ความคิดเห็นที่ 1 ... จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 19:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ... 2 จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 19:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ppt ของอาจารย์ตัวหนังสือตึ้บเลยครับ ดูแล้วง่วงมาก แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 48 19:15:21 จากคุณ : PUFF - [ 8 มิ.ย. 48 19:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่า slide ก็ ok นะครับ แต่คงเป็นธรรมชาติของเด็กไทยหรือเปล่าที่ไม่เตรียมตัวมาก่อน จู่ๆมาเจอบทเรียนที่เกิดมาไม่เคยได้ยินมาก่อนแบบ Laplace นี่ก็คงงงเป็นธรรมดาครับ แต่ถ้าเขากลับไปทบทวนอาจจะดีขึ้นก็ได้ครับ ลองดูชั่วโมงต่อไปสิครับ (หวังว่านักเรียนจะกลับไปอ่าน) จากคุณ : เพื่อนอาร์ต - [ 8 มิ.ย. 48 19:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ครับหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น... จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 19:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปี 4 ผมว่าน่าจะฟิตกว่านี้นะ ไม่รู้สิ จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 8 มิ.ย. 48 19:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตาราง 1.1 มาปุ๊บ ผมงงปั๊บเลย คิดว่าถ้าไม่อ่านมาก่อน คงจะไม่เข้าใจแน่นอนครับ จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 8 มิ.ย. 48 19:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อุปกรณ์ประกอบการสอนคราวนี้มี 1) สไลด์ power points 2) เอกสารประกอบการสอนพร้อมคำอธิบายอย่างละเอียด 3) โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเสริมความเข้าใจ process dynamics (ตามภาพข้างล่าง) จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 20:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สไลด์นี้เด็กบอกเข้าใจ จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 20:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้ก็ไม่มีปัญหา จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 20:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Ok จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 20:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แต่พอเป็นอันนี้เริ่มงงแล้ว ผมพยายามอธิบายซ้ำหลายหน มีหลายคนที่เข้าใจ (พวกที่นั่งแถวหน้า) แต่พอพยายามจะ อธิบายซ้ำพวกที่นั่งแถวหน้า (กลุ่มเด็กเก่ง) ก็จะเริ่มเบื่อ เริ่มคุยกัน เพราะอาจารย์อธิบายซ้ำไปมา ในขณะที่พวกที่ เหลือพออธิบายซ้ำก็ดูจะรู้เรื่องขึ้นบ้างครับ แต่พอถามว่า รู้เรื่องหรือเปล่า เด็กที่ไม่ใช่กลุ่มเด็กเก่งก็จะไม่ค่อยตอบ สนอง หลายครั้งที่ผมคราวก่อนกลุ่มเด็กเก่งเข้าใจดีหมด แต่เด็กกลุ่มอื่นไม่เข้าใจและบ่นว่าอาจารย์สอนเร็ว เพราะ พอกลุ่มเด็กเก่งเข้าใจก็จะพยักหน้าและว่าเข้าใจแล้วค่ะ /ครับ แต่ที่ผมเป็นห่วงคือพวกกลุ่มหลังที่ยังไม่เข้าใจมาก กว่า -_-" แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 48 20:29:18 จากคุณ : Practical x 2 - [ 8 มิ.ย. 48 20:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 13 integrate by part ก็มาจากดิฟ ผลคูณ d(uv) = udv + vdu     แล้วย้ายข้าง d(uv) - udv  =  vdu   ต่อไป ใส่อินทริเกต สมมติคือ ตัว I I{d(uv)} - I{udv}  = I{ vdu   } วิธีนี้ powerful มากใช้ในกรณีคับขันได้ดีมาก แหะ ๆ . . จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 8 มิ.ย. 48 20:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คณิต คือยาขมหม้อใหญ่ของเด็ก ชีวะ หรือ non-math จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 8 มิ.ย. 48 20:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เด็กวิศวะเองยังมึนๆนะครับ ลองถามแบบรวมๆกับเด็กๆก่อนมั๊ยครับ เช่นว่า เอ้า เกรดวิชา Calculus เป็นไง ไหนใครได้เอ ใครเคยเอฟมั๊ย ได้เกรดอะไรกันบ้าง ก็คงพอจะทราบพื้นฐานคณิตศาสตร์ของเด็กๆ บางคน เรียนคณิตศาสตร์ระดับอุดมศึกษา ของคณะทางสายวิทย์ ไม่เคยได้เกินซีเลย บ้างก็วิชาละสองรอบ เอฟแล้วด๊อกๆๆ บางคน เอตลอดสาย เป็นเรื่องยากที่เราจะสอนคนที่แตกต่างกันพร้อมๆกัน ผมใช้วิธีการสอนแบบนี้หนะครับ ผมจะมีเวลาว่างอยู่ ผมจะนัดเด็กๆ มาเรียนปูพื้นฐานก่อนสอนจริง เช่น ผมจะสอนการเรื่องการหลอมโลหะ เด็กบางคนพื้นฐาน Thermo ยังอ่อน อาจคำนวนตามไม่ทัน ก็จะนัดมาสอน Thermo ในส่วนที่จะใช้กับการเรียนเท่านั้น หรือการผสม Alloy ขึ้นมา ก็จะมีเรื่องเกี่ยวกับเคมี จะนัดมาสอนเคมีเฉพาะส่วนที่จะใช้เรียนในวิชาที่ผมสอน เช่น เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ ผมไม่โทษอาจารย์ท่านที่สอนวิชาก่อนๆที่ปล่อยให้ผ่านมาถึงผมหรอก มาแบบไหนก็สอนเต็มที่ ตกก็คือตก สอนมากกว่าชั่วโมงเรียนจริงแล้วนะเนี่ย จากคุณ : โลหการ4 - [ 8 มิ.