ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนตัวผมถ้าน้องเขาพอเรียนด้วนเภสัชได้ไม่ฝีนจนเกินไป ก็ให้เรียนเภสัชต่อไปเถอะครับ  ท่านผู้ปกครองมองการ์ณไกลดีแล้ว(แต่ถ้าน้องเขาไม่ชอบจริงๆก็อีกเรื่องนะครับ) จากคุณ : Nylonbass - [ 24 ก.พ. 48 13:15:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พูดยากนิ แต่ผมว่าคงต้องแล้วแต่ว่าเด็กอยากเรียนถาปัตมากไหมฯ ถ้ามาก ก็ปล่อยแกไปเถอะครับ คิดซะว่าให้แกได้เรียนอย่างมีความสุขก่อนที่จะต้องจบมาทำงาน ซึ่งหลายๆคน(รวมทั้งผม)ไม่ได้ทำงานในด้านที่จบมา แต่ 4 ปีของปริญาตรีนี่ฝึกเราให้เป็นผู้ใหญ่ครับ สุดท้ายถึงจะไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาก็ไม่ค่อยจะมีใครเสียดายหรอกครับ พอจบเป็นผู้ใหญ่เราต้องทำงานตามปากท้อง ต้องสร้างตามสำเร็จให้ตัวเองมันก็เป็นเรื่องหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบซึ่งหลายๆคนก็ไม่ได้มีความสุขกับมัน อย่างน้อยช่วงวัยเรียนก็ขอเรียนอย่างมีความสุขหน่วยแล้วกันอย่าต้องเตรียมตัวทำงานตั้งแต่จบม.6 เลยขอเวลาส่วนตัวซัก 4 ปี จบมาถ้าจะต้องมาช่วยงานร้านจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องจบ เภสัชก็ได้ (ตอนนี้ที่บ้านยังไม่เห็นต้องมีคนจบเลย) เว้นแต่ถ้าเด็กไม่ซีเรียสเรียนอะไรก็ได้ ก็เรียนที่มันมีประโยชน์ต่ออนาคตก็ดี จากคุณ : คนคิดเว่อร์ - [ 24 ก.พ. 48 13:16:41 A:61.90.123.188 X: TicketID:073865 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เซ็งว่ะ มีพ่อแม่แบบนี้ จากคุณ : Divinity - [ 24 ก.พ. 48 13:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 #3 อย่าไปพูดแรงอย่างนั้น พ่อแม่เขาก็หวังดีต่ออนาคตลูก อยากให้ลูกมีความเจริญก้าวหน้าประสพความสำเร็จ แต่พ่อแม่ก็อย่าลืมมองความสุขของลูกด้วยแล้วกันนะครับ จากคุณ : คนคิดเว่อร์ - [ 24 ก.พ. 48 14:19:24 A:61.90.123.188 X: TicketID:073865 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ คุณพ่อคุณแม่เขาหวังดี รักและ เป็นห่วงลูกมากกว่านะคะ เพราะการที่เขาให้ข้อมูลทางบ้านโดยละเอียด และการที่มาโพสที่นี้เข้าใจว่าอยากจะขอคำชี้แนะจากผู้รู้หรือผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เรียนสถาปัตย์นั้นจบมาไม่ใช่ว่าไม่มีงานทำหรือเงินเดือนน้อยนะคะ น้องชายจบมาก็มีงานเข้ามาเยอะแยะ รุ่นพี่รุ่นน้องส่งงานต่อมาให้เอง(ผลงานล่าสุดไนท์ซาฟารี เชียงใหม่) ขอให้มีความสามารถเถอะ ยิ่งเขารักในสาขานี้อยู่แล้ว จะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์งานดีๆใหม่ๆได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีคณะสถาปัตย์เปิดสอนด้วยและคณะเภสัชเปิดสอนภาคพิเศษตอนเย็น ตอนนี้ยังเปิดรับสมัครอยู่ แต่ไม่ทราบว่าตามระเบียบการจะสามารถลงเรียนพร้อมกับสถาปัตย์ได้หรือไม่ ถ้าลูกสนใจลองติดต่อสอบถามได้ค่ะhttp://www.pharmacy.cmu.ac.th/news/phar_apply/phar_apply.html จากคุณ : Komi (komi_to) - [ 24 ก.