ความคิดเห็นที่ 1 1. คนที่ไม่เคยแต่งหน้าเลย และไม่รู้ว่าสภาพผิวตัวเองเป็นยังไง เริ่มที่นี่ ผิวแบ่งได้หลักๆเป็น 4 ประเภทค่ะ วิธีตรวจสอบที่ง่ายที่สุดว่าผิวตัวเองเป็นแบบไหน คือการล้างหน้าให้สะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ แล้วทิ้งไว้ซัก 4-5 ชั่วโมง โดยไม่ทาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใดๆ แล้วลองส่องกระจกชนิดขยาย (หรือกระจกธรรมดาก็ได้แต่ต้องส่องดูใกล้ๆหน่อย) ในที่สว่าง แล้วลองดูสภาพผิวตัวเองดู ถ้าคุณมีผิวแห้ง – ผิวหนังจะลอกเป็นขุยๆ ไม่เห็นรูขุมขน ถ้าคุณมีผิวธรรมดา – ผิวจะมีความชุ่มชื้น นุ่มนวล ไม่มัน มองเห็นรูขุมขนบ้างแต่ไม่ใหญ่มาก ถ้าคุณมีผิวมัน - รูขุมขนจะกว้างอย่างเห็นได้ชัด พบความมันเคลือบบริเวณผิวหนังหรืออุดตามรูขุมขน มีสิวอุดตัน และสุดท้าย ถ้ามีผิวผสม – บริเวณแก้มจะแห้งๆหรือเป็นแบบธรรมดา ส่วนบริเวณหน้าผาก จมูก ลงมาถึงคาง หรือที่เรียกกันว่า T-Zone จะพบรูขุมขนกว้างและปรากฏความมัน และมักจะมีสิวขึ้นในบริเวณนี้ค่ะ แก้เว้นวรรคค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 50 23:51:12 จากคุณ : onceupon - [ 27 ก.ย. 50 23:49:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปาดดดด มารอฟังค่า....อิอิ จากคุณ : --keeaon-- - [ 27 ก.ย. 50 23:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 2. การทำความสะอาดผิวหน้า ก่อนจะเริ่มบำรุงผิวและแต่งหน้า เราก็ต้องทำความสะอาดผิวหน้ากันก่อน วัตถุประสงค์การทำความสะอาดผิวหลักๆ คือการกำจัดขี้ไคล เหงื่อ ฝุ่น เครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกต่างๆที่ใช้ตกแต่งผิว ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว จึงควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการทำความสะอาด ว่าเราต้องการกำจัดสิ่งใดออกจากผิวนะคะ การทำความสะอาดผิว มีทั้งหมด 4 วิธีได้แก่ 2.1 การทำความสะอาดด้วยน้ำ 2.2 การทำความสะอาดด้วยน้ำมัน 2.3 การทำความสะอาดด้วยของแข็งซึ่งดูดซับสิ่งสกปรก 2.4 การทำความสะอาดด้วยการขัดถูหรือลอกหลุดของหนังกำพร้า ซึ่งวิธีที่ 4 นี้ เราเรียกอีกอย่างว่าการทำ baby face ค่ะ เวลาจะทำต้องอยู่ในความดูแลของหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จึงขอไม่กล่าวรายละเอียดในนี้นะคะ 2.1 การทำความสะอาดด้วยน้ำ Cleansing with water ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อาศัยหลักการนี้ เราจะเรียกว่า water-based skin cleansers ซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก แต่น้ำก็มีข้อจำกัดในการทำความสะอาด คือไม่สามารถชะล้างสิ่งสกปรกที่เป็นน้ำมันหรือฝุ่นที่ติดอยู่ในรูขุมขนหรือร่องผิวหนังได้ ดังนั้นการทำความสะอาดด้วยน้ำอาจต้องใช้เวลานานหรืออาจต้องมีการขัดถูร่วมด้วย ปัจจุบันผู้ผลิตจึงมักมีการเติมสารต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดของน้ำ เช่น แอลกอฮอล์ ซึ่งช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เปียกผิวหนังดีขึ้น ให้ความรู้สึกสดชื่น และมีอำนาจละลายไขมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (แต่แอลกอฮอล์จะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งนะคะ) และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งสารลดแรงตึงผิวที่นิยมใช้ที่สุดก็คือ สบู่ ค่ะ ซึ่งสบู่จะมีอำนาจในการทำความสะอาดสูงมาก และปลอดภัยกว่าสารลดแรงตึงผิวชนิดอื่น แต่มีผลเสียคือทำให้ไขผิวหนังถูกขจัดมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับผิวแห้งอีกเช่นกัน 2.2 การทำความสะอาดด้วยน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้หลักการทำความสะอาดด้วยน้ำมัน เราเรียกว่า Oil-based skin cleansers ซึ่งมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลักๆค่ะ ข้อดีของการใช้คือ - ทำให้มีประสิทธิในการขจัดสิ่งสกปรกทั้งที่ละลายและไม่ละลายน้ำมันได้ดีกว่าน้ำ - ทำให้ผิวไม่เปราะ หรือแห้งแตก - ป้องกันผิวจากการสูญเสียน้ำ - ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าเมื่อใช้ร่วมกับน้ำ ส่วนข้อเสียของผลิตภัณฑ์นี้คือ หลังใช้จะมีน้ำมันตกค้างบนผิวสูง จึงอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะค่ะ tips: เวลาล้างเครื่องสำอาง จี๊ปก็จะใช้ cleansing oil นวดก่อน 1 ที ให้เครื่องสำอางหลุด จากนั้นจึงใช้โฟมล้างหน้าแรงๆหรือสบู่ก้อนมาดามเฮงล้างตามอีกที ก็จะได้หน้าที่สะอาดแต่ไม่แห้งจนเกินไปค่ะ ผลิตภัณฑ์ในหมวดนี้แบ่งออกได้เป็นสองกลุ่ม ดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดน้ำมันที่ปราศจากน้ำ ซึ่งจะประกอบด้วยน้ำมันต่างๆ ซึ่งบางทีอาจเหนอะหนะและล้างหน้าได้ยาก จึงมีการผสมสารลดแรงตึงผิว เพื่อให้ละลายน้ำได้ง่ายขึ้น 2.ครีมล้าง หรือโลชันล้าง เป็นแบบอิมัลชันที่มีหลายชนิด ตั้งแต่แบบน้ำกระจายในน้ำมัน, อิมัลชันชนิดมัลติเพิล (โคลด์ครีม), อิมัลชันชนิดน้ำมันกระจายในน้ำ เป็นต้น 2.3 การทำความสะอาดโดยใช้ของแข็งดูดซับสิ่งสกปรก การทำความสะอาดด้วยวิธีนี้ เป็นการทำความสะอาดโดยทำให้สิ่งสกปรกถูกดูดซับบนพื้นผิวของแข็งที่เป็นผงละเอียดมาก เช่นผงอัลมอนด์ ผงพีช และเปลือกแอพริคอท ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ผิวแพ้สบู่ค่ะ *** สรุปง่ายๆ ผิวมัน – สบู่อ่อน หรือผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารลดแรงตึงผิวชนิดต่างๆผสมกัน แต่มีน้ำมันน้อยหรือไม่มีน้ำมัน ผิวแห้ง – ครีมล้างชนิดน้ำกระจายในน้ำมันหรือโคลด์ครีม ไม่ควรใช้สบู่ ผิวปกติ – สบู่อ่อนหรือครีมล้าง ผิวผสม – ครีมล้างชนิดน้ำมันกระจายในน้ำหรือ wash off ในส่วนผิวแห้ง และสบู่อ่อนในส่วนผิวมัน (ลำบากหน่อยเน้อ) *** จากคุณ : onceupon - [ 27 ก.ย. 50 23:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณค่ะคุณ --keeaon--  อาจจะยาวหน่อยนะคะ สู้ๆนะ จากคุณ : onceupon - [ 27 ก.ย. 50 23:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 3. เครื่องสำอางเพื่อทำความสะอาด จากที่พูดมาเมื่อกี้ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็ลองดูนะคะว่าอยากทำความสะอาดด้วยอะไร และเครื่องสำอางเพื่อทำความสะอาดชนิดไหนเหมาะกับสภาพผิวของเราบ้าง 3.1 สบู่  เครื่องสำอางที่ทุกคนรู้จักกันดี แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆได้ดังนี้ค่ะ 3.1.1 สบู่แข็ง มีส่วนประกอบของด่างกับไขมันจากพืช มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง หากมีด่างมากจะทำให้ระคายเคืองต่อผิวได้ ถ้าด่างเป็นโซเดียมจะมีความเป็นด่างสูงกว่าโพแทสเซียม ยกตัวอย่างเช่น สบู่สมุนไพร มาดามเฮง จะอยู่ในกลุ่มนี้ 3.1.2 สบู่ฝรั่งเศส ใช้ด่างอ่อนและเจือจาง เช่นแอมโนเนียหรือเอมีน กับไขมันจากพืช สบู่จะมีเนื้อละเอียดและราคาแพง เช่น สบู่ Yardley   3.1.3 สบู่ไขมัน มีการเติมสารทำให้ผิวนุ่ม (Emollient) เช่น น้ำมันบางชนิด ป้องการการสูญเสียความชื้น เหมาะกับคนผิวแห้ง สบู่ DHC เข้าข่ายหรือเปล่าไม่แน่ใจ 3.1.4 สบู่โปร่งแสง เป็นสบู่ก้อนใส มีส่วนผสมเป็นกลีเซอรีน และไขมันจากพืช ไม่มีความเป็นด่าง การละลายดี เนื้อสบู่ยุ่ยง่าย เช่นสบู่พอนส์ ที่เป็นก้อนใสๆน่ะค่ะ 3.2 สบู่เหลว  เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้สบู่ก้อน