ย. 48 21:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอชื่นชม คุณ โลหการ4 จากใจจริง ดีกว่าจะมาถามเด็กว่าเรียนกับใครมา...9ล9 จากคุณ : win - [ 8 มิ.ย. 48 21:31:24 A:161.200.19.66 X:161.200.255.163 TicketID:098804 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดูพื้นฐานเด็กก่อนจะสอนอะไร จากคุณ : ม้าหงอย - [ 8 มิ.ย. 48 22:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เด็กวิศวะเหรอเปล่าครับ ถ้าอ้างอิงจากวิศวะไฟฟ้านะครับ ปี 4 แล้ว laplace ไม่คล่องนี่ พื้นอ่อนมากเลยครับ(เรียกว่าแย่เลย).. แต่ถ้าภาคอื่นเค้าอาจจะไม่ได้ใช้ก็โอเคครับ อาจจะสนิทเกาะลืมไปแล้ว จากคุณ : ซูเนโอะ - [ 8 มิ.ย. 48 22:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนผมเรียนวิชานี้ ท่านอาจารย์ ที่สอนได้ solved เพื่อแสดงที่ไป ที่มา ของสมการ และการนำไปไช้ ก็เลย เข้าใจ    แต่จริงๆ แล้ว ผมเข้าใจความต้องการ ของอาจารย์ เมื่อดูจาก PP --> คห ที่6 ปี 4 ผมว่าน่าจะฟิตกว่านี้นะ ไม่รู้สิ จากคุณ : Kett Miya - [ 8 มิ.ย. 48 22:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แค่ดู slide ก็เบื่อแล้วครับ น่าจะมีวิธีสอนที่ดีกว่านี้หรือเปล่าครับ? จากคุณ : RT - [ 8 มิ.ย. 48 23:10:29 A:202.5.80.158 X: TicketID:100823 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่รู้เรื่อง โง่เลขอย่างแรงครับผม Cal I F 1 รอบ Cal II F 3 รอบ จากคุณ : Skalidis - [ 8 มิ.ย. 48 23:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลองปูพื้น call-1,  call-2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนครับ สัก สองคาบ แล้ว อธิบายว่า ในการทดลอง หรือการต้องการหาค่าบางอย่างเช่น ............. เราจะได้ข้อมูลมาเป็น ตัวเลขดิบๆ  ทีนี้หากต้องการนำตัวเลขเหล่านั้นไปใช้ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่ มือกะ หัวสมองมักอยู่ไม่เป็นสุข จะจับเอาตัวเลข หนึ่งมทำอะไรกับตัวเลขคตัวอื่นเรื่อยๆไป เช่น  ยกกำลังสอง แล้วเทียบ(เทียบแปลว่าหาร) กับตัวเลขอีกตัวหนึ่ง ดูว่าผลเป็นอย่างไร หรือไม่ก็ลองเอาตัวเลขชุดแรก คูณกะ ค่าconstant บางตัว แล้วนำไปเทียบกับตัวเลขชุดที่สอง จะได้อะไรขึ้นมาบ้าง หากยังไม่ได้ ก็ทดลองเรื่อยไป ในที่สุด ก็ได้ บางอย่างออกมา ผลของสมการที่ได้ มัน สามารถนำไปใช้ ประมาณค่า หรือ ทำนาย หรือ บอกผลลัพธ์ที่จะตามมาได้ เช่น.............. เอาตัวอย่างง่ายๆ ก่อน แบบ ความเร็วกับระยะทาง แบบอุณหภูมิกับ ความดัน หรือปริมาตร แล้วค่อย เข้าเรื่อง ครับ น่าจะดีไม่น้อย หากยังไม่เข้าใจอีก อาจารย์คงต้อง หาทางอธิบายเป็นอย่างอื่นให้ง่ายกว่านี้ แล้วค่อยๆ เพิ่มความอยากขึ้นไปเรื่อยๆ  กระทั่งเข้าใจ ลองอธิบายความดู แล้วลองแจกแบบทดสอบดูครับ หากเด็กทำไม่ได้  คงต้อง หาทาง ให้งาน และบอกหนังสือที่ต้องอ่านอย่างง่ายๆ มาก่อน แล้วทดสอบอีกครั้ง หากยังไม่ผ่าน คงต้อง ติวเป็นรายกลุ่มย่อยแล้วครับ ทำไงได้ ปี4 แล้ว  หากทำทุกอย่างแล้วยังไม่ได้ผล ผมให้เด็กคัดคำว่า "ขยัน" ลงสมุด 20 หน้า คนละ 2 เล่มครับ ใครลายมือสวยที่สุด ได้ dog ใครลายมือห่วยสุดได้ F ครับ ยุติธรรมที่สุดแล้ว จากคุณ : น้าพร - [ 9 มิ.ย. 48 00:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พี่ Practical x 2 ครับ เปลี่ยนพื้นสไลด์เป็นสีเข้มดีมั้ยครับ สีสว่างดูแล้วปวดตา ดูนานๆ แล้วอยากหลับ พื้นมืดจะช่วยยืดสมาธิได้มากกว่านิดนึง (จากประสบการณ์ตรง) วิชานี้มันมันส์ดีนะครับ ผมเด็กเก่าวิดวะเคมีต้องเรียนประกอบ Process Dynamics Control ยังชอบเลย แต่เรียนจบไปก็ไม่เห็นมีใครได้ใช้เลย ผมกับเพื่อนๆ ก็เลยคืนอาจารย์หมดแล้ว จากคุณ : good memory - [ 9 มิ.ย. 48 00:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเคยเรียนเรื่องนี้ 2 คอร์ส ยอมรับเลยว่าไม่ถูกชะตากับ เรื่องนี้เลย ไม่เข้าหัวเลยสักกะติ๊ด แต่ตอนนี้หนีพ้นแล้ว จะไม่ไปเรียนอะไรที่ต้องใช้วิชาแบบนี้อีกต่อไป จากคุณ : iDigital - [ 9 มิ.ย. 48 00:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมสงสัยอย่างนึงครับ อย่าง Fourier transform เนี่ย ผมเข้าใจว่ามันเป็นการ decompose สัญญาณให้อยู่ในผลรวมของ Harnomic wave แต่ว่า Laplace transfrom นี่มันเป็นยังไงหรอครับ? ผมเข้าใจว่ามันเป็นแค่ operator ที่เอาไว้เปลี่ยนพวกสมการ differential ให้อยู่ในรูปพีชคณิตธรรมดา อยากรู้ว่ามันมี intuitionแบบ fouriere transform รึเปล่าครับ จากคุณ : thetorque - [ 9 มิ.ย. 48 01:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นี่คุณเป็นอาจารย์แล้วหรือครับ กระจอกจัง จากคุณ : Aloner - [ 9 มิ.