แล้ว.....นิติกรรม ??
ต้องเข้าใจคำว่า เหตุธรรมดา และนิติเหตุก่อน
เหตุธรรมดา มีทั้งที่เป็น เหตุธรรมดาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง หมาเห่า
เหตุธรรมดาที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคล อาทิ การกิน การเดิน การพูดคุย เป็นต้น
นิติเหตุ กล่าวคือ ทำให้สิทธิเกิดขึ้นมา เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระวังสิ้นไป
นิติเหตุที่เกิดตามธรรมชาติ เช่น การเกิดของบุคคล เมื่อบุคคลคลอดและรอดอยู่เป็นทารก
นิติเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคล เช่น การเดินของบุคคล หากบุคคลนั้นประมาทไปเหยียบย่ำทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย บุคคลได้ละเมิดแล้ว
นิติเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคล โดยผู้กระทำมีเจตนามุ่งให้เกิดผลในกฎหมาย
- นายแดง มีความคิดที่จะไปซื้อปากกา จึงเดินไปที่ร้านค้าของนายเขียว และหยิบปากกาหนึ่งด้าม และจ่ายเงิน นั่นคือ นายแดงไปซื้อปากกา
นิติเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคล(นายแดง) โดยผู้กระทำมีเจตนามุ่งให้เกิดผล(การซื้อ)ในกฎหมาย(เกิดการโอนกรรมสิทธิ)
- นาย ก. มีความคิดที่จะไปลงสมัครสส. จึงเดินไปที่ศูนย์ลงทะเบียน และกรอกเอกสารสมัคร ลงลายมือชื่อ เจ้าหน้าที่รับรอง และให้เลขที่สส.
จึงเป็นว่า นากก.ลงสมัครสมาชิกผู้แทนราษฏร
นิติเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคล(นายแดง) โดยผู้กระทำมีเจตนามุ่งให้เกิดผล(การสมัครสส.)ในกฎหมาย(ลงสมัครสมาชิกผู้แทนราษฏร)
นิติเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคล
นิติเหตุจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการกระทำของบุคคล แต่การกระทำ......ในภาษากฎหมาย
(ป.อาญา ม.59 บัญญัติความหมายไว้ว่า กระทำโดยเจตนา รู้สำนึกในการที่กระทำ และขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผล)
การใด ที่จะเป็นการกระทำ ในทางกฎหมายได้นั้น ต้องเป็นการกระทำโดยเจตนา และเจตนาของบุคคลเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ การจะตีความเจตนาต้องอาศัยการตีความ
เช่น เดินเข้าไปในร้านค้าแล้วหยิบปากกาหนึ่งด้าม เป็นการแสดงเจตนาโดยปริยาย
เช่น เดินไปที่ศูนย์ลงทะเบียน และกรอกเอกสารสมัคร ลงลายมือชื่อ เจ้าหน้าที่จึงรับรอง เป็นการแสดงเจตนาโดยชัดแจ้ง
นิติกรรม ม.149
ม.149 "นิติกรรม หมายความว่า การใดๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกม.และด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิ
การใดๆ อันทำลง.....เขียนให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ว่า
........ การใดๆ อันกระทำลง
........ กระทำ คือ ทำโดยเจตนา
รวมเป็น การใดๆ อันกระทำลงโดยเจตนา
โดยชอบด้วยกฎหมาย.....เขียนให้เข้าใจง่ายขึ้นได้ว่า
........ กระทำลงโดยเจตนา เจตนามีการแสดงออก โดยชอบด้วยกฎหมาย
........ ทำโดยการแสดงเจตนา การแสดงเจตนานั้นต้องชอบด้วยกฎหมาย
หดสั้นให้กระชับหน่อย เป็น การแสดงเจตนา(ทำให้เห็นถึงการกระทำ)นั้นชอบด้วยกฎหมาย
หดสั้นแบบนักกฎหมาย เป็น การแสดงเจตนานั้นชอบด้วยกฎหมาย
จึงได้ความหมาย ส่วน "การใดๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกม."
ที่เหลือ..... และด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิ
ดังนั้น
นาย ก. เดินไปที่ศูนย์ลงทะเบียน และกรอกเอกสารสมัคร ลงลายมือชื่อ เจ้าหน้าที่จึงรับรอง
........นาย ก กระทำลงโดยแสดงเจตนาที่ว่า เดินไปสมัคร กรอกเอกสาร ลงลายมือชื่อ
........การแสดงเจตนาของนาย ก สมบูรณ์เมื่อ เจ้าหน้าที่จึงรับร้อง[นิติกรรมสองฝ่าย]
สรุป นากก.ลงสมัครสมาชิกผู้แทนราษฏร
นากก.ลงสมัครสมาชิกผู้แทนราษฏร จึงเป็น นิติกรรม
ม.149 จึงเป็น "หลักการแสดงเจตนา"
เพราะ การใดๆ อันทำลง ได้โดย บุคคลแสดงเจตนาของตนให้ปรากฎ เป็นการกระทำ
การแสดงเจตนา(ทำให้เห็นถึงการกระทำ)นั้น ชอบด้วยกฎหมาย เพราะขัดต่อกฎหมาย เป็นโมฆะ ตาม ม.150
การแสดงเจตนา(ทำให้เห็นถึงการกระทำ)นั้น เพราะหากไม่ได้มุ่งผูกนิติสัมพันธ์เสีย ก็เป็นการแสดงเจตนา ธรรมดา มิได้มีผลได้เสียอะไรในทางกฎหมาย
เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับสิทธิ เป็นคำขยายว่านิติสัมพันธ์นั้น คือ อะไรบ้าง
ดังนั้น
เมื่อบุคคลมีการแสดงเจตนา(ทำให้เห็นถึงการกระทำ) มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล
นิติเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคล โดยผู้กระทำมีเจตนามุ่งให้เกิดผลในกฎหมาย .........จึงเกิดขึ้น
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 12:01:09
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 10:24:13
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 09:56:25
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 00:21:00
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 00:19:09
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 00:17:39