พ. 48 14:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากเภสัชไปถาปัดนี่ มันเหมือนคนละแนวกันยังไงก้อไม่รุนะคะ คือกรณีตัวเองนี่ ตอนเด็กๆก้อชอบวาดรูปและก้อเคยอยากเข้าถาปัตเหมือนกันค่ะ แต่มาเรียนทางวิดวะเพื่อจะได้มาช่วยคุนพ่อคุนแม่ดูแลกิจการต่อ ต้องขึ้นกับตัวเด็กว่าเค้าจะอยากมาช่วยคุนมากน้อยแค่ไหนด้วยมั้งคะ หรือไม่ก้อเค้าจะอยากมีชีวิตอิสระเสรี คือจิงๆถ้าเค้าจะไปเรียนถาปัตจิงๆคุนก้อสามารถจ้างเภสัชมาดูแลได้ แต่ว่าลูกเราเองก้อย่อมน่าเชื่อถือมากกว่าอยู่แล้ว ต้องถามเค้าดูว่าเค้าอยากเรียนถาปัตเพราะว่ารักการออกแบบจิงๆหรือว่าเพียงเพราะต้องการความอิสระเท่านั้น(เทือกนี้อ่ะค่ะ) คือถ้าแค่ชอบวาดรูปเฉยๆไม่จำเป็นต้องเข้าถาปัต จบเภสัชเราก้อยังสามารถวาดรูปเป็นงานอดิเรกได้นะคะ มีให้เห็นเยอะแยะ คนที่ไมได้จบด้านศิลปะมาโดยตรงแต่มาทำตรงนี้เป็นส่วนเสริมตามความชอบของบุคคล แต่ถ้าอยากเข้าถาปัตเพราะชอบงานออกแบบเป็นชีวิตจิตใจก้อปล่อยไปก้อได้อ่ะค่ะ เงินเดือนไม่ได้น้อยขนาดนั้นถ้าฝีมือดีๆ คนจบปัจจุบันมีตั้งหลายคนที่ได้งานจริงไม่ตรงกับสาขาที่จบมานะคะ ลูกคุนอาจจบถาปัตแต่เค้าก้อสามารถจ้างเภสัชมาดูแลที่ร้านต่อได้เหมือนกัน ต้องลองคุยกะลูกดูค่ะ จากคุณ : giftsyg3 - [ 24 ก.พ. 48 15:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรียนสถาปัต ลูกก็ประสบความสำเร็จ และมั่นคงในชีวิตได้ครับ อย่าห่วง อนาคตของลูกจนเกินไปครับ ลองมีการศึกษาเสียอย่าง ผมว่า ไปได้ไกลอยู่แล้วครับ ให้เค้าได้เรียนในสิ่งที่เขาอยากเรียนดีกว่าครับ จากคุณ : jaminonez - [ 24 ก.พ. 48 15:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชีวิตใคร ก็ให้คนนั้นเลือกครับ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ - [ 24 ก.พ. 48 16:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น่าเห็นใจ พ่อแม่อยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก(ในมุมมองของตน) คุณไม่โดดเดี่ยวหรอก มีพ่อคิดอย่าง แต่ลูกจะทำอีกอย่าง หลายครอบครัวก็เป็นอย่างนี้ ไม่เว้นตระกูลคนดังร่ำรวย อย่าคิดมากเลย จะทุกข์ใจเปล่าๆ ชีวิตเขาเขาต้องเดินเอง คุณไม่มีทางดูเขาได้ตลอดชีวิตแน่ๆ เมื่อคุณทำหน้าที่ของพ่อแล้วพูดแล้วคุยแล้ว คงต้องให้เขาเลือกทางเดินเอง ให้เขาแสดงความสามารถเองบ้าง เมื่อเขาเรียนจบ ทำงาน และมีครอบครัว ค่อยมาคุยต่อว่าจะทำอย่างไรกับกิจการของครอบครัว เมื่อเขามีประสบการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้น เขาจะมีมุมมองที่กว้างขึ้น มีคู่ครองช่วยคิดตัดสินใจ มีลูกให้เป็นภาระเลี้ยงดู ถึงตอนนั้นก็ยังมีทางออกว่าจะขาย หรือจะทำต่อ ถ้าทำต่อจะทำอย่างไร เอาใจช่วยขอให้โชคดีสมดังตั้งใจครับ จากคุณ : วรพล - [ 24 ก.พ. 48 16:17:04 A:203.146.83.76 X: TicketID:019183 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าไปยุ่งกับชีวิตคนอื่นครับ จากคุณ : Spirit of Darkness - [ 24 ก.พ. 48 16:17:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เภสัชเรียน 5 ปีนะครับ น้อยกว่าหมอปีเดียว แต่สถาปัตย์ไม่รู้ เพราะที่มหาวิทยาลัยไม่มีคณะนี้ ผมว่า ยิ่งขี้นปี 2-3-4-5 การเรียนยิ่งจะหนักขึ้นนะครับ เพราะปีหนึ่ง อย่างน้อยก็ เรียนพื้นฐานวิทย์ธรรมดาๆๆๆ มีความรู้ม.6 มาช่วย ก็เท่าที่เห็นเพื่อน ๆ ที่เรียนเภสัชนะครับ ...ก็ดูเค้ามีความสุขกันดี แต่เวลาว่างไม่ค่อยมีเหมือนคณะอื่น ๆ เพื่อน ๆ ผมปี4 แล้ว ยังไม่มีแฟนเลยครับ มันบอกว่าทั้งชั้นปีมีอยู่ไม่กี่คนที่มีแฟน ที่สำคัญไม่เท่ห์เลยครับ เสื้อกาวน์ไม่เท่ห์เลย สู้เด้นท์ กับหมอไม่ได้ ห่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อันนี้ เอามาตรฐานจากมหาวิทยาลัยของผมนะครับ อย่าพึ่งโกรธกัน จากคุณ : ลูกจ้างชั่วคราวสำนักง้อไบ๊ - [ 24 ก.พ. 48 16:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ซิ่วกลับมาปีนี้ยัง ent นะครับ ปีหน้าเปลี่ยนระบบแล้วนะครับ ใช้ NET เกรด 50% สอบ 50% ลองคิดดูดีๆ นะครับ ผมว่า เด็กก็คงเชื่อฟังบ้างละครับ ถึงได้เรียนเภสัชมา แต่ถ้าดูแล้ว เด็กไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องเปลี่ยนละครับ ให้ดูถึงอนาคตบ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ จากคุณ : Elrond - [ 24 ก.พ. 48 16:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลองแจกแจงให้เขาฟังข้อดีข้อเสีย ตามที่คุณว่ามาสิครับ หรือพาไปคุยกับคนที่เป็นสถาปนิกก็ดีครับ น้องเขาจะได้ถามให้กระจ่างใจ ว่างานมันเป็นอย่างที่อยากทำจริงๆไหม แล้วเขาเอง จะทำแบบนั้นได้ไหม จะได้ไม่ตัดสินเลือกอาชีพลงไปด้วยแค่ความอยาก... ส่วนเรื่องจะเรียนสถาปัตย์ หรือเปล่า ยังไงก็ต้องสอบให้ผ่านปีนี้อยู่ดี กังวลไปก็ไม่แก้อะไรครับ ถ้าเขาอยากจะเรียนมากจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้ เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจเองครับ เราช่วยได้แค่แนะนำ และจูงใจ จากคุณ : nameonics - [ 24 ก.พ. 48 18:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ่อ.....ถาปัด ก็เรียน 5 ปีนะครับ ไม่ใช่ 4 ปี โดยส่วนตัวผมทำงานด้านตกแต่งภายในครับ โอกาศทำงานและหางานไม่ได้ยากนะครับ รายได้อยู่ในขั้นดีซะด้วย 1.เป็นเภสัช สิ่งที่ทำได้ดีๆ หน่อยคือ เป็นนักวิจัยตามบริษัทยา หรือ โรงพยาบาล หรือ สถาบันวิจัย หรือ เปิดร้านขายยา มั่นคง แต่ ค่อยเป็นค่อยไปครับ รายได้ไม่เยอะมาก เหมือนกับมีกินไปได้เรื่อยๆ เหมาะกับคนไม่ชอบดิ้นรนมาก 2.เป็นสถาปัตย์ เป็นได้คือ สถาปนิก นักออกแบบ ที่ปรึกษา นักออกแบบภายนอก รายได้ ถ้าจะรับเป็นเงินเดือนก็สูงพอดู สูสีกับวิศวะและทนายเลย แต่ถ้าอยู่ตัวแล้วและมีความรู้ประสบการณ์เยอะแล้ว จะออกมาเปิดบริษัทรับทำออกแบบ รับเซ็นต์แบบ คุมงานเอง ก็ได้ครับ ไม่ต้องลงทุนเยอะด้วย เน้นที่ความสามารถครับ  บางคนรายได้เยอะมากครับ เผลอๆเยอะกว่าหมอด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบอิสระ จะได้ค่าออกแบบ เป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่างานครับ เช่น ที่ผมทำอยู่ จะได้ 7% ครับ ถ้าเขียนแบบออกแบบอย่างเดียว ไม่ได้คุมหน้างาน ถ้าคุมด้วย จะได้ 10% ครับ งานสร้างอพาตท์เมนท์ 4 ชั้น 60 ห้อง มูลค่างาน(เฉพาะตกแต่งภายในกับออกแบบเฟอร์นิเจอร์) 8 ล้านครับ ได้เน็ตๆก็  8 แสนกว่าๆครับ หักภาษีไปประมาณ 4 หมื่นกว่าบาทครับ งานหนึ่งๆก็ทำประมาณ 3 เดือนครับ แต่บางที่ก็รับงานพร้อมๆกัน 3 งานครับ เหนื่อยมากหน่อยเพราะต้องวิ่งรอบทุกวัน จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 24 ก.