ความคิดเห็นที่ 1 ขณะที่รถไฟแล่นไปเวลาจะช้ากว่าปกติ ถ้ายืนมองดูจากนอกรถไฟ ความยาวของรถไฟจะสั้นกว่าปกติ ทำไมเวลาเดินช้ากว่าปกติเมื่อรถไฟแล่นไปอธิบายหน่อยครับ จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 13 พ.ค. 48 13:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จริงเหรอครับ!! น่าจะเกี่ยวกับ... ถ้าเราเดินทางเร็วขึ้น เวลาจะเดินทางช้าลง ถ้าเราเดินทางเร็วเท่าแสง เวลาจะหยุดนิ่ง - แต่ผมก็เคยอ่าน คห.นึงในบอร์ดนี้แหละครับ เค้าบอกว่าถ้าเราเร็วเท่าแสงได้ เราก็จะเห็นภาพในอดีตเท่านั้น (ภาพของแสงนั้น) แต่จะไม่สามารถแก้ไขได้ และผมก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีผลกับสสารนั้นนะครับ (เช่นนาฬิกาเดินช้าลงเมื่อนาฬิกาเดินทางเร็วขึ้น) แต่ผมก็ไม่รู้อะ...อายุยังน้อยแต่อยากลองแสดงความคิดเห็นดูมั่ง อิอิ จากคุณ : unrebirth - [ 13 พ.ค. 48 13:52:10 A:58.10.225.198 X: TicketID:088196 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คือมันเป็นเรื่องทางคณิตศาสตร์ที่พิสูจน์ออกมาได้อย่างนั้น ไม่เชื่อก็ลองทำดู ใช้คณิตศาสตร์เรขาคณิต 2 มิติโบราณ ๆ อย่างง่าย ๆ เอง ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็อีกเรื่อง ถ้าหากเราคิดว่าเวลาและสถานที่ที่ได้จากสมการคณิตศาสตร์เกี่ยวข้องกับตัวเรา มันก็จะเป็นอย่างที่ว่ามา หากคิดว่าเป็นแค่สมการเฉย ๆ ก็ไม่จริง จากคุณ : ช่างปะปา - [ 13 พ.ค. 48 15:05:46 A:202.57.185.15 X: TicketID:061788 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนถ้าใช้นาฬิกาดิจิตอลตัวเลข ผลที่ได้ก็เหมือนกับนาฬิกาอะตอม เพราะว่า นาฬิกาดิจิตอลทำจากอะไรล่ะ? ก็ทำจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีไอซี เป็นสารกึ่งตัวนำซึ่งในตัวมันมีอิเลคตรอนวิ่งอยู่ภายในก็คือพวกอะตอมนั่นแหละ ดังนั้นมันก็มีผลต่อการเคลื่อนที่ภายในทำให้เวลาที่แสดงออกมาที่จอภาพดิจิตอลก็ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นนาฬิกากลไกฟันเฟืองก็เหมือนกันเพราะ กลไกต่าง ๆ ก็เคลื่อนที่ไปทั้งหมดทำให้เวลาของตัวนาฬิกาเปลี่ยนทั้งตัวเหมือนกัน จากคุณ : ช่างปะปา - [ 13 พ.ค. 48 15:10:43 A:202.57.185.15 X: TicketID:061788 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แสดงว่าดูรายการจอโลกเมื่อคืนนี้ไม่ต่อเนื่องแน่ๆ เลย หรือไม่ก็คุยกะแฟนอยู่แน่ๆ เลยไม่เข้าใจ เมื่อคืนเค้าอธิบายดีมากๆ เลยนะ แต่ให้คนอื่นมาอธิบายดีกว่า จากคุณ : O-BoteJama - [ 13 พ.ค. 48 15:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีหนังสือ beyond einstien หรือยังครับ ถ้ามีเปิดไปดูหัวข้อไอน์สไตน์ในชีวิตประจำวัน มีอธิบายอยู่ในเรื่อง GPS เผอิญตอนนี้หนังสือไม่ได้อยู่ในมือ อธิบายไปเดี๋ยวไม่ตรงกับที่เค้าเขียนไว้ จากคุณ : รองเท้าเปื้อนฝุ่น (dirty shoe) - [ 13 พ.ค. 48 15:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความเห็น 5 เมื่อคืนเค้าอธิบายดีมากๆ เลยนะ แต่ให้คนอื่นมาอธิบายดีกว่า ความเห็น6 เผอิญตอนนี้หนังสือไม่ได้อยู่ในมือ อธิบายไปเดี๋ยวไม่ตรงกับที่เค้าเขียนไว้ ตกลงมีคนเข้าใจจริงๆมั้ยครับเนี่ย จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 13 พ.ค. 48 15:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คืออธิบายแบบนี้ได้มั้ยครับ คือพอขึ้นเครื่องบินแล้วบินไปเรื่อยๆมันเหมือนกับเข้าไปในอีกมิตินึง ที่มิตินั้นเวลามันไม่เหมือนกับพื้นโลก จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 13 พ.ค. 48 16:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เชื่อว่า อธิบายไป คุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี มีค่าเท่ากับสีซอให้ตอไม้ฟัง ล่ะครับ ปล. นาฬิกาดิจิตอลของคุณมีค่าคลาดเคลื่อนถึง 15 วินาที ต่อเดือน แต่นาฬิกาอะตอม มีค่าคลาดเคลื่อนน้อยกว่า 1 วินาที ในหนึ่งหมื่นล้านปี จากคุณ : ช่างไฟ - [ 13 พ.