ความคิดเห็นที่ 1
คนกินแดด...อายุยืน 250 ปี
(ตอนต้นเรื่องเป็นเรื่องของทฤษฎีการมีอายุยืน อย่างเช่น การค้นพบว่าสัตว์ที่มีขบวนการเมตาโบลิซึ่มช้า จะอายุยืนกว่าสัตว์ที่มีขบวนการดังกล่าวเร็ว เรื่องการทำสมาธิช่วยให้ชีวิตยืนยาว ฯลฯ ตรงนี้ขอข้ามนะ เอาเข้าเรื่องเลยแล้วกัน..)
....อะไรจะเกิดขึ้นหากมนุษย์ไม่ต้องกิน แต่สามารถเปลี่ยนขบวนการเมตาโบลิซึ่มของร่างกาย ไปสู่การมีชีวิตอยู่ด้วยแสงอาทิตย์โดยตรง มนุษย์จะมีอายุยืนยาวขึ้นหรือเปล่า? งานวิจัยที่กระทำในนามของนาซ่ารวมถึงงานวิจัยก่อนหน้า ล้วนพิสูจน์ให้เห็นว่า มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหาร แต่อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเหล่านั้น ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไรและอย่างไร เพียงแต่รู้ว่ามันมีความเป็นไปได้สำหรับมนุษย์เท่านั้น..ทั้งนี้ กรณีหนึ่งที่มีการบันทึกไว้คือกรณีของสตรีผู้หนึ่งชื่อ กิริ บาลา (Giri Bala) กล่าวกันว่า เธอไม่ได้กินอาหารเลยมาเป็นเวลานานถึง 56 ปีแล้ว
ต่อไปนี้คือบทสนทนาระหว่าง ปรมหรรษา โยคะนันทะ (Paramahansa Yogananda) และ กิริ บาลา ตัดตอนมาจากหนังสือ Yogananda's book, Autobiography of a Yogi.
คุณแม่ไม่นึกอยากกินบ้างเลยหรือ ถ้าฉันนึกอยากกินอาหาร ฉันก็คงจะกิน แต่คุณแม่ก็ต้องกินอะไรบ้างล่ะ ใช่ไหม ผมตั้งข้อสังเกต แน่นอน เธอยิ้มด้วยความเข้าใจในทันที พลังกายของมนุษย์ สามารถมาจากแหล่งพลังงานที่ดีกว่า คือจากอากาศและแสงอาทิตย์ รวมทั้งพลังจักรวาล ซึ่งจะเพิ่มพลังให้ร่างกายได้โดยผ่าน medulla oblongata (แปลว่าไรหวา หาในดิคก็ไม่มี)
คุณแม่ครับ ผมถาม ทำไมคุณแม่ไม่สอนวิธีอยู่โดยไม่ต้องกินอาหารให้คนอื่นรู้ครับ ผมเริ่มปิ๊งความหวังที่จะช่วยเพื่อนมนุษย์นับล้านที่ยังอดอยากทันที
ไม่สอน เธอสั่นศีรษะ ครูของแม่สั่งเอาไว้เด็ดขาดว่า ห้ามเปิดเผยความลับ เพราะท่านไม่ต้องการล่วงละเมิดในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างไว้ อีกอย่างหนึ่ง ชาวนาชาวไร่คงไม่ขอบคุณแม่แน่ หากแม่สอนคนให้อยู่โดยไม่ต้องกินได้ ผลไม้แสนอร่อยทั้งหลายก็คงร่วงหล่นไปอย่างเปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นนะ ที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ยาก ความอดอยากหรือโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย ล้วนเป็นผลมาจากกรรมของเรา ซึ่งที่สุดแล้วจะกระตุ้นให้เราค้นหาความหมายอันแท้จริงของชีวิต
คุณแม่ครับ ผมพูดช้าๆ ถ้าอย่างนั้นแล้ว มันจะมีประโยชน์อะไรกับการที่คุณแม่แยกตัวออกมาอยู่โดดเดี่ยว โดยไม่กินอาหารแบบนี้
เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ามนุษย์เป็นจิตวิญญาณ ดวงหน้าของเธอฉายแววแห่งปัญญา เพื่อแสดงให้เห็นว่าด้วยความก้าวหน้าอันศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์สามารถเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้โดยแสงอันอมตะ มิใช่ด้วยอาหาร
