.....ครั้งหนึ่งผมมีบ้านพักย่านฝั่งธนฯ ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้วัด เวลาเมรุมีงานเผาศพทีควันจะลอยฟุ้งผ่านหลังคาบ้านเรือนบริเวณนั้น ส่งกลิ่นเหม็นแปลกๆที่ต่างจากกลิ่นควันไฟของเถ้าถ่านลอยฟุ้งไปทั่ว ลองคิดดูว่าเราต้องทำใจกันขนาดไหนกับกลิ่นควันที่รู้ว่ามาจากการเผาศพจะๆลอยมาเข้าจมูกอย่างต่อเนื่อง

.....ช่วงหนึ่งทางวัดมีการขุดลอกล้างป่าช้าเพื่อเคลียพื้นที่ก่อสร้างอาคารสงฆ์ ปรากฎว่ามีศพจำนวนหนึ่งไม่เน่าไม่เปื่อยถูกนำมาวางเรียงกันไว้ 10 กว่าศพ มีทั้งศพเด็กทารกไปจนถึงผู้ใหญ่ชาย-หญิง มีศพอยู่คู่หนึ่งเป็นศพแม่-ลูกระบุตายด้วยโรคเดียวกันทางกรรมพันธุ์ ศพที่เป็นประเด็นของเรื่องคือศพลูกอายุประมาณ4-5ขวบ

.....ช่วงนั้นด้วยความที่กำลังสนใจธรรมะรู้สึกถึงความธรรมดาของสังขารไม่เที่ยง จึงเข้าไปสำรวจใกล้ๆเนื้อศพเด็กดังกล่าวอย่างพินิจพิจารณา เนื้อนั้นแห้งแข็งเหมือนหินแต่มีสีดำเกรอะกรัง เริ่มพิจารณาตั้งแต่หัวเข่าเรื่อยลงมาจนถึงเล็บเท้าที่เกือบจะติดกันเป็นแพ

.....หลังจากกลับบ้านเข้านอนคืนนั้นได้เรื่องเลย ฝันเห็นเด็กผู้หญิงผิวดำไว้ผมบ๊อบมีรอยยิ้มร่าเริงแจ่มใส มาวิ่งเล่นกับเด็กผู้ชายวัยไล่เลี่ยกัน เชื่อมั้ย ! ฝันแบบนี้ติดๆกันทุกคืนจนเริ่มผิดสังเกตุ แต่ในฝันไม่น่ากลัวอะไร ตอนนั้นได้แต่นึกคิดว่าแล้วเด็กผู้ชายที่อยู่ด้วยกันเป็นใครกันแน่เพราะใน10ศพนั้นไม่มีเด็กชายวัยขนาดเดียวกันเลย

.....จนกระทั่งเช้าวันหนึ่งพี่มาเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานไปวัดมา มีเด็กวัดสติไม่ดีคนหนึ่งพยายามตื๊อให้ตามไปที่โบสก์ร้างท้ายวัดให้ได้ รบเร้าอยู่นานจนพี่แกเสร็จจากเยี่ยมหลวงพ่อก็ลองตามไปดูสักครั้งโดยมีเพื่อนไปด้วย พอก้าวเข้าไปบริเวณโบสก์เท่านั้นแหละเด็กก็ถูกเข้าสิงทันที ตัดพ้อต่อว่าไม่ขาดปาก บอกว่ามาอยู่หลายวันแล้วไม่เห็นให้ของเล่น ให้ขนมหนูกินเลย พยายามเรียกหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้ยิน และต่อว่าผ่านมาที่ผมด้วย บอกว่าตัวเองคือกุมารทองที่ผมและพี่ได้มาบูชาจากเสด็จปู่ร่างทรงเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งเราก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่ มารู้ทีหลังว่าพี่แกก็ฝันแปลกๆติดต่อกันเหมือนกันแต่ฝันเห็นแค่เด็กผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น..

*สงสัยเด็กผู้ชายอีกคนที่ฝันเห็นคือกุมารทองนั่นเอง คงด้วยความเป็นเด็กทั้งคู่จึงอยู่เล่นด้วยกัน

--------------- ---------------