฟ้าและมนุษย์ มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ครับ การสร้างทฤษฎีขึ้นมา เกิดจากความโลภ อยากดัง อยากมีชื่อเสียง เกิดจากกิเลสของ มนุษย์ สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น มนุษย์มีความน่ากลัวตรงที่ สมองครับ คิดไปคิดมา ก่อให้เกิดอาชญากรรม ข่มขืน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมความอยากความดิบของตัวเองได้ จึงต้อง สมมติกฎหมายมาควบคุม ดูแลกัน แต่ก็แค่ชั่วเวลาหนึ่ง เพราะถึงที่สุดแล้ว มนุษย์ก็ต้องไปอยู่กับพระเจ้าอยู่ดี จขกท.เอง คงทราบนะครับ ถ้าทุกอย่างกลับสู่ ศูนย์ คุณก้อคงไม่ได้ยกทฤษฎีอะไรได้อีกเลย ความรู้ต่างๆตั้งแต่ชั้นอนุบาล ล้วนถูกยัดเยียดให้รู้ ให้จำ ให้เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เห็นเท่านั้น เพราะใช้ตามอง หูฟังเพราะงั้นมนุษย์จึงไม่สามารถพัฒนาจิตให้เข้าสู่ระดับสูงได้อีกต่อไปเพราะถูกเนื้อหนังมังสา ควบคุมทุกอย่างเอาไว้แล้ว และคงไม่สามารถพัฒนาการกลับไปเป็นสิ่งใดได้อีก นอกจากจิตวิญญาณล่องลอยไป จากคุณ : socialfobia - [ 9 ม.ค. 48 13:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 84 สมชื่อ social phobia ครับ... จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 ม.ค. 48 16:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 85 กระทู้นี้แตกประเด็นไปยังกระทู้ใหม่ที่นี่ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X3222675/X3222675.html จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 ม.ค. 48 22:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ผมไม่ใช่พวก phobia ครับ ผมเป็น fobia จากคุณ : socialfobia - [ 9 ม.ค. 48 22:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เยี่ยมครับ จากคุณ : SocialForBeer (มังกรใจเย็น) - [ 10 ม.ค. 48 13:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ตามที่ผมทราบ เข้าใจว่า ในชั้น Pre-cambian นี้ ไม่ปรากฏ ฟอสสิล ของ สิ่งมีช่วิตอยู่เลย แต่พบ ในชั้น Cambian เป็นจำนวนมาก จริงเท็จ เป็น อย่างไรฺ ? แมทท์ -------------------------------------------- ข้อเท็จจริงคือ การจัดลำดับชั้นหินทางธรณีวิทยา ยึดตามหลักฐานฟอสซิลครับ Pre-cambian คือชั้นหินที่มีอายุเก่ากว่าฟอสซิลใดๆ (ที่พบในสมัยนั้น) อาจเป็นเพราะยังไม่ปรากฎสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่พอที่จะเป็นฟอสซิลได้ หรือมี แต่ไม่มากพอครับ นอกจากนี้การจัดหมวดหมู่ลำดับชั้นหินนั้น นักธรณีวิทยา (ไม่ใช่ evolutionist.. โปรดสังเกตนะครับ) ยังยึดตามลำดับการเกิดของฟอสซิลที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าสิ่งมีชีวิตต่างๆเกิดขึ้นพร้อมๆกัน จะพบซากฟอสซิลสะเปะสะปะ และนักธรณีวิทยาย่อมไม่สามารถจัดลำดับชั้นหินเป็นยุคๆอย่างนี้ครับ จากคุณ : PUFF - [ 11 ม.ค. 48 08:45:28 ]