หนังสือของโยคะนันทะยังกล่าวถึงนักบุญในศาสนาคริสต์ที่ไม่ต้องกินอาหารด้วย ได้แก่ St. Lidwina of Schiedam, Blessed Elizabeth of Rent, St. Catherine of Siena, Dominica Lazarri, Blessed Angela of Feligno, และ Louise Lateau. St. Nicholas of Flue แห่งศตวรรษที่ 19 (Bruder Klaus, ฤาษีแห่งศตวรรษที่ 15 ก็ไม่กินอาหารมานานถึง 20 ปีเช่นกัน)
นอกจากกิริ บาลาแล้ว นักบุญชาวอินเดียท่านหนึ่งคือ เดฟราฮา บาบา (Devraha Baba) ซึ่งถึงแก่กรรมในปี 1989 ก็เป็นโยคีที่ใช้ชีวิตในแบบเดียวกัน เดฟราฮา บาบาอาศัยอยู่ริมแม่น้ำยมุนาบนชานชาลาไม้สูง 12 ฟุตและมักจะเปลือยกายอยู่เป็นปกติ ท่านไม่เคยกินอาหารเลย มีเพียงแต่ดื่มน้ำจากแม่น้ำยมุนาเท่านั้น ท่านกล่าวว่า ตนเองสามารถไปอยู่ 2 สถานที่ได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้น ยังเคยมีการพิสูจน์ โดยให้ท่านลงไปอยู่ใต้น้ำนานถึงครึ่งชั่วโมง โดยไม่มีเครื่องช่วยชีวิตใดๆ ทั้งสิ้นด้วย
เดฟราฮา บาบาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในอินเดีย มีคนไปเยี่ยมท่านจากทุกชั้นวรรณะและจากทุกสารทิศในอินเดีย ท่านเป็นที่ยอมรับนับถือในหมู่นักการเมือง ทั้งนางอินทิรา และราจีฟ คานธี อดีตนายกรัฐมนตรี ล้วนแต่เคยไปพบท่านมาแล้วทั้งสิ้น
เคยมีข่าวลือว่าเดฟราฮา บาบามีชีวิตมาเกิน 700 ปีแล้ว แต่ผมก็คาดว่าเป็นข่าวลือ เพราะจากการค้นหาการสืบเชื้อสายตระกูลท่าน ประมาณได้ว่า ท่านมีอายุอย่างน้อย 250 ปี เมื่อท่านปฏิบัติมหาสมาธิ (เพื่อก้าวสู่ความตาย) ในปี 1989 อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านสามารถอยู่มาได้ 250 ปี ก็เป็นไปได้เหมือนกันว่า ท่านอาจจะอยู่มาแล้ว 700 ปีก็ได้ ทนายความของศาลสูงอัลลาฮาบัดคนหนึ่งเคยกล่าวว่า ต่อจากเดฟราฮา บาบา ยังมีคนในตระกูลของท่านอีก 7 รุ่น ที่น่าแปลกอย่างยิ่งก็คือ ท่านสามารถทำนายวันตายของตนเองได้ล่วงหน้าถึง 5 ปี
(มาเข้าเรื่องกิริ บาบาต่อ)....หลังบทสัมภาษณ์กิริ บาบาโดยโยคะนันทะเผยแพร่ออกไป โลกก็เริ่มตื่นตัวอย่างมหาศาลในเรื่องของจิตและวิทยาศาสตร์ คำสอนโบราณของฤาษีซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเก็บเป็นความลับ จะเปิดเผยเพียงหมู่สานุศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น ขณะนี้ก็พร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนได้สัมผัส ขณะที่มีคนเริ่มฝึกสมาธิมากขึ้น และเริ่มที่จะรู้จักใช้พลังจักรวาลที่มีอยู่ในตัวมากขึ้น รวมทั้งขณะที่ความก้าวหน้าทางการแพทย์มีแนวโน้มที่จะขจัดโรคร้ายทั้งหลายลงได้ ก็เป็นไปได้ว่า อีกหน่อยชีวิตของมนุษย์จะยืนยาวออกไปได้อีกหลายสิบปี...
จากคุณ :
ใบไม้หนึ่งใบ
- [
6 พ.ค. 48 13:25:27
A:203.144.158.126 X: TicketID:012463
]
|
|
|