เกริ่นก่อน...เราเป็นพวกขี้แพ้อะ ใช้ครีมอะไรไม่ค่อยได้ สิวผดขึ้นหมด เจอควันรถทีก็สิวผด โบ๊ะหน้าทีก็สิวผด นอนดึกไปก็สิวผด ตั้งกระทู้ก็สิวผด....(ล้อเล่นนนน ^^" )
พอเป็นสิวที รอยแดงรอยดำตามมาเพียบบบ ไม่เคยเป็นแล้วไม่ทิ้งรอยเลย
ก็ลองผิดลองถูกมานานนมค่ะ ซึ่งจากผลการทดลองในห้องน้ำล่าสุด (บังเอิญที่บ้านไม่มีห้องlabหงะ :P )
เพิ่งมาค้นพบวิธี+ครีมป้องกันรอยดำ-แดง ที่แสนถูกกก และ เวิร์คคคคสุดๆ โดยไม่ต้องพึ่งครีมเยอะแยะให้หน้าแพ้เล่น
(เวิร์คกะอิชั้นคนเดียวป่าวไม่รู้นะ แหะๆ)
ลองมาดูกันค่ะ...(อันนี้ทำมื้อเย็นนะคะ)
1 ล้างหน้าล้างเครื่องสำอาง+กันแดดให้สะอาดตามวิธีปกติของคุณ
2 หลังจากหน้าสะอาดแล้ว ไม่ต้องเช็ดแห้ง หยด jojoba ยอดฮิตซัก2-3หยดลงมือ ถูกับฝ่ามือให้ทั่วแล้วแปะๆๆกับหน้าเบาๆให้ทั่ว
3 ล้างน้ำเปล่าให้ความมันส่วนเกินหลุดไป เช็ดหน้าให้แห้ง จะเหลือผิวที่ชุ่มชื้นพอดีๆไม่มันไม่แห้งเกิน
4 ทายาแก้สิวต่างๆตามขั้นตอนของคุณ (ของเราใช้ retin a ทาทั่วหน้า สลับวันเว้นวันกับ bha2% เจลจากร้านหมอ อ้อ ก่อนล้างหน้ามีทาBPทิ้งไว้ - ไม่ต้องใช้ตามนะคะ ใช้ผลิตภัณฑ์แก้สิวที่คุณเคยใช้แล้วเวิร์คดีกว่าค่ะ )
5 ในกรณีที่สิวแตกเป็นแผล(ไม่ว่าจะแตกเองหรือคุณไปบีบมัน) ให้ทายาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่คุณมีอยู่บริเวณแผลสิวสด (เช่น ยาฆ่าเชื้อที่หมอสิวให้มา, clinda m, หรือแม้แต่เบตาดีนก็สามารถ แต่อย่าใช้แอลกอฮอล์เด็ดขาด)
- ทิ้งไว้ซักครึ่งชม. ให้ยาสิวแห้งหมด แล้วใช้ "ครีมบัวบก" หรือ "เซนเทลล่าครีม" ขององค์การเภสัชโปะเข้าไปที่บริเวณแผล เพื่อให้แผลสมานไวและไม่เป็นแผลเป็นค่ะ
(มันค่อนข้างอุดตันค่ะ อย่าทาบริเวณที่เป็นสิวที่ยังไม่แห้งหรือเป็นเม็ดๆอยู่)
- พอครีมแห้ง มันจะเป็นเหมือนฟิล์มเหนียวๆบางๆสีเขียวขี้ม้าติดอยู่บนหน้าค่ะ อย่าไปแตะต้องมันเพราะมันจะหลุด
ให้เอาผงทานาคา ซัก1ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำนิดหน่อยให้ข้นๆ โปะพอกหนาๆเข้าไปบริเวณแผล เพื่อให้แผลแห้งไวขึ้นและลดการอักเสบบวมแดง แต่ต้องเลือกแหล่งซื้อดีๆนะ ไม่งั้นเจอทานาคาผสมสารอย่างอื่น หรือกรรมวิธีผลิตไม่สะอาด หน้าจะแหกเข้าไปใหญ่ค่ะ
( หรือผงสมุนไพรพอกหน้าอื่นก็ได้ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ และที่คุณเคยใช้แล้วไม่แพ้ ไม่แนะนำผงบัวบกบดค่ะ ลองแล้ว มันทำให้หน้าแห้งงงงมาากกก และรูขุมขนบานมากกกก แต่ถ้าเป็นผงสมุนไพรอื่นที่ผสมผงบัวบกบดก็โอค่ะ )
พอกไว้ค้างคืนเลยค่ะ แต่อย่าพอกไว้ทั่วหน้าค่ะ พอกเฉพาะบริเวณสิวที่เป็นแผลเท่านั้น เพราะมันเป็นผง จะอุดตันได้
หรือถ้ากลัวแพ้ ให้ใช้เจลว่านหางพอกแทนค่ะ ลดบวมแดงป้องกันการอักเสบได้เหมือนกัน แต่แผลมันจะแห้งช้ากว่าผงทานาคา
*อ้อ..สาเหตุที่เราต้องทา jojoba ก่อน เพราะผงพวกนี้มันจะทำให้หน้าแห้งไปค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นยิ่งกระตุ้นสิวผด ซึ่งคนอื่นอาจใช้ oil หรือ skin care อย่างอื่นเพิ่มความชุ่มชื้นแทน
แต่อย่างที่บอก...อิฉันมันขี้แพ้ ยิ่งช่วงเป็นสิวไม่กล้าใช้ครีมอะไรเลยค่ะ พอดีjojobaทาตรงๆแล้วเราไม่แพ้ เลยใช้jojoba
ใครใช้jojoba แล้วแพ้ให้หาskin careที่ให้ความชุ่มชื้นตัวอื่นที่คุณไม่แพ้แทนนะคะ *
6 ในกรณีที่แผลสิวแห้งแล้ว(แห้งจากการพอกทานาคานั่นแหละ แห้งไวมั่กๆ) แต่ยังไม่ตกสะเก็ด....
