Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    **บุก! “วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก” ใช้ยาไม่ขึ้นทะเบียน อย.สั่งระงับโฆษณาเกินจริง**

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤศจิกายน 2550 16:15 น.

    บุกตรวจ “วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก” พบผิด 3 กระทง เจอหลักฐานมีการใช้ “ยากลูตาไทโอน” ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยากับ อย.ถือเป็นการใช้เวชภัณฑ์ก่อให้เกิดอันตราย ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าปลอดภัย รวมถึงโฆษณาโอ้อวดเกินจริง สั่งระงับการโฆษณาและไม่ให้ใช้ยานี้ในสถานพยาบาลทุกแห่ง เผยแค่เดือนเดียวมีการตรวจคลินิกเสริมความงามโฆษณาเกินจริง 24 แห่ง เตือนประชาชนอยากสวย ขาว ระวัง ระบุทำยังไงก็ไม่มีทางขาวถาวร

          วันนี้ (27 พ.ย.) นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ รศ.นพ.นภดล นพคุณ และ นพ.ประวิทย์ อัศวานนท์ จากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการที่มีคลินิกเสริมความงามหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอน (Glutathione) มาฉีดให้ลูกค้า โดยโฆษณาชวนเชื่อว่าช่วยให้ผิวขาวเรืองแสงได้ ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 26 พ.ย.อย.ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเข้าตรวจสถานพยาบาลวุฒิ-ศักดิ์ คลินิกเวชกรรม สาขางามวงศ์วาน พบว่า มีแผ่นพับโฆษณาสถานพยาบาลในลักษณะโอ้อวดเกินความจริง
         
          นพ.ศุภชัย กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสถานพยาบาลวุฒิ-ศักดิ์ คลินิกเวชกรรม สาขางามวงศ์วาน พบว่า สถานบริการแห่งนี้ มีแผ่นพับโฆษณาข้อความดังกล่าว ระบุว่า โปรแกรมเรเดี๊ยนซ์ แอนด์ ดีท็อกซิฟิเดชั่น (RADIANCE DETOXIFICATION) เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่าง สดใส ทั่วทั้งเรือนร่าง เหมือนดาราโดยไม่มีผลกระทบจากการใช้ยา ถือเป็นโฆษณาที่เข้าข่ายโอ้อวดเกินความจริง เนื่องจากการรักษาพยาบาลทุกอย่างมีทั้งผลดีและผลข้างเคียงที่จำเป็นต้องชี้แจงอันตรายให้ผู้บริโภคเข้าใจ ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 38 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และหากยังมีการโฆษณาเกินจริงอยู่อีก จะมีโทษปรับวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขโฆษณาดังกล่าวให้เหมาะสม
         
          นพ.ศุภชัย กล่าวต่อว่า นอกจากตรวจพบการใช้ยาเตติโอนิล (TATIONIL) ซึ่งมีตัวยากลูตาไทโอน ซึ่งเป็นยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานำมาใช้ในสถานประกอบการ ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 34(2) พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ที่กำหนดให้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมีหน้าที่ความรับผิดชอบควบคุมดูแลผู้ประกอบวิชาชีพที่ปฏิบัติงานตามกฎหมาย ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งทั้งปรับ รวมทั้งสถานพยาบาลได้อ้างว่าการรักษาพยาบาลเกิดขึ้นจากทีมวิจัยเทคนิกการแพทย์ของตนเองซึ่งเท่าที่มีการตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ไม่มีข้อมูลแสดงว่าการใช้ยาดังกล่าว เป็นกระบวนการที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับ และไม่มีข้อมูลเพียงพอที่ชี้ชัดความปลอดภัยในการรักษาเนื่องจากยายังไม่ผ่านการตรวจสอบ และไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน ประกันคุณภาพ ความปลอดภัย จึงถือเป็นการกระทำผิดมาตรา 45 ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในการใช้ยาเวชภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้รับการรักษา และกำหนดให้แก้ไขให้เหมาะสม ภายในระยะเวลาที่กำหนด
         
          “ขณะนี้ได้สั่งการให้สถานพยาบาลดังกล่าวระงับการโฆษณา หรือการโฆษณาอื่นๆ ที่มีลักษณะหรือมีข้อความที่เป็นเท็จหรือโอ้อวดเกินความจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล และให้ระงับการใช้ยาดังกล่าวด้วย โดยจะมีผลรวมไปถึงสถานพยาบาลทุกแห่งที่มีการใช้วิธีนี้อยู่ เนื่องจากเป็นกระบวนการรักษาที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้หากพบว่ามีผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการก็จะส่งเรื่องให้กับแพทยสภาพิจารณาต่อไป” นพ.ศุภชัย กล่าว
         