พ. 48 19:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากพ่อคนหนึ่งที่มีอาชีพเดียวกันกับจขกทและเคยมีความคิดเหมือนกันแต่ลูกผมอยากเรียนวิศวะพอตอนเอ็นท์ลูกเลือกวิศวะอันดับ1เภสัชอันดับ2อันนี้ผมขอให้ลูกเลือกเผื่อไม่ติดวิศวะแล้วติดเภสัชผมจะได้มัดมือชกแต่ติดวิศวะซะก่อนคะแนนก็ถึงเภสัชก็ต้องให้ลูกเรียนวิศวะไปตอนนั้นก็ห่วงว่าจบมาจะตกงานหรือเปล่าเพราะคนเรียนมากทักษะทางช่างก็ไม่มีจะไหวมั้ยขนาดบอกกับลูกว่าลองเรียนดูถ้ายังไงปีหน้าเอ็นท์ใหม่ก็ได้เพราะลูกเป็นเด็กสอบเทียบรุ่นสุดท้ายตลอด4ปีที่เขาเรียนผมจะดูลูกอยู่ห่างๆตัวผมเองก็จะหาความรู้ทางด้านวิศวะเพื่อจะคุยกับลูกได้อะไรที่ผมไม่รู้ผมก็จะถามจากในห้องนี้ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่เคยให้ความรู้กับผมทุกวันนี้ลูกจะจบโทวิศวะแล้วเหลืออีกเทอมเดียวภูมิใจมากๆถ้าครั้งนั้นผมเห็นแก่ตัววันนี้ผมคงไม่มีความรู้สึกอย่างวันนี้ จากคุณ : nors407 - [ 24 ก.พ. 48 20:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 1. ถ้าจบเภสัช มีงานรองรับแน่นอน ธุรกิจร้านขายยาก็มีชื่อเสียงมานาน ขายดีอยู่แล้ว ---> ครับ 2. จบถาปัต โอกาสตกงานสูง เพราะคนจบถาปัตส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานถาปัต --> อันนี้เป็นเพราะมีคนจบสถาปัตย์ ทำงานวงการบันเทิงเยอะหรือเปล่า  เราถึงรู้สึกว่าคนจบสถาปัตย์ไปทำงานอย่างอื่นกันหมด (คือมันเห็นชัด) 3. หากจบถาปัต ไม่ได้ทำงานด้านถาปัต ก็เท่ากับเสียเวลาเรียนฟรี 4 ปี --> ครับ 4. งานด้านถาปัต เงินเดือนน้อย แค่พอเลี้ยงตัวเท่านั้น --> ยังงี้งานอื่นก็อดตายกันหมดซิครับ ดูความชอบและดูความถนัดของเด็กเป็นหลักครับ เพื่อนผม พ่อให้เรียนวิศวะ  ก็เรียนแบบพอไปได้ เพราะเก่งคำนวณ  แต่ไม่มีทักษะทางช่างเลย (ผมว่าเด็กอู่ เรียนช่างยนต์ ยังทักษะทางช่างดีกว่า) แต่สุดท้ายมันก็ไปต่อ MBA  ปัจจุบันทำงานสินเชื่อ! จากคุณ : อากง - [ 24 ก.พ. 48 21:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เภสัช ถ้าไม่ใจรักจริงๆ เรียนแล้วจะท้อมากนะคับ แรกๆยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ที่คณะผม นั่งๆอ่านออเคมอยู่ดีๆ น้ำตาไหลเฉยเลยยังมี วันๆมีแต่เคมีๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยิ่งปีสูงๆยิ่งหนัก เภสัชเป็นวิชาชีพ เหมือนๆกะหมอ ทันตะ etc. อ่ะคับ พวกนี้ ถ้าไม่ใจรักจริงๆ จะเรียนอย่างท้อแท้มาก ถ้ารอดจบมา ก็จ่ายยา รักษาไปวันๆ ไม่มีใจอยากจะช่วยคนเท่าไหร ถ้าเค้ามีใจอยากเรียน'ถาปัตย์ จริงๆ ผมว่าก็ให้เค้าเรียนดีกว่าคับ เค้าจะเรียนและทำงานอย่างมีความสุขกว่านะคับ ผมคิดอย่างงี้อ่ะคับ ปล.1) มหา'ลัยผม กาวน์เภสัชออกจะเท่ห์ ผมว่า     2) พักนี้ผมเครียดเก็บกดคับ ใกล้สอบแล้ว แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 48 21:30:02 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 48 21:28:22 จากคุณ : โปรโตซัว - [ 24 ก.พ. 48 21:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รู้ได้ไงว่าถาปัตย์เงินเดือนน้อย ?? จบมาใหม่ๆก็เงินเท่าๆกันทั้งนั้นแหละทุกคณะ ต้องดูที่ระยะยาวว่าก้าวหน้าไหม จากคุณ : เดี๋ยวให้ - [ 24 ก.