PANTIP.COM : X3752695 "FACE-OFF" [เรื่องลึกลับ]

ความคิดเห็นที่ 1

ภายหลังจากใช้เวลาเตรียมการมาหลายเดือน ในที่สุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ดร.มาเรียและคณะก็พร้อมสำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนหน้าให้กับคนไข้รายแรก โดยก่อนทำการผ่าตัดคนไข้รายนี้ได้รับการตรวจวิเคราะห์สภาพทางจิตอย่างเข้มข้น

และยอมรับสภาพความเป็นจริงได้ว่า โอกาสที่ตนเองจะต้องเสียชีวิต หรือพิการจากการผ่าตัดครั้งนี้มีสูงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

สำหรับขั้นตอนการผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าเริ่มจากการที่แพทย์ต้องขอรับและคัดเลือก "ใบหน้า" จาก "ศพคนตาย" ที่บริจาคให้กับสำนักงาน "ไลฟ์แบงค์" ซึ่งเป็นหน่วยงานรับบริจาคอวัยวะในสหรัฐ

ต่อมา ดร.มาเรียต้องทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบโครงสร้างเนื้อเยื่อ อายุ เพศ และสีผิวของใบหน้าจากผู้บริจาคว่าเข้ากันได้กับร่างกายของคนไข้ และภูมิคุ้มกันในตัวคนไข้จะต่อต้านใบหน้าใหม่น้อยที่สุด

การผ่าตัดจะกินเวลา 8-10 ชั่วโมง หลังผ่าตัดครั้งแรกเรียบร้อยแล้วคนไข้ต้องอยู่ในโรงพยาบาลอย่างต่ำ 10-14 วัน

ในระหว่างพักฟื้นใบหน้าใหม่อาจเกิดการติดเชื้อและเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ดังนั้นคนไข้จึงจะต้องกลับมาผ่าตัดซ่อมแซม-ฟื้นฟูผิวหนังใบหน้าเป็นครั้งที่ 2

นอกจากนั้น คนไข้ยังต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันร่างกายต่อต้านเซลล์ของใบหน้าใหม่ ซึ่งยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์อย่างแรง สามารถทำลายไตและก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ในภายหลัง

แต่สิ่งที่น่าวิตกมากที่สุดก็คือ คนไข้อาจเกิดอาการซึมเศร้าหดหู่อย่างรุนแรง เกิดภาวะที่เรียกว่า "วิกฤตตัวตน" เพราะทำใจไม่ได้กับการที่ต้องมองเห็นหน้าของคนอื่น-หน้าของศพมาเย็บติดอยู่บนหน้าของตนเอง

นี่เองจึงเป็นสาเหตุทำให้ทีมของ ดร.มาเรียต้องคัดเลือกคนไข้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่มีประวัติติดสุรา ไม่มีประวัติเคยฆ่าตัวตาย และได้รับกำลังใจจากครอบครัวเป็นอย่างดี

ดร.มาเรียอธิบายต่อไปด้วยว่า ใบหน้าใหม่ของคนไข้ที่ผ่านการผ่าตัด จะไม่เหมือนกับใบหน้าของผู้บริจาคแบบเคาะพิมพ์เดียวกันออกมา

เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผิวหน้าใหม่จะปรับตัวเข้ากับโครงสร้างใบหน้าเดิมของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นโหนกแก้ม คาง จมูก ฯลฯ

ส่วนการแสดงออกผ่านทาง "สีหน้า" ของคนไข้ก็จะไม่เหมือนกับใบหน้าผู้บริจาคเช่นกัน

เพราะการบังคับกล้ามเนื้อใบหน้าในลักษณะต่างๆ นั้นจะสั่งงานมาจาก "สมอง" และลักษณะบุคลิกภาพของคนไข้ ไม่ใช่ถูกกำหนดโดยโครงสร้างใบหน้าของผู้บริจาค

ดร.มาเรียยืนยันว่า การทดลองผ่าตัดเฟซ-ออฟ เปลี่ยนใบหน้าครั้งนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโด่งดังให้ตนเอง

แต่จำเป็นต้องทำเพื่อช่วยฟื้นฟูระดับคุณภาพชีวิตของคนไข้ ซึ่งต้องทนเจ็บปวดจากสภาพพิกลพิการจนดูเหมือนกับกลายเป็น "สัตว์ประหลาด" ในสังคม

ถ้าตัวคนไข้เองยินยอมพร้อมเข้ารับการผ่าตัด สังคมก็ไม่ควรต้องหวาดกลัวกับผลลัพธ์ที่จะออกมาจนเกินไป

ที่มา: นสพ.ข่าวสด

จากคุณ : C.KURT - [ 21 ก.ย. 48 09:31:23 ]