ความคิดเห็นที่ 2 ลบก่อนนะจ๊ะ ขอจัดหน้าใหม่ก่อน แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 50 23:51:59 จากคุณ : mm_meow - [ 7 พ.ย. 50 23:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลบก่อนนะจ๊ะ ขอจัดหน้าใหม่ก่อน แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 50 23:52:20 จากคุณ : mm_meow - [ 7 พ.ย. 50 23:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เหนื่อยจัง สงสัยมีปัญหากะ link ขอจัดหน้าก่อนนะ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 50 23:52:51 จากคุณ : mm_meow - [ 7 พ.ย. 50 23:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาว่ากันเรื่องคุณประโยชน์มั่งค่า (วิชาการล้วนๆ ) ว่าน้ำมันมะพร้าวมันมีสารไรกันมั่ง                 น้ำมันมะพร้าวมีส่วนประกอบดังนี้                1. กรดไขมันอิ่มตัว (saturated fatty acids) อย่าไปกลัวมัน เค้าว่ากรดไขมันอิ่มตัวเมื่อโดนความร้อนสูงจะไม่เปลี่ยนเป็น trans fatty acids เหมือนกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่ง trans fatty acids นี้ มันเป็นพิษต่อร่างกายมาก เช่นทำลาย เยื่อหุ้มเซลล์                2. กรดลอริก (lauric acid) เมื่อร่างกายรับ “กรดลอริก” นี้เข้า จะเปลี่ยนเป็น “โมโนลอริน” ซึ่งเป็นสารตัวกับที่อยู่ในน้ำนมแม่ ที่ช่วย สร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารกในระยะ 6 เดือนแรก ที่ร่างกายยังไม่สร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เด็กระยะแรกเกิดไม่ค่อยเป็นโรคอะไร       โมโนลอริน เป็นสารปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อโรคทุกชนิด ที่ดีกว่ายาปฏิชีวนะที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ โปรโตซัว และไวรัส รวมทั้งเชื้อที่ก่อให้หลอดเลือดแข็งตัว เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้น้ำมันมะพร้าวมี่ข้อดีเด่น 3 ประการ                เชื้อโรคที่ยาปฏิชีวนะทั่วไปทำลายไม่ได้ เพราะมัน “หัวแข็ง” เนื่องจากมีเกราะที่เป็นไขมันห่อหุ้มเยื่อของเซล น้ำมันมะพร้าวจะทำลายเกราะนี้ลงไ ด้ เพื่อเปิดโดกาสให้โมโนลอรินเข้าไปฆ่าทีหลัง                2.1. น้ำมันมะพร้าว ไม่เพิ่มการดื้อยาของเชื้อโรค ดังเช่นยาปฏิชีวนะทั่วๆ ไป ซึ่งมักจะเกิดปัญหาที่ต้องใช้ยาในอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ใช้ไม่ได้อีก                2.2. สารปฏิชีวนะในน้ำมันมะพร้าว ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ และจะถูกสร้างขึ้นในร่างกายของมนุษย์ เมื่อบริโภคอาหารที่มีกรดลอริก อีกทั้งไม่เป็นอันตรายต่อแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้                3. วิตามินอี (vitamin E) ไงหล่ะจ๊ะ จากคุณ : mm_meow - [ 7 พ.ย. 50 23:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อๆ ประโยชน์ต่อสุขภาพหล่ะ                1. โหย หลายโรคเลย ขอก๊อบเลยนะจ๊ะ โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, โรคอ้วน(อันนี้เนื่องจากอะไรจะพูดกันยาว แนะนำให้ลองอ่านเองค่ะ), โรคเบาหวาน, โรคปวดเมื่อย โรคชราภาพก่อนวัย โรคมะเร็งผิวหนัง และโรคกระดูก, โรคผิวหนัง, รังแคหนังศีรษะ เยอะจริ๊ง!                2. เอาไปทำสวย ทาได้ทั้งตัว! เหนื่อยจัง กว่าจะโพสได้ ปาไป 10 ความเห็นแหนะ ฮือๆๆ เอา link ไปอ่านเพิ่มค่ะ เผื่อใครสนใจ httpโคลอน//wwwจุดdtamจุดmophจุดgoจุดth/alternative/viewstoryจุดphp?id=360 httpโคลอน//wwwจุดthe-arokayaจุดcom/web/indexจุดphp?option=com_content&task=view&id=114&Itemid=35 httpโคลอน//opacจุดtistrจุดorจุดth/Multimedia/STJN/4802/4802-13จุดpdf จากคุณ : mm_meow - [ 7 พ.ย. 50 23:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ท้อจัง ทำไมโพสอันแรกไม่ได้เนี่ย ************************* จากเดิมที่เราเคยเชื่อว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่มีไขมันอิ่มตัวสูงเอามากินไม่ดี เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน สงสัยจะไม่จริงซะแล้ว เพราะมีรายงานพบว่าอคเรสตอรอลประเภทที่อุตตันนั้นเป็นประเภท LDL ส่วนประเภทที่ดีคือ HDL ช่วยป้องกันโรคหัวใจซะอีก   แต่ก่อนพอทดสอบเจอว่าคอเรสเตอรอลสูง เลยเหมารวมว่าไม่ดี น้ำมันมะพร้าวเลยตกกระป๋อง รวมทั้งอาหารใส่กะทิของบ้านเราพลอยน่ากลัวสำหรับคนลดน้ำหนักไปด้วย                แต่ตอนนี้มีผลการทดสอบแล้วว่า ที่มันอยู่ในมะพร้าวอ่ะคือชนิดดี แล้วมีมากที่สุดด้วยถึง 48% (มันคือ Lauric เท่าที่อ่านมาเค้าว่า เป้นน้ำมันที่คล้ายคลึงกับน้ำมันหล่อเลี้ยงธรรมชาติของผิวคน แถมน้ำมันนี้ หาพบในมะพร้าวเท่านั้น!) จากคุณ : mm_meow - [ 7 พ.ย. 50 23:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คร่าวๆคือ การจะเช็คปริมาณคอเรสตอรอลในร่างกาย ถ้าพบว่าปริมาณคอเรสตอรอลซู๊งงงง!!!  อย่าตกใจ. ต้องละเอียดกว่านั้นค่ะ คือต้องแยกว่ามี LDL เท่าไหร่ และมี HDL เท่าไหร่ ซึ่งถ้ามี HDL สูงก็เป็นเรื่องน่ายินดีค่ะ                น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย และอื่นๆ ช่วยลดคอเรสตอรอลก็จริง แต่มันก็ทำให้ไขมันดีลดลงด้วย ไม่ได้บอกให้ลดให้เลิกกันนะคะ เพราะถ้าจะพิจารณาว่าจะใช้อะไร ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำอาหารด้วยว่าผัดหรือทอด ซึ่งดูๆแล้ว น่าจะเหมาะกับทอดมากกว่า จากคุณ : mm_meow - [ 7 พ.ย. 50 23:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทนอ่านกันหน่อยนะคะ ท้อละ ไรก็ไม่รู้ ขี้เกียจโพส ดึกแล้ว 11 --> 12 --> 9 --> 10 จากคุณ : mm_meow - [ 8 พ.ย. 50 00:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้อ เวบที่แสดงผลวิจัยค่ะ ขอให้ขึ้นน้า ... wwwจุดbalaviจุดcom/content_th/nanasara/Con00261จุดasp จากคุณ : mm_meow - [ 8 พ.ย. 50 00:03:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มารออ่านต่อค่ะ กำลังอยากรู่อยู่พอดีเชียวค่ะ จากคุณ : แม่น้องเอเอ - [ 8 พ.ย. 50 01:25:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดีใจจังค่ะที่มีคนอ่าน กระทู้ตกเร็วจัง หาข้อมูลมาก็เยอะ ตั้งกระทู้ก็ย๊าก ยาก เมื่อมีผลการวิจัยสนับสนุนอย่างนี้ค่อยน่าเชื่อหน่อยนะคะว่ามะพร้าวเป็นของดี มะพร้าวและกะทิ กินแล้วดีต่อสุขภาพ ตอนนี้กำลังทดลองทำน้ำมันมะพร้าวรุ่น vergin oil อยู่ค่ะ ไม่รู้จะได้ผลรึเปล่า วิธีทำคือ 1. คั้นเอาน้ำกะทิออกมา 2. เอาน้ำต้มคนผสมน้ำกระทิ บางที่ว่าน้ำเย็น บางที่ว่าน้ำมะพร้าว งงแท้.. 3. ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง น้ำมันจะแยกชั้นออกมา ตอนนี้ทดลองอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้อย่างที่เค้าว่ารึเปล่า แต่ถ้าวิธีเดิมๆคือการเอาไปต้มหรือเคี่ยว สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่จะมีแต่วิตามิน E เท่านั้นค่ะ ส่วกรดลอลิกได้หายไปแล้ว จากคุณ : mm_meow - [ 8 พ.ย. 50 10:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยทำใช้เองค่ะ ไปตลาดซื้อมะพร้าว ครึ่งกก ให้คนขาย คั้นแบบไม่ต้องเติมน้ำ...แยกหัว-หาง เอาเฉพาะหัวกะทิมาใช้ ส่วนหางเก็บไว้ทำขนม เอาหัวกะทิเทใส่ภาชนะปากกว้างๆ (ตัวเองใส่กระป๋องมันบดกระป๋องใหญ่ ของKFC) ถ้ามือใหม่ๆให้ใช้ภาขนะใสๆ จะได้มองเห็น อย่าใช้ภาชนะราคาแพง เพราะถ้าไม่อยากล้างจะได้โยนทิ้งได้ เอาฟิลม์แรปปิดเอาไว้ 18 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง(ไม่เปิดแอร์) ก็จะเห็นกะทิแยกตัวออกเป็นชั้นไขมัน ใช้ช้อนพลาสติคเล็กๆ(อย่างเช่นช้อนไอศครีม)ค่อยๆช้อนขึ้นเก็บ ถ้ามีเศษติดมาค่อยกรองออกทีหลัง ตอนทำไม่ยาก ยากตอนช้อนขึ้นนี่แหละ เก็บไว้ใช้ได้เป็นปีก็ไม่หืน จากคุณ : ชัยบาล - [ 8 พ.ย. 50 10:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทำใช้เองเหมือนกันค่ะ ตอนทิ้งให้แยกชั้นระวังอย่าให้มีอากาศเข้านะค่ะ ไม่งั้นจะมีกลิ่นบูดค่ะ เคยลองผิดลองถูกมาแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 50 11:24:28 จากคุณ : ตัวแห้ง - [ 8 พ.ย. 50 11:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แจ๋วเลยค่ะ มีคนทำด้วย งั้นขอถามอัตราส่วนด้วยค่ะ ต้องเติมน้ำเท่าไหร่คะ หรือไม่ต้องใส่ก็ได้ จากคุณ : mm_meow - [ 8 พ.ย. 50 11:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เคยซื้อมาค่ะ ขวดละ500 (ฝากคนรุจักซื้อ) เป็น extra virgin แบบใช้ทานได้ กลิ่นหอมๆมะพร้าวมากไม่เหม็นเลย แต่ซื้อที่ไหนก็ไม่รู้ จากคุณ : ^Pum^ - [ 8 พ.ย. 50 11:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 1. ไม่ต้องใส่น้ำ เพราะทำให้เปลืองเนื้อที่ (ทำให้ต้องใส่ภาชนะที่ใหญ่ๆ) เสียเวลาตัก ทางที่ดีซื้อจากตลาดให้เขาใช้เครื่องคั้นให้ บอกว่าเอาแบบไม่เติมน้ำ แบบนี้เรียกว่า Extra Virgin Oil 2. มีกลิ่นหน่อยไม่เป็นไร เพราะตัวกลิ่นอยู่ที่กากที่เหลือของ curdของกะทิ พอแยกออกกลิ่นก็จะหายไป(เพราะการปิดไม่ให้อากาศเข้าจะค่อนข้างยาก) จริงๆแล้วไม่ต้องซีเรียส จากคุณ : ชัยบาล - [ 8 พ.ย. 50 13:23:24 ]