ความคิดเห็นที่ 9
แขกเป็นกลุ่มคนจำพวกหนึ่งที่ "บางคน" ทำตัวน่ารังเกียจมาก
แต่ก่อนผมไม่เคยเข้าใจเลยกับประโยคที่ว่า
"เจองูกับเจอแขก ให้ตีแขกก่อน"
มันหมายความว่าอย่างไร และ ทำไมไม่ตีงูก่อน
........ ........
ตอนนี้ผมเข้าใจลึกซึ้งแล้วครับ เมื่อได้มาอยู่ร้าน...
และขอ confirm ว่า ให้ตีแขกก่อนจริง ๆๆๆๆๆ
เอามาพูดก็พอขำ ๆ แต่อยู่ในสถานการณ์จริงขำไม่ออกครับ ยกตัวอย่างนะครับ
Case 1 แขกเดินเข้ามาในร้าน เดินดูรอบ ๆ แล้วก็เรียกพนักงานไปถามนู่นถามนี่ ได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็มาที่ counter เมื่อนำสินค้ามากองที่ counter เสร็จ
แขก : How much ? ผม : Wait a minute please (ในใจคิดว่า อะไรฟะ ใจร้อนจัง ขอ scan barcode ก่อนจิ สินค้าตั้งหลายชิ้น)
พอผม scan barcode สินค้าเสร็จกำลังจะหยิบสินค้าใส่ถุง เค้าก็หยิบ conditioner ขึ้นมา
แขก : What is this ? ผม : It's hair conditioner. (ในใจคิดว่า เอ๊ะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแล้วจะซื้อไปทำไม)
แขก : What is hair conditioner ? ผม : (... อึ้งไปพักนึง... ก็พูดซ้ำ กลัวพี่เค้าได้ยินผิด) It's hair conditioner. แขก : What does it for ? ผม : For use after hair shampoo (ผมก็ไม่เก่งอังกฤษซะด้วย นึกศัพท์ ไม่ออก) แขก : After Shampoo ? ผม : Yes. แขก : After Shampoo ? ผม : Yes, use after shampoo. แขก : After ? ผม : Yeeeesssss...... after (ในใจจะร้องไห้แล้ว ไม่เข้าใจว่าพี่แกจะถามอีกสักกี่รอบถึงจะเข้าใจ) แขก : How much ? ผม : Wait a minute please. แล้วก็ check ราคาให้พี่เค้า (ในใจคิดว่าทำไมพี่ไม่ดูป้าย... พนักงานจะจำราคาสินค้าทั้งร้านหมดได้ยังไง มันมีเป็น 1,000 items) แขก : Ok. Ok. Ok.
ผมก็นึกว่าเค้าจะเอา แต่เค้าไม่เอาแล้วก็เดินเอาสินค้าไปเก็บ ผมจึงต้อง void สินค้าออก เสีย performance หมดเลย
Case 2 (อันนี้พี่ Beauty Consultant เล่าให้ฟังอีกที) เป็นแขกผู้หญิงวัยกลางคนมาซื้อเครื่องสำอาง ลองนึกถึงภาพ shelf วางของนะครับ แล้วจะมีราคาบอกอยู่ข้างล่าง แขกถามรายละเอียดสินค้ากับ BC หลายชิ้น (What is this ? What is this ?) มาถูกใจอยู่ชิ้นนึง แขกจึงชี้ไปที่สินค้า (ซึ่งมีป้ายราคาบอกอยู่ข้างล่าง)
แขก : How much ? BC : Two ninety-nine. (พร้อมกับชี้ไปที่ป้ายราคาและทำหน้างง พลางคิดในใจ เอ๊ะ ไม่เห็นตัวเลขเหรอ) แขก : No discount ? BC : No. Discount already. (มันลดอยู่แล้ว ลดจาก 400.- เหลือ 299.-) แขก : No discount ? BC : No. (พร้อมกับโบกมือปฏิเสธและสอดส่องสายตาหาผู้ช่วยชีวิต) แขก : Can it use for all skin types ? BC : Yes. แขก : All skin types ? BC : Yes. แขก : Really ? BC : Yes. แขก : How much ? BC :Two ninety-nine. (พร้อมกับชี้ไปที่ป้ายราคาเป็นครั้งที่ 2) แขก : Two hundred ninety-nine ? (ขึ้นเสียงสูงเป็นประโยคคำถาม) BC : Yes. (ผมคิดว่าในใจพี่เค้าคงร้องไห้หาแม่ไปแล้วล่ะ)
แล้วแขกผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกไปจากร้านโดยไม่ซื้ออะไรเลย
หลังจากแขกเดินออกจากร้านพี่ BC จึงเดินมาถามผมว่า
"แขกไม่รู้จักเลยอารบิกเหรอ"
ผมก็ตอบไปว่า "ไม่นะพี่เค้าต้องรู้จักสิ มันเป็นเลขสากลไม่ใช่เหรอ ทุก ๆ ชาติน่าจะรู้จัก"
แล้วพี่ BC ก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง
Case 3 เป็นผู้หญิงแขกเดินมาซื้อสินค้า 2 ชิ้น ถือมาตั้งที่ cashier
Cashier : Do you want to buy anything else ? แขก : No.
เมื่อ cashier scan barcode สินค้าครบ 2 ชิ้น
Cashier : Nine hundred sixty eight baht please. แขก : I don't want it. Cashier : ............*-@#^&**+\\..~.......
ผมยืนอยู่ข้าง ๆ ก็คิดในใจว่า อ้าว เจ้ไม่ต้องการซื้อแล้วเจ้เอาสินค้ามาให้ cashier scan ทำไมฟะ ขอโทษสักคำก็ไม่มี ร้านค้าไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะเฟ่ย เอาของมาวางให้ scan ทำไมฟะ ถ้าไม่เอา เสียยอด void หมด)
นี่เป็นบทเรียนอันน้อยนิดที่ได้จากแขก ยังมีอีกมากมาย
เจอทุกวัน เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ๆ
ปล. แขกดีก็มีอยู่
จากคุณ :
คุณชายนะคร้าบ
- [
28 ธ.ค. 48 04:16:11
]
|
|
|