หรือมีผิวแห้ง เพราะสบู่เหลวมักมีส่วนผสมเป็นสารชะล้างที่ไม่ระคายเคืองผิว ไม่มีความเป็นด่าง จึงไม่ทำลายผิวค่ะ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ก็เช่น Neutrogena deep clean liquid soap 3.3 โฟมล้างหน้า มักมีส่วนผสมของสารชะล้างประมาณสูงกว่าในสบู่เหลว และผสมสารทำให้ผิวอ่อนนุ่ม มีขายทั่วไปหลายยี่ห้อมากๆ ตั้งแต่ ลา แพรี ไปจนถึง บิโอเร 3.4 ครีมและโลชั่นล้างหน้า ซึ่งจะทำความสะอาดผิวหน้าได้ดีกว่าสบู่ มีส่วนผสมเป็นน้ำมันและน้ำซึ่งช่วยชะล้างทั้งสิ่งสกปรกที่ละลายในน้ำมันและละลายในน้ำได้ค่ะ วิธีใช้คือการทาให้ทั่วใบหน้า นวดเบาๆ สิ่งสกปรกต่างๆจะติดไปในเนื้อครีม เช็ดด้วยกระดาษหรือสำลีก่อนถ้าเป็นแบบมีน้ำมันมาก จากนั้นจึงล้างด้วยน้ำ ถ้ายังรู้สึกไม่สะอาดก็ใช้โฟมล้างหน้าทั่วไปล้างตามอีกที 3.5 โทนเนอร์ อาจมีลักษณะเป็นน้ำใส แต่งสีและกลิ่น โดยมากมีแอลกอฮอล์เจือจางผสม 20-40% ซึ่งจะช่วยขจัดไขมันส่วนเกินที่ล้างออกไม่หมด การระเหยของแอลกอฮอล์จะช่วยให้รู้สึกเย็นสบาย นอกจากนี้ส่วนผสมของสารฝาดสมาน (astringent) จะช่วยกระชับผิวด้วยค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อนะ  มันต้องเป็นไปตามขั้นตอน ^^ ทำความสะอาดเสร็จ ก็มาบำรุงผิวกันเลย แก้ไขเอารูปออกง่ะ - - ใส่ผิด แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 50 23:58:45 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 50 23:58:20 จากคุณ : onceupon - [ 27 ก.ย. 50 23:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 4. การบำรุงผิว นอกจากการทีความสะอาดแล้ว การบำรุงผิวก็เป็นสิ่งสำคัญนะคะ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ ผิวก็ต้องการการบำรุงตลอด ไม่ใช่ว่า แหม ชั้นเพิ่ง 20 เอง ยังเอ๊าะๆอยู่ ไม่ต้องบำรุงหรอก คิดแบบนี้จะเป็นการทำร้ายผิวเปล่าๆนะ เพราะผิวต้องปกป้องเราจากอันตรายมากมายในแต่ละวัน ตั้งแต่แสงแดด ฝุ่นละออง ควันพิษ  ยังไงกันไว้ก็ดีกว่าแก้ค่ะ ส่วนจะบำรุงแบบไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และกำลังทรัพย์ของแต่ละคนด้วย ถ้าหน้ายังไม่มีริ้วรอยหรือเหี่ยวแห้ง ก็ไม่จำเป็นจะต้องหาครีมราคาเป็นหมื่นๆมาใช้ลดริ้วรอยหรอกนะ แค่บำรุงให้ชุ่มชื้นก็เป็นการป้องกันแล้วค่ะ การบำรุงผิว มีจดมุ่งหมายเพื่อทำให้ผิวมีสภาพดูดี ไม่แห้งกร้าน ปกป้องความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ และทดแทนไขมันให้แก่ผิว โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบำรุงผิว มักจะประกอบด้วยสารต่างๆ ที่ทำให้ผิวหนังชั้นกำพร้าสามารถอุ้มน้ำได้มากขึ้น เช่น - สารที่ทำให้เกิดฟิล์มมันคลุมผิวหนัง เพื่อลดการสูญเสียน้ำจากผิว เช่น ขี้ผึ้ง ไขมัน และน้ำมันต่างๆ - สาร Humectants เป็นสารที่ช่วยดึงน้ำในบรรยากาศหรือน้ำในผิวหนังชั้นลึกๆมาทำให้ผิวหนังมีการอุ้มน้ำมากขึ้น แต่ถ้าอากาศแห้งสารเหล่านี้จะทำให้ผิวสูญเสียน้ำ ดังนั้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดีควรประกอบด้วยสารทั้งสองชนิด (ขี้ผึ้ง ไขมัน น้ำมัน และ Humectants) - สารเมทริกซ์ที่ชอบน้ำ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก จะทำให้เกิดแผ่นฟิล์มที่ชอบน้ำคลุมผิวเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำ จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและชนิดของผิว ผิวแห้ง – ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยน้ำมันหรือลาโนลินในปริมาณมาก เพื่อลดการสูญเสียน้ำจากผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ผิวมัน – ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันหรือมีน้ำมันปริมาณต่ำ และอนุพันธ์ซิลิโคน โดยอาจผสมสารดูดซับน้ำมันเช่นแป้งฝุ่น หรือดินขาว เพื่อช่วยให้หน้าไม่มันเกินไป ส่วนผิวปรกติหรือผิวผสม – ลองผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมันหรือลาโนลินในปริมาณต่ำ จะทำให้ใบหน้าไม่แห้งและไม่มันจนเกินไปค่ะ สำหรับผู้มีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ชนิดแพ้น้อย (hypoallergenic) และทุกคนควรมีการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดร่วมด้วย ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไปค่ะ เคล็ด(ไม่)ลับ ในการถนอมผิว การถนอมผิวที่ดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงการรบกวนผิว ได้แก่ 1. การรบกวนจากแรงกระทำต่างๆ เช่น การถูนวด การเสียดสี การขัด การแกะหรือบีบ อาจทำให้ผิวกร้านดำ ด่อมเหงื่อและต่อมไขมันขยายตัวหนาขึ้น 2. การรบกวนจากสารเคมี เช่นการใช้สบู่ล้างหน้าที่เป็นด่างมาก หรือการใช้เครื่องสำอางมากเกินไป จะทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วร้อยได้ง่าย 3. การรบกวนจากรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการทำลายโปรตีน ไฟเบอร์ต่างๆในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวกร้านดำ แก่ก่อนวัย และอาจเป็นมะเร็งในผิวหนังได้ อันตรายสุดๆเลย จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 5. ครีมกันแดด กันดำ กันเหี่ยว เห็นมีหลายคนเหมือนกันที่มาถาม ถึงค่า SPF ครีมกันแดด สารต่างๆที่กันแดดได้มีอะไรบ้าง งั้นก่อนอื่นเรามาดูกันดีกว่า ว่าแดดทำอันตรายอะไรกับเราได้บ้าง ดวงอาทิตย์เปล่งรังสีออกมาในขนาดความยาวคลื่นต่างๆกัน โดยรังสีอันตรายที่สุดที่ผ่านชั้นโอโซนลงมายังผิวโลกได้คือรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสี UV ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สัมผัสก็ไม่รู้สึก (เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่า ถ้าอากาศไม่ร้อนเราจะไม่ได้รับอันตรายจากรังสี UV) เมื่อผิวหนังสัมผัสถูกรังสีอัลตราไวโอเลต จะก่อให้เกิดอันตรายทั้งระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นที่เกิดขึ้นทันทีก็เช่น ผิวหนังมีสีเข้มขึ้น ผิวไหม้ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ถูกแสงและความเข้มของรังสี ในขณะเดียวกันร่างกายจะมีการสะสมอันตรายไปเรื่อยๆ กว่าอาการจะปรากฏก็แก้ไขไม่ได้ เช่น ผิวด่างดำ ฝ้า ผิวหยาบกร้าน เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย และมะเร็งผิวหนัง ซึ่งอาการเหล่านี้กว่าจะเกิดต้องอาศัยการสะสมเป็นช่วงเวลาหลายสิบปี และเมื่อเกิดขึ้นแล้วเราก็ตามหาสาเหตุไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ถ้าอยากทราบสภาพผิวที่แท้จริงที่แก่ตามวัย ลองดูบริเวณท้องแขนหรือเนินอก ซึ่งไม่ได้รับอันตรายจากแสงแดดดูค่ะ จะเห็นได้ว่าผิวจะขาว เนียน ละเอียด เป็นคนละสีกับหลังแขนเลยทีเดียว นอกจากนี้ผิวบริเวณหลังแขนยังหยาบกร้านและเหี่ยวย่นมากกว่าอีกด้วย เห็นหรือยังคะว่าแสงแดดสามารถทำร้ายเราได้มากแค่ไหน (ส่วนของจี๊ปแทบเป็นคนละสีเลยค่ะ เสียดายจริงๆที่เมื่อก่อนไม่รู้จักดูแลตัวเอง ซ้อมกีฬากลางแจ้งโดยไม่ทาครีมกันแดดมาตลอด ตอนนี้อยากจะร้องไห้น่าดู T^T) รังสีอัลตราไวโอเลตที่สามารถก่ออันตรายให้เราแบ่งออกเป็น 3 ชนิด 5.1 UV-C รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีพลังงานสูงสุด ความยาวคลื่น 200-290 นาโนเมตร มีอำนาจทะลุทะลวงและทำลายเนื้อเยื่อ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะรังสีนี้ไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศโอโซนลงมาได้ค่ะ (แต่ถ้าอนาคตมนุษย์เราไม่ช่วยกันดูแล รักษาสภาพแวดล้อม โลกร้อนขึ้น ชั้นโอโซนบางลง รังสี UV-C อาจส่องมาถึงพื้นโลก ถึงตอนนั้นเราอาจจะต้องใส่ชุดแบบพวกนักบินอวกาศเดินไปมาก็ได้ น่ากลัวนะ) 5.2 UV-B ความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร ทำให้ผิวไหม้ และเป็นสาเหตุสำคัญที่จะก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง รังสีนี้จะแรงมากที่สุดในช่วงเที่ยง แต่ถูกกางกั้นด้วยกระจกและเสื้อผ้าค่ะ 5.3 UV-A ความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร ไม่ทำให้ผิวไหม้ แต่เปลี่ยนผิวเป็นสีเข้มขึ้นเพราะไปกระตุ้นการสร้างเมลานิน อันตรายจากรังสียูวีเอจะเกิดการสะสมเป็นระยะเวลานานบนผิวหนัง ทำให้ผิวดำคล้ำ และยังซึมลึกเข้าสู่ชั้นหนังแท้ประมาณ 20-30% ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ กดระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการเสื่อมคลายของคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหนังเสียความเต่งตึง ผิวแก่ก่อนวัย หยาบกร้าน ที่สำคัญคือ รังสีนี้สามารถผ่านกระจกหน้าต่างได้มาก และมีความเข้มคงที่ตลอดวัน เสื้อผ้าตามปรกติที่เราใส่อยู่แล้วนั้นเทียบเท่ากับการทาผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF 5 – 10 ค่ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับชนิดและความหนาแน่นของเส้นใยด้วย ค่า SPF ย่อมากจาก Sun Protection Factor คือ “ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี ว่านานเท่าใด ผิวจึงจะปรากฏอาการแดง เมื่อทาผลิตภัณฑ์เปรียบเทียบกับการไม่ทาผลิตภัณฑ์” เช่น หากไม่ทาครีมแล้วไปยืนกลางแดดนาน 25 นาที ผิวจึงแดง แต่เมื่อทาครีมแล้วไปยืนกลางแดดนาน 360 นาที ผิวจึงแดง ค่า SPF ของครีมนี้ก็คือ 360/25 = 15 คือเมื่อทาครีมแล้ว ผิวจะทนแสงนานขึ้น 15 เท่า (ไม่ใช่มากขึ้น 15 เท่า อย่างที่เราเข้าใจกันนะคะ) ในประเทศสหรัฐอเมริกา เค้าอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์กันแดดระบุค่า SPF ได้สูงสุดแค่ 30 เท่านั้นเอง โดยให้เหตุผลว่าการกำหนดค่า SPF สูงเกินไปนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อันใดแล้วยังเป็นการหลอกผู้บริโภคอีกด้วย จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากในตารางจะพบว่า ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟสูงขึ้น 2 เท่า เช่นจาก 15 เป็น 30 นั้น ไม่ได้ช่วยให้ดูดซับรังสีดีขึ้นเท่าตัวเลยค่ะ สังเกตได้ว่าค่าเอสพีเอฟ 15 สามารถดูดซึมรังสีได้ถึง 93.3% ขณะที่ค่าเอสพีเอฟ 30 สามารถดูดกลืนรังสีได้ 97.6 (เอสพีเอฟ50 – 98% ต่างกันนิดเดียวเอง) ค่า SPF ที่เพิ่มขึ้นทำให้ประสิทธิภาพการดูดกลืนรังสีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่กางกันอันตรายจากรังสียูวีได้ 100% ดังนั้นจี๊ปคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมากๆ เพื่อให้ได้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ หรอกค่ะ เพียงแค่ดูความจำเป็นของเรา เช่นถ้าเราต้องอยู่กลางแดด 6 ชั่วโมงต่อวัน ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ก็เพียงพอ เพราะยังไงก็ต้องทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมงอยู่แล้ว หรือถ้าต้องอยู่กลางแจ้งแล้วกลัวดำจริงๆ ก็เลือกแบบ SPF 30 ก็ได้ค่ะ จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:02:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สารสำคัญในผลิตภัณฑ์กันแดด แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. สารเคมีกันแดด ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะทำงานโดยไปรวมกับชั้นขี้ไคลของผิวหนังทำให้เกิดฟิล์มบางๆ ปกคลุมผิวหนังไว้และดูดกลืนรังสียูวีก่อนถึงผิวหนัง สารบางตัวเมื่อถูกรังสีแล้วจะสลายตัวและทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดลดลง ดังนั้นจึงต้องทาครีมซ้ำระหว่างวันค่ะ สารที่นิยมใช้เป็นสารกันแดด ลองสังเกตข้างขวดดูนะคะ ป้องกัน ยูวีบี - PABA หรือ Para Aminobensoic Acid  (สารในกลุ่มนี้มักลงท้ายด้วยคำว่า Aminobensoic Acid หรือ aminobenzoate) - กลุ่มที่ลงท้ายด้วย Salicylates เช่น Octyl salicylate - กลุ่มที่ลงท้ายด้วย Cinnamates เช่น Octyl methoxycinnamate ป้องกัน ยูวีเอ - สารกลุ่มเบนโซฟิโนน (Benzophenones) ข้างขวดมักลงท้ายด้วยคำว่า benzone เช่น Avobenzone 2. สารกันแดดทางกายภาพ ที่นิยมโฆษณาว่าเป็น physical sunscreen จริงๆมันก็คือสารเคมีเหมือนกันนั่นแหละค่ะ โดยจะทำงานโดยสะท้อนรังสียูวีเกือบทั้งหมดออกไป (ดังนั้นมันจึงกันได้ทั้งรังสียูวีเอ และยูวีบี ไม่งงนะคะ) สารในกลุ่มนี้ประกอบด้วย Zinc Oxide, Titanium dioxide และ Magnesium oxide ข้างขวดแป้งพอนส์หรือนาทรีฟก็จะมีเขียนไว้ แต่ด้วยสารกันแดดทางกายภาพจำนวนน้อยนิดที่เค้าผสมมาจี๊ปคิดว่ามันก็กันไม่หมดนะคะ ต้องใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาเราเลือกซื้อครีมกันแดด ก็ควรจะดูที่มีส่วนผสมทั้งสามชนิด จะได้กันรังสีทั้งเอและบีได้ครบถ้วนยังไงล่ะคะ ส่วนค่า PA++ ที่เห็นด้านหน้ากล่องนั้น ต้องสังเกตที่จำนวน ** หรือเครื่องหมาย ++ ด้านหลังค่ะ เป็นตัวแสดงอัตราส่วนการป้องกันรังสี UVA/UVB หากยิ่งดาวมากก็ยิ่งดี แต่ 2 ดาวก็ถือว่าดีในระดับที่เพียงพอกับความต้องการของเราแล้วค่ะ ใครมีลูกก็รีบให้ลูกใช้ครีมกันแดดตั้งแต่วันนี้นะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของรังสีที่เป็นอันตรายในอนาคต ผลิตภัณฑ์กันแดด มีหลายรูปแบบ ก็ลองเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการนะคะ - แบบน้ำมัน เป็นของเหลว ทาง่ายและทาได้ในขอบเขตกว้าง มีข้อเสียคือเหนอะหนะและเปื้อนเสื้อผ้า - แบบโลชั่น มีลักษณะเป็นของเหลวขุ่น ประกอบด้วยน้ำและน้ำมัน ทาง่าย เหมาะสำหรับใช้ทาในบริเวณกว้าง ไม่เหนอะหนะ ขณะที่ทาส่วนที่เป็นน้ำจะระเหยทำให้เกิดฟิล์มบางๆคลุมผิว - แบบครีม พกพาสะดวก ใช้งานง่ายโดยเฉพาะการทาบริเวณใบหน้า เพราะสามารถกำหนดขอบเขตการทาได้ดี มีความเข้มข้นกว่าแบบโลชั่น - แบบเจล พบได้ไม่บ่อยนักและมักมีค่าเอสพีเอฟต่ำ - แบบแท่งแข็ง ติดทนทาน เหมาะกับสารกันแดดแบบกายภาพค่ะ - แบบแอโรซอลหรือสเปรย์ ใช้งานง่ายแต่การกำหนดขอบเขตยาก ต้องระวังไม่ให้เข้าตา อีกทั้งยังราคาแพงแบบไม่มีเหตุผลด้วย -*- ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ต่างๆก็พยายามผสมสารกันแดดร่วมกับเครื่องสำอางอื่นๆเช่น ลิปสติก ครีมรองพื้น แป้งฝุ่น แต่อย่างไรก็ปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 6. เครื่องสำอาง ถึงเวลาแต่งหน้าเสียที!!! ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึง basic ของการแต่งหน้าค่ะ ใครโปรแล้วจะผ่านไปเลยก็ได้นะคะ เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับผู้หญิงมาตั้งแต่โบราณทั้งในประเทศฝั่งตะวันตกและตะวันออก มีประโยชน์เพื่อทำให้ผู้ใช้มีบุคลิกภาพที่ดีและเสริมสร้างความมั่นใจ แล้วก็ทำให้ผู้หญิงเราสวยขึ้นได้จริงๆเน้อ หลักการของการแต่งหน้าง่ายๆเลยก็คือ “เน้นจุดเด่น ปกปิดจุดด้อย” ข้อมูลจากตรงนี้ สรุปมาจากบล็อกของพี่จ้อย แล้วก็ผสมรวมๆกับหนังสือของจี๊ป ขอขอบคุณพี่จ้อยมากๆเลยค่ะ เขียนไว้ละเอียดมากๆเลย ลองดูตามลิงค์นี้เลยค่ะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nuchhut&group=1 เครื่องสำอางที่ใช้ในการแต่งหน้าก็มีหลายชนิด แล้วก็มีคุณสมบัติต่างๆกัน เราจะมาสรุปขั้นตอนง่ายๆในการแต่งหน้ากันก่อน 1. ทำความสะอาดหน้า 2. บำรุงผิวหน้า 3. ครีมกันแดด 4. เมคอัพเบส 5. คอนซีลเลอร์ 6. รองพื้น 7. แป้งฝุ่น 8. คิ้ว 9. เปลือกตา 10. ขนตา 11. แก้ม 12 ปาก ในเบื้องต้น ได้กล่าวถึงการทำความสะอาด บำรุง แล้วก็ครีมกันแดดเรียบร้อยแล้ว จะขอเริ่มการแต่งหน้าเลยนะคะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 00:07:21 จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 7. เมคอัพเบส  เพื่อความผ่องเด้ง Make up base เป็นเครื่องสำอางประเภทเม็ดสี เพื่อใช้ทากับหน้า ลำคอและชนิดพิเศษสำหรับทาตัว มีลักษณะที่เป็นเนื้อครีมมีทั้งเข้มข้นและบางเบา มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยในการปรับสีผิว ช่วยให้ใบหน้ากระจ่างเด้ง เพราะคุณสมบัติของเม็ดสีในเบสมันกระจายและสะท้อนแสงต่างกัน วัตถุประสงค์หลักของการใช้เบส คือ เพื่อปรับสีผิวให้กระจ่างสดใส และสีเสมอกัน เป็นการเตรียมผิวก่อนการเมคอัพลำดับต่อไป นอกจากนี้ยังช่วยให้เครื่องสำอางติดทนมากขึ้นอีกด้วยนะคะ เบสแต่ละสีมีคุณสมบัติอย่างไร มารู้จักเบสแต่ละสีกันคะ ว่ามีคุณสมบัติกันยังไง จะได้เลือกถูกคะ สีขาวนวล ทำให้หน้าผ่อง ดึงหน้าให้โดดเด่น สร้างความเปล่งปลั่ง และเสมือนเหมือนเป็นการไฮไลท์อย่างหนึ่ง มีทั้งแบบสะท้อนแสงและกระจายแสง สีขาว ทำให้หน้าสว่าง สดใส ลดความหมองคล้ำ เหมาะกับคนผิวขาว สีเขียว ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรอยแดงจากเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า รอยจ้ำแดง หรือรอยแดงจากสิว สีชมพู ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอของส่วนที่หมองคล้ำบนใบหน้า ช่วยทำให้หน้าดูสว่างขึ้น เหมาะกับสาวผิวขาว ถึงผิวสองสี สีม่วง ช่วยเพิ่มความสว่าง และทำให้ที่หน้าขาวลดความกระด้างลง หากใช้ใต้ตาช่วยลดความคล้ำที่ตาได้ด้วย สีเหลือง ปรับให้กลืนกับสีผิวดูไม่กระโดดอันเนื่องจากสภาพหน้าไม่เป็นธรรมชาติ สีส้ม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหมองคล้ำ ทำให้สีผิวดูมีน้ำมีนวล ออกให้แลดูเป็นโทนร้อนธรรมชาติ การทาเบส 1. แต้มเบสลงบนใบหน้า 5 จุด แต้มทีละจุดก็ได้คะ เพราะเดี๋ยวนี้คุณสมบัติของเบสถูกพัฒนา บางรุ่นแห้งใช้แห้งไว เอาใจไม่ถูกเลย จะใช้นิ้วมือ ฟองน้ำหรือแปรงเกลี่ยก็ได้คะ 2. เริ่มเกลี่ยเบสที่บริเวณข้างแก้ม โดยเกลี่ยในทิศทาง ลงมาที่ลำคอ 3. หลังจากนั้นให้เกลี่ยจากกึ่งกลางของหน้าผาก ออกไปทางด้านข้าง 4. หลังจากนั้นให้ลงบริเวณปลายคาง, จมูก และเปลือกตา ต้องระวังบริเวณปีกจมูกหรือปลายตาเพราะเรามักจะละเลยเนื่องจากเป็นบริเวณที่เล็ก 5. สำหรับเบสที่ผสมซิลิโคนที่ช่วยเรื่องกลบหลุม ช่วยถมหลุมให้เต็มทำให้หน้าเรียบเนียนขึ้น จะใช้นิ้วทาเป็นส่วนใหญ่ ทาด้วยวิธีแปะๆๆเอาคะไม่ทาแบบปาดๆนะคะ เพราะถ้าทาแบบปาดๆมันจะเป็นขี้ไคลคะ รู้ไว้ใช่ว่ากับเมคอัพเบส 1. โดยชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่า base ดังนั้นจึงเป็นเมคอัพตัวแรกที่ลงหน้าก่อนเมคอัพตัวไหนๆ 2. เบสเขียวช่วยลดรอยแดงของสิวให้ลดลงได้ 3. เบสม่วงทาที่เปลือกตาเพียงเล็กน้อยก่อนทาคอนซีลเลอร์ ช่วยคนที่ตาเป้นแพนด้าได้มากเลย 4. สำหรับสาวๆที่ชอบให้หน้าขาวๆเด้งกว่าสีผิวจริง ต้องทำใจว่าเราอาจดูสวยอย่างที่เราชอบก็จริง แต่เวลาถ่ายรูปเลนส์ของกล้องถ่ายรูปมันจะไม่เห็นอย่างที่เราคิดว่าเป็น ก็ต้องทำใจ ว่าถ้าถ่ายรูปใช้โหมดออโตแบบเปิดแฟลชแล้วหน้าจะลอย วอก 5. เราจะทาเบสทั่วหน้าหรือทาเฉพาะที่ก็ได้คะ จะใช้สีเดียวหรือหลายสีก็ได้อีกเหมือนกัน แต่ต้องแม่นยำว่าใช้เบสสีไหนตรงไหนเพื่ออะไรด้วย 6. เราสามารถเอาเบสมาผสมกับกันแดด หรือผสมกับรองพื้น ในอัตราส่วนเท่าไหร่ก็ได้ แล้วทาในขั้นตอนเดียวได้เลยคะ 7. สำหรับสาวๆที่มีปัญหาหน้ากะคอสีไม่เท่ากันอย่างสิ้นเชิง ลองทาเบสสีที่เหมาะสมมาที่คอแล้วตบแป้งฝุ่นทับดูสิคะ ทิปส์จากคุณจ้อย เบสจำเป็นเมื่อ - เมื่อรู้สึกว่าหน้าหมองกว่าปกติ เช่นนอนน้อยตื่นมาหน้าดูไม่สดชื่นเลย ก็จะใช้พวกเบสโทนเหลือง,ขาวมุก,ม่วง ใช้นิดเดียวมากๆ ทาบริเวณสันจมูก ใต้ตา หน้าผาก โหนกแก้ม รอให้เซทตัวแล้วจึงลงรองพื้นแบบน้ำ และแต่งหน้าตามขั้นตอน วันธรรมดา - ใช้เบสเตรียมผิวที่ไม่มีสี หรือเบสที่ช่วยกระจายแสงทาทั่วหน้าแล้วก็ลงแป้งฝุ่นทับเลย ไม่ลงรองพื้น จะได้หน้าใส ๆ ธรรมชาติ สบายหน้าดีค่ะ -> ลองพวก M.A.C Prep+Prime, เบสของป้าลอร่า ดูนะคะ เบสมีสีควรทาเฉพาะบริเวณ - อย่าทาทั้งหน้านะคะ ไม่งั้น ผิวหน้าเราจะดูเพี้ยนไปทันที สมมติปีกจมูกแดงเพราะสิว เราก็ไม่ควรทาเบสเขียวกลบไปถึงแก้ม เพราะเบสเขียวจะทำให้เลือดฝาดที่แก้มเราหายไปกลายเป็นสาวหน้าแบน หรือเบสม่วง ก็ไม่ควรทาทั้งหน้า ลองลงเฉพาะ กลางหน้าผาก สันจมูก แก้มที่อยู่ถัดจากปีกจมูก ลงเพียงบาง ๆ แล้วลงรองพื้นจะทำให้หน้าดูสวยมีมิติตามธรรมชาติ บางคนใช้เทคนนิคนี้สร้างรูปหน้าแทนการไฮไลท์ -> เบสสี ๆ อย่างลาเนจ,ชู,เมคอัพ ฟอ เอฟเวอร์ เบสสีเนื้อทาได้ทั้งหน้า - เบสที่มีสีในโทนกลางอย่าง RMK นั้น สามารถทาได้ทั่วหน้าค่ะ จะทำให้หน้าดูผ่องขึ้น แต่จะให้ดี เราควรเลือกซื้อรองพื้นและทดลองเบสไปพร้อม ๆ กัน เพราะหน้าเราหลังลงเบสแล้ว สีผิวคงไม่เหมือนเดิม ว่าง่าย ๆ ว่าสว่างขึ้น รองพื้นที่เลือกก็ควรจะต้องช่วยให้ผิวเราดูสวยสมดุลตามหลักความเป็นจริง เราอาจเลือกรองพื้นสีเดียวกับผิวหลังจากที่ลงเบสแล้ว หรือเลือกใช้รองพื้นในสีที่เข้มขึ้นอีกนิดนึงเพื่อผลในการสร้างรูปหน้าที่สวยกว่า จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 8. คอนซีลเลอร์ ปิดมันให้หมด (หากต้องการแต่งหน้าแบบเบาบาง ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยค่ะ) Concealer คือเครื่องสำอางค์ที่อยู่โหมดคล้ายๆรองพื้น แต่มีคุณสมบัติและวิธีใช้ต่างกันค่ะ คือคอนซีลเลอร์จะมีคุณสมบัติช่วยในการกระจายแสงเพื่ออำพรางและปกปิด โดยมีเม็ดสีที่เข้มข้นกว่ารองพื้น ใช้กลบรอยแพนด้าที่ใต้ตา รอยแผล รอยฝากรักจากน้องสิว รอยสัก สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือสำหรับไฮไลต์เพิ่มจุดเด่นให้กับหน้า จะใช้เดี่ยวๆหรือใช้ร่วมกับรองพื้นก็ได้คะ ประเภทของConcealer Eye Concealer เป็นคอลซีลเลอร์ที่ทำมาเพื่อใช้เฉพาะกับรอบดวงตาเท่านั้นคะ เป็นคอลซีลเลอร์ที่มีความชุ่มชื่นเป็นพิเศษ จึงไม่เหมาะที่จะเอาไปใช้กับบริเวณอื่น โดยเฉพาะคนผิวมัน เพราะสิวอุดตันจะถามหาได้ Liquid Concealer เป็นคอนซิลเลอร์ที่ใช้ง่ายที่สุด แค่ใช้ปลายนิ้วหรือแปรงแต้มแล้วเกลี่ยอย่างเบามือ ช่วยเรื่องกระจายแสงมากกว่าช่วยปกปิด ใช้ได้ทุกสภาพผิว ใช้ได้ทั้งตาและหน้าคะ Stick Concealer ช่วยเรื่องการปกปิดได้เจ๋ง กลบรอยด่างดำได้เยี่ยม จะใช้คู่กะรองพื้นหรือใช้เดี่ยวๆก็ได้คะ ใช้ได้ทุกสภาพผิว ใช้ได้ทั้งตาและหน้าคะ Blemish Cover Stick Concealer เป็นคอลซีลเลอร์ที่ผสมตัวยารักษาสิวให้แห้งด้วย หรือถ้าใช้ต่อเนื่องรักษารอยด่างดำที่เกิดจากสิวได้ด้วย และห้ามนำคอนซีลเลอร์ชนิดนี้ไปใช้รอบดวงตาเด็ดขาดคะ การเลือกสีConcealer โทนสีเหลือง เป็นสีเบสิคสุดๆที่ใช้ง่ายที่สุด สีนี้ใช้ได้กับทุกส่วนทั้งตาทั้งหน้า แต่ระวังว่าถ้ามันเหลืองมากเกินไป หน้าจะซีดเซียวเหี่ยวแห้งได้..