ความคิดเห็นที่ 1 มันแสดงให้เห็นว่า พลังงานจำนวนมากๆสามารถแปรเป็นมวลได้ ในขณะเดียวกัน มวลจำนวนนิดเดียวก็สามารถแปรเป็นพลังงานมากๆได้ จริงๆประเด็นไม่ได้อยู่ที่สามารถแปรเป็นอีกอย่างได้มากๆ แต่อยู่ที่ พลังงานและมวลมีความเกี่ยวข้อง สมมูลกัน จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 14 มิ.ย. 48 11:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อก่อนนี้ ก่อนที่คุณตาไอสไตน์จะประกาศทฤษฎีสัมพันธภาพ นักฟิสิกส์ก็ยึดมั่นอยู่กับกฎทรงมวลของสสาร (Conservation of matter) และกฎ Conservation of Energy (ขออภัย จำภาษาไทยไม่ได้จริงจริ๊ง) ที่ว่า สสารและพลังงานไม่มีวันสูญหายไป และแยกสองอย่างออกจากกันโดยสิ้นเชิง อยู่ๆมีทฤษฎีใหม่บอกว่า สสารและพลังงานเป็นสิ่งที่เปลี่ยนกลับไปมาได้ ก็ ฮือกันนะสิ สมัยนี้ ผู้คนโดยทั่วไปก็รับรู้และไม่สงสัยแล้วว่าสสารและพลังงานมันเปลี่ยนไปมาได้ แต่ลองนึงถึงเมื่อหกเจ็ดสิบปีที่แล้วที่เจ้ากฎ conservation สองอันข้างบนนั่น เรียกว่าแทบจะเป็น FACT พื้นฐานของโลกฟิสิกส์เลย มันก็น่าตะลึงอยู่หรอก จากคุณ : alan the lamb - [ 14 มิ.ย. 48 12:16:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อูววว  มวลสูญหายได้ด้วย อะจ๊าก พลังงานก็อยู่ดีๆ งอกออกมาได้ด้วย ไม่จริง  ไม่ ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่  !!!!!!!!!!!!!! เป็นไปไม่ได้ อ๊ากกกกกกก  ว๊ากกกกกกกก  แว๊กกกกก *@#(&$*@&*@&%@^%@(*@#*(&*&@#_@#% จากคุณ : NaCl - [ 14 มิ.ย. 48 12:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กำ  มันทำให้ NaCl เป็นเช่นนี้  และถ้าเป็นทั้งโลก  โลกก็เลยตะลึงไง ไม่จริง  ไม่ ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่  !!!!!!!!!!!!!! เป็นไปไม่ได้ อ๊ากกกกกกก  ว๊ากกกกกกกก  แว๊กกกกก *@#(&$*@&*@&%@^%@(*@#*(&*&@#_@#% จากคุณ : วสะ - [ 14 มิ.ย. 48 12:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 #2 Conservation of Energy = กฎการอนุรักษ์พลังงาน จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 14 มิ.ย. 48 12:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเสริมนิดนึงครับประเด็นแรกที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นดังเช่นคุณ Alan ว่าครับ อีกประเด็นหนึ่งก็คือการนำทฤษฎีสัมพัทธภาพมารวมกับทฤษฎีควันตัมคลาสสิคแล้วสามารถอธิบายธรรมชาติได้ซึ่งเมื่อก่อนสองทฤษฎีนี้ขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัดเจนคือทฤษฎีสัมพัทธภาพจะว่าด้วยปรากฎการณ์ที่สามารถเกิดและวัดได้แน่นอนแต่ทฤษฎีควันตัมคลาสสิคซึ่งอธิบายถึงบางอย่างที่วัดได้ไม่แน่นอนตามหลัก uncertainly principal (หลักความไม่แน่นอนของไฮเซ็นเบอร์ก)ซึ่งเชื่อว่าแสงไม่มีมวล แต่สมการยาว3หน้าแล้วได้สมการ E=mc2 นั้นสามารถบอกได้ว่าแสงนั้นเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาค ดังนั้นแสงจึงมีมวลขึ้นมาทันที