ความคิดเห็นที่ 5
Rice Bran is one of Nature's greatest anti-aging ingredients, containing 107 antioxidants, including Vitamin E, gamma oryzanol, and lipoic acid. Nutrient-rich rice bran and other natural ingredients exfoliate and hydrate without the abrasive effect sometimes caused by fruit botanicals. Exclusive blend of rice bran and all natural collagen-stimulating ingredients for visible results fast. เอาข้อมูลส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่ค้นดูนะคะ
เก็บตำนานใส่ขวด/ Legend in the Bottles น้ำซาวข้าว/ มะกรูด/ อัญชัน น้ำที่ได้จากการเอาข้าวสารเจ้ามาล้างก่อนที่จะนำไปหุง คนในสมัยก่อนจะใช้น้ำที่ได้จากการล้างข้าว ทิ้งให้ตกตระกอน ส่วนน้ำใสๆด้านบนเก็บไว้ล้างหน้า ส่วนที่ข้นที่เหลือด้านล่าง ทิ้งเอาไว้ 3-5 คืน จากนั้นนำไปขยำกับผลมะกรูดล้างสะอาดแล้วต้มให้เดือด ต้มไปนานๆก็จะหอมขึ้น เก็บไว้ใช้สระผมจะทำให้ผมแข็งแรง นอกจากนี้ ในบางภูมิประเทศ ยังใช้น้ำซาวข้าว นำมาต้มกับน้ำดอกอัญชัน นำมาหมักผมไว้ ช่วยให้ผมดกดำ
Rice's rinsing water ( Rice Vitamin )/ Citrus/ Butterfly pea (Used in Rice Vitamin Shampoo, Rice Vitamin & Citrus Shampoo, Rice Vitamin & Butterfly pea Shampoo, Rice Vitamin Hair Conditioner) The water used in rinsing or washing rice before cooking has cool quality and is used as solvent to get rid of toxin, cure heartburn, inflammation, swollen skin and rash. People in the old days used rices rinsing water by leaving it to settle and wash their face with the clear top water. The remaining water is left to stand for 3-5 nights and kneaded with clean kiffir lime fruit. The mixture is then brought to boil and becomes fragrant. The mixture is used for washing hair to strengthen hair. In some regions, the mixture is boiled with butterfly pea juice to darken hair. ลิ้งเอาลงไม่ได้เช่นเคย ถ้าต้องการ link ลองค้นจากคำข้างบนใน google นะคะ
วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ-การขยายจากน้ำซาวข้าว Published June 10th, 2007 in น้ำหมักชีวภาพ. 0 Comments การน้ำหมักชีวภาพที่ฉันทำใช้เองง่ายๆ ได้ประโยชน์