แป่ววว ขอแนะนำว่าใช้โทนเหลืองกลบรอยสิว ริ้วรอยเจ๋งสุด ถ้าจะใช้รบกะแพนด้าลองใช้โทนเหลืองสว่างหน่อยคะ โทนชมพู โทนชมพูนี้เอาไว้สู้รบปรบมือขั้นเด็ดขาดกับรอยจุดด่างดำทั้งหลายทั้งปวงคะ แต่ขอเตือนไว้ก่อน ว่าโทนชมพูจะทำให้หน้าด๋อยได้ง่ายกว่าโทนอื่นๆ ถ้าอยู่บนหน้าเกิน 3-5 ชม...แป่ว ดังนั้นควรใช้คู่กะโทนเหลืองด้วยคะ โทนสีส้ม เป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดในการปราบแพนด้า เนื่องจากสีส้มมันเป็นสีแห่งสหประชาติที่เป็นกลาง ไม่ทำให้เกิดความหมองคล้ำหรือเปลี่ยนสีคะ การทา Concealer วัตถุประสงค์หลักของการใช้คอนซีลเลอร์ คือรีทัชหน้ากันให้เนียน โบกเพื่อปกปิด และกลบอำพรางรอยหมองคล้ำใต้ตา ปกปิดรอยดำคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และบริเวณที่สีผิวที่ไม่เรียบเนียน หรือสำหรับไฮไลต์เพิ่มจุดเด่นให้กับหน้า เอาให้เนียนเด้งกันไปเลย Tip : สำหรับคอนฯตา จะต้องลงอายครีมก่อนเสมอ แล้วป้ายคอนฯในปริมาณที่พอสมควร เพราะได้พบว่าป้ายมากดีกว่าป้ายน้อย Tip : อย่าลืมถามบีเอให้กระจ่างว่าคอนฯตารุ่นที่ซื้อ ทาได้เฉพาะใต้ตาหรือทาที่เปลือกตาได้ด้วยรึปล่าว Tip : สำหรับคอนฯที่ตา ปกติก่อนลงแป้งฝุ่น จะมีแป้งที่ใช้ทาที่ตาต่างหากคะ นัยว่าช่วยให้ตาปิ๊งๆและช่วยล็อคคอนฯที่อยู่กับที่มากขึ้น แล้วค่อยทาแป้งฝุ่นคะ Tip : การทาคอนฯแต่ละชนิดก็ต่างกันคะ บางอย่างป้ายแล้วทาได้เลย บางอย่างอาจป้ายแล้ววอร์มบนหลังมือก่อนก็มีคะ ให้ถามบีเอดูนะคะ วิธีใช้คอนซีลเลอร์ 1. สำหรับการโบกปกปิดจุดด่างดำ, กระ , สีผิวที่หมองคล้ำ , รอยแดงจากสิวหรือยุงตัวผู้เจ้าชู้มาฝากรัก - ให้เลือกใช้คอนฯสีเดียวกับรองพื้น - ใช้แปรงหรือนิ้วมือป้ายบางๆเกลี่ยให้เนียน แล้วใช้นิ้วกดๆเบาๆอีกรอบ - หากลงเบส รองพื้นแล้วยังรู้สึกว่ารีทัชยังไม่กริ๊บ ก็จะเอาแปรงแต้มคอนฯค่อยๆป้ายอีกรอบ เอานิ้วกดเบาๆเกลี่ยให้เนียน แล้วใช้แปรงรองพื้นปาดเบาๆหรือฟองน้ำเนื้อละเอียดตบย้ำเบาๆอีกรอบคะ - กรณีที่เป็นรอยแดงจากสิว ขอให้ใช้ทริคของคุณจีบันคนเก่ง ด้วยการใช้แต้มเบสเขียวตรงรอยแดง ใช้ความรู้เรื่องสีมาลบรอยแดงก่อนคะ แล้วค่อยโบกคอนฯ Tip : หากเป็นสิวที่มีอาการขั้นโคม่าบวมเบ่ง ขอแนะนำว่าอย่าให้คอนฯเพราะมันดูน่าสยดสยองหนักเข้าไปอีก กลบด้วยรองพื้นจะดีกว่าคะ Tip : เวลาป้ายคอนฯ ควรจะปาดไปทางเดียวกันคะ ไม่ปาดไปปาดมา 2.สำหรับการลงเพื่อเพิ่มมิติบนใบหน้า - ให้เลือกคอนฯสีที่สว่างกว่ารองพื้นที่ใช้อยู่ 1 ระดับในส่วนที่ต้องการเพิ่มมิติให้โดดเด่น เช่น เปลือกตาบน หางตา สันจมูก คาง หน้าผากส่วนกลาง หรือมุมปาก และเลือกสีที่คล้ำกว่าในส่วนที่ต้องการลดทอนให้เล็กลง เช่น กราม หรือด้านข้างจมูก - การทาคอนฯสำหรับเพิ่มมิติให้หน้านี้ จะทาหลังจากการลงรองพื้นคะ แต้มคอนฯด้วยแปรงหรือใช้นิ้วก็ได้ ป้ายลงไปตรงบริเวณที่ต้องการแล้วเกลี่ยด้วยนิ้วมือหรือแปรงให้เนียน แล้วใช้แปรงรองพื้นปาดเบาๆหรือฟองน้ำกดย้ำเบาๆอีกรอบก็ได้คะ Tip : สามารถใช้คอนฯเหมือนการใช้ไฮไลต์และบรอนเซอร์ ได้คะ 3.สำหรับบริเวณที่เป็นรอยหมองคล้ำรอบดวงตา - เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นบริเวณที่มีความบาง และจะเพิ่มรอยคล้ำได้ง่ายมาก ดังนั้นได้โปรดระมัดระวังในการเลือกชนิด สี และการทาคอนฯที่จะใช้บริเวณนี้ - ให้เลือกคอนฯสีที่สว่างกว่ารองพื้นที่ใช้อยู่ 1 ระดับคะ ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้คอนซีลเลอร์แบบที่ใช้เฉพาะดวงตาเท่านั้น ลองเข้าไปดูวิธีปาดตามเว็บเหล่านี้ค่ะ http://www.videojug.com/film/how-to-conceal-bags-under-your-eyes http://www.sephora.com/browse/brand_hierarchy.jhtml?brandId=5333&contentId=C13633 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 00:12:06 จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลืมรูป งิ จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคะ ^^ จากคุณ : WCT - [ 28 ก.ย. 50 00:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 9. รองพื้น เนียน เนียน (หากต้องการแต่งแบบเบาบาง ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยค่ะ) Foundation หรือ รองพื้น เป็นเครื่องสำอางประเภทเม็ดสี เพื่อใช้ทากับหน้า ลำคอและชนิดพิเศษสำหรับทาตัว มีลักษณะที่เป็นเนื้อครีมมีทั้งเข้มข้นและบางเบา มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยในการปกปิดรอยด่างดำ รอยสิว รอยฝ้า รอยกระ หรือรอยหมองคล้ำต่างๆ บนใบหน้า และยังช่วยปรับสีผิวหน้าให้ดูเรียบเนียนขึ้น เป็นธรรมชาติมากขึ้น วัตถุประสงค์หลักของการใช้ครีมรองพื้น คือ เพื่อปรับผิวให้เนียนเรียบ อำพรางจุดบกพร่องที่พื้นผิวหน้า และทำให้แป้งฝุ่นและเครื่องสำอางติดทนนานขึ้น ประเภทของรองพื้น Emulsion Foundation เป็นมอยเจอร์เจือสี รู้จักกันในชื่อ tint moisturizer เป็นรองพื้นที่คล้ายครีมบำรุง ไม่ได้ช่วยปกปิดแต่ช่วยในเรื่องสร้างความกระจ่างใสมากกว่าคะ Stick Foundation เป็นรองพื้นชนิดแท่ง ที่มีความสามารถในการปกปิดได้สูง โดยช่วยอำพรางร่องรอยของ ฝ้า กระ จุดด่างดำได้เนียนสนิท เหมาะกับ คนทีมีผิวแห้ง ผิวผสม และผิวธรรมดา Fluid foundation เป็นรองพื้นชนิดน้ำที่มีเนื้อบางเบา มอบผิวเนียนละไม โดยไม่บดบังความงามตามธรรมชาติของผิวพรรณ เหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิวค่อนข้างมัน ผิวผสม และผิวธรรมดา Cream Foundation รองพื้นชนิดครีม มีความชุ่มชื้นสูง ปกปิดริ้วรอยได้ดี ให้ผิวคงความเนียนเรียบสม่ำเสมอ โดยไม่ทำให้รู้สึกว่าผิวหน้าดูหนาขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีผิว แห้งและผิวธรรมดา Compact Foundation รองพื้นเนื้อครีมผสมแป้งอัดแข็ง บรรจุในตลับที่พร้อมสะดวกในการพกพาและแต่งเติมระหว่างวัน ปกปิดได้ดี มอบผิวเนียนละไม เหมาะกับผู้ที่ มีผิวแห้ง ผิวผสมและผิวธรรมดา Powdery Foundation รองพื้นเนื้อแป้งอัดแข็ง บรรจุในตลับ พกพาง่าย ทำให้คุณสามารถแต่งเติมได้เสมอทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ เพื่อการแต่งหน้าแบบบางเบา โดย ไม่ทิ้งความมันวาวไว้บนใบหน้า เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวผสมและผิวธรรมดา Liquid Compact Foundation เป็นนวัตกรรมใหม่ของรองพื้น ที่นำรองพื้นชนิด Liquid มาบรรจุอยู่ในรูปของรองพื้นชนิดตลับ เมื่อทาลงบนผิวจะมอบสัมผัสที่เย็นสดชื่น ทั้งคง ความชุ่มชื้นให้ผิวได้สูง ด้วยเนื้อผลิตภัณฑ์ที่นุ่ม จึงสามารถเกลี่ยทาได้อย่างแนบเนียน เป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับผิว เหมาะสำหรับทุก สภาพผิว Luminizing Powdery Foundation รองพื้นเนื้อบางเบาบดบังรอยหมองคล้ำ เพื่อผิวกระจ่างใสเรืองรอง พร้อมคุณสมบัติในการป้องกันรังสี UV ทนต่อเหงื่อและน้ำมัน ติดทนนาน ให้ผิวเปล่งประกายสดใสได้นาน Gel Foundation มีลักษณะคล้ายมอยเจอร์ไรเซอร์เจือสีและแบบน้ำ เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่ปกปิดมาก มีเม็ดสีโปร่งแสงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว Air Touch Foundation นัยว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ฉีดพ่นให้ละอองละเอียด มีประจุไฟฟ้าบวกพ่นมาเจอผิวที่เป็นประจุลบ จะได้ผิวดีดังผิวเด็ก..อยากลอง..แง่มๆ นอกจากนี้ก็ยังเห็นมีรองพื้นที่อยู่ในรูปโฟม หรือmousse ซึ่งเนื้อจะบางเบามากๆคะ แหม..ขยันออกกันมาจริงๆ การเลือกสีรองพื้น 1. เช็คสีผิวเราก่อนว่าโทนเหลือง หรือโทนชมพู แต่ส่วนใหญ่เราๆคนไทยจะโทนเหลืองกันนะคะ 2. เช็คดูว่าหน้า กราม คอ สีมันแตกต่างกันมาน้อยแค่ไหน 3. Test สีรองพื้นที่กับบริเวณแนวขากรรไกร ให้มีสีใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณลำคอของเรามากที่สุด 4. หากมีปัญหาผิวมีรอยเด่นชัดของ ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือสิว ควรเลือกสีรองพื้นที่เข้มกว่าสีผิว 1 เบอร์ โดยค่อยๆ แตะซับรองพื้น เบาๆ เพื่อทาบริเวณที่มีปัญหา แล้วจึงทารองพื้นตามปกติ Tip : วิธีเช็คสีรองพื้นที่เหมาะกับเรา ให้ดูว่าสีรองพื้นควรกลืนไปกับสีของกรามและลำคอค่ะ แต่ถ้ากลัวว่าหน้าจะลอย ให้แก้ไขด้วยการเลือกใช้แป้งฝุ่นสีอ่อนกว่าดีกว่า อย่าเอารองพื้นสีอ่อนกว่าเชียว หน้าลอยแน่ๆ Tip : ถ้าสีผิวอยู่ระหว่างเฉดสีสองเฉด ให้ใช้รองพื้นสีที่ดูอุ่นกว่า หรือใช้สีที่มืดกว่า ถ้าใช้สีสว่างกว่าจะทำให้ดูซีดเซียว Tip : ถ้ามีปัญหา คือสีที่ต่างกันระหว่างคอ และหน้าละก็ให้ใช่สีที่ดูอุ่นกว่า เมื่อเกิดไม่แน่ใจในเฉดสีที่จะเลือกแนะนำให้เลือกรองพื้นสีออกโทนเหลืองเข้าไว้ การทารองพื้น มีวิธีการเหมือนกับการทาเบสค่ะ หรือจะลองดูคลิปจากเว็บเหล่านี้ http://www.videojug.com/film/how-to-apply-liquid-foundation http://www.videojug.com/film/how-to-apply-foundation-to-mature-skin http://www.videojug.com/film/how-to-apply-powder-foundation-3 จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:14:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 10. ต่อกันที่เรื่องราวของแป้งกันเลยนะ อย่าเพิ่งเบื่อนะ จะจบละ (จากเว็บคุณจ้อยเช่นเคย) แป้งดีๆ ทำให้ผิวดูสวยเรียบเนียนผ่องเด้ง แป้งดีๆในความคิดของจ้อยคือ ทาแล้วเนียนๆ บางๆ ดูไม่เหมือนทาแป้ง จ้อยชอบแป้งฝุ่นมากกว่าแป้งผสมรองพื้นคะ เพราะฝุ่นจะมีโมเลกุลใหญ่ และด้วยความที่เป็นฝุ่นมันก็จะเกาะอยู่แค่ตรงผิว ถ้ามีส่วนผสมของครีมด้วย ก็จะซึมลงไปที่ผิวได้ดีกว่า และแน่นอนว่ามันทำความสะอาดได้ยากกว่า ถ้าทำความสะอาดไม่ดีพอก็สิทธิ์อุดตันและก่อให้เกิดสิวได้มากกว่าเช่นกันคะ แป้ง..แป้ง..แป้ง.. โดยทั่วๆไป แบ่งแป้งได้คร่าวๆเป็น 2 แบบ 1. แป้งฝุ่น ( Loose Powder) 1.1. แป้งฝุ่นชนิดโปร่งแสง (Translucent) ว่ากันว่าเป็นแป้งไม่มีสี แต่คุณสมบัติของแป้งแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกันคะ บางยี่ห้อทาแล้วหน้าดูนวลเนียนสวยเด้ง ทาแล้วไม่มีผลกะรองพื้น คอนซีลเลอร์ที่ลงไว้ แต่บางยี่ห้อทาแล้วหน้าลอยๆซะงั้นก็มี Tip : เวลาเลือกแป้งฝุ่นให้ทากับผิวที่ลงรองพื้นของเราเสมอ 1.2. แป้งฝุ่นชนิดโปร่งใส (Transparent) พวกนี้ส่วนใหญ่เป็น finish powder ต่างๆ อาทิ แป้งม่วง แป้งสีๆทั้งหลายแหล่ ปกติแป้งพวกนี้จะทำให้หน้าดูสว่างไสว จึงเหมาะกับเวลากลางคืนมากกว่า ถ้าอยากให้ผิวดูเป็นธรรมชาติก็ควรหลีกเลี่ยงการทาตอนกลางวัน เดี๋ยวนี้มีแบบอัดแข็งมาเป็นที่เรียบร้อยแย้ว 2.แป้งแข็ง ( Pressed Powder) คือแป้งฝุ่นอัดแข็ง มีทั้งแบบแป้งฝุ่นอัดแข็งธรรมดา และแป้งฝุ่นอัดแข็งที่ผสมรองพื้นมาเสร็จสรรพ วิธีทาแป้งฝุ่น แป้งฝุ่น 1. ทาด้วยพัฟ ใช้พัฟแตะแป้งแล้วคลึงๆบนฝาให้แป้งคลายตัว แล้วตบๆทั่วๆหน้า ในทางเดียวกันกับที่เกลี่ยรองพื้น ให้ตบย้ำๆนะคะอย่าทาแบบปาดปื้ดๆ มันจะให้ทำบรรดาเบส / รองพื้น / คอนซีลเลอร์ที่บรรจงลงไว้เป็นคราบได้คะ รอทิ้งไว้สัก 2 - 3 นาที แล้วกดเบาๆทั่วหน้าอีกทีนึง Tip : สามารถใช้แปรงแป้งแตะแป้งเล็กน้อยแบบน้อยมากๆ วนแปรงที่ฝาเพื่อให้แป้งกราะจายตัวในแปรง หงายแปรงขึ้นเคาะแปรงเบาๆที่ฝาให้แป้งกระจายตัวให้ทั่วในแปรง แล้วปัดเบาๆทั่วหน้าอีกรอบก็ได้คะ 2. ทาด้วยแปรง จ้อยมีวิธีทาแป้งมี 2 วิธี คือ แบบที่ 1 เอาแปรงแตะแป้งอย่าเสียดมเสียดาย (อีกแล้ว) แตะที่หน้า 5 จุด แต่แตะทีละจุดนะคะ แล้วใช้แปรงเกลี่ยแป้งให้ทั่วหน้า เกลี่ยแบบเหมือนทารองพื้นนะ แล้วปัดซ้ำๆจนแน่ใจว่าหน้าเนียนเด้ง แบบที่ 2 ยังไม่ต้องเปิดกระปุกแป้งคะ คว่ำกระปุกลง เคาะแป้งออกมานิดหน่อย ขั้นตอนนี้หากชำนาญจะรู้ว่าจะเคาะแค่ไหน..หุๆๆ แล้วจึงเปิดฝา จะพบว่ามีแป้งติดอยู่ที่ฝา ให้เอาแปรงไปวนๆๆให้แป้งกระจายในแปรง หงายแปรงขึ้นเคาะแปรงเบาๆที่ฝาให้แป้งกระจายตัวให้ทั่วในแปรง แล้วเอาแปรงมาปัดแบบวนๆๆไปในทางเดียวกับกรทารองพื้นให้ทั่วๆหน้า ปัดซ้ำๆวนๆหลายๆรอบจนหน้าเนียน แบบนี้ประหยัดแป้งและแป้งจะเบาบางกว่าแบบแรกคะ แป้งฝุ่นอัดแข็ง จะใช้พัฟแตะแป้งแล้วกดย้ำๆทั่วๆหน้า ถ้าต้องการให้ติดทน ให้เเปรงแตะแป้งฝุ่นเล็กน้อยปัดทั่วหน้าอีก 1 รอบ สำหรับคนที่ผิวมัน จะพบว่าถ้าใช้พัฟกับแป้งอัดแข็ง มันจะเป็นคราบที่ผิวแป้ง ก็สามารถใช้แปรงแป้งได้คะ เอาแปรงวนๆบนแป้งแล้วมาปัดทั่วหน้าคะ แป้งผสมรองพื้น ทาแบบหน้าเนียน ให้เอาพัฟแตะแป้ง แล้วกดย้ำๆลงที่หน้า ให้กดย้ำๆนะคะอย่าทาแบบปาดปื้ดๆ ดูว่ากดทั่วหน้าและเนียนได้ที่แล้ว ให้เอาแปรงแป้งแตะแป้งฝุ่นเล็กน้อยปัดเบาๆทั่วหน้าอีกครั้งหนึ่งคะ ทาแบบเน้นปกปิดรอย ทาแป้งฝุ่นทั่วหน้าก่อน 1 รอบ แล้วเอาพัฟแตะแป้งผสมรองพื้นกดย้ำๆทั่วหน้าอีก 1 รอบคะ แล้วเอาแปรงแตะแป้งฝุ่นปัดเบาๆทั่วหน้าอีกรอบคะ ทาแบบนี้แป้งจะหนานะคะแต่ว่าหน้าก็เนียนและเด้งดึ๋งและปิดรอยได้มิดคะ จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาถึงตรงนี้แล้วก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความรู้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนเรื่องเครื่องสำอางเพิ่มสีสัน ตั้งแต่ eyeshadow, blush on, lipstick ก็มีวิธีการใช้ตามแต่จะประยุกต์ (ในหนังสือมันไม่มีข้อมูลอ่ะ เลยไม่กล้าโม้เอง) สำหรับเพื่อนๆที่หัดแต่งหน้า ก็ลองดู blog ของเพื่อนๆหลายคนที่ทำ how to ไว้ให้ยล (รวมทั้งเราด้วย อิอิ ชอบทำฮาวทู) เพื่อดูสไตล์ที่ตัวเองชอบ แต่จี๊ปแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าตามที่เห็นตลอดนะคะ (ไม่งั้นเดือนหนึ่งคงหมดหลายหมื่น) แต่ขอให้หาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเอง ราคาอาจจะไม่ต้องแพงมาก แต่เลือกใช้สีที่มีอยู่แล้วและดูเทคนิควิธีการแต่งตามก็พอค่ะ ฮาวทูล่าสุดของนู๋ (แอบโฆษณาบล๊อกตัวเอง) คลิกเลย!! http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=howjeepisyourlove&month=27-09-2007&group=1&gblog=10 จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีคะ  เทอมหน้าจะลงเรียนวิชานี้เหมือนกันเลย แต่หารหัสไม่เจอ  เห้นเพ่อนเคยเรียน กระทู้นี้ได้ความรู้ดีมากๆคะ  ดีใจที่เอามาเผยแพร่ จะได้สวยกันถูกทางนะคะ ไว้มาคุยกันอีกนะคุณ จขกท. จากคุณ : มาดามชะนี - [ 28 ก.ย. 50 00:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อยู่คอยเป็นกำลังใจค่ะ รออ่านต่อนะ...สู้ ๆ ค่ะ....^_^ จากคุณ : ก็แค่เรื่องจิ๊บจ๊อย - [ 28 ก.ย. 50 00:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ยินดีที่ได้รู้จักค่าคุงมาดามชะนี ขอคอนเฟิร์มว่าวิชานี้ได้ความรู้จริงๆค่ะ สนุกด้วย แนะนำให้ลงค่ะ เย่ จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 00:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กระทู้ดีๆ อย่างนี้ เอาไป 1 โหวต จะได้สวยให้ทั่วฟ้า >>ช่วยเก็บเข้าคลังกระทู้กันด้วยสาวๆ ใครช่วยเก็บ จะอวยพรให้เจอเนื้อคู่เร็วๆ<< จากคุณ : นู๋ ม. - [ 28 ก.ย. 50 01:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ^^ ชอบวิชานี้เหมือนกันค่ะ  อ่านแล้วมีความสุข ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ  จำไม่ได้เลยนะเนี่ย ว่าเคยเรียนอันไหนไปมั่ง จากคุณ : ~Arthemis~ - [ 28 ก.ย. 50 01:42:06 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ได้ความรู้มากมายค่ะ ขอบคุณน่ะค่ะ จากคุณ : FairyPla (นางฟ้าปลา) - [ 28 ก.ย. 50 02:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ได้ความรู้แบบที่กำลังต้องการเลย -*- ขอบคุณครับ จากคุณ : Confession_Keng - [ 28 ก.ย. 50 02:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โหวตด้วย น่าเรียนเจงๆ ขอไปลงทะเบียนด้วยคนสิน้องจ๋า... จากคุณ : หนอนน้อย - [ 28 ก.ย. 50 02:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นความรู้มากๆเลยค่ะ ขอบคุณ จขกท. มากเลยนะคะ ^ ^ จากคุณ : ฉุยฉายไซเบอร์ - [ 28 ก.ย. 50 03:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ เป็นความรู้มากๆ เลยค่ะ จากคุณ : ~LoveIsAroundYou~ - [ 28 ก.ย. 50 04:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่า...ความรู้เยอะแยะเลย... จากคุณ : roungtawan - [ 28 ก.ย. 50 04:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โหยยยยยยยยยย ขยันจังเลย  ไม่ต้องกัว คนเบื่อเลยคับ  ชอบๆๆๆ ข้อมูลพรึ่บๆๆๆๆๆ ขอนุญาตเซบ และเก็บเข้าคลังนะค้าบบบบบบบบ จากคุณ : LoveToBeLoved - [ 28 ก.ย. 50 05:04:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ แต่ขอเพิ่มเติมเรื่องกันแดดนิดนึงนะคะ คือครีมกันแดดเนี่ยถ้าจะใช้ให้ได้ผลเท่ากับ spf ที่ระบุไว้ ข้างหลอดเนี่ยจะต้องทาให้หนาประมาณ 2 มิลลิกรัม ต่อ ตารางเซนติ้เมตร หรือประมาณเกือบ 1 กรัมต่อการทา 1 ครั้ง ซึ่งก็หนาพอสมควรนะนี่  เพราะฉะนั้นถ้าเราใช้พวกบำรุงที่ผสมรองพื้นในตัว ซึ่ง ส่วนใหญ่ spf จะไม่สูงมาก หากทาไม่มากพอก็จะทำให้ได้ค่า spf ลดลงไปอีก แนะนำให้ใช้ กันแดด เดี่ยวๆโดยเฉพาะอีกตัวเลยจะดีกว่า ส่วนการทาต้องทาให้ทั่วผิวหน้า เพราะมันจะเป็นเหมือนฟิล์ม (รัฐภูมิ) เคลือบผิวหน้าไว้ ถ้าทาไม่ทั่วแสงแดด จะส่องผ่านบริเวณนั้นไปทำลายผิว เราได้  ก่อนทากันแดดถ้าไม่อยากให้มันหรือเป็นคราบ ควรรอให้ครีมตัว อื่นๆแห้งก่อนจึงลงกันแดดให้ทั่วเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด  ก็อุตส่าห์ ซื้อมาตั้งแพงแล้วอะ ก็ตั้งใจทากันอีกนิดนึงจะได้สวยสมใจ  แล้วก็หลังทา ให้รออีก5-10นาที ให้กันแดดเซทตัวกับผิวหน้าก่อน ค่อยทาเบสเป็นอันดับ ต่อไปอย่างเบามือ อย่าถูแรงเดี๋ยว กันแดดหลุด ข้อควรจำอีกอย่างคือไม่ว่ากันแดดจะดีขนาดไหนก็กันแดดไม่ได้ 100% โดนเหงื่อโดนน้ำเดี๋ยวก็หลุดถึงจะเป็นแบบกันน้ำด้วยก็ตามที ฉะนั้นถ้าอยู่กลางแดดนานๆ ยังไงก็ต้องทาซ้ำ ทุก1-2ชม แล้วก็กางร่มใส่หมวกด้วยถ้าเป็นไปได้  โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา ฝ้ากระ กันแดดนี่ต้องทาเลย ถ้าไม่ทาก็.....จบข่าว แล้วก็เพิ่มเติมเรื่อง spf ค่ะ ตัวนี้จะบอกค่าการปาป้องของรังสี UVB ส่วนค่า PA จะบอกค่าการปกป้อง UVA มากสุดคือ +++ ส่วนตัว PABA ที่ป้องกันรังสี UVB เนี่ยปัจจุบัน ไม่ค่อยนำมาผสมในครีม กันแดดกันแล้วเนื่องจากแพ้กันเยอะ ที่เมกาจะกำหนดเลยว่าไม่ให้มีสารนี้ ก็จะเลี่ยงไปใช้ตัวอื่นกัน ตัวไหนจำไม่ได้อะ ยังขี้เกียจค้นอยู่ด้วย ส่วนตัวที่กัน UVA (มันจะเป็นคนละตัวกันนะเพราะ A กับ B มันคนละช่วง คลื่นกัน) ที่เห็น ฮิตๆกันก็เป็นตัว Mexoryl มีอยู่ในกันแดดเพียง สามชนิด เท่านั้น คือ ถ้าจำไม่ผิดคือ Loreal  , La roach posay แล้วอีกตัวนี่ไม่แน่ใจ อย่างแรงไม่เขียนละกันนะ แต่ mexoryl นี่ไม่กันน้ำนะ ถ้าจะเอากันน้ำก็ ต้องเลือกสารอื่นหละ อ่า...วิชาการมากๆเลยนะนี่ สุดท้ายจริงๆละ  กันแดดเนี่ยยิ่ง spf สูงจะยิ่งวอก เนื่องจากต้องใส่ Titanium dioxide และ Zinc oxide โมเลกุลใหญ่เพื่อให้กัน UVA UVB ได้มากขึ้น นอกจกนั้นยังต้องใส่เบส คือ น้ำมันเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อให้มันละลาย เป็นเนื้อครีมได้ดี ไม่งั้นมันไม่เข้ากัน จบจริงๆละทีนี้ ผิดถูกประการใดฝากผู้รู้แก้ด้วยนะคะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 07:36:42 จากคุณ : Hippocratis - [ 28 ก.ย. 50 07:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โหวตจ้า... จากคุณ : @~UltRaViOleT~@ - [ 28 ก.ย. 50 07:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 33 กระทู้ดีมีสาระ โหวต จากคุณ : akikosang - [ 28 ก.ย. 50 08:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กดโหวตโล้ด จากคุณ : GasTroPod - [ 28 ก.ย. 50 09:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เทอมนี้เราก็เพิ่งลงเรียนวิชานี้ไปเหมือนกัน สนุกมาก ได้ความรู้ด้วยค่ะ จากคุณ : mezzanotte - [ 28 ก.ย. 50 09:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สาระเยอะมาก จากคุณ : Hunterza - [ 28 ก.ย. 50 10:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ปีหน้าก้อว่าจะเรียนแล่ะ จิงๆเรียนหมวดวิทย์ไปแล้ว แต่วิชาอย่างนี้สิถึงเหมาะกะเรา ยังไงก้อขอบคุณจขกท นะคะ จากคุณ : pangi_ka - [ 28 ก.ย. 50 10:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณที่หาข้อมูลดีๆมาฝากกันนะคะ ^^ จากคุณ : หนีแม่มาอาร์ซีเอ - [ 28 ก.ย. 50 10:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : แมมมอม - [ 28 ก.ย. 50 11:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 40 . . ปรบมือให้เลยครับ มีประโยชน์มาก ๆ :) จากคุณ : j a g g i . j a g g i - [ 28 ก.ย. 50 12:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โหวตๆๆๆๆ จากคุณ : soda_zappp - [ 28 ก.ย. 50 12:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ยังไม่มีเวลาอ่าน แต่โหวตให้ก่อนจ๊ะ จากคุณ : sinok - [ 28 ก.ย. 50 12:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอแก้เนื้อหาของคุณ Hippocratis นิดนึงนะคะ แล้วก็เพิ่มเติมเรื่อง spf ค่ะ ตัวนี้จะบอกค่าการปกป้องของรังสี UVB ส่วนค่า PA จะบอกค่าการปกป้อง UVA มากสุดคือ +++ ค่า SPF ย่อมากจาก Sun Protection Factor คือ “ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี ว่านานเท่าใด ผิวจึงจะปรากฏอาการแดง เมื่อทาผลิตภัณฑ์เปรียบเทียบกับการไม่ทาผลิตภัณฑ์” ค่ะ หากไม่ทาครีมแล้วไปยืนกลางแดดนาน 25 นาที ผิวจึงแดง แต่เมื่อทาครีมแล้วไปยืนกลางแดดนาน 360 นาที ผิวจึงแดง ค่า SPF ของครีมนี้ก็คือ 360/25 = 15 คือเมื่อทาครีมแล้ว ผิวจะทนแสงนานขึ้น 15 เท่า (ไม่ใช่มากขึ้น 15 เท่า อย่างที่เราเข้าใจกันนะคะ) ส่วนค่าPA ไม่ได้บอกการป้องกัน UVA ค่ะ แต่เป็น ตัวแสดงอัตราส่วนการป้องกันรังสี UVA/UVB ซึ่งมีมากที่สุดคือ PA++++ ค่ะ (อ้างอิงจากในหนังสือ) อย่างไรก็ขอบคุณที่มาช่วยเพิ่มเติมความรู้กันนะคะ จากคุณ : onceupon - [ 28 ก.ย. 50 13:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่าาา วิชานี้ เคยได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยละ เห็นเพื่อนที่อยู่วิดวะ บอกจะลง จากคุณ : ลูกแม่โดม (ยามเมื่อลมพัดหวน) - [ 28 ก.