พ. 48 22:21:46 A:61.90.50.185 X: TicketID:001863 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเป็นคนนึงที่ตอนนี้เรียนคณะแพทย์อยุ่ครับ แต่ถ้าถามว่าอยากเรียนอะไรจริงๆๆ ก็อยากจะบอกว่า อยากเรียนนิเทศศาสตร์มากๆเลยครับ แต่เหมือนผมจะรู้ว่าทางบ้านอยากให้ผมเป็นหมอมากกว่า ทั้งๆที่ผมอุส่าห์ไปสอบ เลข2(เป็นวิชาสำหรับสายศิลป์)ได้ถึง90คะแนน ถ้าเลือก นิเทศศาสตร์ จุฬาก็ติดสบายๆ แต่สิ่งที่ผมเลือกคือ คณะแพทย์ เพราะอะไรหรอครับ เพราะผมคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ทำอะไรให้ผมเยอะแล้ว ผมควรจะตอบแทนท่านบ้าง ผมคิดว่าท่านมองการไกล เพื่ออนาคตของผมอยู่แล้ว ตอนนี้ ผมอยู่ปี2 (เพิ่งสอบเสร็จ) ทรมานมาก มาก มากๆๆๆๆๆๆ ไม่เคยคิดมาก่อนว่า คณะแพทย์จะต้องเรียนอะไรมากมายขนาดนี้ จำระบบต่างๆ การทำงาน สรีระวิทยา ระบบประสาท (ยากมาก) มากมาย เหนื่อย มาก แต่ผมสู้เสมอ เพื่อ คุณพ่อ-แม่ ถึงแม่จะท้อ ร้องไห้ เหนื่อยขนาดไหน ปล. ผมอยากจะบอกว่า บางครั้งถึงแม้ไม่ได้เรียนในวิชาที่ตัวเองชอบ แต่ได้ทำในสิ่งที่ให้คุณพ่อแม่พอใจ +++++ผมมีความสุขมากๆครับ+++++ จากคุณ : Dr.DJ - [ 24 ก.พ. 48 23:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พ่อแม่ทำทุกอย่างก้เพื่อลูก แต่เคยให้ลูกทำอะไรเพื่อตัวเขาเองหรือเปล่าครับ จากคุณ : nataokung - [ 25 ก.พ. 48 01:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอโทษครับ พูดแรงไปหน่อย ผมคิดว่า ในเมื่อคุณให้ชีวิตเค้าแล้ว ก็ปล่อยเค้าบินไปเองเถอะครับ อย่าขังเค้าไว้ในกรงเลย ถึงแม้มันจะมีอาหารให้อิ่มท้อง มีของเล่น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ผมคิดว่าลูกคุณคงไม่ได้รับความสุขของการทำงานหรอกครับ มีรุ่นพี่ผม เค้าเรียนแพทย์ตามใจพ่อแม่ ใช้ทุนเสร็จ2ปี เค้ากลับไปเรียนใหม่ในสิ่งที่ตัวเองชอบนะครับ คุณคิดว่าลูกคุณเรียนถาปัตยจะเสียเวลา4ปี แล้วถ้าเค้าเรียน์เภสัชแล้วเค้าจะไม่เสียเวลา4ปีเหรอ จากคุณ : Divinity - [ 25 ก.พ. 48 01:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่ามาเรียนเลยครับ คณะเภสัชศาสตร์ ท้อใจ เหนื่อยหน่าย ที่อื่นผมไม่รู้หรอก แต่ถ้าเป็นที่ที่ผมเรียนนี่ รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีเวลาเหลือเท่าไหร่เลยอ่ะ ... ใช่ ถูกต้อง ไม่ต้องมาอ้างเรื่องเวลา ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ... แต่ พอเข้ามาเรียนเองแล้วถึงได้รู้จริง ว่าถ้าอยากได้เกรดดี ๆ ต้องทุ่มเวลาเยอะมาก ทำให้มีเวลาเหลือน้อย เวลาที่จะไปเข้าชมรม เวลาที่จะไปทำกิจกรรมเสริม เวลาที่จะไปทำตามใจฝัน ... สรุปแล้ว อย่าไปบังคับแกเลยคับ คนที่ไม่เคยต้องเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหน ... เพ้อเจ้อว่ะ วันนี้ จากคุณ : คุณชาย - [ 25 ก.พ. 48 01:32:48 A:161.200.177.18 X:161.200.255.163 TicketID:081997 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรียนในสิ่งที่เขาเรียนได้และอยากเรียน จะดีครับ พ่อกับแม่ เคยอยากให้ผมเรียนหมอ แต่ผมกลัวเอดส์ หมอต้องเจอกับเลือด คะแนนที่ผมมีอยู่ เข้าที่ไหนก็ได้ในประเทศไทย แต่ผมเลือกแล้วที่จะเป็นวิศวะ ผมก็ประสบความสำเร็จ ตอนนี้ผม"สอน"วิศวะแล้วครับ ถ้าผมทำตามที่พ่อแม่อยาก คือไปเรียนหมอ คงถูกรีไทร์หมดอนาคต+เสียเวลาไปนาน คุณเป็นพ่อแม่ ดูเขาหน่อยก็แล้วกัน คนบางคนเค้าไม่รู้ตัวหรอกครับว่าเขาพอจะเป็นอะไรได้บ้าง อย่างบางคน อยากซะจริงๆ อยากเป็นวิศวะ แต่คณิตศาสตร์ห่วยบรม ฟิสิกข์ไม่ได้เรื่อง อันนี้ต้องรีบห้าม อย่าไปเรียนเลย เสียเวลาเปล่าๆ จากคุณ : โลหการ4 - [ 25 ก.