หลังจากขั้นตอนการทายาสิว(ข้อ4) รอให้ยาซึมหมด แล้วโบกครีมvit e ให้ผิวและบริเวณสะเก็ดยืดหยุ่นชุ่มชื้นเพื่อลดการเกิดหลุมสิวและผิวหยาบกร้าน
***เจอของดีราคาถูกอีกแล้วค่ะทั่นผู้ชม....MEDMAKER ครีมvit e ของไทย ขายตามแผนกยาโลตัส เค้าเขียนว่าเข้มข้น5.5% เทียบเท่าvit e 5,550 iu หลอดละ50บ.เองใช้ดีมั่กๆๆๆๆ ไม่ระคายหน้าแพ้ง่ายอย่างอิฉันเลย โบกใต้ตารอยเหี่ยวใต้้ตาหายไปได้ด้วยค่ะคุณ!! ปลื้มสุดๆ
(แต่ช่วงไหนไม่ทา+นอนดึก มันก็กลับมาเหมือนเดิม -"- )
- ต่อค่ะๆๆ...รอให้ vit e ซึมเข้าหน้าซัก15นาที...
ป้องกันการเกิดรอยดำแดงรอยหลุมโดยใช้ครีมบัวบกเจ้าเดิมค่ะ...โบกกต่อไปค่ะ โปะให้หนาๆทิ้งค้างคืนไว้เลย โปะมันทุกวันจนกว่าแผลมันจะตกสะเก็ดหลุดไปเองค่ะ
( ครีมบัวบกมันค่อนข้างทำให้ผิวแห้งค่ะ เป็นสาเหตุที่ต้องโบกครีมวิตอีก่อนลงบัวบก)
7. นอนมันทั้งอย่างงั้น ก่อนนอนสวดมนต์ขับไล่รอยดำ ตื่นมาล้างออกให้สะอาด ทาครีมกันแดด แต่งหน้าไปทำงาน
8. กลับถึงบ้าน...วนกลับมาข้อ1ใหม่
***จะบอกว่า...ครีมบัวบกนี่พระเอกงานนี้เรยค่ะ ปลื้มสุดๆๆ ได้ผลดีมั่กๆ หลอดละ85บ.เอง
(อันนี้เราซื้อจากร้านยาองค์การเภสัช แต่ถ้าตามร้านขายยาในห้างประมาณ100นึงอะค่ะ)
พอดีพฤหัสที่แล้วต้องโบกหน้าหนาไปงาน สิวผดเลยผุดไม่ยั้งเลย
พอดีนึกได้ว่าเคยอ่านเจอบทความวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดcentella ที่มีอยู่ในบัวบกช่วยสมานแผล,ป้องกันแผลเป็น กระตุ้นcollagen เลยซื้อมาลองดูค่ะ
(เพราะกะว่าถ้าทายาสิวตามปกติเหมือนอย่างเคยนี่...สิวหายแล้วรอยดำมาแน่ๆ)
ผลเหรอคะ??....