และสมการนี้ยังเกี่ยวข้องและอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกได้ อีกประเด็นคือ สมการนี้สามารถเป็นแนวทางในการสร้างไทม์เมชีนได้ตัวอย่าที่เห็นชัดสามารถค้นดูได้เรื่องการเดินทางของคู่แฝด(ที่Stephen hawking(ไอน์สไตนน์2)แสดงให้เห็น)(แต่ต้องมีคนอย่าไอสไตน์อีกสัก3คนถึงจะมีโอกาสทำได้ อิอิ) ซื่งขัดแย้งกับทฤษฎีของนิวตันว่าเวลาไดๆไนเอกภพ จะมีการเดินอย่างสมำเสมอเท่ากันครับ จากคุณ : คนบ้า (panuki) - [ 14 มิ.ย. 48 13:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สงสัยมากครับทำไมต้อง C กำลังสองพอดีเป๊ะด้วย ถ้าเป็น C กำลัง 2.00005 หรือ C กำลัง 1.9005 ไม่ได้เหรอ ไม่ได้ถามกวนนะครับ จากคุณ : ชอบสงสัย - [ 14 มิ.ย. 48 13:57:17 A:203.113.85.243 X: TicketID:101692 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วทำไมต้อง C กำลัง 2.00005 หรือ C กำลัง 1.9005 ด้วยล่ะ จากคุณ : เชื่อผมเหอะ แล้วดีเอง - [ 14 มิ.ย. 48 15:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะเรากำหนดหน่วย จูล ตามสูตรนี้ครับ และ สมการเป็นสมการที่ยิ่งใหญ่ เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล อยู่บนสมการนี้ กล่าวคือ เป็นสมการจักวาลสมการหนึ่งเลย (ความคิดส่วนตัว) จากคุณ : นอแรด - [ 14 มิ.ย. 48 16:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็น differential equation ไม่กี่บรรทัด เด็ก มปลายก็พิสูจน์ได แต่การbreakthrough ของ Einstein นี่ซิมันเหลือเชื่อ จากคุณ : Junior - [ 14 มิ.ย. 48 19:27:56 A:203.113.81.164 X: TicketID:034376 ]

ความคิดเห็นที่ 11 นั้นซิ ไม่ยักกะลงหลักสูตร ม.ปลาย ซักที จากคุณ : ทะเล:-) (blueocynia) - [ 14 มิ.ย. 48 20:28:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อยู่ ม.5 อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน 55555 ชอบเรื่องพวกนี้ จากคุณ : unrebirth - [ 14 มิ.ย. 48 20:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มันทำให้โลกตะลึงเพราะ คนคิดเองยังไม่รู้ว่ามันคือสูตรอะไรนะสิครับ จากคุณ : Jarod - [ 14 มิ.ย. 48 22:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณตาไอสไตน์แกคงคาดไม่ถึง  ว่าจะมีคนนำสมการของแกมาประยุกต์ใช้งานได้จริงในเวลาต่อมา จากคุณ : jmcko - [ 14 มิ.ย. 48 22:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไอจะตายไม่ได้คิดตอนเป็นคุณตานี่ครับ เขาคิดสรุปออกและประกาศกันให้ทราบปี1905ซึ่งสมัยนั้นไอจะตายทำงานเป็นพนักงานจดสิทธิบัตร ด้วยวัยยี่สิบกว่าๆเองครับ คิดสมการบันลือโลกตอนเป็นหนุ่มน้อยเองนะครับ จากคุณ : microphone - [ 15 มิ.ย. 48 01:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ก็คงน่าตะลึง เพราะสามารถทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามได้ จากคุณ : ธรรมรักษา - [ 15 มิ.