วัสดุที่ใช้ 1. ผัก 3 ก.ก.หรือ 3 ส่วน 2. น้ำตาลทรายแดง 1 ก.ก. 3. น้ำ 8-10 ลิตร อุปกรณ์ - แกลลอนสำหรับบรรจุ - ภาชนะสำหรับล้างผัก - เขียง,มีด วิธีทำ 1. ล้าง หั่นเป็นชิ้น ถ้าใช้มะกรูดก็ใช้ทั้งลูก หั่น ครึ่ง ไปเรื่อยจนได้ 16 ชิ้น 2. บรรจุลงภาชนะแกลลอน 3. น้ำตาลทรายแดงคนกับน้ำก่อนก็จะทำให้ละลายเร็วขึ้น หรือไม่ก็เทใส่ลงแกลลอนเลย 4. เทน้ำใส่ลงไป ใช้พายคนให้เข้ากันดี เทน้ำที่เหลือ ให้มีเนื้อที่เหลือประมาณ 1/5 ของภาชนะ 5. ปิดฝาให้สนิทด้วยพลาสติก วางไว้ในห้องอุณหภูมิปกติ อาจคนบ่อยๆ เมื่อครบ 3 เดือนก็กรองนำมาใช้ได้ หากต้องการให้เป็นเร็วขึ้นให้ใส่น้ำชีวภาพที่หมักเกิน 3 เดือนแล้ว 2 ช้อนแกง ประสบการณ์การใช้ - หากหมักด้วยลูกมะกรูด มะนาว จะทำให้มีกลิ่นหอม ใช้ปรับสภาพกลิ่นอับในห้อง หรือเสื้อผ้าได้ ใช้ผสมน้ำถูพื้น หรือผสมน้ำอาบให้สัตว์เลี้ยงก็ดี ที่โรงเรียนขามสะแกแสง เรากรองมาใส่ในกระบอกฉีด เพื่อขจัดกลิ่นถุงเท้านักเรียน ได้ผลชงัดจริงๆภายในเวลาไม่ถึง1 นาที http://localwisdom.blogrevo.com/
ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนกลับไปเยี่ยมแม่ก็เลยอาสาช่วยแช่ข้าวให้ และด้วยวิธีการที่ตัวเองคิดว่าต้องสะอาดถูกหลักอนามัย จึงถือโอกาสล้างถังแช่ข้าวของแม่จนสะอาดเอี่ยม แล้วจึงนำข้าวเหนียวลงแช่ ปรากฏว่า วันรุ่งขึ้นข้าวเหนียวที่แช่ไว้เมื่อนึ่งสุกแล้วเหมือนกับที่ผู้เขียนซื้อกินที่กรุงเทพฯเลย ไม่นุ่มเหนียวเหมือนข้าวเหนียวที่แม่เคยนึ่ง ก้อเพราะผู้เขียนเทน้ำทิ้งจากถังแช่ข้าว แม่จึงต้องไปขอน้ำเชื้อจากเพื่อนบ้านมาใส่ในถังแช่ข้าวใหม่
ผู้เขียนซึ่งได้คลุกคลีกับจุลินทรีย์มานานฉุกคิดได้ว่า น้ำแช่ข้าวของแม่น่าที่จะมีอะไรดีๆ อยู่นา จึงได้นำน้ำแช่ข้าวของแม่มาทดสอบในห้องทดลอง ก็พบว่า มีจุลินทรีย์สองชนิดอยู่ด้วยกันในน้ำแช่ข้าว ทั้งสองชนิดมีรูปร่างเป็นท่อนเหมือนกัน ตัวหนึ่งตัวอ้วนสั้นสร้างสปอร์และสร้างสารย่อยแป้ง อีกตัวหนึ่งมีรูปร่างเป็นท่อนแต่เรียวและยาวกว่าตัวแรก ตัวนี้เป็นตัวที่เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นกรดและเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมทำนมเปรี้ยว เนยแข็ง หรือทำแหนมนั่นเอง ตัวนี้ล่ะที่สร้างไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์หรือน้ำยาล้างแผลที่แพทย์หรือพยาบาลใช้ล้างแผลผู้ป่วยในโรงพยาบาล
การค้นพบของผู้เขียนครั้งนั้น ทำให้ผู้เขียนถึงบางอ้อว่า ตัวที่ทำให้ข้าวเหนียวมีความนุ่มเหนียวเมื่อถูกความร้อน ก็คือ จุลินทรีย์นี่เอง และก็ทำให้คิดได้อีกเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ว่า น้ำซาวข้าวมีฤทธิ์เป็นน้ำยาล้างแผล เวลาที่ผู้เขียนหกล้มมีแผลเล็กๆ น้อยๆ หรือมีผดผื่นขึ้นตามตัวตามใบหน้า แม่ผู้เขียนเคยใช้น้ำซาวข้าวมาล้างแผลหรือลูบไล้ตามตัว ไม่นานวันแผลก็แห้ง ผดผื่นก็หายไป แม่ไม่ได้อธิบายอะไรนัก แต่ยังบอกว่าให้เอาน้ำซาวข้าวล้างหน้าทุกเช้าเพื่อป้องกันผดผื่นขึ้นตามใบหน้าอีกด้วย http://203.172.204.162/intranet/1031_teachfuture/article9162.html?article_id=14
จากคุณ :
NIIIM
- [
17 ม.ค. 51 10:33:15
]
|
|
|