ความคิดเห็นที่ 1 ทำยากเอาการอยู่นะครับ...... หนังสือคงไม่ต้องไปควานหาที่ไหนหรอกครับ. หนังสือเรียนก็เกินพอแล้ว ความรู้อยู่ในนั้น จากนั้นก็หาพวกหนังสือรวมโจทย์ มาสักเล่ม จากนั้นก็เริ่มทำโดย 1. ใช้สมองให้มากกว่าที่เป็นอยู่ 2. อย่าเปิดดูเฉลยจนกว่าจะคิดว่าตัวเองแก้ปัญหาไม่ได้จริง ๆ 3. พยายามอย่าจำโจทย์ และ วิธีทำ 4. ทำแบบฝึกหัดให้มากที่สุด 5. มีสมาธิค่อย ๆ อ่านโจทย์แล้วคิดตาม ทีละนิด 6. อย่าจำสูตรลัดที่ไม่รู้ที่มา ยกเว้นแต่รู้ว่าการพิสูจน์อาจจะยากเกินไปในระดับนี้ 7. หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ 8. จดจ่อกล้าที่จะคิดนาน ๆ ข้ามวัน 9. อย่าทำเรื่องไร้สาระบ่อย ๆ จนเป็นความเคยชิน เช่น ฟังเพลงทุกวัน ครั้งละนาน ๆ แต่ควรฟังเมื่อรู้สึกว่าเครียดมาก ๆ เท่านั้น 10. ออกกำลังกายบ่อย ๆ จะช่วยกระตุ้นสมองและผ่อนคลาย ที่สำคัญที่สุดคือจงเชื่ออย่างจริงจัง ว่าตัวเองมีความสามารถที่จะแก้ปัญหานั้นได้ คนที่เชื่ออย่างจริงจัง ถ้าปัญหานั้นไม่ยากแบบโอเว่อร์สุด ๆ จะสามารถแก้ปัญหาได้ในที่สุด และ ถึงแม้ว่าจะแก้ไม่ออก ก็จะได้บางอย่างกลับมา เช่น เห็นลู่ทางเล็ก ๆ ที่สำคัญสุดคือได้พัฒนาสมอง ถ้าเรียนคณิตศาสตร์แบบไม่ใช้สมองเยอะ ๆ มาตั้งแต่เด็ก พอเรียนขึ้นไปจะแก้ยากแล้วนะครับ. พี่เห็นมาเยอะเลยเรียนที่โรงเรียนเกรดเฉลี่ยหรูมาก 4.00 แต่พอไปสอบแข่งกลับได้ประมาณ 30 นิด ๆ จาก 100 ข้อสอบมันไม่ได้ยากจนโอเวอร์หรอกครับ. แต่ปัญหามันอยูที่เราขาดการฝึกฝนเอง อย่างข้อสอบ Ent' นี่ดูมาจนเบื่อ คะแนนเฉลี่ยไม่เคยเกิน 30 เลยสักปี เรียนกันมาตั้ง 3 ปี เพื่อสอบตก ถ้าเด็กเราตั้งใจเรียนกันอย่างจริงจังหน่อย ผลมันไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ. เด็กไทยวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้านะจะบอกให้ ถ้าแก้ปัญหาข้อไหนไม่ออกจริง ๆ มาที่นี้ได้ครับ. http://www.mathcenter.net/cgi-bin/ultimatebb.cgi มีหลายคนที่จะช่วยปวดหัวให้ น้อง ม. 1 ม. 2 ม. 3 น้องหลายคนที่เล่นที่นี่ ความรู้เขาไปถึงไหนต่อไหนแล้วครับ. ทำข้อสอบทุน King ได้สบาย ๆ แล้ว สมาคม ฯ เอย โอลิมปิก ฯ เอย  บางคนความรู้ก็ข้ามไปถึงมหาวิทยาลัยแล้วนะครับ. จากคุณ : mrgon - [ 15 มี.ค. 48 20:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มันต้องเจอโจทย์เยอะๆครับ จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 15 มี.ค. 48 20:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมก็พยามตั้งใจเรียนแล้วนะค้าบบ จากคุณ : Elrond - [ 15 มี.