พ. 48 03:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อย่าว่ากันเลยนะคะ ห่วงร้านหรือว่าห่วงลูกคะ? -_-'' เด็กอยากเรียนอะไรก็ให้เขาเรียนไปเถอะค่ะ อย่าได้บังคับใจกันเลย   ด้วยความเคารพ จากคนที่เคยโดนบังคับมาก่อน จากคุณ : คุณหนูไฮโซ - [ 25 ก.พ. 48 05:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผู้ปกครองควรจับเข่าคุยกับลูกดีกว่าครับ เปิดใจให้กว้าง รับฟังเหตุผลของเขา รวมทั้งแสดงเหตุผลของคุณให้เขาเข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วคุณก็ควรที่จะเคารพการตัดสินใจของตัวเด็กเองครับ จากคุณ : SCandium - [ 25 ก.พ. 48 10:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ก็ขู่ไปเลยว่าถ้าไม่เรียนเภสัชจะไม่ยกมรดกให้ ดูซิว่าจะเป็นไง ถ้ามันยอมเรียนเพราะคำขู่ก็ฟันธงได้เลยว่าเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ไร้เกียรติ จากคุณ : แกะแหนม - [ 25 ก.พ. 48 11:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ให้เขาเรียนในสิ่งที่เขาไม่ชอบ สุดท้ายเขาจะหนีจากอาชีพนี้จนได้ สังเกตุดูคนทำการค้า ลูกทำธุรกิจเหมือนพ่อทุกคนไหม ให้เขาเรียนในสิ่งที่ชอบ ชีวิตเขาจะเป็นสุข ห่างไกลยาเสพติด ยังไงก็มีงานรอเขาอยู่เสมอสำหรับคนเก่ง จากคุณ : หิมาลัย - [ 25 ก.พ. 48 16:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ปีหนึ่งเภสัจ ถ้าเรียนพอใช้ได้ ผมว่าไม่จบ ห้าปีหรอกครับ เหอๆ เพื่อนผมมันบ่นๆ ตอนปีหนึ่ง กลางภาคสอบวิชาอะไรซักอย่าง เต็ม 40 มันได้ 36  แต่ตกมีน !! ปลายภาคได้ C+ ถ้าใจไม่รักจริง ไม่ไหวหรอกครับ ผมก็คนนึง ที่ไม่ได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียนจริงๆ แต่ตอนนี้อยู่ปีสามแล้ว คิดว่า มันไม่สำคัญแล้ว เพราะผมต่อ โทร ในสาขาที่อยากเรียนได้ โดยการสอบคัด ( ไม่ได้ดูจากเกรด ป.ตรี ) ชีวิตก็ Happy อีกครั้ง แต่ต้องเอาที่เหลือให้รอดก่อน จากคุณ : โบโซ่จำแลง - [ 25 ก.พ. 48 17:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ก็ขึ้นอยู่กับว่า งานร้านขายยาเนี่ย คุณรักมันมากกว่าลูกหรือเปล่า ถ้ามากกว่า คุณก็กล่อมให้ลูกเรียนเภสัชได้เลย แต่ถ้าคุณรักลูก ก็ไปอธิบายให้เค้าฟังแล้วก็ปล่อยให้เค้าตัดสินใจเองเหอะครับ ไอ้สี่ข้อที่คุณยกมานะ ผมว่าทำร้านขายยาก็เจ๊งได้ครับ ไฟไหม้ร้าน โดนโกง ฯลฯ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ จากคุณ : firstini chemistani - [ 25 ก.พ. 48 19:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 30 จบหมอ ......ไปทำก่อสร้าง ....บ.อิตัลไทย จบถาปัตย์ ..........ไปทำเกมส์โชร์...........ปัญญา จบครู ............ไปเป็น ส.ว.  .......ดำรง   พุฒตาล        สติปัญญาอย่างลูกคุณ        จะคุมร้านขายยาที่มีชื่อเสียงเเล้ว     สบายมากไม่ว่าเขาจะจบอะไรมา      เเต่จิตวิญญาณเขาอาจจะไม่เต็มร้อย       ถ้าเขาไม่ได้ไปผจญโลกด้วยตัวของตัวเองก่อน  เเล้วค่อยมาคุมที่ร้าน จากคุณ : เศษธุลี - [ 25 ก.