ย. 48 07:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าอยากรู้ที่มาของสมการ e=mc^2  อ่านหนังสือแฟนพันธ์แท้ไอน์สไตน์สิครับ เล่มนี้เค้าเน้นถึงความเป็นมาของสมการ http://www.se-ed.com/Shop/Detail.Aspx?Icode=9789742121785 จากคุณ : bVis (bVis) - [ 15 มิ.ย. 48 10:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแย้ง ความเห็นที่ 6 นิดนึง แสงไม่มีมวลครับ มีแต่พลังงาน ซึ่งสามารถถ่ายทอดเป็นโมเมนตั้มได้ (เช่นในกรณี photoelectric) และแสงไม่เป็นทั้งคลื่นหรืออนุภาค แต่แสงเป็นสิ่งที่มีคุณสมบัติของทั้งคลื่นและอนุภาค ไม่เป็นทั้งซักอย่าง แต่มีทุกอย่าง จากคุณ : alan the lamb - [ 15 มิ.ย. 48 12:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ เคยอ่านตำราอะไรซักอย่าง เกี่ยวกับ interaction ระหว่าง photon <--> electron energy state อ่ะครับ ที่เค้าจะพิสูจน์ผลึกประเภท direct bandgap อ่ะครับ ถึงจุดนึง เค้าพูดว่า แสงมีมวล แต่น้อยมากกกกกๆๆๆๆ เมื่อเทียบกับ electron เลยตัดทิ้งได้.... ผมเลยคิดว่า ทางคณิตศาสตร์แล้ว แสงมีมวลครับ แต่น้อยมากกกกกกกกๆๆๆๆๆๆ จนไม่มีใครนำมาคิดครับ และจะไม่มีผลกระทบต่อการคำนวณหรือการวัดใดๆ ทางฟิสิกส์จริงที่เกิดขึ้นครับ ผิดถูกเชิญชี้แนะ จากคุณ : กบสายตาสั้น - [ 15 มิ.ย. 48 16:42:31 A:203.107.217.61 X: TicketID:091836 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ้อ เป็นไอ้ที่เค้าพยายามจะพิสูจน์ว่า การเปลี่ยนแปลง electron energy state ที่มีค่า k คงที่ จะมีการดูดหรือปล่อยแสงเสมอ อ่ะครับ จำชื่อเรียกกฏนี้ไม่ได้อ่ะ ลืมไปแย้ว.... แง.... จากคุณ : กบสายตาสั้น - [ 15 มิ.ย. 48 16:44:28 A:203.107.217.61 X: TicketID:091836 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อกี้ลองนั่งคิดๆ ดูในส้วม มีเรื่องนึงครับ ผมคิดว่า เราอาจจะนึกภาพได้ไม่ถูกต้องนัก เรื่อง สสาร แปลงเป็น พลังงาน ก็แหม สมัยนิวตั้นยังมี E = 1/2*mv^2 งี้โลกไม่ตะลึงครึ่งนึงก่อนแล้วเหรอ??? แล้วเท่าที่สัมพันธภาพพิเศษผ่านตามา ผมว่า การใส่พลังงานเข้าไป ได้เป็นมวลออกมา ถ้ามองจากมุมของ quantum มันไม่ได้เพิ่มจำนวนอนุภาคเข้าไป แต่มวลของแต่ละอนุภาคตะหาก ที่เพิ่มขึ้น จากนิวตัน E = 1/2*mv^2 ถ้าใส่พลังงานเข้าไปเรื่อยๆ วัตถุมันก็วิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงอนันต์ ซึ่งไอน์สไตน์บอกเป็นไปไม่ได้ ไม่มีอะไรเร็วเกินแสง สำหรับไอน์สไตน์ พลังงานที่ใส่ต่อเข้าไปเรื่อยๆ ก็เข้าไปเพิ่มมวล ถ้าหากถอนเอาพลังงานออกจากเจ้าวัตถุประหลาดนี้ มวลก็หดกลับมาเท่าเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้น จำนวนอนุภาคทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ในวัตถุนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เลยมานั่งคิด แล้วระเบิดนิวเคลียร์ มันเอาพลังงานอะไรออกมาหว่า???? นึกถึง รังสีที่แท้จริงแล้วเป็นอนุภาค ซึ่งก็คงเปล่งออกมาด้วยพลังงานค่าหนึ่ง มวลค่าหนึ่ง พอถ่ายเทพลังงานออกไปหมด อนุภาคเหล่านั้น ก็มีมวลลดลง ความเร็วลดลง ถ้าหยุดนิ่ง แล้วนับมวลรวม มวลรวมทั้งระบบก็นับได้ว่า หายไป แต่ผมคิดว่า ถ้านับจำนวนอนุภาค จำนวนอนุภาคจะคงที่เสมอ ผิดถูกโปรดชี้แนะ จากคุณ : กบสายตาสั้น - [ 15 มิ.