ย. 48 04:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Your ppt is too much per page.If these is a new topics,one may need some background or more time to make such the feeling on the topics.Your begining at some motivation is very nice.However if I first attacked by this topics,I want to know why we need to use Laplace Transform.Why does it matter us by time domain or frequency domain?It might be good if one can see some prove of the theory.I mean why it needs to be such the equation in the slide 1.2!Can it be some thing else?The equation can be prove by using sine and cosine function and it can take you only few minutes but I think students will feel better on the topics. For the slide,this website is very good to visit http://www.cs.vu.nl/~ikuz/gnarp2000/Guillaume.html You have a great teaching heart.May power be with you. จากคุณ : chirped pulse (Far-Field) - [ 9 มิ.ย. 48 06:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ปีที่แล้วทางภาคฯ ส่งนักศึกษารุ่นก่อนให้คณะวิศวะ ไปสอน แล้วลงเรื่อง stability เลย โดยยังไม่ผ่าน process dynamics & control ทำให้เด็กบ่นกันว่าไม่ เข้าใจครับ ปีนี้จึงเริ่มจากพื้นฐานขึ้นมาก่อน สมัยที่ผม เรียนอยู่นั้นวิชานี้จะสอนกันในปี 3 แล้ว ปี 4 จึงไปเรียน advanced control ต่อไป   #25 เนื่องจากน้อง thetorque สนใจครับ นี่เป็นตัวอย่าง การนำเอาลาพลาซทรานส์ฟอร์มไปใช้แก้โจทย์ปัญหา ข้อดีของลาพลาซทรานส์ฟอร์มคือลดขั้นตอนการแก้โจทย์ ปัญหาสมการอนุพันธ์และทำให้ง่ายขึ้นโดยใช้วิธีการทาง พีชคณิตเท่านั้น การทรานส์ฟอร์มสัญญาณอย่างพวก impulse จะได้ dirac delta function ตัวอย่างถ้าขนาด M จะได้ M เท่าเดิม ถ้าเป็นพวก step ที่เป็นขั้นบันไดจะได้ heaviside function ตัวอย่างถ้ามีขนาด M จะได้ M/s ครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 07:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คำตอบจากความคิดเห็นด้านบน จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 07:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอขอบคุณคำแนะนำของ #13, 15, 22, 23 & 27 ครับ #23 สำหรับพื้นหลังนี้ บางคนแนะนำให้ใช้พื้นเข้ม อย่าง ที่น้องแนะนำครับ เทอมก่อนผมจะใช้พื้นเข้มทั้งหมด แต่ คนที่ไม่ชอบก็มี อย่างใน link ที่ท่านใน #27 ได้แนะนำ มาก็ไม่แนะนำให้ใช้พื้นเข้มเลย "use strongly contrasting colors and avoid dark backgrounds" จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 07:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 to #25 Fourier Transform เป็น subset ของ Laplace Transform โดย Laplace Transform เป็นการ Map ฟังก์ชั่นใน time-domain ไปอยู่ใน complex-plane (or domain : s=a + jw ) ส่วน Fourier Transform เป็นการ Map ฟังก์ชั่นใน time-domain ไปอยู่ใน frequency domain (jw) (จะเห็นว่า Fourier Transform เป็นแค่ subset ของ Laplace Transform)   ดังนั้น หากเราแทน s ใน Laplace Transform ด้วย jw ผลที่ได้จาก Laplace Transform จะกลายเป็นผลที่เหมือนกับการทำงาน Fourier Transform ตอนสมัยเรียน อ.ของผม เคยเล่าให้ฟังเล่นๆว่า Fourier เป็นลูกศิษย์ของ Laplace โดย Fourier คิด Fourier Transform ออกมาได้ก่อน แล้วเอาไปปรึกษา Laplace ซึ่ง Laplace ได้เห็นจุดอ่อนของ Fourier Transform แต่ไม่ได้บอก จากนั้น Laplace กลับมาพัฒนาการแปลงของตัวเองขึ้นจนกลายเป็น Laplace Transform ขึ้นในที่สุด (จริงๆเท็จประการใด ไม่รู้ ฟังไว้สนุกๆครับ) จากคุณ : J-a-y - [ 9 มิ.ย. 48 08:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 32 # 31 ขอบคุณครับ คุณ J-a-y สำหรับเกร็ดความรู้ของ Laplace & Fourier Transforms ^_^ แม้แต่นโปเลียน โบนาปาร์ต จักรพรรดิ์ฝรั่งเศส ก็เป็นลูกศิษย์ของลาพลาซอยู่ปีหนึ่งครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 48 08:22:08 จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 08:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 eng.math,dynamic,machanical vibration... มันยังตามมาหลอนผมอยู่เลย จากคุณ : กระเพราเป็ด - [ 9 มิ.ย. 48 08:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คห.26 ปากดีนะครับ ^___^ รักคนอย่างคุณจัง จากคุณ : สันป่าตอง - [ 9 มิ.ย. 48 08:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าจำไม่ผิดคุณ Practicalx2 เป็นอาจารย์ด้าน bioengineering หรือเปล่าครับ แปลกใจว่าต้องเรียนพวก control ลึกขนาด advanced control ด้วยเหรอครับ (จากใน คห.28) สมัยผมเรียนวิดวะเคมี ตอนนั้นมีพวก Fourier ในวิชา Diff Equa แล้วมาเจอ Laplace ใน Process Dynamic and Control แค่นั้นเอง ถ้าอยาก advance กว่านั้นค่อยว่ากันตอน postgrad แล้วระดับ ป.