ความคิดเห็นที่ 1 สมมุติว่าอีกร้อยปีกฏทางวิทยาศาสตร์ที่เราใช้กันทุกวันนี้ มีข้อผิดพลาดขึ้นมาและต้องใช้กฏใหม่ทั้งหมด (วิทยาศาสตร์คือกฏ) สมมุติว่าเราสามารถอธิบายเรื่องสมอง (ทุกวันนี้ก็ได้ไม่กี่เปอร์เซนต์) ของมนุษย์ได้อย่างถ่องแท้ สมมุติว่าเราสามารถสำรวจใต้มหาสมทุรได้ทุกตารางนิ้ว (ทุกวันนี้ก็ยัง) สมมุติว่าเรารู้ที่มาของโรคมะเร็งอย่างแน่นอน (ไม่ใช้คำว่ามีโอกาสเกิดมะเร็ง มีสารก่อมะเร็ง) อธิบายได้ว่าทำไมบางคนสูบบุหรี่มา 40 ปีไม่เป็นไร อีกคนสูบ 4 ปีเป็นมะเร็งปอด ฟันธงไม่ได้จริงๆ สมมุติว่าเราอธิบายปรากฎการที่เกิดขึ้นกับรถคันเก่าของคุณโลหการ 4ได้ (ขออภัยที่เอ่ยนาม) อธิบายได้ว่าทำไมโยคีในอินเดียลงไปนอนในดินมิดปากมิดจมูกได้หลายชั่วโมงแต่ไม่ตาย อธิบายสภาวะก่อนการเกิดเอกภพ สภาพก่อนบิกแบงค์ได้ (ทฤษฏีบิกแบงค์จริงๆแล้วถูกหรือเปล่า) อธิบายถึงการสิ้นอายุขัยของมนุษย์ได้ กำหนดการหมดอายุได้แน่นอนเป็นวัน (ไม่ต้องเป็นชั่วโมง) กรณีที่ตายโดยธรรมชาติ อธิบายปรากฏการทางจิตได้ทุกชนิด อธิบายได้ว่าทำไมรูปศิลปบางรูป "สวย" สำหรับทุกคน บางรูป "สวย" เฉพาะบางคน อีกเยอะ ...... ตอนนั้นค่อยสรุปว่าวิทยาศาสตร์คืออะไร ดีไหม แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 48 12:36:47 จากคุณ : Mr.Vop - [ 28 ธ.ค. 48 12:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Hmm นานๆจะเห็นคำถามเชิงปรัชญามาที คุณMr.Vopครับ วิทยาศาสตร์ (Science) นั้นไม่ใช่กฎ หรือสิ่งต่างๆที่คุณว่ามานะครับ นั้นเป็นผลผลิตที่ได้จากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ดังนั้นอะไรคือ Science นั้น อย่างที่คุณA4 ว่ามาก็ถูกส่วนหนึ่งครับ ถ้าเสริมเข้าไปอย่างย่อๆก็คือว่าเป็นแนวขบวนการคิด ปรัชญา และปฏิบัติ ที่นำมาสู่ซึ่งการเข้าใจถึงปัญหาและคำตอบของคำถามที่ได้ตั้งไว้ ส่วนที่ว่าวิทยาศาสตร์นั้นคลอบคลุมทุกศาสตร์อื่นๆนั้นผมไม่เรียกว่าครอบคลุมครับ แต่เรียกว่าเอาแนวคิดนี้ไปใช้ เช่น Medical Science เป็นการนำเอาแนวความคิดของ Science ไปใช้ในการเข้าใจและแก้ไขปัญหาของทางการแพทย์ อ๋อ พวกวิทยาศาสตร์ที่เห็นเรียนๆกันนั้น เค้าเรียกเต็มๆว่า Life Science ครับ P.S.  ฝากไว้อีกนิดนะครับ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า"สังเกต ตั้งคำถาม สมมติฐาน ทดลอง และสรุปผล" ก็เป็นแค่ผลผลิตหนึ่งของScience ครับ คล้ายๆกับสูตรกึ่งสำเร็จที่เค้าทำๆมาให้ง่ายๆในการใช้ แต่ลองคิดดูลึกๆว่าทำไมเราจึงต้องมีกระบวนการอย่างนั้น ซึ่งนั้นแหละจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่าScience ได้ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 48 13:19:58 จากคุณ : KL - [ 28 ธ.ค. 48 13:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอไม่เห็นด้วย วิทยาศาสตร์ไม่ครอบคลุมทุกศาสตร์ แบบแผนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ที่แต่ละสำนักได้สั่งสอนศิษย์ กล่าวไว้คร่าวๆ ว่า เมื่อมีคำถามหรือปัญหา นักวิทยาศาสตร์จะตั้งสมมติฐาน แล้วทำการทดลองและพิสูจน์ ถ้าทำการทดลองซ้ำๆ แล้วยัง ได้ผลการทดลองเหมือนเดิม ก็ยอมรับว่าสมมติฐานนั้นถูกต้อง หากหลายสำนักทำการทดลอง แล้วได้ผลเหมือนๆ กัน ก็จะได้รับการยอมรับเป็นทฤษฏี ผู้ที่ตั้งสมมติฐาน ทำการพิสูจน์ จนได้รับการยอมรับ ก็จะได้รับการ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าทฤษฏีหรือบิดา ของเรื่องนั้นๆ ทีนี้ มีคนถามผมว่า รักพ่อแม่ไหม ผมตอบว่ารัก มันบอกว่า พิสูจน์ให้ดูหน่อย มันถามต่อว่ารักมากแค่ไหน ผมตอบว่ารักมาก มันบอกว่า มันก็รักพ่อแม่มากเหมือนกัน มากกว่าที่ผมรักพ่อแม่ผมเสียอีก มันบอกให้ผมวัดค่าความรักออกมา เพื่อจะเปรียบเทียบว่าใครรักพ่อแม่มากกว่ากัน ... ... ... และอีกหลายเรื่อง ที่ผมอธิบายไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะสติปัญญา ของผมยังไม่ถึงขั้นก็เป็นได้ จากคุณ : dolt - [ 28 ธ.