ค. 48 16:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 555 สรุปแล้วไม่มีใครอธิบายได้เลยมาพูดอย่างโน้นอย่างนี้เคยอ่าน โน้นอ่านนี้  นาฬิกาเป็นยังไงบ้าง แต่ไม่มีใครกล้าอธิบายเลยซักคน 55555555555555555555555555555  ยอมรับเถอะครับว่าไม่รู้มะกัน จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 13 พ.ค. 48 16:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คือ ยังไม่มีใครสามารถทดลองออกมาจริงๆ แบบใช้ฝาแฝด หรือเอานาฬิกาใส่ในเครื่องบินที่บินเร็วเฉียดแสงได้ไง มันเลยต้องอธิบายด้วยสมการทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ซึ่งเข้าใจยาก มีการทดลองที่ใกล้เคียงที่สุดคือเอานาฬิกาอะตอมใส่ในเครื่องบินเจ็ทแล้วบินให้เร็วที่สุดเพื่อทดสอบทฤษฎีนี้ เหตุผลที่ใช้นาฬิกาอะตอมเพราะมันเป็นอุปกรณ์จับเวลาที่เที่ยงตรงที่สุดเท่าที่มีอยู่บนโลกตอนนี้ ผลลัพธ์เวลาเปลี่ยนแปลงที่ได้นั้นมีค่าแตกกันน้อยมาก ซึ่งถ้าใช้นาฬิกาดิจิตอลอาจวัดได้ไม่ละเอียดขนาดนั้นและไม่เห็นความแตกต่าง จากคุณ : ระวังห่าน - [ 13 พ.ค. 48 17:56:03 A:203.107.217.61 X: TicketID:083161 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อาจจะเข้าใจแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงก็ได้มั้งครับ ถ้าอย่างผมเข้าใจ ก็เวลาเป็นมิติหนึ่งในบรรดามิติที่ใช้ในการบอกตำแหน่ง(ผมไม่อยากคำนี้แต่นึกไม่ออกว่าใช้คำไหนดี) ซึ่งมีสมมติฐานว่า(ของผมเองนะ)มิตินี้เป็นฟังก์ชันจากตัวแปรบางอย่าง(เขาว่าเป็นความเร็วนะ) ดังนั้นเมื่อมิติที่มีผลกับเวลามีค่าต่างกันเวลาก็ต่างกัน  ดังนั้นเมื่อเอาคน 2 คนนี้มาเทียบกันเวลาของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน แต่เวลาของตัวเขาเองเดินเหมือนเดิมเพราะนาฬิกาที่เขาใช้สังเกตุการณ์อยู่ในสภาวะนั้นๆ ก็คือไม่มีเวลาสมบูรณ์มีแต่เวลาของสิ่งที่กำลังพิจารณา เมื่อคุณคิดเรื่องเวลาสมบูรณ์ เวลากลาง หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมว่ามันก็ไม่ตรงกับสมมติฐานผมแล้วหล่ะ ผมว่านะอย่าว่าคน 2 คนเลย เลือดแต่เม็ดที่ไหลในตัวเราเวลาของมันไม่เท่ากันแล้วหล่ะ แล้วเวลาที่คนเราเป็นอยู่ก็ไม่รู้ว่ามาจากตรงไหน(ถ้าความเร็วของสิ่งต่างๆในร่างกายคนมันเร็วมากๆ) ปล.อย่าด่าผมแล้วกันนะ ไม่เห็นด้วยก็ช่วยอธิบายเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 48 18:01:29 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 48 17:59:21 จากคุณ : lex tertia - [ 13 พ.ค. 48 17:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านนี่ก่อนแล้วกัน เขียนไว้นานแล้ว http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=spark&group=1 ถ้าอ่านแล้วเข้าใจ ค่อยมาว่ากันอีกที หึๆๆ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 13 พ.ค. 48 19:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่า อ่านใหม่ หลายๆ เล่มหลายๆ รอบ แล้วค่อยมาถกกันดีกว่าครับ ...... ไม่ใช่ไม่มีคนเข้าใจ แต่ไม่มีคนอยากตอบอะไรซ้ำๆ น่ะครับ .... จากคุณ : ช่างปูน Practical^2 เจ้าเก่า (ไม่มีสมาชิกชื่อนี้) - [ 13 พ.ค. 48 19:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อืมอืม พอจะเข้าใจละ มันน่าทึ่งจริง ๆ นะครับ หวังว่าชีวิตนี้จะได้อยู่เห็นการพิสูจน์ จากคุณ : หมาป่าเขี้ยวยาว - [ 13 พ.ค. 48 22:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 48 22:59:42 จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 13 พ.ค. 48 22:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หึหึ จริงๆผมไม่เข้าใจไอสมการอะไรของคุณช่างไฟนั่นละเอียดหรอกครับ แต่อยากบอกว่า ในเมื่อ t  t'  มันเป็นเวลาที่แสงเดินทางในตัวกำเนิดแสงไปกระทบ..... แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับความแก่น้อยแก่มากของคนที่อยู่ในจรวด  หรือเวลาที่ผ่านไปบนโลกหละ  ค่าt ' มันเป็นค่าของเวลาที่ผ่านไปบนโลกได้ยังไง ก้อไหนบอกว่า t' เป็นเวลาที่แสงเดินทางในตัวกำเนิดแสงไป กระทบ.....อธิบายหน่อยสิ   แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 48 22:58:44 จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 13 พ.