พ. 48 20:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เจ้าของร้านยาไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชก้อได้นะค่ะ จริงอย่างที่ว่ากันน่ะแหล่ะ .... ให้เค้าเลือกทำในสิ่งที่เค้าอยากทำจะดีกว่านะคะ เภสัชเรียนหนักนะ ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ยิ่งถ้าใจไม่รักแล้วคงไปยาก ..... แต่ก้อไม่ใช่ว่าเราเลือกที่จะทำเฉพาะสิ่งที่เราชอบเท่านั้นนะ ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ปล.คุณลูกจ้างชั่วคราวสำนักง้อไบ๊ ข้อมูลนี้ใกล้เคียงกับที่มหาลัยเราเลย ( ม. อะไรน่ะ) จากคุณ : เพ่ย - [ 25 ก.พ. 48 21:01:27 A:61.91.213.178 X: TicketID:079206 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถามเด็กว่าอยากเรียนด้านไหนมากที่สุด...อย่าบังคับกัน เรียนในสิ่งที่มีความสุขดีกว่า... จากคุณ : Saint' Benz - [ 25 ก.พ. 48 21:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ที่คณะแพทยศาสตร์แห่งหนึ่ง ในงานวันปฐมนิเทศนักศึกษาแพทย์ปีสามที่จะขึ้นเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสี่ (ระบบเรียนแพทย์  ในสามปีแรกจะเรียนวิชาทั่ว ๆ ไป  อีกสามปีหลังจะได้เรียนและฝึกงานกับผู้ป่วย) อาจารย์ท่านหนึ่งได้กล่าวว่า  "ถึงตอนนี้อยากให้ตัดสินใจให้แน่นอน  สามปีที่ผ่านมาน้องคงพอตอบตัวเองได้ว่าชอบวิชาชีพแพทย์หรือไม่  หากไม่ชอบให้เลือกเรียนอย่างอื่นเสียตอนนี้   เพราะหากน้องไม่ชอบแล้วเปลี่ยนใจตอนนี้ สิ่งที่น้องต้องเสียไปมีเพียงอย่างเดียวคือ  เวลา  แต่หากน้องยังทนอยู่กับสิ่งที่น้องไม่ชอบ  น้องต้องเสียอนาคตทั้งชีวิตของน้องเอง" เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว ซึ่งนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งในรุ่นนี้ สอบเข้าแพทย์เพราะความต้องการของที่บ้าน เขาคนนี้มีคะแนนสอบเข้าแพทย์เป็นอันดับหนึ่งของรุ่น  เรียนปีหนึ่งได้เกรดเฉลี่ย 4.00   ตัดสินใจลาออกตอนจบปีหนึ่งเพื่อเลือกเรียนในวิชาที่ตัวเองชอบ  ตอนนี้เขาคนนั้นมีความสุขดีค่ะ จากคุณ : เหมียวเล็ก - [ 26 ก.พ. 48 11:13:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ให้เขาเรียนในสิ่งที่เขารู้อยู่ว่าเขารักเถอะ ชีวิตเป็นของเขา ไม่ใช่ความต้องการของพ่อแม่ จากคุณ : HoneyLemonSoda - [ 26 ก.พ. 48 12:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มาสนับสนุนความเห็น 17 อีกที ว่าเรียนวิชาชีพแบบนี้ ถ้าใจไม่รักละก็ ตื่นมาแต่ละเช้านี่เป็นความทรมานใจเลยละ วันนี้แล็บอีกแล้ว ... วันนี้ present case อีกแล้ว ... บางคนเครียดจนต้องหยุดพักเพราะปัญหาทางจิต ไม่ได้ขู่นะคะ... แต่เห็นมาเยอะแล้วจริงๆ อย่าให้ลูกคุณต้องถึงขนาดเดินมารอขอพบอาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์เพื่อจะขอร้องว่า อาจารย์เซ็นให้หนูตกสัมภาษณ์ได้ไหมคะ แล้วก็ร้องไห้น้ำตานองหน้า เพียงเพราะว่าแม่อยากให้เรียนสาขานี้ แต่หนูอยากเรียนอย่างอื่น หรือร้องไห้บ่อน้ำตาแตกตอนสัมภาษณ์ด้วยความอัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความหวังของพ่อแม่ และความฝันของตัวเอง ให้เขาสอบใหม่เถอะค่ะ เขาจะรู้ว่าคุณรักเขา และจะพยายามเรียนในสิ่งที่เขาชอบให้ดีที่สุด จากคุณ : HoneyLemonSoda - [ 26 ก.