ค. 48 13:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทุกอย่างสุดท้ายแล้วก็คือ วิทยาศาสตร์ แบบนี้จึงถูกต้อง จากคุณ : appendix - [ 28 ธ.ค. 48 13:34:16 A:61.91.220.78 X: TicketID:090028 ]

ความคิดเห็นที่ 5 No. องค์ความรู้ทุกอย่างในโลกนี้ มีรากฐานมาจากวิชาปรัชญาครับ ระบบตรรกะ ที่เรามาใช้เป็นพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็พัฒนามาจากวิชาปรัชญา จากคุณ : ช่างไฟ - [ 28 ธ.ค. 48 13:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แหะๆ คิดว่าเป็นแบบคุณช่างไฟว่าครับ จากคุณ : . (Solow) - [ 28 ธ.ค. 48 14:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าไม่ครอบคลุมทุกศาสตร์หรอก อย่างน้อยผมก็ว่า ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ ศิลปศาสตร์ จริยศาสตร์ ศาสนศาสตร์ (ศาสนา) ฯลฯ อะไรเทือกๆนี้ ดูยังไงๆก็ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แล้วผมก็เชื่อว่าที่วิทยาศาสตร์มันก้าวหน้าและมีประโยชน์มากมาย ก็เพราะมันครอบคลุมเพียงบางสิ่งบางอย่างเท่าที่ควรจะเป็นนี่แหละ จากคุณ : Amygdala - [ 28 ธ.ค. 48 15:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าศาสตร์จักรวาลวิทยามากกว่า ที่สามารถอธิบายได้ทุกเรื่อง จากคุณ : Paradise Fantasy - [ 28 ธ.ค. 48 15:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณช่างไฟครับ ปรัชญาอธิบายได้ทั้งแบบมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล จึงน่าจะครอบคลุมทุกศาสตร์ได้มากกว่าครับ จากคุณ : freeek!!! - [ 28 ธ.ค. 48 15:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สมัยนี้วิทยาศาสตร์คือสิ่งที่คนให้ความยอมรับมากที่สุด คนในสมัยนี้จึงดึงเอาทุกอย่างให้ไปเป็น subset ของวิทยาศาสตร์ เพื่อให้สิ่งนั้นๆ ดูน่าเชื่อถือขึ้น ตามความคิดผมแล้ว ศาสตร์ทุกศาสตร์ก็มีส่วนต่างและส่วนเหมือนกับ ศาสตร์อื่นๆ ผสมผสานกันอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว ส่วนต้นตอจริงๆ ของทุกศาสตร์ก็มาจากหลักของธรรมชาติ ที่มีมนุษย์ได้ศึกษามันเท่านั้น จากคุณ : P^eZ!M - [ 28 ธ.ค. 48 15:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ครับ จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 28 ธ.ค. 48 16:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มันบอกให้ผมวัดค่าความรักออกมา เพื่อจะเปรียบเทียบว่าใครรักพ่อแม่มากกว่ากัน - พอวัดได้ครับ ให้ลองทำกิจกรรม หลาย ๆ อย่างระหว่างคุณกับพอ่แม่ ใครได้คะแนนมากกว่า คนนั้นรักพ่อแม่มากกว่า จากคุณ : อีคิวศูนย์ - [ 28 ธ.ค. 48 16:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ความรักก็เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ (หลักเหตุและผล) มันวัดกันเป็นปริมาณบ่ได้หรอก เพราะเป็นนามธรรม เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้น เพื่อเป็นตัวแทนถึงพฤติกรรมของสิ่งที่เรียกว่ามีชีวิต...