อิฉันก็ขยันโบกๆๆมันทุุกวันค่ะ โหคุณๆค๊ะ!!!..แผลสิวหายไวมากๆ จากวันที่สิวบุก ผ่านไปแค่5-6วัน วันนี้หน้าเกลี้ยงเหมือนเดิมแล้วอะ พอแผลตกสะเก็ดลอกออกนี่ไม่เหลือรอยดำรอยแดงไว้เลยค่ะ ผิวดีสีเสมอกันเหมือนบริเวณข้างๆเลย
แต่ก่อนเคยลองใช้ฮีรูดอยกับวิตามินอีโบกค่ะ(ต่างวาระกันค่ะ ป่าวเอามาผสมกันนะ แหะๆ ) ปรากฎว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ยังทิ้งรอยแดงรอยดำไว้จางๆ
แต่ครีมบัวบกนี่...ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย สีผิวปกติดีมากๆ
ปล.1 นี่เป็นการ"ป้องกััน" รอยดำแดงจากสิวนะคะ ไม่ได้เป็นการ"ลบ" รอยดำแดง
ถ้าหน้าคุณเป็นรอยดำแดงไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าครีมบัวบกสุดวิเศษกับครีมvit e แสนถูกนี่จะช่วยได้แค่ไหน แต่ลองดูก็ไม่เสียหายค่ะ
แล้วก้อไม่ได้ช่วยเรื่องป้องกัน หรือรักษาสิวนะคะ เป็นเพียงการรักษาแผลจากสิวเท่านั้น ถ้าใครทำตามแล้วสิวไม่หายหรือยิ่งเยอะขึ้นนี่ตัวใครตัวมันค่ะ แหะๆๆๆ
ปล.2 ปกติใช้skin care อื่นๆด้วยค่ะ แต่ด้วยความขี้แพ้ เราเลยงดก่อน งดทุกชนิดเลย โดยเฉพาะ vit c กับ toner เราเคยใช้ตอนเป็นสิวแล้วหน้ายิ่งระคายเคืองอะ แต่ถ้าใครใช้แล้วไม่ระคายเคืองก็จงใช้ต่อไปค่ะ
ปล.3 **ย้ำๆๆ** อย่าลืมทากันแดดดีๆด้วยค่ะ ไม่งั้นรอยดำก็จะเกิดเหมือนเดิม
ปล.4 ถ้าใครขี้เกียจวุ่นวายหลายขั้นตอน และไม่งกอย่างอิฉัน ซื้อครีม mederma โลดค่ะ แหะๆ ไม่เคยลองหรอกนะ แต่เท่าที่อ่านกระทู้เก่าๆมาหลายๆท่านใช้โบกแผลสิวก็ได้ผลไม่ทิ้งรอยไว้เหมือนกันค่ะ
(อยากให้ท่านที่เคยใช้ mederma ลองใช้ครีมบัวบกดูค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าของไทยเราพอจะสู้ได้ป่าว...แบบว่า งกค่ะ ไม่ยอมลองเองหรอก มันแพงงง555 )
ปล.5 เกร็ดเล็กๆน้อยๆค่ะ...
ที่บอกว่า สารสกัดcentella asiatica ที่อยู่ในบัวบก ช่วยสมานแผล,ป้องกันแผลเป็น, กระตุ้นcollagen
ก่อนหน้านั้น เคยลองผงบัวบกบดแห้ง เอามาพอกหน้า คิดว่าจะได้ผลเหมือนกัน
แต่ปรากฎว่าไม่เลยซักนิดค่ะ ยิ่งทำให้หน้าแห้งและรูขุมขนบานอีกต่างหาก - -'
พอมาหาข้อมูลดูปรากฎว่า สารสกัดนี้มันละลายในพวกpropylene glycol, ethanolอะ ดังนั้น การนำผงบัวบกบดมาผสมน้ำ แล้วพอกหน้า เจ้าสารcentella asiatica มันก็จะไม่สามารถละลายออกมาจากผงบัวบดเพื่อซึมเข้าผิวได้อะค่ะ(ตามความเข้าใจส่วนตัวนะ)
ปล.6 ที่เขียนมาทั้งหมด เป็นประสบการณ์ที่ลองมาแล้วด้วยตัวเองทั้งนั้น ไม่มีตรงไหนที่แค่ไปอ่านเจอแล้วเอามาแนะนำว่าช่วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้ โดยที่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆกับตัวเอง(ยกเว้นเรื่องmederma ที่ได้เขียนบอกไว้แล้ว)
แต่ก็อาจดีกับหน้าเราคนเดียวก็ได้ ใครทำตามแล้วไม่ได้ผลก็...ตัวใครตัวมัน..อีกแล้วค่ะทั่น555
ปล.7 จบแว้วว ขอบคุณที่อ่านค่ะ ไม่เคยเขียนยาวอย่างงี้มาก่อนเรย ปกติชอบอ่านอย่างเดียว ได้ประโยชน์จากห้องนี้เยอะมั่กๆ พอตัวเองเจอของดีสุดปลื้มมั่งมันเรยคันปากหงะ แหะๆ ^^"
ที่สำคัญ เป็นผลงานวิจัยของคนไทย ใช้ดีก็อยากสนับสนุนค่ะ :)
จากคุณ :
@^^@
- [
14 มิ.ย. 50 02:38:14
A:125.24.6.64 X:
]