ย. 50 13:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณนะคะ มาโหวตจ้าา จากคุณ : Iceclover ความคิดเห็นที่ 120 ขอแตกประเด็นเพิ่มเติมสำหรับเส้นผมนะคะ จากคุณ : onceupon - [ 3 ต.ค. 50 17:47:51 ] ความคิดเห็นที่ 121 อ๊ายยยย กระทู้ในฝันที่รอมานาน ถูกใจใช่เลย อ่านไม่จบก็ขอโหวตก่อน จากคุณ : ลิปมัน - [ 3 ต.ค. 50 18:07:43 ] ความคิดเห็นที่ 122 save save จากคุณ : ส้มแป้น.. - [ 3 ต.ค. 50 23:26:20 ] ความคิดเห็นที่ 123 ชอบๆๆ จากคุณ : chlorophylls - [ 5 ต.ค. 50 01:17:52 ] ความคิดเห็นที่ 124 เจ๋งมากกก ชอบค่ะ >________________< ได้อะไรดีๆไปเยอะเลย ขอบคุณนะคะ ^^ จากคุณ : kori-chan - [ 5 ต.ค. 50 23:55:04 ] ความคิดเห็นที่ 125 ขอบคุณค่า อ่านเพลิน ได้ความรู้ดีเลยทีเดียว จากคุณ : นางสาวโต๋เต๋ - [ 6 ต.ค. 50 08:15:32 ] ความคิดเห็นที่ 126 ศึกษา ๆๆ .. ขอบคุณ จขกท.ค่ะ จากคุณ : หัวใจข้างซ้าย พวงมาลัยข้างขวา - [ วันเกิด PANTIP.COM 13:56:21 ] ความคิดเห็นที่ 127 โหวดด้วยคน แล้วจะกลันมาอ่านใหม่นะ จากคุณ : vdone73 - [ 8 ต.ค. 50 19:13:02 ] ความคิดเห็นที่ 128 โอ๊ะ เจ้าของกระทู้ เทคคอร์สเทอมเดียวกะเราแน่ๆ เลย ฮี่ๆๆ เคยคิดจะเอามาพิมพ์แบ่งสาวๆ ในห้องนี้เหมือนกัน แต่รายงานท่วมหัวเอาตัวไม่รอดค่ะ เลยเปนอันต้องพับไป T-T ขอบคุณ จขกท. และเป็นกำลังใจให้เลือดสีชมพูด้วยกันนะคะ ^ ^ จากคุณ : Azlea - [ 10 ต.ค. 50 18:21:20 ] ความคิดเห็นที่ 129 เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้จ้า  :-D จากคุณ : Ferragamo - [ 13 ต.ค. 50 15:08:59 ] ความคิดเห็นที่ 130 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Esprite - [ 13 ต.ค. 50 17:09:49 ] ความคิดเห็นที่ 131 ขอขอบพระคุณยิ่งด้วยใจจริงที่กรุณา ชื่นจิตเป็นหนักหนาขอขอบพระคุณ ขอขอบพระคุณ จากคุณ : น้องจ่อย (น้องจ่อย01) - [ 13 ต.ค. 50 19:03:04 ] ความคิดเห็นที่ 132 อ่านตรงครีมกันแดดแล้วเศร้าๆแลยค่ะ ซื้อมาแบบ SPF50 แพงมั่กๆ T_T จากคุณ : rodia - [ 17 ต.ค. 50 11:35:46 ] ความคิดเห็นที่ 133 sud yodd jin jin kah!~~ จากคุณ : เบนจัง - [ 17 ต.ค. 50 14:33:52 ] ความคิดเห็นที่ 134 ขอบคุณมากๆๆๆเลยค่ะ คือเราก็เพิ่งเริ่มแต่งหน้าเหมือนกัน โหวตๆๆๆ>______< จากคุณ : ^_^ (ai_abc) - [ 18 ต.ค. 50 21:20:40 ] ความคิดเห็นที่ 135 โหวตคะ จากคุณ : Classic Pisces (I_Me_Mine) - [ 22 ต.ค. 50 21:40:49 ] โหวตค่ะ โหวต มีประโยชน์มั่กๆ จขกท.ขยันสุดๆ จากคุณ : iwsาะ มัuoาหย่oย...~* (Solid) - [ 1 ต.ค. 50 09:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 99 vote เลย จากคุณ : akiko_naka - [ 1 ต.ค. 50 10:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณ จขกท. นะคะ ที่อุตส่าห์นั่งพิมพ์ยาวมากๆ ให้ทุกคนได้อ่านกัน สาระดีจริงๆ ค่ะ จากคุณ : pufpuf - [ 1 ต.ค. 50 10:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ดีมากๆเลยค่ะ ได้ความรู้และยังนำไปใช้ได้จริงอีกค่ะ จากคุณ : Jazzyinlove - [ 1 ต.ค. 50 11:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 102 สุดยอดเลยค่ะ ชอบ ๆ จากคุณ : oldword - [ 1 ต.ค. 50 11:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณจขกท.ด้วยนะคะ สำหรับสาระดีๆ โหวตให้ค่า............ จากคุณ : MooLui - [ 1 ต.ค. 50 14:15:05 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณ และอยากบอกว่าสุดยอดจิงๆ จากคุณ : หมูอ้วนน่ารักสีชมพู - [ 1 ต.ค. 50 14:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เป็นประเภทกระทู้ที่รอมานานแล้วค่ะ อ่านแล้ว ใช้ได้จริง ขอบคุณมากๆนะคะ เจ้าของกระทู้ขยันและละเอียดดีค่ะ จากคุณ : xiaof - [ 1 ต.ค. 50 16:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 106 แหล่มจริงๆ กระทู้นี้ ขอเซฟความรู้เก็บไว้อ่านนิดสสสนึง จากคุณ : หัวใจสีชมพู - [ 1 ต.ค. 50 19:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะ  แต่งหน้าพอเป็นก็เพราะความมีน้ำใจของคนห้องนี้ล่ะค่ะ  ขอบคุณค่าาาาา จากคุณ : may^o^ - [ 2 ต.ค. 50 02:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขอบคุณมากค่ะ  เป็นความรู้ที่ยอดเยี่ยมมากเลยจ้า ขอเซฟเก็บไว้เป็นคัมภีร์เลยนะคะ จากคุณ : พี่สาวข้าวตัง - [ 2 ต.ค. 50 08:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 109 โอววว.... ขอบคุณ จขกท และ คห ที่น่ารักทุกท่าน ที่เอาความรู้แน่นปึ้กมาฝากค่า เรียนวิศวะ ไม่มีวิชาพวกนี้ให้เรียนเลยอ่า แง่มๆ ได้ความรู้ใหม่ ๆ เพียบเลย (แบบว่าเป็นคนที่โป๊ะ ๆ ปาด ๆ เร็วมาก พอกอันนี้เสร็จ ลงอันนั้นต่อ ไม่รอให้มานแห้งก่อน มิน่ามันไม่เรียบสักที - -") กดเก็บเข้าคลังเรียบร้อย และขอเซฟด้วยนะคะ ^^ แน่นขนาดนี้ จขกท ได้วิชานี้ A แน่ ๆ เยย ^^ edit แวะเข้าไปในบล๊อคแล้ว จขกท สวย น่ารักจังเยยง้า.........อิจฉา ๆ อิอิ เด่วจะไปหัดแต่งให้สวย ๆ กะเค้าบ้างน้า ขอบคุงมากอีกทีค่า แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 50 09:43:38 จากคุณ : nekopoy - [ 2 ต.ค. 50 09:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เข้ามาโหวต และเก็บเข้าbookmark ขอบคุณมั่กๆค่ะ ^^ จากคุณ : ชบาข้างรั้ว - [ 2 ต.ค. 50 11:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เยี่ยมมากๆเลยค่ะ ได้ความรู้แน่นมากๆ แล้วก้เอาไปใช้ได้ด้วย ขอบคุณมากนะคะ *โหวตให้เลยค่ะ* จากคุณ : ROSIER - [ 2 ต.ค. 50 12:36:29 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ดีจัง คัมภีร์สำหรับมือใหม่หัดสวย จากคุณ : Flying dragOn - [ 2 ต.ค. 50 14:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 113 โหวตให้เวปดีๆมีประโยชน์เเบบนี้ค่ะ ^^ ขอบคุณมากๆนะคะที่สละเวลาเพื่อส่วนรวมได้งามอย่างถูกวิธี จากคุณ : iamjetski - [ 2 ต.ค. 50 16:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอบคุณค่ะ  :>* จากคุณ : ปอแอ้ง - [ 2 ต.ค. 50 18:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เซียนห้องแป้ง มาจุติใหม่แว้ววว... จากคุณ : Phychexxx - [ 2 ต.ค. 50 18:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 116 *0* ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆเลยค่า ก็ไม่ได้ขยันอะไรมากนะคะ ค่อยๆพิมพ์ไปวันละหน้าสองหน้า ออกมาอีกทีบานเยย แล้วก็ ยังไม่เซียนหรอกค่ะ มือใหม่เหมือนทุกๆคนนี่แหละ ถ้ากระทู้เป็นประโยชน์ก็ดีใจค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : onceupon - [ 2 ต.ค. 50 23:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 117 โหวต ค่า.... จากคุณ : squibb - [ 3 ต.ค. 50 04:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 118 โห กระทู้นี้ดีมากๆๆ ลงชื่อไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับมาอ่านค่ะ จากคุณ : Saruwatari Miwa~* - [ 3 ต.ค. 50 09:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอบคุณค่ะ  เราเพิ่งเริ่มแต่งหน้ายังแต่งไม่เป็นเท่าไหร่เลย จะมาโหวตให้บ่อยๆค่ะ จากคุณ : bubblebaba - [ 3 ต.ค. 50 11:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ขอแตกประเด็นเพิ่มเติมสำหรับเส้นผมนะคะ จากคุณ : onceupon - [ 3 ต.ค. 50 17:47:33 ]