ค. 48 22:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คือคุณช่างไฟเค้าจะบอกว่า เมื่อคุณเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้น เวลาที่อยู่บนตัวคุณ และเวลาอีกที่ที่อยู่นิ่งๆ  จะไม่เท่ากัน โดยไอ้เวลาที่เคลื่อนที่เนี่ย ถ้ามันเคลื่อนที่เร็วๆ มันจะช้าลง แปรผกผันกัน คือถ้ายิ่งเคลื่อนที่เร็ว เวลาจะเดินช้าลง และในทีวีเมื่อคืนถ้าคุณได้ดูไอ้อะไรซักอย่างที่มันจะใช้เวลาในการมีชีวิตสั้นมากๆ ถ้าคุณจับมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ในท่ออะไรนี่ละ เรียกไม่ถูก ปรากฏว่ามันจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าไอ้ตัวที่อยู่เฉยๆ ดังนั้นเค้าเลยคิดอีกว่า ถ้าเอาฝาแฝดสองคนมาทดลอง โดยให้คนนึงอยู่บนโลก แต่อีกคนอยู่บนยานนอกโลก แล้วให้บินด้วยความเร็วสูง เกือบๆ เท่าแสง บินไปไหนก็ได้โดยใช้เวลา ไปกลับ 30 ปี ลองคำนวณแล้ว คนบนโลกจะมีอายุแก่กว่าคนที่อยู่บนยานนั้นประมาณ 20 ปี ครับ แต่นั่นยังไม่มีการทดลองครับ แค่คิดคำนวณเฉยๆ  อย่าซีเรียสเลยคุณ และที่คุณเข้าใจว่าทำไมเอานาฬิกาวิ่งๆ มาใช้สงสัยว่าจะดูไม่ครบ ในทีวีเค้าทำการทดลอง ว่าถ้ามีการปล่อยแสงไปกระทบกระจกแล้วให้กลับมา ทั้งสองชุดจะใช้เวลาเท่ากัน แต่ถ้าให้ชุดนึงเคลื่อนที่เร็วมากๆ จะเห็นได้ว่าแสงเดินทางเป็นรูปซิกแซก และระยะเวลาการเดินทางของแสงก็นานขึ้นทำให้สัญญาณนาฬิกาของชุดที่เคลื่อนที่ ช้าลงไงครับ ใช่อันนี้เปล่าที่คุณบอกวิ่งๆ อ่ะ หน้าตานาฬิกาอะตอมเป็นแบบในรูปครับ จากคุณ : O-BoteJama - [ 13 พ.ค. 48 23:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อยากดูรายการนี้จังเลยครับ พอจะมีลิ้งค์รายการให้ดูย้อนหลังมั๊ยครับ จากคุณ : หมาป่าเขี้ยวยาว - [ 14 พ.ค. 48 00:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณยืนอยู่กับที่ และมีรถวิ่งผ่านหน้าคุณ คุณวัด"อัตราเร็วรถเทียบกับคุณ" ก็จะได้ค่าๆหนึ่ง แล้วทีนี้  ถ้าคุณวิ่งตามรถไป แล้วคุณวัดอัตราเร็วรถเทียบกับคุณ ก็ได้จะอัตราเร็วอีกค่าหนึ่ง ซึ่งน้อยกว่าค่าแรก (ถูกมั้ย??) มีเรื่องแปลกอยู่ว่า ถ้าคุณยืนอยู่นิ่งๆ วัดอัตราเร็วแสง ก็ได้จะค่าหนึ่ง แล้วถ้าคุณวิ่งตามแสงไป คุณก็ยังวัดอัตราเร็วแสงได้เท่าเดิม!! ไม่ว่าคุณจะวิ่งเร็วแค่ไหนก็เหอะ อัตราเร็วแสงก็คงที่ ทั้งๆที่มันควรจะน้อยลง เกิดอะไรขึ้น?? สิ่งนี้ขัดกับสามัญสำนึกไหม? หากทิ้งความเชื่อว่า เวลาเป็นสิ่งสัมบูรณ์ (พูดง่ายๆคือทิ้งความเชื่อที่ว่า เวลาเดินเท่ากันทั่วจักรวาล จะวัดตรงไหนก็เหมือนกัน ไม่ขึ้นกับอะไรทั้งนั้น) แล้วลองคิดดูว่า ถ้าให้เวลาเดินช้าลง คุณก็จะวัดอัตราเร็วแสงได้เท่าเดิม แล้วยิ่งเรามีอัตราเร็วมากเท่าไร เวลาก็ยิ่งเดินช้าลงเท่านั้น เป็นผลมาจากการที่ ยังไงๆคุณก็ต้องวัดอัตราเร็วแสงได้เท่าเดิม จากคุณ : ตามความเข้าใจ (Duke!) - [ 14 พ.ค. 48 01:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาๆ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง ดูทีวีเขาอธิบายดี สงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่ม.4 ตอนนี้จบป.ตรี มาปีแล้วเพิ่งเข้าใจเหมือนกัน ดูในภาพนะที่เขาว่าเวลาช้าลง 1. ภาพบนนาฬิกาอะตอมอยู่กับที่ สีดำคือแผ่นสะท้อน สีเหลืองคือ อะตอม อะตอมวิ่งไปกลับ 1 รอบคือ 1 วินาที (สมมติ) 2. ภาพล่างแผ่นสะท้อนเคลื่อนด้วยความเร็วคงที่ (คิดว่าน่าจะคงที่นะ เพราะถ้าไม่คงที่อาจจะไม่สะท้อนอีกฝั่ง) เห็นสีแดงมั๊ยฮะ มันยาวขึ้น แสดงว่าอะตอมจะต้องวิ่งเร็วขึ้น เอ๊ะยิ่งอธิบายยิ่งงง เอาเป็นว่ามันไม่เหมือนกันละกัน..... จากคุณ : Ken - [ 14 พ.ค. 48 03:26:42 A:172.16.4.137 X:202.183.233.13 TicketID:082287 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เหมือนความเห็นข้างบน คือ ใช้นาฬิกาอะตอมเพราะความต่างของเวลาที่ได้จะน้อยมากเนื่องจากว่าความเร็วของจรวดยังต่ำมากเมื่อเทียบกับแสง เวลาที่ต่างกันอาจเป็นหนึ่งในหมื่นวินาที ดังนั้น ถ้าใช้นาฬิกาทั่วไป จะไม่สามารถวัดความต่างนี้ได้ แต่ถ้าเป็นนาฬิกาอะตอม จะมีความละเอียดสูง ทำให้วัดได้บ้าง แน่นอนว่าถ้าเรามีจรวดที่มีความเร็วใกล้เคียงแสง จะใช้นาฬิกาอะไรก็จะเห็นผลครับ เคยอ่านแต่จำไม่ได้หมดว่าเคยมีการทำลองโดยใช้เครื่องบินความเร็วสูงที่สุดเท่าที่หาได้บินรอบโลก แล้่วพบว่านาฬิกาเรือนที่อยู่บนเครื่องบิน กับเรือนที่อยู่บนพื้น ต่างกันจริง ส่วนเรื่องแก่นั้น ก็เพราะเวลาเดินช้าลงสำหรับคนบนจรวด ทำให้นาฬิกาชีวภาพในสิ่งมีชีวิตเดินช้าลงตาม (เวลาเดินช้าลง ทำให้ความถี่ในการสั่นของอะตอมลดลง เพราะอะตอมแต่ละชนิดจะมีความถี่ในการสั่นคงที่ ซึ่งเป็นหลักในการทำนาฬิกาอะตอมด้วย) ทำให้แก่ช้ากว่าคนบนโลกไง เข้าใจหรือเปล่าละ จากคุณ : ไทเกอร์ อู๊ด - [ 14 พ.ค. 48 05:27:53 A:203.118.105.12 X: TicketID:064569 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ก่อนอื่น คุณต้องเข้าใจและยอมรับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันสัมพัทธ์กันหมด เราจึงต้องกำหนดกรอบอ้างอิง (Frame of reference) ขึ้นมา เช่น เราอยู่บนโลก เราวัดระยะทาง วัดความเร็ว วัดน้ำหนัก วัดเวลา ก็เทียบกับโลกเรา ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่า อันที่จริง โลกเราก็เคลื่อนที่รอบด้วยอาทิตย์ด้วยความเร็วสูงถึงหนึ่งแสนกิโลเมตรต่อชั่วโมง! ไอ้ที่คุณขับรถไปทำงานด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น คุณวัดความเร็วเทียบกับพื้นดินเท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณวัดเทียบกับดวงอาทิตย์ รถที่คุณขับ มีความเร็วเป็นแสนกิโลเมตรต่อชั่วโมง! เอาแค่นี้ก่อนละกันครับ ซึ่งถ้าคุณไม่ยอมรับตรงนี้ ก็เป็นอันเลิกพูดเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพ ปล. ไอน์สไตน์บอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ล้วนสัมพัทธ์กันทั้งสิ้น ยกเว้นความเร็วแสง ที่เป็นสิ่งคงที่ ซึ่งถ้าคุณไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ ขืนพูดไปก็เท่ากับสีซอเหนื่อยเปล่าๆ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 14 พ.ค. 48 07:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมจะอธิบายเรื่อง twin paradox ก่อนนะครับ จากที่อ่านๆมา โจทย์บอกว่ามีฝาแฝดสองคน คนนึงขึ้นยานอวกาศ(A)ออกเดินทางท่องอวกาศ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากๆๆๆๆๆ เวลาผ่านไปกลับทิศยานและกลับมาที่โลกมาพบกับแฝดอีกคนอยู่บนโลก(B) ซึ่งจะพบว่า A จะหนุ่มกว่า B ที่นี้ ถ้าผมบอกว่าให้ลองคิดแบบนี้ครับ ถ้ามองว่าโลกเป็นยานอวกาศแทน และ A อยู่นิ่งๆ ก็จะเห็น B(และโลก) เคลื่อนที่ออกจากตัวเอง เพราะฉะนั้น อ้าว !!!!! จากหลักของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ SR เราก็สามารถมองได้ว่า B หนุ่มกว่า A ได้ แล้วมันยังไงเนี่ย.... จากคุณ : Tptp (tanpip) - [ 14 พ.ค. 48 10:06:35 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จะอธิบายอย่างนี้ครับ ใน SR นั้น เค้าสงวนเฉพาะกรณีที่กรอบอ้างอิงทั้งหลายไม่มีความเร่ง แต่จากโจทย์จะเห็นได้ว่า A โดนความเร่งชัดๆ(เพราะตอนเริ่มเดินทาง ยานอวกาศต้องถูกเร่งใช่มะ) และตอนกลับยังต้องหน่วงกลับทิศยานอีก เราจึงต้องรวมทฤษฎีสัมพัทธภาพ   ทั่วไป   GR ด้วย การถูกความเร่งกระทำก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ---เวลาผ่านไปช้า--- แล้วเวลาผ่านไปช้านั้นหมายความว่าไง หมายความว่า--การเผาผลาญไปของเวลา--นั้นจะช้าเมื่อเทียบกับอีกคน(นาฬิกาของ A จะเดินช้ากว่าของ B) ทั้งๆที่ A ก็ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเวลาช้า A ก็ยังใช้เวลากินข้าวครึ่งชั่วโมงเหมือนตอนอยู่บนโลกทุกอย่าง(ถ้าดูเวลาจากนาฬิกาตัวเอง) ส่วน B ซึ่งถูกความเร่งกระทำน้อยกว่าก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเช่นกัน ส่วนเรื่องนาฬิกานั้น เค้าต้องการความแม่นยำครับ เพราะว่าความเร็วสัมพัทธที่เราทำได้นั้นน้อยกว่าความเร็วเเสงมากๆๆๆ ความต่างของการเผาผลาญเวลาก็น้อยไปด้วย จึงต้องใช้นาฬิกาที่ละเอียดมากๆๆ จากคุณ : Tptp (tanpip) - [ 14 พ.ค. 48 10:15:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คือที่ผมสงสัยก้อคือมาใช้นาฬิกาแบบที่มันมีแสงเด้งไปเด้งมาเวลาเคลื่อนที่มันก้อต้องมีผลสิครับ เหมือนน้ำกระฉอกไปกระฉอกมาได้ แล้วถ้าใช้นาฬิกาฟันเฟืองมันจะมีผลหรอ ที่นี้ที่ผมสังเกตเองมาตั้งแต่เด็กแล้วก้อคือตอนนั่งรถไฟออกหรือ เข้าหัวลำโพงเนี่ย  พอเจอรถไฟที่จอดอยู่นิ่งแล้วไปสวนกับมัน  จะไม่มีทางรู้เลยว่าขบวนนั้นจอดอยู่เฉยๆหรือแล่นอยู่ อันนี้อธิบายได้ยังไงครับ คือผมโง่อะครับอันนี้ยอมรับก่อนเลย จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 14 พ.ค. 48 13:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จากประโยคนี้ จะเห็นได้ว่าแสงเดินทางเป็นรูปซิกแซก และระยะเวลาการเดินทางของแสงก็นานขึ้นทำให้สัญญาณนาฬิกาของชุดที่เคลื่อนที่ ช้าลงไงครับ อันนี้เข้าใจครับเรื่องซิกแซกทำให้ช้าลงก้อเพราะอย่างนี้อะดิครับมันเลยไม่แปลก เพราะมันอธิบายทางกายภาพ การเคลื่อนที่มันมีผลต่อระยะทางเดินของแสง แล้วพอเราใช้นาฬิกาแบบนี้เวลาก้อเลยมีผล แต่การเคลื่อนที่มันจะมีผลกับทั้งร่างกายมนุษย์ได้ยังไงทำให้หนุ่มกว่า คนที่ไม่เคลื่อนที่ได้ยังไง  ร่างกายนะครับไม่ใช่แสง ทำไมต้องเอาแสงมาเปรียบกับร่างกาย หรือวัตถุอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น ทีวี2 เครื่องเหมือนกัน และสามารถเปิดติดต่อกันได้นาน 60 ปี ถ้าเปิดเครื่องนึงบนโลก พร้อมกับเครื่องนึง บนจรวดที่ถูกส่งออกไปนอกโลกด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง พอจรวดบินไป 20 ปี กลับมาอีก 20 ปี มาถึง โลก ทีวีบนจรวดยังใช้ได้อยู่ บนโลก เจ๋งแล้ว แล้วการเคลื่อนที่มันไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของทีวีได้ยังไง แล้วยิ่งไปมีผลต่อความแก่ความหนุ่มได้ยังไง งง เหลือเกิน ไม่เห็นเข้าใจเลย มันมีอะไรมาบังคับให้เวลาในจรวดช้าลงได้หรอ มึน จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 14 พ.ค. 48 13:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คือเข้าใจที่ผมกำลังพูดมั้ยครับ คือผมกำลังบอกว่า ของชิ้นนึง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันก้อยังเป็นของชิ้นนั้นเหมือนเดิม จริงอยู่ถ้าของอยู่บนรถไฟที่กำลังแล่น เราเห็นมันเคลื่อนที่เร็วขึ้น อยู่บนเครื่องบินก้อเร็วขึ้นไปอีก แต่ความสามารถหรือคุณสมบัติการทำงานของๆชิ้นนั้นก้อเหมือนเดิม ยกเว้นไอนาฬิกาที่คุณว่า เพราะนาฬิกานั้นมันใช้แสงเด้งไปมา พอมีการเคลื่อนที่มันก้อต้องมีผลอยู่แล้ว ใครๆก้อเข้าใจไม่เห็นยากเลยตรงนี้ แต่ร่างกายมนุษย์หละ อวัยวะต่างๆมันเด้งไปเด้งมาหรอเวลาเคลื่อนที่เร็วๆหนะมันเลยต้องใช้ระยะทางมากขึ้นเลยแก่ช้าลง  เข้าใจมะครับที่ผมกำลังพูดอะ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 48 13:39:16 จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 14 พ.ค. 48 13:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าไอสไตล์ หรือใครก้อตามที่พยายามเอาภาพ เด้งดึ้งๆแล้วยืดระยะทางเวลาเลยช้าลงมาอธิบาย มันน่าจะเป็นความพยายามที่จะเอาของ2 อย่างที่มันไม่เหมือนกันมาจับให้มันเหมือนกันนะครับ แบบจับแพะชนแกะ ที่นี้ใครกลัวโง่ก้อต้องบอกว่า อ๋อข้า เข้าใจแล้ว ข้าฉลาด มันน่าจะเรียกว่าปรัชญา มากกว่า ทฤษฎีนะครับ แล้วน่าจะเรียกผมว่าเด็ก น้อยที่กล้าทักว่าพระราชาไม่ใส่เสื้อ จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 14 พ.ค. 48 13:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คือผมอยากตั้งข้อสังเกตสำหรับคนที่มาตอบนะครับ สังเกตดูไม่มีใครพยายามอธิบาย รายละเอียดลึกๆแบบง่ายเรื่อง ฝาแฝด ให้เข้าใจเลย  ไม่เว้นแม้แต่คุณช่างไฟ ส่วนใหญ่จะมาพูดเรื่องง่ายๆที่รู้กันอยู่แล้ว หรือยกสมการมา ซึ่ง ก้อรู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับคนที่ไม่เก่ง ในความเห็นที่ 25 คุณช่างไฟก้อพยายามพูดเรื่องที่ทุกคนรู้และยอมรับกันอยู่แล้ว คือเราอยู่ในโลกที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว อันนี้ผมรู้ครับ ในหนังสือประวัติย่อการเวลาก้อมีเขียน ผมรู้และยอมรับครับสำหรับความเห็น 25 สรุป ถ้าผมไม่มาโพสดักคอความเห็นนี้ไว้เดี๋ยว คุณช่างไฟคงออกมาบอกว่า ไม่อยากอธิบายแล้ว เพราะอธิบายไปคุณก้อไม่เข้าใจ แต่ทุกคนลองดูความเห็นที่ผ่านๆมาสิครับมีใครมั้ยพยายามค่อยๆอธิบายแบบง่ายๆเป็นภาษาแบบที่ใครๆก้อเข้าใจได้ ผมจึงอยากสรุปว่ายังไม่มีใครเข้าใจถ่องแท้ก้อเลยยังอธิบายกันไม่ได้แบบนี้น่าจะถูกมั้ยครับ จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 14 พ.ค. 48 14:41:26 ]

ความคิดเห็นที่ 34 "ทำไมต้องเอาแสงมาเปรียบกับร่างกาย หรือวัตถุอื่นด้วย" "มันมีอะไรมาบังคับให้เวลาในจรวดช้าลงได้หรอ" ก่อนจะตอบให้ตรงคำถาม ขอถามอะไรอย่างหนึ่ง เคยมีการวัดอัตราเร็วแสงในทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ของโลก และขวางโลก ผลปรากฏว่า วัดได้เท่ากัน! ถามว่า ถ้าคุณเกิดในยุคที่ยังไม่มีไอน์สไตน์ ยุคฟิสิกส์ดั้งเดิม คุณจะอธิบายได้ไหมว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้? แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 48 15:51:37 จากคุณ : Duke! - [ 14 พ.ค. 48 15:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถูกครับ จากคุณ : เจิงๆ - [ 14 พ.ค. 48 15:49:24 A:67.171.147.242 X: TicketID:039212 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แต่การเคลื่อนที่มันจะมีผลกับทั้งร่างกายมนุษย์ได้ยังไง <--  มันมีผลกับ"เวลา" ครับ ไม่ใช่มีผลกับร่างกาย มันคือ "ธรรมชาติ" ของสรรพสิ่งนะครับ เหมือนกับคุณถามว่า "ทำไมแม่เหล็กถึงดูดเหล็ก" "ทำไมโลหะถึงหนักกว่าน้ำ"  แล้วคุณจะให้คนอื่นเค้าตอบคุณยังไงล่ะ? จากคุณ : ม่อน (bodin) - [ 14 พ.ค. 48 19:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณลองไปศึกษาเพิ่มเติมอีกหน่อยดีไหม มันไม่ได้มีผลแค่เวลานะครับ มวล ความยาว ด้วยครับ ไอ้ที่คุณบอกว่าวัตถุชิ้นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงนั้นไม่จริง เพราะยิ่งวัตถุมีความเร็วมาก มวลก็จะเพิ่มขึ้นตามครับ (มวลนะ ไม่ใช่น้ำหนัก) ไอ้เรื่องแสงซิกแซกที่เขาอธิบายในรายการนะ พอดีผมไม่ได้ดู แต่เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายขึ้น เขาไม่ได้อ้างแค่นั้นแล้วนักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อเลย จริงๆ เขาพิสูจน์ทางสมการคณิตศาสตร์มาแล้วได้อย่างนั้นต่างหาก ไม่ได้เป็นการจับแพะชนแกะแต่อย่างใด ผมว่าคุณยังศึกษาเืรื่องนี้ไม่พอ คิดว่าที่เห็นในรายการทีวีไม่กี่นาทีคือทั้งหมดที่ไอน์สไตน์คิดขึ้นมา เขาแค่ทำให้คนดูซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าการแสดงวิธิีพิสูจน์สมการนะ ในหนังสือก็เหมือนกัน เขาแค่เขียนใจความกับสมการที่ได้ ไม่ได้แสดงว่ามาได้อย่างไร จากคุณ : ไทเกอร์ อู๊ด - [ 14 พ.ค. 48 20:09:56 A:203.118.105.65 X: TicketID:064569 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ที่เอานาฬิกามาเทียบ เพราะต้องการอ้างอิงถึงกรอบเวลาไงครับ แล้วอายุของทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่อายุของทีวีคุณ หรืออายุคน ก็อ้างอิงตามกรอบเวลาที่เอามาเทียบกับนาฬิกา จากคุณ : sunzilla - [ 14 พ.ค. 48 22:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าตัวคุณ(มวล)ใหญ่เท่าตึกสิบชั้น และระบบสุริยะเท่า อ่างปลาใบหนื่ง คุณจะสังเกตุเห็นการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ถ้าเรานั้งสมาธิแบบบริบูรณ์ ช่วงเวลา๑วันของเราจะเสมือนกับ 1000 ปี คล้ายๆกับเหล่าเทวดา จากคุณ : ลองคิดดู - [ 15 พ.ค. 48 00:43:19 A:221.128.108.252 X: TicketID:026280 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ส่งผมออกไปดิเดี้ยวกลับมาบอก จากคุณ : elvish346 - [ 15 พ.ค. 48 07:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมอ่านดูก็ไม่เข้าใจว่าอะไรที่ จขกท อยากจะเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจ จากคุณ : Elrond - [ 15 พ.ค. 48 17:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ ฮาร์โมนิก้า ไม่ต้องคิดมากนะครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เช่นแสงก้อนหนึ่ง(photon) วิ่งจาก a ไป b และให้ คน 2 คน มองแสงก้อนนี้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น นาย ก อยู่บนยาน ความเร็วเกือบเท่ากับแสง ประมาณ 0.8 c นาย ข อยู่บนโลก เมื่อเวลา ผ่านไป t (บนโลก) แล้วนาย ก กลับลงมาพอดี . . แสง ก้อนนั้นจะเดินได้ระยะทางเท่าใดครับ ถามนาย ก และนาย ข . . ผมว่าสองคนจะตอบไม่เหมือนกัน ถ้าเวลาของเขาไม่เท่ากัน สมมติว่าแสงมีความเร็วคงที่แบบที่ไอน์สไตน์ว่า . . จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 15 พ.ค. 48 21:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คือผมบอกว่าผมรู้ว่าที่นาฬิกามันช้าลง เพราะมันใช้หลักแสงเด้งดึ๊ง ไปมา พอวัตถุที่นาฬิกาอยู่เคลื่อนที่ แสงมันก้อต้องใช้ระยะทางมากขึ้นเป็นซิกแซ็ก นาฬิกาที่ใช้หลักแสงแบบนี้มันก้อต้องเดินช้าลงสิ แล้วคนเราไม่ได้มีแสงเด้งไปมาในร่างกายซะหน่อย มันจะมายึดหลักเดียวกันได้ยังไง จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 15 พ.ค. 48 21:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าให้เขาสองคน ในระหว่างที่ทำการทดลอง นับจำนวนรอบของการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ จะได้ไม่เท่ากันด้วย ปวดหัวอ่ะ : P จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 15 พ.ค. 48 21:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 45 36 มันมีผลต่อเวลาไม่ได้มีผลต่อร่างกาย ได้ยังไงคือมันมีผลกับทั้งสองอย่าง ควบคู่กันไป เวลาคืออะไร ผมอยากให้อ่านตรงนี้หน่อย  สมมติส่ง จรวดออกไปด้วยความเร็วแสง  ภายในจรวดเปิดเพลง นึงวนไปเรื่อยๆ ซึ่งเปิดพร้อมๆ กับเครื่องเล่นเพลงแบบเดียวกันบนโลก สมมุติส่งจรวดออกไป 1 ปี แล้วให้กลับมา ถ้าคิดตามหลักที่ว่า กัน  นับจำนวนรอบเพลงที่เปิดไป บนโลกก้อต้องได้จำนวนมากกว่า เพลงที่เปิดบนจรวด ทั้งที่เริ่มเปิดพร้อมๆกัน  มันเป็นไปได้ยังไงกัน แล้วเอาหลักนาฬิกา ที่ใช้อะตอมใช้แสงเด้งดึ๊งๆ มาอธิบายมันเกี่ยวอะไรกัน เพราะตอนนี้เราไม่วัดเวลาจากนาฬิกาแล้วเราวัดจากการเล่นโน๊ตเพลงมาตราฐาน ความเร็วจะมีผลทำให้เพลงช้าลงได้หรอ  งงมั้ยครับ จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 15 พ.ค. 48 21:25:02 ]

ความคิดเห็นที่ 46 กลัวไม่เข้าใจกันเลย ขอสมมติใหม่แบบง่ายๆเลยนะครับ ให้นักเปียโนมืออาชีพเล่นเริ่มเล่นเพลงพร้อมกันเพลงเดียวกัน คนนึงอยู่ในจรวด คนนึงอยู่บนโลก เล่นเพลงเดิมตามโน๊ตซ้ำไปเรื่อยๆ แล้วส่งจรวดความเร็วแสงออกไป พอกลับมา คนบนจรวดเล่นเพลงไปน้อยรอบกว่าคนบนโลก แปลกมั้ยครับอธิบายได้ยังไง  เพราะตอนนี้ไม่มีแสงแบบนาฬิกาอะตอม ซิกแซกไปมามาเกี่ยวข้องแล้วนะ นาฬิกาก้อไม่ใช้ ใช้การเล่นโน๊ตที่เป็นมาตราฐานอยู่แล้ว อธิบายได้อย่างเดียวก้อคือคนบนจรวดจะเล่นช้าลงโดยที่เค้าไม่รู้ตัว เค้ายังคิดว่าตัวเองเล่นตามจังหวะมาตราฐานตอนอยู่บนโลก แต่มันช้าลงนอกจากนั้นร่างกาย อวัยวะต่างๆก้อทำงานช้าลงไปด้วย ความคิด ความอ่าน การพูดก้อต้องช้าลง กว่าตอนที่อยู่บนโลก แบบนี้ผมเข้าใจถูกมั้ย จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 15 พ.ค. 48 21:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ในเมื่อไม่มีใครอธิบายได้ ผมจึงขอสรุปเองดังนี้ ซึ่งน่าจะเข้าใจง่ายๆ คือ  1.เรื่องที่พูดกันทั้งหมดนี้มันใช้ได้กับเฉพาะกับแสง  ถ้าส่งคนออกไปได้เร็วแบบนั้นจริง คนจะตายแน่นอน ไม่มีโอกาสมาดูหรอกว่าแก่ไม่แก่ 2.นาฬิกาที่อยู่บนเครื่องบินมันช้าลงก้อเพราะเทคนิคการวัดเวลามันอาศัยอะตอม หรือแสงอะไรนั่นแหละที่เด้งไปเด้งมามันเลยช้าลง  ถ้าจะเรียกว่าเป็นข้อบกพร่องของนาฬิกาก้อได้คือเมื่ออยู่ในวัตถุที่เคลื่อนที่เร็วๆ จะเดินช้าลง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์ต่างๆหรือสิ่งต่างๆในเครื่องบินช้าไปด้วย ต้องเข้าใจว่าที่ช้าคือนาฬิกา ถ้าใช้นาฬิกาฟันเฟืองจะไม่ช้าลง แต่เนื่องจากมันไม่ละเอียดก้อเลยใช้ไม่ได้ ทั้งหมดนี่แหละครับที่ผมคิดได้ตอนนี้ จากคุณ : ฮาร์โมนิก้า - [ 15 พ.ค. 48 21:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 48 .... จะให้เด็กม.5 อย่างผมสอนหรอครับ ผมว่าคุณไปอ่านมาเยอะๆ แล้วอย่าเพิ่ง anti มันก่อน น่าจะดีกว่านะครับ เพราะเมื่อ 100 ปีที่แล้ว นักวิทย์เค้าก็เชื่อกันแบบคุณ พอได้ทำการพิสูจน์ ไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งจะสนับสนุนทฤษฏีนี้ครับ คุณจะไม่เชื่อก็ได้นะ ถ้าจะให้คนที่นี่ ชี้แจงแร ก็คงจะเป็นข้อความที่มันซ้ำ กับในหนังสือนั่นแหละ ผมว่าคุณอ่านหนังสือดีกว่า #46 คุณเข้าใจถูกแล้ว เวลา มันไหลช้าลงครับ จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 15 พ.ค. 48 23:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ดูท่าทางคุณจะยึดติดกรอบที่ว่าแสงเด้งไปเด้งมาอะไรของคุณมาก จนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นอื่นๆ ทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกันเลย เวลามันช้า เหตุการณ์มันก็ผ่านไปช้า จะใช้อะไรมาวัดมันก็ช้า ไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาอะตอมหรอก จะใช้นาฬิกาอะไรก็ได้ หรือจะหาวิธีจับเวลายังไงของคุณก็ได้ มันก็ยังให้ผลเหมือนกันอยู่ดี เวลาเป็นตัวขับเคลื่อนเหตุการณ์ ถ้าเวลามันผ่านไปช้าๆ อย่าคิดว่าความรู้สึกคุณจะเหมือนเดิม เพราะความคิดมันก็คือสัญญาณประสาท ซึ่งดูลึกๆมันก็เป็นอะตอมหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เคลื่อนที่ไปตามกฎทางฟิสิกส์ ทีนี้เวลามันช้าลง มันก็ไหลได้ช้าลง เหมือนกับเล่นวิดีโออย่าง slow motion น่ะ (บอกได้แค่นี้ ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว) ดังนั้น ที่คุณบอกว่า "แต่มันช้าลงนอกจากนั้นร่างกาย อวัยวะต่างๆก้อทำงานช้าลงไปด้วย ความคิด ความอ่าน การพูดก้อต้องช้าลง กว่าตอนที่อยู่บนโลก แบบนี้ผมเข้าใจถูกมั้ย " ก็ถูกแล้วล่ะ (อย่าเข้าใจว่าคุณจะกลายเป็นโรคเฉื่อย คุณยังเป็นคนปกติถ้าเทียบกับสิ่งรอบข้าง) จากคุณ : Duke! - [ 16 พ.ค. 48 01:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านแล้วเหนื่อย ทำไมคุณไม่พยายามทำความเข้าใจคำตอบของคนอื่นเลย เอาแต่จะมาพูดว่าแสงเด้งไปเด้งมา ถ้าเค้าเอาไอ้นักเปียนโนมาเล่นเทียบ คุณก็คงบอกอีกว่า มันไม่แน่นอน ไม่คงที่ กลับไปอ่านตั้งแต่ต้นใหม่จะเข้าใจ "ในเมื่อไม่มีใครอธิบายได้ ผมจึงขอสรุปเองดังนี้ ซึ่งน่าจะเข้าใจง่ายๆ" แล้วคำนี้จะได้ไม่มีอีก อธิบายคนเดียว เข้าใจคนเดียว แต่ผิด จากคุณ : ผมจะไม่เข้ามาแล้ว บายๆ (sunzilla) - [ 16 พ.ค. 48 11:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 47 ผิดครับ จากคุณ : Elrond - [ 16 พ.ค. 48 13:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ่าน 49 เเล้วน่าจะหายงงเเล้วนะครับ จขกท. จากคุณ : ฝาชี - [ 16 พ.ค. 48 19:11:32 A:203.118.82.64 X: TicketID:098493 ]

ความคิดเห็นที่ 53 #49 ผมช่วยแปลไทยให้ หมายความว่า เวลาที่ช้าไปนี้ มันเกิดจากการได้ขึ้นจรวดลำนั้นทีเดียว . . นอกจากจะทำให้ ร่างกายช้าลงแล้ว ยังทำให้โลกหมุนช้าลง ดวง อาทิตย์เคลื่อนที่ช้าลง ก็เพราะจรวดลำนั้นลำเดียวจริง ๆ เข้าใจไหมครับ อ้อ ยกเว้น จรวดลำนั้น จะต้องเร็วเหมือนเดิม มิฉะนั้น เวลาจะไม่ยอมช้า :  ) แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 48 22:42:39 จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 16 พ.ค. 48 22:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อืม ถ้าเอาหินสักก้อน ขึ้นไปแทนคน หินก้อนนั้น น่าจะผุกร่อนได้ช้าลง ด้วย จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 16 พ.ค. 48 22:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 หลายคนจะตันอยู่ที่ harmonica ตันอยู่ ก็ไม่แปลกครับ เพราะเรื่องนี้มันเกินเขตของ reality ไปแล้ว ดังนั้นจะให้ใครมาอธิบายเรื่อง unreality คงไม่มีใครทำได้ นอกจากตัวคุณจินตนภาพได้เอง ส่วนผมก็ยังพยายามอยู่ เหมือนว่ามันแวปๆมาแล้ว ใช้จินตนการล้วนๆ ไม่มีเลขเกียวข้อง โหดมากที่บางคนบอกให้เราไปดูสมการเอาเองถึงจะเข้าใจ อธิบายภาษามนุษย์ให้กันไม่ได้เลยหรือครับ จากคุณ : ไ ตาย - [ 17 พ.ค. 48 03:33:24 A:221.128.99.95 X: TicketID:026280 ]