ตรีก็ไม่เน้น math theory เท่าไหร่ ไปเน้นเรื่อง apply กับ process response มากกว่า ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้วหรือยัง จากคุณ : เพื่อนอาร์ต - [ 9 มิ.ย. 48 08:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณครับคุณพี่ J-a-y กับพี่ practx2 เรื่องการสอน ถ้าเกิดว่าใช้กระดานสอนอย่างเดียวเลยจะดีรึเปล่าครับ ผมเรียนที่นี่ วิชาไหนๆเค้าก็ใช้กระดานสอน บางวิชาถึงจะมี slide ประกอบ เวลาจะเอาให้เห็นตัวอย่างที่เป็นรูปอะไรอย่างนี้มากกว่า แล้วก็มี lecture note ให้สองถึงสามวันหลังจากเรียนจบ ผมว่ายังไงสอนแบบเขียนกระดานทำให้นักเรียนสนใจกว่า ผมไม่ชอบเรียนกับ powerpoint อย่างเดียวน่ะครับ จากคุณ : thetorque - [ 9 มิ.ย. 48 09:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 #35 ตอนผมเรียนโดนอาจารย์วิศวะไฟฟ้ามาสอนครับ งงกันมากเลย มีพูดถึง control ปล่อยจรวดด้วยครับ สอนกันสองท่าน (ผมเรียนอยู่กับ chemical engineering ครับ) ช่วงนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนอาจารย์ใหม่พอดี ท่านเลย สอนลึกครับ -_-" จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 09:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 38 # 36 น้อง thetorque ครับ เดี๋ยวนี้จะสอนแต่ละทีต้องมี สื่อการสอนด้วยครับ เพราะเป็นหนึ่งในคำถามประกอบ เวลาประเมินอาจารย์ (โดยเฉพาะอาจารย์ใหม่) ถ้าไม่มี สื่อการสอนด้วยคาดว่าจะได้คะแนนประเมินอาจารย์ไม่ดี นักศึกษาก็ประเมินด้วยว่า อาจารย์ไม่มีสื่อการสอน หรือ สื่อการสอนน้อยเป็นต้น เป็นคะแนนลบไปอีกครับ ตั้งแต่ กลับมาเมืองไทยยังไม่เห็นอาจารย์ที่ผมรู้จักใช้กระดานดำ กันเลยครับ อย่างน้อยก็ต้องแผ่นใส คงแล้วแต่ที่ด้วยครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 09:57:53 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมคิดว่า การแก้ปัญหาสมการ Ordinary Differtial Equation นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ Laplace Transfrom เสมอไปนะครับ ผมดูจากคำตอบของโจทย์ที่ให้มาแล้ว วิธีการทาง calculus ธรรมดาที่เรียนกันตอนปี1 ในวิชา diff. equa. ก็น่าจะเพียงพอ ยกเว้น ODE แบบ non-homogeneous ที่ทางขวามือของสมการเป็นฟังก์ชั่นคาบ ใช้ Fourier Transforms จะช่วยได้เยอะกว่า ผมอยากให้ลด power point ให้น้อยลงตอนสอนวิชาคำนวณ ช่วงที่ลง detail คำนวณ เขียนกระด่นจะเหมาะสมกว่านะครับ เด็กจะได้ตามทัน จากคุณ : 9กระบี่เดียวดาย - [ 9 มิ.ย. 48 10:24:46 A:10.2.40.94 X:203.144.188.7 TicketID:088451 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คคห๓๘ นี่แหละครับความงี่เง่าของระบบประเมิน แต่ก็ไม่มีทางเลือก เคยเรียนกับอาจารย์ท่านนึง ท่านสอนในระบบ chalk and talk จนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยเจอใครที่ไหนที่ใช้อุปกรณ์การสอนไม่ว่าอะไรทั้งนั้น แล้วสอนได้ดีกว่าอาจารย์ท่านนี้เลย อ้อท่านได้รับรางวัลอาจารย์ดีเด่นด้วย แล้วถ้าอาจารย์ท่านนี้โดนประเมินในหัวข้ออุปกรณ์การสอน จะได้ตกมั้ยเนี่ย ข้อดีอย่างหนึ่งของการสอนไปเขียนไปคือมันให้เวลานศได้ทำความเข้าใจ ppt มันก็มีข้อดีของมันนั่นแหละ ใช้ประกอบกันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีอย่างที่ 39 ว่าไว้ แล้วเคยเจอมั้ย เตรียม ppt ไว้อย่างดี พอไปสอนปรากฏว่าหลอดเครื่องฉายใหม้ ไม่มีสำรอง ต้องกลับไปเอาแผ่นใสมาสอนกันสดๆ นักเรียนก็รู้เรื่องกันดี จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 9 มิ.ย. 48 10:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ชอบการใช้จุดกำลังเป็นสื่อการสอนกันทั้งนั้น เพราะเตรียมตัวได้ครบถ้วน ไม่หลงลืมในบางประเด็น ถ้าผู้สอนมีฝีมือในทางการสร้างสไลด์ได้น่าสนใจก็จะดึงดูดใจผู้เรียนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เวลาผมสอนผมชอบเขียนกระดานมากกว่าครับ พลิกแพลงเอาตรงนั้นเลย โดยใช้สไลด์เป็นตัวช่วยคุมความครบถ้วนของเนื้อหาแทน จากคุณ : หมูหวาน...น้ำตาลปึก - [ 9 มิ.ย. 48 11:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ที่ยกมาอ้างมาทั้งหมด อย่าโทษเด็กเลย โทษตัวเองที่สอนให้เด็กไม่เข้าใจได้ดีกว่า จากคุณ : - - - [ 9 มิ.ย. 48 11:02:17 A:202.57.185.2 X: TicketID:011484 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องเขียนกระดาน ในต่างประเทศ Professor ดังๆบางท่านยังเขียนกระดานเลย นักเรียนก็รู้เรื่องดีกว่าท่านที่ปิ้งแผ่นใสหรือใช้ powerpoint หรืออาจจะใช้ทั้ง ppt เฉพาะเนื้อหากับโจทย์ ส่วนวิธีทำก็แสดงบนกระดานน่าจะดี ถ้าเป็นอย่างที่คุณ Practicalx2 บอกว่าอาจารย์ที่เขียนกระดานจะถูกมองว่าไม่เตรียมการสอน ก็น่าหนักใจนะครับ เมืองไทยเรามักจะมีค่านิยมแปลกๆเสมอๆ จากคุณ : เพื่อนอาร์ต - [ 9 มิ.