ถ้ามองในมุมของสิ่งไม่มีมีชีวิตเราอาจจะเรียกว่าการทำละลาย การทำปฏิกริยาเคมี ก่อให้เกิดสารใหม่ขึ้นมา มันก็เหมือนกับการให้กำเนิดลูกของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ขึ้นมา สุดแท้แต่ ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไร เพราะ ทุกอย่างถูกมองในมุมมองของมนุษย์ อยุ่แล้ว... จากคุณ : A4 - [ 28 ธ.ค. 48 16:44:15 A:221.128.107.148 X: TicketID:102451 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หลายๆอย่างใน #1 สามารถอธิบายได้ครับถ้ามีเวลาและเงินเพียงพอ จากคุณ : ChronoSEAL - [ 28 ธ.ค. 48 17:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขึ้นอยู่กับนิยาม จากคุณ : นอแรด - [ 28 ธ.ค. 48 18:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #3 เมื่อใดที่มนุษย์เข้าถึง และเข้าใจการทำงานของระบบประสาทต่างๆอย่างดีแล้ว ( หรืออาจรวมถึงสามารถสร้างปัญญาประดิษฐ์ ได้เหมือนมนุษย์แล้ว ) ทุกขั้นตอน มองถึงระดับโมเลกุล ก็สามารถให้คำตอบของตัวตน และอารมณ์ได้ครับ ว่าคืออะไร และจะวัดยังไง แต่มนุษย์ไม่ใช่หนูทดลอง ที่จะเอามาขึ้นเขียงเสียบนู่นใส่นี่ ผ่าตรงนั้นเจาะตรงนี้ ใส่เครื่องมือวัดฯลฯ ก็ลำบากในการศึกษาน่ะครับ รวมถึงถ้ารู้ด้วยว่า ร่างกายเป็นจักรกลนาโนฯ ที่ทั้งเล็กสุดๆ และซับซ้อนสุดๆ แล้วเราจะเข้าไปวัดผลสิ่งที่ เล็กๆนั้นให้ละเอียดได้ นั่นก็ยากเกือบจะเกินความสามารถไปแล้วครับ ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่า แม้โครงสร้างพื้นฐานร่างกายคนแต่ละคนเหมือนกัน แต่ถ้าดูการจัดเรียงตัวของทุกๆเซลล์ มันก็ต้องมีความแตกต่างกันอยู่ เรื่องนี้เลยไม่ง่าย เหมือนการศึกษาเครื่องจักรกลประเภท mass product ซึ่งแทบจะเหมือนกันทุกสัดส่วน และไม่ละเอียดถึงหน่วยเซลล์ครับ จากคุณ : Detonator_Pao_ - [ 28 ธ.ค. 48 19:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 "เพราะเหตุที่ทำให้สิ่งนั้นมี สิ่งนั้นจึงมีปรากฏ เพราะเหตุที่ทำให้สิ่งนั้นหมดไป สิ่งนั้นก็ดับไป" กฏทุกอย่างรวมลงตรงธรรมชาติธรรมดาอย่างนี้ทั้งนั้น และเมื่อ การรับรู้ส่งออกปรากฏ ความจำได้ก็ปรากฏ เมื่อความจำได้หมายรู้ปรากฏ ความเชื่อมโยงก็ปรากฏ เมื่อความรู้ที่เชื่อมโยงปรากฏ ก็เกิดเป็นศาสตร์ความรู้ด้านต่างๆ ออกมา และมีมากมายไม่จบไม่สิ้น เป็นอนันต์ สำหรับความรู้ที่ปรากฏ ก็ยังเป็น SUBSET ภายใต้ สติและปัญญาครับ =) จากคุณ : STL - [ 28 ธ.ค. 48 19:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คงไม่ครอบคลุม เพราะอย่างน้อยก็ใช้แต่งเพลงให้ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ทั้งโลกไม่ได้ จากคุณ : firstini chemistani - [ 28 ธ.ค. 48 20:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ว่าตามคุณช่างไฟเช่นกัน ปรัชญา เป็นศาสตร์ที่อยู่เหนือทุกสรรพวิชา จากคุณ : qazwsx - [ 28 ธ.ค. 48 23:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อิอิ...คุณช่างไฟมาตอบในกระทู้ของคุณ A4 แล้วไม่ทะเลาะกันแล้ว ...ดีครับ...ดีกันนะครับ จากคุณ : pui-007 - [ 29 ธ.ค. 48 07:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 วิทยาศาสตร์มันคืออะไรเหรอครับ? อธิบายหน่อยสิ "เพราะคำว่าวิทยาศาสตร์ ก็หมายยถึง วิชาที่ว่าด้วย เหตุ และ ผล" เข้าใจผิดแล้ว วิชาว่าด้วยเหตุและผลคือตรรกศาสตร์ครับ ซึ่งเป็น subset ของปรัชญาอีกทีนึง จากคุณ : RT - [ 30 ธ.ค. 48 22:55:41 A:202.5.85.169 X: TicketID:100823 ]