          นพ.ศุภชัย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้รณรงค์ตรวจมาตรฐานการประกอบกิจการสถานพยาบาลคลินิกที่จัดให้บริการเกี่ยวกับการเสริมความงาม โดยในช่วงระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2550 ได้มีการตรวจคลินิกจำนวน 110 แห่ง พบว่ามีข้อความโฆษณาในเชิงโอ้อวดมากที่สุดถึง 24 แห่ง นอกนั้นพบว่ามีป้ายชื่อคลินิกไม่ถูกต้อง 2 แห่ง ไม่มีข้อความแจ้งให้สอบถามอัตราค่ารักษาพยาบาล ไม่แสดงอัตราค่ารักษาพยาบาล และไม่แสดงใบอนุญาตประกอบกิจการและใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลในที่เปิดเผย จำนวนอย่างละ 1 แห่ง ซึ่งทางกรมได้แนะนำและตักเตือนให้สถานพยาบาลดังกล่าวปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
         
          “ฝากไปยังคลินิกเสริมความงาม และคลินิกผิวหน้าทั้งหลาย ให้ระมัดระวังในการใช้ยา เวชภัณฑ์ วิธีการรักษาต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้มาตรฐานได้รับการยอมรับ ไม่ควรนำคนไข้ไปเป็นตัวทดลองแถมยังเก็บค่ารักษาพยาบาลในราคาที่แพง ถือเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและผิดกฎหมายด้วย” นพ.ศุภชัย กล่าว
         
          ด้าน นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อได้บุกเข้าตรวจสถานพยาบาลแห่งนี้ พบว่า มีการใช้สารกลูตาไธโอน โดยไม่มีการขึ้นทะเบียนตำรับยาและไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทย ไม่ทราบแหล่งที่มาว่ามีการนำเข้าจากที่ใด แต่มีเอกสารที่รับรองการนำเข้าและการขึ้นทะเบียนกับอย.ถูกต้อง และเมื่อสอบถามไปยังบริษัท โรช (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตยาดังกล่าวได้แจ้งให้ อย.ทราบว่าไม่มีการนำเข้ามาในประเทศเช่นกัน จึงมีความเป็นไปได้ว่า ยาที่มีจำหน่ายอยู่อาจเป็นยาปลอม ซึ่งขณะที่นี้พบว่ามีการระบาดอยู่แถบอาเซียน ซึ่งจะมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบหาเบาะแส และการเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร
         
          นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนในการดำเนินคดีกับสถานพยาบาลขณะที่อยู่ระหว่างการให้นิติกรเป็นผู้รวบรวมข้อมูลประมวลหลักฐานเอกสารทั้งหมด เพื่อดูว่าจะสามารถตั้งข้อกล่าวหาใดได้บ้าง ถ้าหากต้องดำเนินคดีอาญาก็จะต้องผ่านคณะกรรมการ อย.เพื่อพิจารณา หากมีโทษแค่ปรับก็จะสั่งการให้มีการปรับตามที่กฎหมายระบุได้ทันที
         
          “ขอเตือนวัยรุ่น ผู้หญิง ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์ยาอาจช่วยได้ชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยาร่างกายก็ผลิตเม็ดสีตามปกติ ซึ่งการฉีดยาเข้าเส้นนั้นมีอันตรายมาก ผู้บริโภคที่ได้รับการฉีดสารตัวนี้อาจเกิดอาการแพ้ยา ช็อก หรือหยุดหายใจได้ สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางก็สามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ชั่วคราวเท่านั้น โดยไม่มีผลกับโครงสร้างใดๆ ของผิว ทั้งนี้ การที่ประชาชนในแถบเอเชียมีผิวคล้ำ ถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เพราะสามารถป้องกันแสงอัลตราไวโอเล็ตจากแสงอาทิตย์ได้ ทำให้โอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนผิวขาว จึงไม่ควรมีค่านิยมที่ผิดในการเปลี่ยนสีผิวให้ผิดธรรมชาติ และหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้สารกลูตาไทโอนก็สามารถแจ้งมาได้ทั้ง 3 หน่วยงาน คือ อย.สบส.และ สคบ.” นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว
         
          นพ.ประวิทย์ อัศวานนท์ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามียาหลายประเภทที่มีผลข้างเคียงทำให้ผิวดูซีดจางลง แต่เมื่อใช้ไปนานๆ จะมีผลข้างเคียงอื่นๆ อีกหรือไม่ ขณะนี้ข้อมูลในระยะยาวยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกิดผลเสียได้ในอนาคต

    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000140745

    จากคุณ : Nasrudin - [ 28 พ.ย. 50 06:12:57 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom