พอดีว่าแฟนชอบเข้ามาอ่านที่นี่บ่อยมากๆและได้ความรู้หลายๆอย่างจากที่นี่ แฟนเลยอยากให้ผมเข้ามาให้ข้อมูลการฉีด carboxy เป็นการตอบแทนกับเพื่อนๆครับ เพราะพอดีว่าผมเป็นวิศวกรที่มีโอกาสได้ทดสอบเครื่อง carboxy มาเกือบจะทุกยี่ห้อในตลาดเมืองไทยครับ (โดยเฉพาะยี่ห้อดังๆทั้งหลาย)
ฉีด carboxy ไม่เจ็บอย่างที่คิดหรอกครับ ระหว่างจิ้มเข็มเข้าไปแทบจะไม่รู้สึกเลย เพราะเข็มจะเป็นชนิด ultra fine เบอร์ 30G 1/2
อาการเจ็บจะเป็นแค่ช่วงแรกของการเดินแก๊ซ ความรู้สึกจะคล้ายคันๆแสบๆในช่วงแรกเท่านั้น เมื่อปริมาณแก๊ซในชั้นไขมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(ลักษณะจะคล้ายๆลูกโป่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ) อาการคันๆแสบๆจะอยู่บริเวณรอบๆของขอบลูกโป่ง ที่เหลือก็จะเป็นอาการอึดอัดครับ แต่อย่าตกใจคิดว่าอึดอัดเพราะหายใจไม่ได้ มันจะเป็นอาการอึดอัดเหมือนการใส่สเตยร์รัดแน่นๆครับ
ซึ่งเดี๊ยวนี้ราคาของการฉีด carboxy ก็ลดลงกันมามากแล้วเพราะการแข่งขันสูงมาก มีทั้งเครื่องที่ได้มาตราฐานและไม่ได้มาตราฐาน
ผมอยากแนะนำให้พวกเราใส่ใจในจุดนี้มากๆครับ เพราะหลายๆคลินิกพยายามลดต้นทุน หรืออาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจในด้านระบบและวิศวกรรมอย่างเพียงพอของฝ่ายจัดซื้อของคลินิก ทำให้จัดซื้อเครื่องฉีด carboxy โดยเลือกจากราคาของเครื่องหรือชื่อของเครื่องหรือคำอ้างของเซลล์เท่านั้น
ในตลาดเครื่อง carboxy เดี๊ยวนี้มีเอาเข้ามาขายหลายยี่ห้อมากหรือบางยี่ห้อก็ผลิตในประเทศเราเอง ผมจะไม่กล่าวว่ายี่ห้อไหนเป็นอย่างไรแต่อยากให้พวกเรารู้วิธีที่จะตรวจสอบง่ายๆดีกว่า เพราะเราๆเองก็คงไม่มานั่งจำกันหรอกจริงมั้ยครับว่ายี่ห้อไหนเป็นยี่ห้อไหน เพราะพอเราเข้าไปในคลินิกหมอก็ให้เราขึ้นนอนบนเตียงแล้วก็ฉีดเลย (แต่บางคลินิกก็จะมีการโฆษณาไว้หน้าร้านเลยว่าใช้ยี่ห้อไหน) เอาเป็นว่าก่อนจะซื้อคอร์สหรือตัดสินใจว่าจะทำ carboxy ที่คลินิกไหน ถ้าทำได้ควรตรวจสอบดังนี้ครับ
ไม่รู้ผมอธิบายยืดยาวไปรึเปล่าน๊ะครับยังไงก็ขออภัยด้วยครับ (ถ้าไม่เข้าใจอย่างไรก็ถามเพิ่มเติมได้ครับ)
1. ความสะอาดของระบบ เมื่อสองปีที่แล้ว carboxy เพิ่มเริ่มบูมใหม่ๆในเมืองไทย ทำให้บริษัทขายเครื่องสั่งสายฉีด carboxy เข้ามาไม่เพียงพอจนแนะนำให้คลินิกใช้สายซ้ำหลายๆcase หรือไม่ก็ให้ใช้สายน้ำเกลือแทน ซึ่ง ณ.ตอนนั้นราคาสายแพงมาก ทำให้หลายคลินิกใช้สายซ้ำนานๆเพื่อลดต้นทุน หรือบางคลินิก็ยอมใช้สายน้ำเกลือแทน
ซึ่งข้อเสียของการใช้สายน้ำเกลือคือ เกิดการพับและหักงอง่ายจนทำให้แก๊สฉีดไม่เข้า ลูกค้าบางคนอาจดีใจที่รู้สึกว่าคลินิคนี้ฉีด co2 ไม่เจ็บเลย (ก็แก๊สมันไม่เดินมันจะเจ็บได้ไงหละ)
ส่วนเรื่องการใช้สายฉีดซ้ำๆหลายๆหนมีข้อเสียตรงที่ว่า ลูกค้าเสียความรู้สึกเพราะเหมือนการใช้ของปนกับคนอื่น(ของที่ต้องฉีดเข้าร่างกายเราซะด้วย) อีกอย่างก็คือเกิดการสะสมของ สารหล่อลื่นที่หลุดออกมาจากระบบค้างอยู่ในสายเยอะ ซึ่งทำให้ถูกฉีดปนเข้ามาในร่างกายเรามากกว่าปกติ (อันนีเดี๊ยวจะเล่าให้ฟังครับ มีcaseที่ทำให้เกิดการแพ้มาแล้ว ซึ่งcaseนี้ถือว่าเป็นความชุ่ยของผู้ผลิตเครื่องครับ)
เพราะฉะนั้นเรื่องสายดูง่ายๆครับ ถ้าสายถูกใช้มาเป็นเวลานานที่หัวและท้ายของสายจะมีคราบสีเหลืองอมน้ำตาลเกาะอยู่จางๆครับ นั่นคือคราบของสารหล่อลื่นในระบบที่หลุดติดออกมาครับ
2. ถังบรรจุก๊าซที่ใช้ และความบริสุทธิ์ของก๊าซที่บรรจุ
บางยี่ห้อก็จะเก็บถังไว้ในตัวเครื่องหรือตู้ บางยี่ห้อก็จะปล่อยให้เห็นเปลือยๆ พวกเก็บไว้ในเครื่องหรือเก็บไว้ในตู้คงจะสังเกตุกันยากหน่อย(แต่แอบมองเข้าไปในช่องว่างก็พอจะสังเกตุได้ครับ)
ลักษณะของถังก๊าซ co2 ที่ดีได้มาตราฐานจะต้องเป็นถังที่ไม่เกิด oxide กับก๊าซใดๆ(หรือเกิดได้ยากมาก) เพราะฉะนั้นถังที่ดีต้องเป็นถังที่ผลิตจาก Aluminium เพราะ Aluminium จะมีการเกิด oxide ต่ำมากๆ และ oxide ที่เกิดขึ้นก็จะเป็น oxide ที่ไม่หลุดออกจากผิวเนื้อของ aluminium กลับจะกลายเป็น oxide ที่เกาะยึดแน่นกับผิว aluminum ช่วยปกป้องผิว aluminium จากการทำปฎิกิริยาจาก สารหรือก๊าซอื่นๆด้วยซ้ำ เราเรียก oxide ประเภทนี้ว่า Aluminum oxide
และถังที่ดีจะต้องเป็นถังที่ไม่มีการใช้ปะปนกับการบรรจุแก๊ซประเภทอื่น ซึ่งทางอุตสาหกรรมจะมีมาตราฐานชนิดของ valve เพื่อป้องกันการปะปนกับถังที่บรรจุก๊าซแบบอื่น
ในส่วนของความบริสุทธิ์ของก๊าซ CO2 มีหลักๆอยู่สามเกรดให้เลือกใช้ เกรดอุตสาหกรรม เกรดเพื่อการบริโภค เกรดLABเพื่อการแพทย์ ซึ่งที่ดีที่สุดสำหรับ caboxy คือ Lab grade มีความบริสุทธิ์ของก๊าซถึง 99.99% ( เรียกได้ว่าไม่เหลือสิ่งเจือปนแล้วหละ)
แต่สิ่งเหล่านี้กับถูกละเลยจากผู้ผลิตเครื่องเกือบทุกยี่ห้อและถูกละเลยจากคลินิก ทำให้เกือบทุกยี่ห้อใช้ถังเหล็กสีดำ(บางรายอุตส่าห์เอาไปพ่นเป็นสีเขียวหรือขาว) และใช้แก๊ซในเกรดเพื่อการบริโภค คือใช้ถังปะปนกับถังที่เค้าเอาไว้อัดน้ำอัดลมขายตาม food center นั่นหละ
เพราะฉะนั้นวิธีสังเกตุง่ายๆก็คือ ดูว่าถังแก๊สเป็นสีอะไร ถังอลูมิเนียมจะเป็นสีเงินๆ อาจมีสีเขียวคาดหัวถัง หรือไม่มีก็ได้ ลองแอบดูกันเอาน๊ะครับ ;D
3. อันนี้สำหรับตรวจสอบดูว่าก๊าซมันฉีดเข้าไปในพุงเราจริงๆรึเปล่า หรือแค่เสียบเข็มทิ้งไว้แต่ปริมาณแก๊สไม่เข้าหรือเข้าไปน้อยมาก
เกือบจะทุกยี่ห้อชอบโฆษณาว่าของตัวเองฉีดดีฉีดแล้วไม่เจ็บ ผมเอาหัวแมวเป็นประกันเลยครับว่าไม่จริง ฉีดก๊าซCO2 เข้าไปมันต้องเจ็บแน่ๆ แล้วแต่ว่าเจ็บมาเจ็บน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจหรือสภาพร่างกายของคนๆนั้นและก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแก๊สที่ฉีดเข้าไปด้วย
แล้วทีนี้เราจะรู้ได้ไงหละว่าที่ฉีดๆเข้าไปน๊ะ เข้าจริงๆรึเปล่า ตามปริมาณ cc. ที่กำหนดไว้รึเปล่า
เกือบจะทุกยี่ห้อมักจะคุยว่าของตนเองฉีดได้เที่ยงตรงตาม cc. ที่โชว์ให้ดู แต่ผมจะบอกความจริงให้ครับ เท่าที่ผ่านมือผมมามีเพียงยี่ห้อเดียวที่สามารถฉีดได้เที่ยงตรง (ดันเป็นยี่ห้อที่ผลิตในไทยซะด้วย error 15%)
เกือบทุกยี่ห้อใช้วิธีที่เรียกว่า pressure balance หรือใช้วิธีปรับแรงดันที่ regulator (ตัวปรับแรงดันก๊าซ) เพื่อประมาณจำนวน cc. ที่ฉีดเข้าไป แล้วเอามาแสดงผลที่หน้าจอ ซึ่งมันจะไม่มีทางเที่ยงตรงได้เลย เพราะตามความเป็นจริงแล้ว resistance (ความต้านทาน) ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีชั้นไขมันที่มีความหนาแน่นไม่เท่ากัน เกือบทุกบริษัทจึงใช้วิธีประมาณเอา เพราะเป็นการประหยัดต้นทุนในการผลิตเครื่อง เท่าที่ผมเจอบางเครื่องมีค่า error ของปริมาณการฉีดถึง +- 300% ที่ทำได้ดีสุดคือ error 15% เอาเป็นว่าทางด้านเทคนิคจะไม่อธิบายมากละกันครับเดี๊ยวจะสับสน
เพราะฉะนั้นค่า error มีทั้งด้านบวกและด้านลบ นั้นหมายความว่ามีสองเหตุการณ์ที่ควรสนใจคือ ฉีดไม่ออก กับ แก๊สรั่ว เราสามารถทดสอบได้ง่ายๆดังนี้ครับ
ระหว่างที่กำลังทำการฉีดให้ลองหักสายค้างไว้ซัก 30 วินาทีดูครับ ถ้าเครื่องแสดงผลว่ายังมีการฉีดต่อไปได้เรื่อยๆ นั่นแสดงว่าโม้แล้วครับ ก๊าซไม่ได้ถูกฉีดเข้าไปจริง
คราวนี้ลองปลดสายดูบ้าง (ลองแอบปลดดูน๊ะครับ) ถ้าเครื่องยังแสดงผลการฉีดต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการแจ้งว่าเกิดการรั่วของสาย นั่นแสดงว่าถ้าเกิดการสายรั่วหรือในระบบเกิดการรั่วขึ้นมามันก็จะรั่วออกไปทางอื่นโดยไม่ได้ฉีดเข้าตัวเรา แล้วมันจะแสดงค่า cc. ได้ถูกต้องได้อย่างไร
3 ข้อเนี่ยหละครับที่เราๆทั้งหลายน่าจะพอเอาไปไว้ใช้ตรวจสอบเครื่องที่จะมาฉีดเข้าร่างกายเราได้
เพราะหลายยี่ห้อมากครับ ที่เคลมว่าผลิตจากประเทศทางฝั่งยุโรป.....หลายยี่ห้อที่อ้างว่ามี filter ป้องกันอยู่ 5-6 จุด......และบางยี่ห้ออุตส่าห์เอาตัวอุ่นก๊าซที่ใช้สำหรับงานเชื่อมมาติดที่หัวถังเป็นจุดขายว่ามีการอุ่นก๊าซก่อนฉีด......
โม้กันเกือบทั้งนั้นครับ เช่นบอกว่ามี filter หลายจุด เปิดฝาเครื่องตรวจสอบทั้งหมดออกมาเจอแค่ 3 จุด.........
เช่นบอกว่าเครื่องผลิตในยุโรป เปิดฝามา90%เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตในจีนและเกาหลี (เหมือนจ้างจีนหรือเกาหลีผลิตแล้วเอามาตียี่ห้อเท่านั้น)
และมี detail อีกหลายๆอย่างครับ
ถ้ามีคนสนใจในรายละเอียดเดี๊ยวจะเอามาเล่าให้ฟังครับ
ผมจะเล่าเรื่องที่ค้างไว้ในข้อ 1. ต่อน๊ะครับ ว่าอะไรทำให้เกิดการแพ้ และอะไรทำให้สายเป็นคราบ
เป็น case ที่มีลูกค้าไปฉีด CO2 ที่สถาบันแห่งหนึ่งและเกิดการแพ้เป็นผื่นทั่วทั้งบริเวณที่ฉีด ซึ่งผมบังเอิญได้มีโอกาสตรวจสอบเครื่องที่ใช้ทำการฉีดนั้นๆด้วย
ผลสรุปออกมาคือเครื่องยี่ห้อนั้นๆใช้อุปกรณ์นิวเมติก(อุปกรณ์ลม) ที่เป็นพลาสติก (90% ของเครื่องที่ขายอยู่ใช้แบบนี้ทั้งหมด) ซึ่งอุปกรณ์จำพวกนี้(โดยเฉพาะตัวหรี่แก๊ส Flow control) จำเป็นต้องใส่สารหล่อลื่นบางชนิดไว้ สารจำพวกนี้จะถูกแก๊สละลายปะปนออกมา รวมไปถึงระบบ filter ที่มีความละเอียดน้อยเกินไป (90% ของเครื่องที่ขายอยู่ มีความละเอียดของ filter เพียง 0.2 micrometer ซึ่งระเอียดไม่พอที่จะดักจับสารพวกนี้ไว้ได้) ทำให้สารพวกนี้ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายและเกิดอาการแพ้
เท่าที่ตรวจสอบมาเจอเพียงยี่ห้อเดียวที่เห็นใช้ filter ความละเอียดถึง 0.01 micrometer
นี่จึงเป็นสาเหตุให้เกิดคราบสีเหลืองปนน้ำตาลมาเกาะอยู่ที่สายฉีดให้เราเห็นได้ ซึ่งจริงๆแล้วถ้าระบบ filter ดีมีความละเอียดสูงสารปะปนจะไม่มีเล็ดลอดออกมาได้ ไม่ว่าจะใช้สายซ้ำกี่ครั้งก็ไม่ควรมีคราบอะไรเกิดขึ้น
มาต่อกันครับ ตื่นสายไปหน่อยหมาน้อยมันกลัวไม่เลิกจริงๆครับ ;D ตอนแรกแฟนก็บอกว่าให้ขึ้นกระทู้ใหม่เลย แต่ผมเกรงว่ารายละเอียดที่ผมเผยแพร่อาจจะไปกระทบใครก็ได้ ซึ่งอาจทำให้ผมเผยแพร่ได้ไม่เต็มที่ และในระหว่างที่ผมให้ข้อมูลอาจจะมีผู้เสียประโยชน์ออกมาป่วนกระทู้ทำให้กระทู้ต้องโดนลบหรือทำให้ผมเซ็งจนไม่อยากมาให้ข้อมูลเพิ่ม ;D
เอาเป็นว่าช่วงนี้ผมจะค่อยๆเผยแพร่ข้อมูลไปเรื่อยๆ พอคิดว่าครบถ้วนแล้วผมจึงจะ copy ไปขึ้นหัวข้อใหม่แล้วกันน๊ะครับ
ตอนนี้ยังไม่มีใครถามอะไรเพิ่มเติม ผมจะเล่าถึงการไหลของก๊าซก่อนน๊ะครับ หลายๆคน(ก็ทุกคนหละ) คงต้องกลัวเป็นธรรมดาที่ว่าก๊าซมันจะไหลไปในส่วนที่ไม่อยากลดรึเปล่า เช่นมันจะไหลไปที่ Breast หรือแถวๆ Pubic bone หรือไม่ เพราะทั้งสองจุดประกอบไปด้วยถุงไขมันเป็นหลัก ถ้ามันเหี่ยวไปคงไม่มีใครชอบ
คำตอบคือ มันไหลไปแน่ครับถ้าไม่มีการป้องกัน ซึ่งวิธีการป้องกันมีหลายวิธีครับ วิธีที่คลินิคส่วนใหญ่ใช้ก็คือการใช้สายรัด แต่ในบางจุดการรัดไม่สามารถช่วยได้เลยครับเพราะจุดที่ต้องการลด และจุดที่ไม่ต้องการลดอยู่ใกล้กันมาก นั่นก็คือช่วงท้องน้อยและ pubic bone
ผมจะค่อยอธิบายเป็นจุดๆไปเลยละกันน๊ะครับ (เฉพาะจุดทั่วไปที่นิยมฉีดกัน)
1. พุง เป็นไขมันสะสมที่อยู่ส่วนบนใกล้กับ Breast มากสุด ทำให้สาวๆทั้งต่างกลัวว่า CO2 จะไปทำให้มันเล็กลงหรือเหี่ยวลง เราจะรู้ได้ไงว่าคลินิคที่เราไปทำเค้าจะรัดสายให้เราดีแค่ไหน
เพราะฉะนั้นต้องป้องกันตัวเองครับโดยการใส่เสื้อชั้นในแบบมีโครงและใส่ให้กระชับกว่าปกตินิดหน่อย รับรองครับต่อให้ไม่รัดสายป้องกันก๊าซไหลของทางคลินิคก๊าซ CO2 ก็ไม่ไหลไปที่ Breast แน่นอนครับ
2. ท้องแขน จุดนี้เป็นจุดที่ชั้นไขมันค่อนข้างบาง เส้นประสาทถูกร้อยผ่านไปทางด้านข้อศอกมีมาก จึงเป็นจุดที่เจ็บที่สุดเลยครับ(เจ็บกว่าฉีดเพื่อลดแก้มป่องซะอีก) การรัดสายจะต้องรัดใต้รักแร้ซึ่งมีเส้นเลือดใหญ่พาดผ่านอยู่ รัดแน่นไปก็ไม่ดีเลือดไม่เดิน รัดเบาไปแก๊ซก็รั่วไปที่คอหรือ breast ได้
เทคนิคของจุดนี้คือรัดให้แน่นพอสมควรคนไข้ต้องทนเจ็บหน่อยเพราะจำเป็นต้องปล่อยก๊าซเร็ว และหลังจากปล่อยก๊าซเสร็จต้องรีบนวดเพื่อกระจายแก๊ซ CO2 ให้กระจายตัวแทรกไปอยู่ในชั้นไขมันให้มากสุด (ให้สังเกตุว่าไม่มีฟองขนาดใหญ่เหลืออยู่) แล้วค่อยปลดสายรัดออกให้เลือดไหลได้สะดวก
จากคุณ :
CrazyCat
- [
13 ต.ค. 50 12:27:12
]