ย. 48 11:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อาจารย์ครับ จารย์สอนภาค Food Eng. ใช่ไหมครับผมเคยติววิชาคอนโทรลกับเทอร์โมฯ ให้เด็กเมเจอร์นี้บางคนตอนสอบมิดเทอม เมื่อสัก 2-3 ปีก่อน เด็กจารย์อ่อน math มากเน้นวิธีการคิดแบบจำดะ สังเกตจากวิชาสาย ไบโอเคม กับเทอร์โม ไม่เก่งคอนเซปแต่แม่นโจทย์ แถมเอาอาจารย์เป็นแก่นสารของวิชา(ผมเคยทำเฉลยการบ้านให้โปรเซส 3 มั้งมันไม่ตรงกับเฉลยอาจารย์บางคน(ญ.แก่ๆ) แต่ตรงกับเฉลยในหนังสือ จารย์แกก็อธิบายของแกถูกแล้วก็ข้างๆคูๆไปยังงั้นแถมก็บอกว่าคำตอบร่างทรงผมใช้ได้(O_o!! โจทย์ความร้อนมี 2 คำตอบที่ไม่เท่ากันได้ด้วย) ร่างทรงผมเกรงใจเลยไม่เอาเการบ้านให้ดู แถมตารางนัมเมอริคัลเมทอดบางตารางก็มั่วมาก ที่มาไม่มี แถมผิดอีกต่างหาก ทั้งภาคเค้าเถียงกับ(ร่างทรง)ผม จน(ร่างทรง)ผมยกหนังสือ 3-4 เล่มมาอ้างก็ไม่ฟัง) พอมาเจอ วิธีสอนแบบอาจารย์ก็ไม่รู้เป็นยังงัยบ้างหวังว่าจะดีขึ้นนะ ผมเคยติวคอนโทรล(ตอนนั้นภาคผมสอน)ให้ 2 รุ่น ทอบ 2 รุ่น ไม่ได้คุยนะครับแต่ตอนแรกอ่อนแมทกับคอนเซ็บจริงๆ พอเจอเหตุการณ์ที่ไม่เข้าข่ายมักจะอึ้งๆ ไปไม่เป็นเลย ผมซัดเค้าไปเยอะเหมือนกันไม่รู้ว่าเกลียดผมไปแล้วรึเปล่า (ผมไม่สนเพราะผมไม่ได้จีบนิ) ผมว่าสาเหตุน่าจะมาจากวิธีคิดในการเรียนทางไบโอ(ชอบจำท่องเป็นแผ่นๆ)กับสายฟิสิกส์มันต่างกันแล้วเค้าปรับวิธีคิดไม่ทันรึเปล่า เวลาคุยด้วยเค้าอธิบายเชื้อ กลไกเคมีได้เป็นฉากๆเลย แต่พอมาเจอการถ่ายเทความร้อน สมดุลมวลแทบจะมองหาโจทย์คล้ายคลึงอย่างเดียวเลยแทนที่จะสร้างสมการขึ้นมาเอง สุดท้ายผมว่ามันอยู่ที่ข้อสอบ เห็นประจำเลยวิชาโปรเซสชอบบอกออกตรงนั้นตรงนี้แล้วไปเก็งกันมา แล้วโอเพ็นอีก ก็เตรียมเฉลยเข้าสอบสิจารย์ วิชาอื่นๆเค้าทำให้นักศึกษาเสียนิสัยรึเปล่า จารย์ลองไปดูสิ อย่าสงสาร นศ. มากจนเสียนิสัยเลยครับ (ตกเป็นตกไปเลยครับ อุ้มมากหลังจะแอ่นตอนปีท้าย) ป.ล. ไม่รู้ว่ารุ่นน้องเป็นเหมือนรุ่นพี่รึเปล่าแต่เท่าที่เคยเจอมา 2 รุ่นมันคล้ายกันจัง ขอโทษด้วยครับไม่ได้มีเจตนาต่อว่าหรือสร้างความเสียหายอะไรให้แต่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ถ้ามันเปลี่ยนไปแล้วก็ดีใจด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 48 11:36:49 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 48 11:31:26 จากคุณ : lex tertia - [ 9 มิ.ย. 48 11:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าเป็นไปได้ควรนำ power point ที่อาจารย์ทำไว้ มาแป๊ะไว้ที่ web ของภาคครับ คงจะดีไม่น้อย ส่วนการวัดผล นั้น อาจารย์ต้องบอกเด็กด้วยว่าจะวัดอะไรบ้าง ปกติเนื้อหาจะมีบอกชัดใน course out line แล้ว แต่เด็กไม่เคยเปิดดูเลย รวมทั้งจะระบุไว้ใน sheet ที่อาจารย์ ผู้สอนแจกให้ในชั่วโมงแรก  เด็กก็มักไม่เข้าชั่วโมงแรกอีกต่างหาก ใน sheet ชั่วโมงแรกของ ม.เฌิงดอย นั้นเป็นที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาว่า จะเอา course out line มาพิมพ์ไว้ให้นักศึกษาทราบด้วย หากยังไม่มี อาจใช้ การแป๊ะไว้ที่ web ของคณะ และให้นักศึกษา เขียนรายงานมาเป็นข้อๆ ว่าวิชานี้ สอนอะไร เรียงลำดับ 1- 2 - 3 ....10  ห้ามเขียนเป็นพืด ไม่เอา การที่ให้เขียนเป็น ข้อๆ เด็กจะได้ฝึกแยกให้ออกว่า อะไรสำคัญมากกว่าอะไร ให้เขียนด้วยลายมือแล้วส่งให้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ และบอกนักศึกษาว่า ลายมือนี้จะใช้เทียบเคียงกับลายมือ ใน รายงาน lab รายงานย่อย และในข้อสอบด้วย ไม่งั้นเดียวจะเจอแบบ คุณ metalic 4 เจอคือ ลายมือในการบ้าน กะลายมือในข้อสอบเป็นคนละ version กัน (สงสัยว่า ให้แฟนเขียรายงาน ส่วนตัวเองทำข้อสอบ หรือ กลับกันเป็นแน่) พอเด็กส่งรายละเอียดของ course out line โดยได้จำแนกเป็นข้อๆ แล้ว อาจารย์ ควรบอกเด็กว่า ข้อสอบที่จะถาม จะถามตามนั้นเลย ตัวอย่างเช่น .....(....บอกโจทย์ ให้ทราบ สัก สองสามข้อ พร้อมเฉลยเสร็จ...) ให้นักศึกษาไปเตรียมตัวมา บางครั้งอาจมีการ quiz ในชั่วโมงสอน อย่างนี้จะช่วยได้มาก นักศึกษาจะอ่านมาก่อน หรือไม่ก็บอกตรงๆ เลยว่าครั้งหน้าจะถามอะไร ก็เอา เนื้อความใน course out line มาถาม อาจตั้งคำถามไว้ล่วงหน้า 7 วันแล้ว  พอถึงท้ายชั่วโมงก็แจกคำถามเดิม นั้น ให้เด็กตอบ  เด็กรู้คำถาม อยากตอบได้ ก็ต้องไปหามา แม้จะมีเด็กที่ไม่หาเองบ้าง ก็ช่างหัวเด็กปะลัย  เพราะวัตถุประสงค์ คือ ต้องการให้เด็ก ได้รู้ว่ากำลังเรียนอะไร เนื้อหาเป็นอย่างไร ส่วนคะแนนเก็บในเรื่องนี้ ก็สุดแท้แต่ครับ 10 % 20 % ก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้เด็กอ่านมาก่อน และจะได้สนใจเนื้อหาวิชามากขึ้น รับลองว่า ผลออกมาดีแน่นอน ครั้งที่ผมเรียนอยู่ เคยเลียบๆ เคียงๆ ถามอาจารย์ว่าข้อสอบเป็นอย่างไร กลับโดนดุว่า ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณจะมามักง่าย มาถามข้อสอบได้อย่างไร เอ้าเข้าใจเป็นอย่างนั้นไปฉิบ   ผมจึงแก้ปัญหาโดย การศึกษา course out line หาข้อสอบเก่ามาอ่าน คณะวิศวะนี่ดีมาก ที่ห้องสมุดมีข้อสอบเก่าให้ดูด้วย ดีจริงๆ (ผมไม่ได้เรียนที่วิดวะ แต่เห็นครับว่ามีตู้เก็บข้อสอบเก่าในห้องสมุดคณะด้วย) บางวิชาไม่มีข้อมูลเรื่องข้อสอบเก่า ผมแก้ปัญหาโดย ลงช้าไปเทอมหนึ่ง หรือไม่ก็ลง summer ผมจะสอบถามเพื่อนที่ลงเทอมแรก ว่าสอบ mid-term วันไหน แล้วผมจะไปนั่งหน้าตึกนั้น ในวันเวลาที่สอบ พอมีเพื่อนลงมาจากตึก ผมจะถามว่า ข้อสอบออกอะไร บ้าง บางคนจำได้บางคนจำไม่ได้ ผมถามไปสามสี่คน ก็ได้ความครบ แล้วเก็บไว้เป็น data เทอมหน้า ผมก็เอาแนวนั้น และ course  out  line มาประมวลเข้าด้วยกัน จะได้ set ของคำถามที่จะเป็นข้อสอบ แล้วลองทำดูทุกอย่างที่เป็นไปได้ ตรงนี้จะลองเขียน ลองทำ และจับเวลาดูด้วยครับ เป็นการซ้อม การทำข้อสอบให้สมดุลย์ กับเวลา เรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นมาก แต่ไม่มีนักศึกษาคนไหนทำ หากเห็นว่าดีอาจารย์อาจ นำเรื่อง การฝึกซ้อมทำข้อสอบ แบบของผมไป บอกนักศึกษาก็ได้ครับ ผมไม่หวงวิชา ผลคือ ห่วยสุด ผมได้ B ครับ ส่วนใหญ่จะ A  ช่วงนั้น ทาง U เขาไม่มี B+, C+,  ครับ ผมกวาด A มาโหลหนึ่งพอดี ทั้งๆที่เรียนไม่ครบ โดดประจำ ตลอด 4 ปี ผมมีสมุด lecture สองเล่มเอง แต่ละเล่มก็เขียนไม่เต็มด้วย น่าเกลียดมาก  คือช่วงนั้นผมทำกิจกรรมมากทีเดียว งานหลักคือกิจกรรม งานรองคือ เข้า ฟัง lecture เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีครับ พอจบมา ผมไม่มีความรู้เลย อะไรที่ต้องใช้ ต้องมานั่งอ่านเองใหม่ทั้งหมด   หากไม่ต้องการให้เด็กเสียเวลา และคนสอนเสียความรู้สึก ก็บอกไปตรงๆ ครับ กฎกติกา มารยาท ของวิชานี้มีอะไรบ้าง จะได้เคลียร์ และง่าย ต่อกันทั้งสองฝ่าย จากคุณ : น้าพร - [ 9 มิ.ย. 48 11:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สอนโดยใช้กระดานหรือสื่อการสอน power point ก็ดี ผมขอเสนอให้ทำ Sheet แจก หรือ ลงใน web ก็ได้ โดยให้มีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด เพราะสมัยเรียนวิศวะผมไม่เคยเข้าเรียนเลย มัวแต่ทำกิจกรรม พอจะสอบก็อาศัย Sheet กับซีร๊อคสมุดของเพื่อน ๆที่เข้าเรียนทุกคาบวิชามาอ่าน ผลสอบอย่างเก่งก็ B ส่วนใหญ่จะ C พอเกรดออกเพื่อน ๆมาถามว่าทำได้ไงวะ ไม่เคยเข้าเรียนเลย ทุกวันนี้ผมยังสงสัยเลยว่าจบมาได้ไง จากคุณ : เผื่อคนทำกิจกรรมด้วย - [ 9 มิ.ย. 48 14:43:17 A:61.19.150.150 X: TicketID:066737 ]

ความคิดเห็นที่ 47 #42 คนเรียนวิชานี้ ??? จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 9 มิ.ย. 48 16:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 #47 ชัวร์เลย จากคุณ : สันป่าตอง - [ 9 มิ.ย. 48 17:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 49 #42 ก่อนจะว่าใครก็ควรดูตัวเองก่อน นศ.ตัวแสบเลย ไม่รู้เรื่องก็โทษอาจารย์ เคยมั้ยไม่รู้แล้วไปถามเนี่ย จารย์จะไปตรัสรู้ได้ไงว่าใครรู้เรื่องไม่รู้เรื่อง ดวงตาใสๆคงเป็นมอนิเตอร์บอกสภาพความเข้าใจไม่ได้หรอก อยากถามว่าพอเริ่มไม่รู้เรื่องแล้วทำไง 1. ยกมือถาม 2. นอน 3. ฟังไปงั้นๆ 4. เก็บไว้ก่อน อยากรู้จริงๆว่าพวกที่โทษอาจารย์จะมีสักกี่คนที่ไปหาอาจารย์ก่อนไฟนอลแล้วบอกว่าผมไม่รู้เรื่อง ไม่ได้บอกว่าจารย์ถ้าตัวนี้ผมไม่ผ่านผมจะไม่จบ ผมจะรีไทร์ อาจมีบ้าง พวกอาจารย์บ้าๆบอๆชอบนอกเรื่อง ถามไปก็ไร้ประโยชน์ แต่โปรดถามตัวเองก่อนเถอะว่าคุณเคยยกมือถามอาจารย์กี่ครั้ง แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 48 18:45:18 จากคุณ : lex tertia - [ 9 มิ.ย. 48 18:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าเรื่องสื่อการสอนเนี่ย บางวิชามันใช้ ppt ไม่ได้หรอกคับ อย่างพวก static, solid มันต้องเขียนคับ ยิ่งเป็นกระดานดำยิ่งดี ใครรู้สึกแบบผมบ้างมั้ยคับเนี่ย สำหรับ ppt ของ อ.Practical x 2 บอกตามตรงคับ ถ้าผมเป็นคนเรียนนี่ ผมเซงมากคับ มันแน่นไปหมดเลย ผมว่าถ้าห้องไม่ใหญ่มาก ลองเขียนกระดานน่าจะดีกว่านะคับ ผมว่า ไอ่ประเมินการสอนตรงอุปกรณ์การสอนอย่าไปซีเรียสเลยคับ ใช้สื่อที่ทำให้เข้าใจง่ายจะดีกว่านะคับ (มุมมองจากผู้เรียน) จากคุณ : shinigami - [ 9 มิ.ย. 48 18:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ความเห็นเยอะอ่านไม่หมด ขอแนะนำอาจารย์ละกันนะคะ ในฐานะที่เคยเรียนวิชานี้มาและเกือบตายเมื่อเทอมที่แล้ว  เนื่องจากไม่ถนัดแคลคูลัสเท่าไหร่ อาจารย์ที่สอนไม้ไต่คู้นะ  แนวการสอนจะแจก sheet แล้วสอนแบบทำโจทย์ให้ดูขึ้นกระดานน่ะค่ะ  แต่สอนเร็วมากเลย  เรื่องนี้เรียนแค่ 3-4 ครั้งเอง  ครั้งละชั่วโมง ตอนเรียนจะมีคนแค่กลุ่มเดียวที่เรียนรู้เรื่อง  ไอ้พวกนี้มันอัจฉริยะ จริงๆไม้ไต่คู้ว่าเรื่องอย่างงี้จะให้เรียนในห้องแล้วเข้าใจ 100 เปอร์เซ็นต์น่ะ มันยาก   อยากจะเสนอแนะดังนี้ 1.