พ. 48 13:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาแรก เราก็ไม่ชอบเรียนเภสัช อยากเรียนอย่างอื่นมากกว่า  แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง จะซิ่วก็คงไม่ได้   มันก็ต้องกัดฟันเรียนกันต่อไป  ต้องทำใจให้ชอบ  หรือเฉยๆ มันจะได้ไม่เครียดจนเกินลิมิตนัก  ตอนนี้ก็เริ่มชอบๆบ้างแล้วเรียนถ้าไม่ซีเรียสนักก็ Happy ดีแล้ว จากคุณ : narusaru - [ 27 ก.พ. 48 00:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 วาดรูปเก่ง ไม่ได้หมายความว่าจะเรียนสถาปัตได้ดี ชีวิตไม่ใช่นิยาย ซิ่วใหม่อีกทีถ้าพบว่าถาปัตไม่เหมาะกับตัวเอง  จะทำยังไงต่อไปล่ะ แน่ใจเหรอ  ว่าทางที่จะไปมันใช่???? จากคุณ : ไม้ไต่คู้ - [ 27 ก.พ. 48 15:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก... ชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ... ถ้าเป็นผมจะเรื่องเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ และทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก... ทุกเช้าจะมีความสุขและสนุกไปกับงานนั้น แต่ถ้าได้ทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ... ก็คงปวดหัวและทำงานนั้นไม่ได้ดี... (ถ้าเป็นผมนะ...) จากคุณ : xasz - [ 28 ก.พ. 48 01:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ใช่ครับ วาดรูปเก่งไม่ใช่ว่าจะต้องเรียนถาปัด ถาปัด มันเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์ + ความหน้าด้านอย่างมาก จากคุณ : คนหัวฟู - [ 28 ก.พ. 48 15:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อยากเรียนก็เรียนเองดิ จากคุณ : มาเฟีย ตามหาเมีย - [ 3 มี.ค. 48 15:14:32 A:61.91.203.95 X: TicketID:084769 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คิดูดีๆนะครับ ลูกคุณน้าต้องอยู่กับอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองไปทั้งชีวิต. . . จากคุณ : arata_arty - [ 5 มี.ค. 48 21:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เป็นคนนึงที่อยากเรียนพวกถาปัตย์ ,dec เหมือนกัน แต่เภสัชก็อยากเป็นพอ ๆกัน แต่พอปรึกษาแม่แล้ว ก็ให้เหตุผลเหมือนเจ้าของกระทู้นี่แหละค่ะ ก็เลยเลือกเภสัช แต่พอมาเรียนแล้วทรมานมาก ตอนปี 1 เป็นพวกวิชาสายวิทย์รวมก็คิดว่าทน ๆ เรียนไปก่อน พอเข้าคณะแล้ว เรียนหนักกว่า ทรมานกว่า บางทีเห็นเพื่อนที่ได้คะแนนดี ๆ ท่องเก่ง ๆ ยังคิดว่าทำไมเราไม่เรียนอะไรที่เราถนัดกว่านี้ ช่วงอ่านหนังสือทรมานมาก ๆ บางทีก็ร้องไห้ออกมาเอง ไม่มีเหตุผล เห็นพวกที่เค้าเรียนศิลปะแล้วรู้สึกว่าเค้าโชคดีจังที่ได้เลือกในสิ่งที่อยากเรียน ตอนนี้ที่ทำได้คือตั้งใจเรียนให้จบ แล้วอนาคตจะไปทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข จะไม่เสียดายเวลาที่เรียนไปเลย เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เรียนเพื่อแม่ แต่ต่อจากนี้เราขอตัดสินใจเองบ้าง ก็แค่จะบอกเจ้าของกระทู้ว่าให้เค้าตัดสินใจเอง คิดดี ๆ ไม่ว่าจะเลือกอะไรถ้าเป็นสิ่งที่เค้าชอบจริง แล้วจะทำได้ดีเอง ไม่ต้องกลัว เรื่องอนาคตหรอกค่ะ อย่างที่ ค.ห. 14 บอกแหละ จากคุณ : ปี 4 - [ 21 มี.ค. 48 22:12:24 A:203.170.135.231 X: TicketID:090339 ]