ย. 48 17:47:48 A:203.107.217.61 X: TicketID:091836 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขี้เกียจอธิบายยาว ผมว่าหา text สัมพัทธภาพ มาศึกษาดีกว่า จากคุณ : ไม่มีสมาชิกชื่อนี้ - [ 15 มิ.ย. 48 19:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าอ่านฟิสิกส์ระดับสูงๆ แล้วไปทำข้อสอบวิทยาศาสตร์ ม.ต้นแล้วดันตอบไปว่าแสงมีมวลเนี่ย อ. คงจะให้ 0 ทันทีเลยนะครับเนี่ย จากคุณ : ChronoSEAL - [ 15 มิ.ย. 48 23:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 16 มิ.ย. 48 00:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วมาสะดุดกึกกับ #6 พาลให้นึกถึงกระทู้ UBC ^ ^ แต่ก็ต้องขอแย้งไว้หน่อย เพื่อใครมาอ่านจะจำผิดๆไปได้ ส่วนนึงก็ อย่างที่คุณ alan the lamb ว่าไว้ quantum classic ไม่มีนะครับ มีแต่ classical physic กับ quantum physic แล้ว ทฤษฎี สัมพัทธภาพ หรือ สมการ e=mc^2 ก็ไม่ได้เป็นการเชื่อม physic สองตัวนี้เข้าด้วยกันด้วย แล้ว twin paradox มันเกี่ยวอะไรกับ time machine หว่า แล้วมันทั้งหลายแหล่ มันเกี่ยวกับเรื่องย้อนเวลาตรงไหน? ถ้าไม่ซีเรียส อ่านแล้วก็ฮาดีเหมือนกัน ^ ^ จากคุณ : MaSaChi - [ 16 มิ.ย. 48 04:45:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบ คคห.21 ครับ ถ้านับจำนวนอนุถาคก็จะได้เท่าไร ตามความหมายของคุณก็คือ มวลน่าจะคงที่  แต่ในปฏิกิริยานิวเคลียร์เมื่อเกิดแล้ว จะมีมวลส่วนหนึ่งหายไปครับ ซึ่งมวลส่วนนี้เปลี่ยนเป็นพลังงาน โดยมีค่าตามสูตร e=mc^2 ครับ จากคุณ : นอแรด - [ 17 มิ.ย. 48 20:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คคห. 26 ป่าวครับ คือ ผมเคยคิดว่า มันน่าจะมี "เนื้อสาร" หายไป กลายเป็นพลังงาน ซึ่งไม่น่าจะใช่ มวลน่ะหายไปแน่นอนครับ แต่จำนวนอนุภาค หรือ "เนื้อสาร" แล้ว ผมเพิ่งคิดๆ ดูใหม่น่าจะคงที่นะ อย่างยูเรเนี่ยมแตกตัวออกมา ตะก่อนคิดว่า "เนื้อสาร" ที่หายไป เป็น "เนื้อสาร" ที่ใช้ยึดโปรตรอน-นิวตรอนเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนที่จะแตกออกเป็นสองก้อน เหมือนกับอิฐสองก้อนยึดกันอยู่ พอแตกออก มวลที่หายไปก็คือซีเมนต์ที่ยึดอิฐนั้นอยู่ เหลือเพียงอิฐล้วนๆ สองก้อน ซึ่งคิดไปคิดมา ไม่น่าจะใช่ อาจจะเป็นแค่ ถ้านับจำนวนอนุภาค หรือ "เนื้อสาร" แล้ว จะคงที่ แต่ว่า พอแตกตัวปั๊บ ทันทีทันใดนั้น อนุภาคที่แยกออกจากกันจะมีมวลเท่าเดิมก่อนแตกตัว แต่วิ่งด้วยความเร็ว (พลังงาน) มหาศาล พออนุภาคเหล่านั้นถ่ายเทพลังงานให้สิ่งแวดล้อมอื่นๆ ความเร็วก็ลดลง มวลก็เลยลดลงตามไปด้วยอ่ะครับ ผิดถูกโปรดชี้แนะ จากคุณ : กบสายตาสั้น - [ 18 มิ.ย. 48 12:36:26 A:203.113.32.13 X:203.151.140.113 TicketID:091836 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มัยมันยาวจัง กระทู้นี้  สงสัยโลกยังตะลึงอยู่ - -? จากคุณ : วสะ - [ 21 มิ.ย. 48 02:32:07 ]