อย่าสอนด้วยสไลด์ (เท่าที่ดูอาจารย์ทำสไลด์ออกมาได้ดีนะคะ ) 2.เนื้อหาที่แจกให้  อย่าแจกทุกอย่างที่สอน  จะทำให้นักเรียนไม่สนใจ  แบบว่าตูอ่านเองก็ได้นี่หว่า 3.ให้การบ้าน  อันนี้ช่วยได้มาก  แม้นักเรียนจะลอกกันมาส่ง  แต่ก็จะมีบางส่วนพยายามพากเพียรทำความเข้าใจ  หรือจะให้เป็นแบบโจทย์พร้อมเฉลยไม่ต้องส่งก็ได้ 4.เวลาสอน  พูดช้าๆ  เขียนกระดานชัดๆ  ไม่ต้องรีบ  สอนข้อเดียวแล้วเข้าใจ  ดีกว่า 10 ข้อแล้วงง 5.ให้โจทย์มากๆถ้ามีเวลา 6.สอนเพิ่มเติม(เพิ่มรอบ)สำหรับนักเรียนที่ยังไม่เข้าใจก่อนสอบ 7.ข้อนี้สำคัญมาก  อย่าลืมตัด F  ถ้าอาจารย์ไม่ตัด F เลย  นักเรียนจะเรียนแบบเล่นๆ  แบบว่ายังไงตูก็ผ่าน  จะทำโจทย์ให้หัวฟูไปทำไม จริงๆแล้วอยากจะบอกว่าที่เด็กนั่งงงไม่ใช่เรื่องแปลก  จริงๆบางคนอาจเข้าใจแต่ทำหน้างงไปอย่างนั้น  แล้วเรื่องลาปาสเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกประหลาดสำหรับคนที่ไม่เคยเรียนมาก่อน  ถ้าไม่ได้อ่านล่วงหน้างงแน่ๆ  แถมสูตรเยอะไปหมด  ต้องใช้เวลาสักพักอ่ะค่ะกว่านักเรียนจะจูนกับอาจารย์ได้ จากนักเรียนหลังห้อง จากคุณ : ไม้ไต่คู้ - [ 9 มิ.ย. 48 18:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องที่เรียนกันไม่รู้เรื่องนี่เป็นปัญหาไม่ว่าที่ไหนก็เป็นครับ ตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนมหาวิทยาลัย ส่วนนึงเนี่ยผมว่าในการเรียนตอนเด็กๆ ระบบการศึกษาของเรายังทำให้เกิดค่านิยมทางการเรียน วิธีการเรียนที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้พอเข้าไปในระดับอุดมศึกษา ก็มีปัญหากัน เรื่องนี้จะโทษอาจารย์หรือจะโทษนักศึกษาก็ไม่ได้ ยิ่งเป็นวิชาพวกคำนวณ ผมว่ามันค่อนข้างต้องใช้พรสวรรค์อยู่พอสมควร ผมว่าดูง่ายๆจากคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ว่ามันต่างกันมากในกลุ่มที่คะแนนดี กับกลุ่มที่เหลือ ถ้าจะให้สอนแบบรอกลุ่มนี้ ก็คงจะเวลาเรียนไม่พอ อาจจะต้องมีการเพิ่มเวลา หรือเพิ่มการสอนพื้นฐานในระดับมัธยมให้มากขึ้น หรืออีกอย่างก็อาจจะต้องมีการลดหรือแบ่งกลุ่มของนักศึกษากันใหม่นะครับ จากคุณ : แค่อยากออกความเห็น (xcube) - [ 9 มิ.ย. 48 19:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 53 วันนี้ผมได้สอนวิชานี้อีก จึงสอนทบทวนให้นักศึกษาครับ พอบอกว่าวันนี้จะทบทวนจึงเห็นหลายคนยิ้มออกมาได้ หลังเริ่มชั้นเรียนผมถามก่อนว่า ใครมีอะไรสงสัยจะถาม บ้างไหม แต่ก็ไม่มีใครยกมือหรือพูดกระไร จึงสุ่มถามเอา เป็นรายบุคคล disturbance คืออะไร, response คืออะไร ต่างจาก input และ output variables อย่างไร ตอบผิด บ้างถูกบ้าง ก็อธิบายให้เข้าใจครับ จากนั้นก็ใช้โปรแกรม สาธิตให้ดู (in real time) ว่าระบบพลศาสตร์อันดับที่หนึ่ง เป็นอย่างไรในกรณีของ mixing tank (ดูภาพข้างล่าง) แล้วถามนักศึกษาว่าจะหาสมการอะไรมาอธิบายการ ทดลองนี้ดี จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 20:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เวลาน้อยไปหรือเปล่าครับ จะให้เข้าใจกฎทางmath ต้องได้เห็นตัวอย่างเยอะๆ ที่แสดงเงื่อนไขหลายๆแบบ จะให้ ใช้ ได้อย่างชำนาญ ก็ต้องฝึกฝนทักษะเอา ซึ่งทั้ง2อย่างนี้ก็ มักจะได้มาจากการทำโจทย์เยอะๆ จากคุณ : 2DOLforAtalk/2BAHTforSTOP - [ 9 มิ.ย. 48 21:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นด้วยเลย ว่าวิชาที่ต้องใช้คำนวณมากๆเนี่ย สอนด้วย powerpoint ไม่ได้หรอก มันต้องทำให้เห็นบนกระดานเป็นช็อตๆไปเลย ตอนผมเรียนเรื่อง transport ของมลสารในดินนะ ก่อนที่อาจารย์จะสอนการคำนวณเรื่อง transport อาจารย์จะทบทวนแคลคูลัสก่อนเลย เพราะเด็ก grad เรื้อแคลมานาน แล้วแกก็จะให้การบ้านแคลไปทำเพียบ พอพื้นฐานแข็งแล้ว ก็ลุยเรื่องการ apply ได้ฉลุย แล้วเวลาแกสอน แกไม่เอาอะไรมาเลย แกนั่ง prove สมการให้เห็นบนกระดานเป็น step ซึ่งทำให้เข้าใจได้ดีกว่าสไลด์สวยๆด้วยซ้ำ จากคุณ : ม้าหงอย - [ 9 มิ.ย. 48 22:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ต่อจากความคิดเห็นที่ 53 แต่ในขั้นตอนหาสมการ ก็ใช้วิธีเขียนลงแผ่นใสแล้วให้ นักศึกษาเขียนตามครับ จากคุณ : Practical x 2 - [ 9 มิ.ย. 48 23:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 9 มิ.