ความคิดเห็นที่ 15
ฌาน เป็น magic หรือเหมือนมือที่มองไม่เห็น ที่จะสามารถใช้เพื่อให้ส่งผลกับใครต่อใครได้ จะว่าดีก้อไม่เชิง จะว่าไม่ดีก้อไม่ได้ ประเด็นก้อคือ เรามี power ที่จะควบคุมมันได้หรือเปล่า ?
อย่างคนที่เป็นถึงขั้นนอนไม่หลับ และเห็นในสิ่งที่ไม่ต้องการให้เห็นนั้น คืออาการหนึ่งของการควบคุมกำลังฌานไม่ได้ ซึ่งก้อเหมือนคนป่วยคนหนึ่ง ไม่เป็นผลดีแต่อย่างใด
วิธีแก้คือ ใช้ ญาณ คุม ฌาน คือมาชาตินี้ก้อต้องฝึกต่อ คือยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา สู่วิชาของพระพุทธ
ฌาน = สมาธิ ญาณ = ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
คนที่มีพื้นฐานของสมาธิอยู่แล้ว ก้อแค่ปรับอินทรีย์ คือ ลดกำลังสมาธิลง และปรับ ศรัทธา วิริยะ สติ และ ปัญญา ขึ้นมา โดยการเดินจงกรมและนั่งสมาธิ ในการควบคุมของวิปัสสนาจารย์ที่เชี่ยวชาญ
เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 ได้ดุลย์ ก้อจะเกิดการบรรลุธรรม เราเรียกเป็น nickname ว่า จิตดับ
เมื่อจิตดับ กำลังญาณจะอยู่เหนือฌาน ปัญหาการนอนไม่หลับก้อจะลดลง สามารถควบคุม magic ของตัวเองได้มากขึ้น เมื่อฝึกต่อไปอีกเพื่อทวนญาณตั้งแต่ 4-12 ไล่ทีละญาณ จึงจะเกิดความแจ่มแจ้งในญาณมากยิ่ง ๆ ขึ้นอีก คราวนี้เวลาไปไหนมาไหน จิตจะทรงญาณก่อน โดยทั่วไปแล้ว ญาณที่เค้าเล่นกันคือ ญาณ 11 สังขารุเปกขาญาณ (ความวางเฉยในรูปนาม)
ทีนี้คนที่มีกำลังฌานมาแต่เดิมก้อจะเหนือกว่าคนที่ทรงญาณล้วน ๆ เพราะเมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขัน ก้อจะสามารถหยิบ magic ของตัวเองขึ้นมาเล่นได้ เพราะเคยฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้ว
แต่ว่าคนที่ทรงญาณอย่างเดียว ค่อนข้างจะเป็นคนฉลาด มีสติรู้ตัวและธาตุรู้ อยู่ประจำจิตอยู่แล้ว ไม่ค่อยจะจำเป็นต้องใช้ฌานเท่าไหร่ นี่คือเหตุผลที่ว่า ไป ๆ แล้วทำไมอริยบุคคลจึงมีแนวโน้มที่จะไม่ฝึกฌาน
----------------------------------------------------------- ขั้นตอนในการปฏิบัติศาสนาพุทธ มีทั้งหมด 5 ขั้นตอน คือ
1. ขั้นรักษาศีล คือการสำรวม รักษากาย วาจา ให้เรียบร้อย เช่น รักษาศีล 5, 8, 10 และศีลปาฏิโมกข์
2. ขั้นสมาธิ คือการทำจิตให้สงบ ให้อยู่ในฐานใดฐานหนึ่ง เช่น อยู่ที่ ใจ กาย ฯลฯ
3. ขั้นปัญญา นำผลจากการฝึกสมาธิที่ได้ มาพิจารณา เห็นสิ่งต่าง ๆ ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน แล้วจางคลายความยึดมั่นถือมั่น จนถึงสภาวะจิตหลุดพ้น (วิมุตติ)
4. ขั้นวิมุตติ (หลุดพ้น) ขั้นนี้ผู้ปฏิบัติจะเห็นทางเดิน (มรรค) ว่าเป็นอย่างไร และจะมีวิธีการอย่างไรที่จะให้ทางนี้ โล่งเตียนเสมอ (มรรค 8) คือขั้นชำระกิเลสที่เป็นอนุสัยนอนเนื่องในสันดานออก อาศัยมรรคเป็นที่ประหารกิเลส จนสามารถทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไป
5. ขั้นวิมุตติญาณทัสสนะ ขั้นนี้ผู้ปฏิบัติจะทำมรรค 8 ให้รวมกันเป็นอันเดียวได้ เกิดความรู้ขึ้นไป โดยไม่ต้องนึกคิด (โพชฌงค์) ถ้าเอาสิ่งใดไปประกอบตัวรู้นี้ จะรู้ได้เป็นสาย ๆ โดยไม่ต้องผ่านความนึกคิด เช่น เอาสติไปประกอบตัวนี้ก็เป็น สติสัมโพชฌงค์ ซึ่งจะรู้เรื่องสติเป็นสาย ๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงสติเว้นรอบ และเอาเรื่องเข้าไปประกอบ เช่น ธัมมวิจยะ, ปิติ, ปัสสัทธิ, วิริยะ, สมาธิ, อุเบกขา ก็จะเกิดความรู้ขึ้นแต่ละอย่างเป็นสาย ๆ ตั้งแต่เหตุเกิดแต่แรก จนถึงขั้นสุดท้าย โดยไม่ต้องนึกคิด เป็นความรู้ที่เรียกว่า "ตรัสรู้" ไม่เนื่องด้วยความนึกคิด ------------------------------------------------------------
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 22:17:56
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 22:14:51
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 22:13:31
จากคุณ :
ธัชกร
- [
8 ม.ค. 48 22:11:20
]
|
|
|