ค. 48 23:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านทำความเข้าใจเนื้อโจทย์ให้ดีๆ เงื่อนไขในโจทย์ที่จำเป็นต้องใช้เฉลยมีอะไรบ้าง แล้วค่อยๆแกะไปทีละขั้น อย่าแอสซูมเกินโจทย์ เพราะจะเป็นการจำกัดแนวทางเฉลยโดยไม่จำเป็น คล้ายกับเราถูกขังด้วยความคิดของเราเอง will power สำคัญจริง ถ้าเราเลือกโจทย์ที่คิดว่าเหมาะกับระดับของเราแล้ว ต้องไม่ละเว้น วันนี้ยังคิดไม่ได้ให้ลงบัญชีแค้นไว้ก่อน ถ้าพยายามแล้วพยายามอีกไม่ไหวจริงๆก็ต้องยอมดูเฉลย ยังไงก็ยังดีกว่าทิ้งไปเฉยๆ เห็นบ่อยๆว่าโจทย์ที่นักเรียนน่าจะทำได้ แต่ในสภาพกดดันเวลา ก็หวาดแล้วข้ามไปเฉยๆ มาร้องอ๋อเมื่อเห็นเฉลยทีหลัง เพราะฉะนั้นอย่าตื่นตูมเกินเหตุเมื่อเจอโจทย์ที่ไม่เคยเห็น ทำความเข้าใจตรรกศาสตร์เบื้องต้นให้ดีก็จะช่วยได้ เพราะการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ก็คือการเลือกคำตอบให้โจทย์แล้วพิสูจน์ให้เห็นจริงว่าคำตอบนั้นถูกต้องแล้ว จากคุณ : rigor - [ 16 มี.ค. 48 16:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อืมมันเป็นอย่างงี้นี่เอง จากคุณ : เออาร์ (THE_AR) - [ 16 มี.ค. 48 21:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดูโจทย์ และดูเฉลยไปพร้อมๆ กัน พยายาม จับให้ได้ว่า ประโยคปัญหา แต่ละวรรคตอน นั้น หมายถึง เครื่องหมาย หรือตัวแหรอะไรบ้าง เช่นคำว่า * ส่วนที่*    *พี่มีเงินมากกว่าน้อง*   *สมชายมีเงินน้อยกว่าสุนี*   *ผลบวก*  * ผลต่าง* คำพวกนี้หมายถึง วงเล็บ เช่น ส่วนที่ นิยมมากกว่าสมนึก  หมายถึง (จำนวนที่นิยมมี - จำนวนที่สมนึกถืออยู่)   พี่มีเงินมากกว่าน้อง  หมายถึง (จำนวนเงินของพี่ - จำนวนเงินของน้อง) ผลบวกของเลขจำนวนนับสองจำนวนเรียงกัน มีค่าเท่ากับ 58 เขียนได้ว่า {(X +1) + X } = 58 ลองฝึกดูครับ ส่วนที่เหลือ ต้อง พยายามอ่านมาก ทำมาก ดูเฉลยควบคู่กันไป เริ่มจากง่ายไปยาก หนังสือ เลข ของอาจารย์ โชคชัย ศิริหารอุดม เขียนดีครับ เริ่มจากง่ายไปยาก  ลองดูเล่มที่หน้าหกเป็นรูป สามเหลี่ยม และวงกลม อยู่ซ้อนกัน  มีสองเล่ม สีน้ำเงิน และสีฟ้าครับ ลองเอาทำดู บประกันได้ว่า น้องพัฒนาขึ้นแน่ๆ จากคุณ : น้าพร - [ 17 มี.ค. 48 19:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คิดให้ดีก่อนนะ ว่าชอบเลข จิง ๆ หรือ หรือแค่อยากจะได้คะแนนดี ๆ มันต่างกันมากเลยนะครับ หาตัวเองให้เจอก่อนดีก่า จากคุณ : Nash (Arnut_TU) - [ 18 มี.ค. 48 06:12:57 ]