ย. 48 23:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ในฐานะนักเรียน ผมอยากจะบอกว่าไม่ค่อยชอบ PPT เท่าไหร่ครับเรียนทีไรเป็นต้องหลับทุกทีเพราะมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่อาจารย์มาเปิดหนังสือให้ดู ผมชอบเรียนวิชาที่อาจารย์เขียนกระดานมากกว่าครับ ยกตัวอย่างผมเรียน 2 วิชา Circuit กับ Electronic เนื้อหาก็คล้ายๆกันแต่ Circuit ผมได้ A ครับแต่ Electronic ได้ C อ่ะครับ (ถ้าไม่มีความรู้ Circuit ช่วยตกชัวร์ๆ) เพราะ Circuit อาจารย์เข้ามาสอนโดยมีหนังสือคู่มือมาเล่มเดียวครับที่เหลือแกกลั่นออกมาจากตัวเองหมดเลยแล้วก็เขียนกระดานเรื่อยไปคุยกะนักเรียนไปในตอนแสดงโจทย์มีหลงลืมบ้าง(ตั้งใจหรือเปล่าไม่รู้นะ)แล้วนักเรียนก็จะช่วยแก้ให้มันถูกทำให้จำได้แม่นยิ่งขึ้นในจุดนั้นๆด้วยนะผมว่า ส่วน Electronic อาจารย์อีกคนมากับโน้ตบุ๊คครับฉาย PPT ไปเรื่อยๆมีชีตขายล่วงหน้าอีกสรุปว่าผมหลับซะเป็นส่วนใหญ่เหมือนนั่งฟังนิทานอ่ะครับโจทย์ก็มีเหมือนกันแต่ก็คลิ๊กไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ขึ้นมาครบ สรุปว่าตกเกินครึ่งครับ ผมว่าอะไรที่มันสะดวกสบายเกินไปมันทำให้นักเรียนไม่กระตือรือร้นด้วยแหละครับ แต่สำหรับ Laplace Transform เด็กเคมีคงไม่แม่นเท่าไฟฟ้านะครับถ้าเป็นไฟฟ้าใครลืมก็เตรียมรอรับ F ได้เลย จากคุณ : jouice - [ 10 มิ.ย. 48 03:01:35 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เขียนในแผ่นใสมีข้อควรระวังอย่างนึงครับ คืออาจารย์ชอบเลื่อนเร็วไปทำให้บางทีตามไม่ทันเพราะบริเวณที่ใช้เขียนมีน้อยกว่ากระดาน จากคุณ : เซล - [ 10 มิ.ย. 48 03:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ผมว่าเขียนกระดานมันดูคลาสสิกกว่านะ มาเรียนใน ม. แล้วอยากมาสัมผัสบรรยากาศ แบบนั้นบ้าง แต่มาเรียนจริงๆ กลายเป็นมาดูคนปิ้งแผ่น เขียนบนแผ่นก็เหอะ ง่วงทุกที จากคุณ : Aloner - [ 10 มิ.ย. 48 10:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 61 รูปที่เห็น มัววาดบนกระดาน คงหมดเวลาไปแล้วครึ่งคาบ สื่อการสอนช่วยให้เด็กเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ สมัยนี้มีอะไรให้เรียนรู้เยอะ จะให้มาเขียนกระดาน ให้เรียนรู้เท่าคนรุ่นก่อนคงไม่ได้มั๊งคะ ปัญหาเด็กหลับ เด็กเบื่อ เกิดจากมือว่าง หูฟัง ตามองจนเพลินๆ จนง่วงไปเลย (สำหรับคนที่สมาธิไม่ดี) คงต้องให้จดมากๆ หรือเนื้อหาต้องตื่นเต้นสุดๆ สำหรับเด็กพวกนี้ (ก็คงไม่ใช่นั่งหลับกันทั้งห้องใช่ไหมคะ) สำหรับสีของ ppt เคยอ่านเจอมาว่า ถ้าฉายผ่านเครื่องฉาย ควรใช้พื้นหลังสีอ่อนค่ะ  ส่วนถ้าฉายจากจอคอมโดยตรง จึงค่อยใช้พื้นสีเข้ม เป็นกำลังใจให้อ.ค่ะ จากคุณ : เบบี้โรส - [ 11 มิ.ย. 48 21:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 62 พอกลับไปอ่านอีกที รู้สึกว่าจะเข้าใจค่ะ ถ้าได้ลองทำโจทย์เอง ( ถ้ามีเวลาให้นั่งทำเอง หรือคิดตามทันให้ห้องเรียน ) ซึ่งถ้าเด็กอ่อนแคลคูลัส หรือลืมไปบ้างแล้ว ก็คงต้องเสียเวลาคิดนานหน่อย ถ้าใครมัวคิดอยู่ก็อาจตามบทเรียนไม่ทัน แบบที่อ. แสดง เข้าใจว่า ทำเพื่อต้องการให้เรื่องเดียวกันอยู่หน้าเดียวกัน อยากขอแนะนำว่า  อยากให้อ.โชว์ส่วนที่เป็น solution เองอีกครั้งบนกระดานค่ะ คิดไปพร้อมๆ กัน ทีละขั้น เด็กก็น่าจะเข้าใจนะคะ จากคุณ : เบบี้โรส - [ 11 มิ.ย. 48 21:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ในปีแรกๆที่ผมสอน เด็กป.โท .. 3 ชม.รวด/session มี PPT เกือบ 150 แผ่น .. มึนทั้งคนเรียน ทั้งอาจารย์  สองปีสุดท้ายนี่ เหลือ PPT 15 แผ่นครับ ที่เหลือ C&T ครับ  มึนพอๆกันทั้งคนเรียน & อาจารย์  แต่คะแนนสอบออกมา ดีกว่าตอนใช้ PPT 150 แผ่นมาก  เพราะอย่างแรก ...คนเรียนจะมาเถียงว่า จดไม่ทันไม่ได้ ต่อให้ผมเก่งแค่ไหน ผมต้องทั้งเขียนทั้งพูดทั้งอธิบาย ทั้งถาม, ฟังคำถาม คิดคำตอบให้ตรงประเด็น ก่อนจะนำเข้าเรื่องต่อไป  คนเรียน แค่จับประเด็นให้ถูก จดประเด็นหลักๆลงไป  อย่างที่สองคือ ห้องไม่ต้องปิดไฟ ... หลับยากส์  สุดท้ายคือ การเรียนแบบนี้ เป็น 2-ways แน่ๆนอนๆ เนื้อหาอาจจะไม่ได้มากนัก แต่เข้าใจแน่นอน  ที่ต่างจากของจารย์ prac' คือ ป.โท นั้น mature กว่า ป.ตรีแน่นอน และคนเรียนมีนิดเดียว .. จี้เป็นรายคนได้เลย ..  .. ขอแนะนำว่า ต้องตัดใจครับ ..  มันยากที่จะสอนให้ นศ.ทุกคน เข้าใจหมดทุกคน  อย่างมากก็ได้แค่ 2/3 อย่างที่ อ.สังเกตุ .. พวกแรกที่เข้าใจทันที (สมองดี หรือ เตรียมตัวมาก่อน) กับพวกที่ต้องเน้นอีกหน (สมองไม่ดี หรือ ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน อย่างใดอย่างหนึ่ง)  พวกที่ต้องทิ้ง .. สมองไม่ดี และ ไม่เตรียมตัวมาก่อน  ประกาศกฏเกณฑ์นี้ให้รู้ทั่วกันว่า ถ้าใครเป็นอย่างกรณีหลัีง เตรียมตัวกิน F ได้เลย .. จะได้ไม่ต้องมาวิตกกังวลภายหลัง  อาจจะใจร้ายไปบ้าง แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ เราจะเสียสองพวกแรก .. จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 12 มิ.ย. 48 09:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าเรียนวิดวะ แล้วไม่รู้เรื่องลาปลาซ ก็รีไทร์ได้เลย จากคุณ : x - [ 15 มิ.ย. 48 00:23:22 A:210.246.65.10 X: TicketID:052378 ]