CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อาชีพนักวิจัย

    ผมเพิ่งเรียนจบเอกวิทยาศาสตร์เคมีในต่างประเทศครับ จุดมุ่งหมายในชีวิตคือต้องการทำวิจัยอย่างเดียว หลายเดือนที่ผ่านมาก็หางานผ่านทางเว็บไซท์ต่าง ๆ  ก็ผิดหวังครับ ในรอบประมาณ 6 เดือน มีที่รับสมัครที่น่าสนใจคือศูนย์ Nanotec แล้วก็มีกฎว่าต้องไปสมัครด้วยตัวเอง ผมบินไปไม่ได้ก็ส่งอีเมลไปแล้วก็โพสคำถามไว้ในเว็บบอร์ดของนาโนเทค ไม่มีคำตอบ สุดท้ายผมได้งานต่างประเทศและข้อเสนอในสัญญาก็ดี ‘เกินจริง’ ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์นิดหน่อย วันก่อนอ่านเจอคำพูดนายกว่าเมืองไทยยังขาดแคลนนักวิจัยด้วย ก็เลยอยากเสนอให้เห็นว่ามีอะไรที่ผมรู้สึกว่าไม่ดีบ้าง วันข้างหน้าถ้ากลับไปผมจะได้ไม่ต้องไปวนอยู่ในวงจรอุบาทว์ดังนี้
      -เวลามีตำแหน่งว่าง ประชาสัมพันธ์ไม่ดี และส่วนมากก็เป็นของนักเรียนใช้ทุน
      -เงินเดือนต่ำ เทียบกับเอกชนในเมืองไทยก็พอ ถ้าเทียบกับต่างประเทศ คูณ 3-10 แล้วแต่ประเทศ
      -อาชีพไม่มั่นคง เป็นสัญญาระยะสั้น 6 เดือน – 2 ปี (นักวิจัย)
      -ทำวิจัยตามมีตามเกิด อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือล้าหลัง ยกตัวอย่างนะครับ ถ้า เครื่อง NMR เสีย กว่าจะซ่อมได้ก็ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไป และเครื่องส่วนมากอายุเกิน 10 ปีทั้งนั้น
      -ระบบราชการ ทำงานช้า
      -มีการ corruption ทุกระดับ เห็นได้จากตัวอาจารย์มหาลัยขึ้นไป เช่น ทุนวิจัยเข้าบัญชีธนาคารของอาจารย์ อ้อยเข้าปากช้างครับ บางคนใช้ทำวิจัยจริงไม่ถึงครึ่ง บางทีเดือดร้อนนักเรียนต้องซื้อหาอุปกรณ์ด้วยเงินตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ทุนอยู่กับอาจารย์
      -มีการเล่นเส้นสาย การเมืองเยอะแยะไปหมด ภาควิชาเดียวมีสามก๊กขึ้นไป จะได้ทุนวิจัยก็ต้องซบใต้ปีกศาสตราจารย์ซักคน

    ที่ผมเขียนมานี่เห็นตัวอย่างด้วยตัวเองมาหมดแล้วครับ เพราะเรียนตรีในเมืองไทย ที่รับไม่ได้จริง ๆ คือ corruption และความล่าช้าในระบบราชการ ตอนที่ผมจบตรีใหม่ ๆ นั้นท้อมาก ๆ ครับ เพราะมองไม่เห็นหนทางที่จะทำวิจัยแข่งกับต่างประเทศได้เลย อาจารย์บางท่านในวิศวะอาจจะแย้งว่าตอนนี้เครื่องไม้เครื่องมือไม่ค่อยต่างกับเมืองนอกแล้ว แต่สำหรับงานวิจัยสาขาเคมีผมคิดว่าเป็นสาขาที่ต้องลงทุนสูงสุดเทียบกับสาขาอื่น  (ไม่รวมควอนตัมกับนิวเคลียร์ฟิสิกส์) สารที่จำเป็นหลายชนิดราคากรัมละหลายพันบาท พอทุนน้อยก็ไม่อาจคิดอะไรพิสดารแข่งกับต่างประเทศได้ แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตอาชีพนักวิจัยจะมีการส่งเสริม จะเป็นอาชีพที่ดี ควรจะได้ค่าตอบแทนเหนือกว่าชนชั้นกลางเล็กน้อย

    ส่วนตัวแล้วผมไม่อยากเป็นอาจารย์ ถ้าต้องสอนปริญญาตรีก็อาจทนสอนได้สักสองสามปี แต่ผมเห็นว่าการสอนก็เป็นการพัฒนาตัวเองไปด้วย ถ้าให้ผมสอนปริญญาตรีซ้ำ ๆ ผมก็เบื่อ ถ้าสอนปริญญาโทก็ดีหน่อย เพราะไม่ต้องตามหนังสือ เอางานวิจัยล่าสุดมาสอนได้ทันที ผมเชื่อว่าถ้าจะทำวิจัยก็ต้องตามพวก Oxford MIT Harvard ETH Zurich ให้ทัน เพราะด้วยทุนวิจัยที่จำกัด งานวิจัยของพวกนี้อยู่ในระดับดีเท่านั้น สู้บริษัทยักษ์เอกชนเช่น GlaxoSmithKline หรือ Dupont ไม่ได้ (พวกนี้ทุนวิจัยอยู่ในหลักเดียวกับงบประมาณกระทรวงศึกษาเราทั้งกระทรวง)

    อยากทราบความคิดเห็นของคนอื่นครับ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในมหาลัย หรือศูนย์วิจัย ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างไรบ้าง

    จากคุณ : Winstein - [ 23 ธ.ค. 48 03:39:06 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป